"การรอคอย" โดย "ศิริรัตน์ ณ พัทลุง"


เมื่อวานที่ผ่านไป สักช่วงบ่ายสองโมงปลาย ๆ ผมเดินอย่างรีบเร่งเพื่อไปทานข้าวมื้อแรกก่อนเข้าสอนบ่ายสามโมงเป็นห้องที่สองที่ต่อเนื่องกัน ณ ร้านกาแฟข้างธนาคารประจำตัวที่มักจะมาอย่างประจำและสม่ำเสมอ เหตุผลนอกเหนือจากน้องคนขายน่ารัก อีกประการคงเป็นความสงบเงียบแบบไม่ต้องพบปะใครให้มากนัก

ระหว่างการรอข้าวและกาแฟนั้น เห็นหนังสือแถมหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ ที่เหมือนผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมา แต่ภายในกลับมาคุณค่าอย่างคาดไม่ถึง ฉบับที่ผมอ่าน คือ "กายใจ" ของกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม 2552 (มีฉบับเดียวนั่นแหละ)

ได้อ่านบทความหนึ่งแล้วรู้สึกอิ่มใจและเข้าใจถึง "การรอคอย" บางสิ่งบางอย่างของชีวิตมนุษย์ที่ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เร่งรัด แต่ทุกอย่างจะมีทางออกเป็นของตัวเองเสมอ

 

ลองอ่านดูนะครับ ;)...

 

 

"การรอคอย"

 

     

เมื่อได้ทราบข่าวของคนที่เคยรู้จัก ผู้มีความเพียบพร้อม มีครอบครัวที่ดี ตัดสินใจจบชีวิตลงอย่างง่ายดาย รู้สึกเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสจะออกจากความทุกข์ได้

เขายอมทิ้งทุกคนที่เขารัก ทิ้งทุกสิ่งที่เขาอุตส่าห์สร้างมาชั่วชีวิตไปเพียงอึดใจเดียว..

 

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าที่นำมาสอนพระอานนท์ ท่านชี้ให้เห็นว่า ธรรมะเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ไม่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย มีแต่เหตุและผลในตัวของมันเองเท่านั้น

พระพุทธเจ้าได้เดินทางไปกับพระอานนท์ไปยังที่หมายแห่งหนึ่ง ท่านรู้สึกกระหายน้ำเป็นอย่างยิ่งจึงขอให้พระอานนท์นำน้ำมาให้ท่านดื่ม พระอานนท์เดินจากไปไม่นาน กลับมากราบทูลพระพุทธเจ้าว่า น้ำในทางเดินที่ผ่านมาขุ่นนัก ขอให้เราเดินต่อไปอีกสักหน่อย ข้างหน้าจะมีลำธารใสที่สามารถดื่มได้..

พระพุทธเจ้าขอร้องให้พระอานนท์เดินกลับไปนำน้ำนั้นมา เพราะท่านกระหายน้ำมาก ไม่สามารถเดินต่อไปได้

พระอานนท์จึงกลับไปที่เดิม พบว่า น้ำได้ตกตะกอนใสแจ๋ว สามารถนำมาถวายพระพุทธเจ้าได้อย่างดี พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนพระอานนท์ว่า หากเราแค่เฝ้ารอ.. เฝ้ามองอย่างนิ่งเงียบ ให้เวลากับเหตุการณ์เหล่านั้นได้จัดการตัวของมันเอง ทุกสิ่งจะกลับสู่ธรรมชาติเดิมของมัน.. ดังเช่นน้ำที่รอเวลาจะตกตะกอนฉันใดก็ฉันนั้น

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเราแต่ละครั้งมักเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราเสมอ แต่หากย้อนกลับไปมองทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เราจะรู้สึกว่า สิ่งที่เราพบเจอ เป็นเรื่องเล็กน้อยเหลือเกิน หากเทียบกับปัญหาใหม่ และจะเป็นอย่างนั้นอยู่เรื่อยไป ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป เราจะไม่รู้สึกทุรนทุรายเช่นเดิมเพราะน้ำขุ่นในใจของเราได้ตกตะกอนอย่างสมบูรณ์ จิตใจที่ผ่องใส สามารถมองทุกเหตุการณ์ได้อย่างสงบนิ่งและเป็นกลาง ใจที่โปร่งเบา จะสามารถหาทางออกได้อย่างง่ายดาย เสมือนว่าทางออกนั้น อยู่ตรงหน้าเราเสมอมา

ยิ่งเราดิ้นรนที่จะออกจากปัญหาอย่างรวดเร็ว อยากให้ความทุกข์หมดไปอย่างที่ใจเราต้องการทันที พยายามแก้ไขเหตุการณ์ด้วยใจที่ไม่ปลอดโปร่ง เหมือนคอยกวนน้ำให้ขุ่นอยู่เสมอ เราจะไม่เห็นสิ่งที่ธรรมชาติพยายามที่จะสื่อสารกับเรา สื่อให้เราเปลี่ยนการกระทำที่ไม่ให้ผลดีกับเรา.. เปลี่ยนความคิดเห็นที่ตีกรอบชีวิตของเราให้แคบลง.. เปลี่ยนแนวทางเดินที่ไม่นำเราไปสู่สิ่งที่ดีกับชีวิตของเรา..

 

หากเมื่อไรที่เราลองให้เวลากับตัวเองได้หยุดพักอย่างสงบ รอให้ความคิดที่วิ่งไปมาหยุดส่งเสียงสั่งให้เราต้องกระโจนออกไปทำบางอย่าง.. เราจะได้ยินเสียงของความจริง.. เสียงของธรรมชาติภายในที่อยู่กับเราตลอดมาจะช่วยให้เราอยู่กับเหตุการณ์นั้นอย่างไม่ทุกข์จนเกินไป ให้เรามองเห็นต้นตอของความเห็นผิดที่ทำให้เราตัดสินใจพลาดในช่วงเวลานั้น เมื่อเข้าใจถึงรากของต้นเหตุที่มักจะมาจากความไม่รู้.. เราจะให้อภัยตัวเอง และตัดสินใจเลือกทางเดินที่เหมาะสมกับชีวิตของเราที่สุดต่อไป..

ใจที่สงบนิ่ง จะช่วยให้เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างกล้าหาญ มีปัญญาที่เฉียบคมกว่าเดิม สามารถเปลี่ยนทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.. ให้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับชีวิตของเราได้อย่างลงตัว..

การยอมรับกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาด้วยใจที่ไม่ต่อต้านจะช่วยให้เราเริ่มต้นใหม่ได้อย่างมีความสุข ทำในสิ่งที่เหมาะกับชีวิตของเรา เพื่อไม่ให้เหตุการณ์นั้น กลับมาเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก การดำเนินชีวิตของเราจะเป็นไปอย่างชาญฉลาดมีอิสระ.. มีความสุขได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด..

 

หากวันนั้นเพื่อนคนนั้นได้รอ.. รอให้ความขุ่น.. ความทุกข์ภายในใจตกตะกอนลง เขาคงไม่ตัดสินใจจบชีวิตลงอย่างง่ายดายเช่นนั้น..

อยากขอให้ทุกคนได้หยุดรอ.. ให้โอกาสกับใจของเราได้พัก.. ได้มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง ได้เข้าใจในความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่มีคำตอบให้กับทุกคำถาม มีทางออกในทุกเหตุการณ์.. เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ภายในตัวของเราเอง ได้มีชีวิตที่ปราศจากความกลัว ไม่หวั่นไหวกับความทุกข์ที่ผ่านมาเข้ามาอีกต่อไป ชีวิตที่เหลือจะเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข ที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง...

 

 

ขอบคุณบทความนี้เหลือเกินที่ทำให้ดวงตามองเห็นธรรมอย่างง่ายดาย

 

หากเราแค่เฝ้ารอ.. เฝ้ามองอย่างนิ่งเงียบ ให้เวลากับเหตุการณ์เหล่านั้นได้จัดการตัวของมันเอง ทุกสิ่งจะกลับสู่ธรรมชาติเดิมของมัน..

 

ว่าแล้วก็ขอยืมน้องผู้น่ารักเพื่อนำมาลงบันทึกเพื่อแบ่งปันความรู้สึกกันครับ

บุญรักษา ทุกท่าน ;)

 

ป.ล. พรุ่งนี้ พี่เอาไปคืนให้นะ อิ อิ

 

หมายเลขบันทึก: 387898เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2010 00:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 23:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (44)

หนังสือที่เหมือนเพิ่งผ่านสงครามโลกครั้งที่สองนี้มีคุณค่าจริงๆเจ้า

อิ อิ วันนี้อย่าลืมคืนพร้อมดอกเบี้ยนะคะ ๕ ๕ ขอบคุณค่ะอ.เสีย;)

สุดปลายทางแห่งการรอคอยย่อมหอมหวานเสมอ...(ยืมเขามาค่ะ.. อิอิ)

แฮะ แฮะ ... เดี๋ยววันนี้เอาไปคืนแล้วครับ

ทานข้าวอีกสักจาน กาแฟสักแก้ว แล้วยิ้มหวานสักครั้ง

ขอบคุณครับ คุณ poo ;)

อิ อิ เพิ่งอ่านอนุทิน คำโปรยบันทึกนี้ แหม ;) ฮาเลย ความรู้สึกช้านะคะ น้ำเกือบท่วมเลย

มาอ่านเรื่องนี้แล้วนึกได้หลายประเด็นเลยค่ะ อย่างแรก เวลาเรารอคอยอะไรบางสิ่งอย่าง อ. เสือว่า ช่วงเวลาระหว่างการรอคอย กับเมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไปแล้ว ช่วงไหนที่มีความสุขที่สุด เอ รึ อาจจะไปตรงกับ คำยืม ของพี่แป๋ม .. เอ รึอาจจะไม่เสมอไป หรืออาจจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัย เงื่อนไขอื่นๆ อีกคะ

แหม คุณ poo ... ก็ทุกข์ได้ทุกระยะล่ะครับ ขึ้นอยู่กับ "ใจ" ของเราเอง ;)

ขอบคุณครับ ;)

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ มาอ่านด้วยค่ะได้ข้อคิดที่ดี การรอคอย คอยถึงไหนนี่ อิอิ ขอบคุณที่แบ่งปัน

ลงเครื่องบ่ายๆเย็นๆเดี๋ยวโทรหาครับ ;)

คอยไปจนหมดลมหายใจกันเลยครับ คุณครู Rinda ;) 555

อ้างอิง คห. ๘ แล้วช่วงระยะที่รอเพื่อน กะได้เจอเพื่อน ช่วงไหนที่อารมณ์สุขสุดๆ ในความรู้สึกอ.เสียนะ ;) ...ชวนเชิญไปชมเพื่อนเก่ากะใหม่ ยิ่งกว่า กวน มึน โอ้โฮ ๕ ค่ะ ;)

ช่วง "กิน" สิครับ คุณ poo อิ อิ อิ่มสุด ๆ

กวน มึน มึน อยู่ ;)

๕ ๖ ฮา คำตอบนี้ ถ้าอีกฝ่ายได้รับรู้คงหมดมู้ดไปเลยนะคะ ๕ ๕ .. ตายแล้ว น้องอวบเพิ่งบอกว่า มีชื่อหนัง กวน มึน โฮ ปูงงเลย คิดว่าชื่อร้าน ๖ ๖ ฮา เกือบปล่อยไก่ เหมือนเพลงเติมใจ เต็มใจ เลย ;)  ... อ. เสือนอนดึก ฝากมองพระจันทร์ฝั่งเหนือว่าเป็นไงบ้างด้วยค่ะ

"กวน มึน โฮ" .. หาเวลาแว่บ ๆ ไปดูนะครับ หัวเราะลั่นโรงแน่ ;)

Confirm and Comment ครับ อิ อิ

พระจันทน์แห่งล้านนา ... ยังคงมีเมฆบังอยู่คร้าบ ;)

ขอบคุณครับ คุณ poo ;)

สวัสดีค่ะ

ยิ่งเราดิ้นรนที่จะออกจากปัญหาอย่างรวดเร็ว พยายามแก้ไขเหตุการณ์ด้วยใจที่ไม่ปลอดโปร่ง เหมือนคอยกวนน้ำให้ขุ่นอยู่เสมอ

เราจะไม่เห็นสิ่งที่ธรรมชาติจะสื่อสารกับเรา....

ใจที่สงบนิ่ง จะช่วยให้เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างกล้าหาญ มีปัญญาเฉียบคมกว่าเดิม....

ครูประถมอยากจะคัดลงสมุดทุกตัวอักษรเลยนะ...เอาไว้สอนผู้ใหญ่ๆให้รู้บ้าง

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆมาฝากค่ะ

ยินดีครับ คุณ KRUDALA ;)...

นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ถือเป็น กุศลกรรม ครับ

สวัสดีค่ะ

     ค่ะตั้งสติแล้ว รอสักนิด คิดยาวๆ ฯ  เป็นบทความที่ช่วยเตือนคนที่ทำอะไรรวดเร็วใจร้อน ตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ ได้ดีมากเลยค่ะ  ขอบคุณมากนะคะ 

             

สวัสดีคะ อาจารย์ ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมพี่สุนะคะ ได้อ่านเรื่องราว ที่อาจารย์นำมาให้อ่านเป็นอุทาหรณ์ได้ ถ้าหากเราใจเย็นสักนิด ใช้สติ ค่อยๆๆคิด พร้อมด้วยเหตุผล แล้วก็ไม่เกิดโสกนาฏกรรมแบบนี้ คอยให้จิตใจสงบลง จะไหวไหม

-ทุกอย่าง ทุกอารมณ์ ความรู้สึก ต้องใช้สติเสมอ สติมา ปัญญาเกิด จริงๆๆ คะ

-ขอบคุณมากนะคะ เตือนสติได้คะ ว่าอย่าตัดสินใจเร็วด่วน ธรรมชาติจะมาบำบัดเราเอง นอกเสียจากว่า เราฝืน คอยไม่ไหว ด่วนเร็วสรุปเอาเอง

-ลักษณะ คงเป็นคนชอบอ่าน ชอบเขียน ถึงมีเรื่องดีดี มาให้กันอ่าน

-ถ้าพี่สุว่าง จะมาอ่านย้อนรอยนะคะ ขอบคุณมากคะ

-หรือว่าอยากให้อ่าน ก็มาเยี่ยมก็แล้วกันคะ จะเยี่ยมคืนคะ

ประโยชน์จากการอ่านสู่ "มวลมิตร" ครับ พี่ สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ ;)

ขอบคุณครับพี่ ;)

ชวนไปชม น้องๆเสือ แฟนอ.เสือ สุขสันต์วันศุกร์นะคะ ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์

อาจารย์คงสบายดี  มีความสุขกับการสอนคนเป็นครูนะคะ  พี่คิมมาแก้ข่าวเรื่อง"ก้าวร้าว" ค่ะ

ตอนแรกพี่คิมเขียนบันทึกมีถ้อยคำก้าวร้าวมากมายค่ะ เช่นข้อความที่มีความหมายว่า "ขอขอบคุณโรงเรียนนี้ ที่ทำให้ต้องลาออก"

ตอนที่อาจารย์เข้าไปอ่านนั้นพี่คิมแก้ไขแล้วค่ะ  ยังมีร่องรอยอยู่บ้าง  ขอขอบพระคุณค่ะ

ขอบคุณครับ พี่ ครูคิม ;)...

อย่างไรก็ยืนยันครับว่า "ไม่ก้าวร้าว" ตรงไหน

เขียนตรงไป ตรงมา อยู่ดี

  • สวัสดีครับ
  • ทุกอย่างมีวิถีทางของมันเอง ครับ
  • ปัญหาบางอย่างยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง บางครั้งต้องปล่อยวางเสียบ้าง เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างก็ดีขึ้นเองครับ เหมือนอารมณ์คนเรา เมื่อเย็นลงอะไรก็ดีขึ้น คิดได้มากขึ้น

ขอบคุณมากครับ คุณ ชำนาญ เขื่อนแก้ว ;)...

ใจเย็น ก็ เย็นใจ นะครับ

แอบมาอ่านหนังสือ "การรอคอย" ด้วยคนค่ะ

   อยากขอให้ทุกคนได้หยุดรอ.. ให้โอกาสกับใจของเราได้พัก.. ได้มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง ได้เข้าใจในความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่มีคำตอบให้กับทุกคำถาม มีทางออกในทุกเหตุการณ์..

 แค่ฟังชื่อหนังสือ ก็ต้องปรับตัว ปรับใจ รอรถไฟหวานเย็น....

                                                              ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ

 

ยินดีและขอบคุณเช่นกันครับ คุณ ครูเอ ที่ยังเข้ามาเป็นกำลังใจให้เสมอ ;)

สวัสดีค่ะท่าน อ. Wasawat Deemarn

แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ

...ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงามรึเปล่าคะ..อิ อิ

ชอบประโยคนี้ค่ะ...ใจที่สงบนิ่ง จะทำให้เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างกล้าหาญ..

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ ค่ะ...^_^

เก็บดอกหญ้ามาฝาก...

ขอบคุณ "ใจนิ่ง ๆ" ของคุณพยาบาล สีตะวัน มาก ๆ ครับ ;)

  • สวัสดีครับอาจารย์
  • ปัญหามีหลายแบบ วิธีแก้ก็แตกต่างกันไปครับ บางปัญหายิ่งแก้ยิ่งยุ่ง สู้รู้จักรอคอย ปล่อยวาง ให้มีสติในการจัดการ ให้เวลาลดความรุ่มร้อนของปัญหา และอารมณ์ ก็จะค่อยๆ คลี่คลายขึ้นครับ

เห็นเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ ท่าน ชำนาญ เขื่อนแก้ว ;)

ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยมเยือนกัน

     สวัสดีค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง

คืนนี้คงจะนอนหลับฝันดี ขอให้ทุกท่านฝันดีเช่นกันนะค่ะ

     ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ฝันดีเช่นกันครับ คุณครู อัญชลินทร์ เจริญแพทย์ ;)

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

การรอคอย ให้ผลที่คุ้มค่าเสมอ ให้เวลาผ่านไป สิ่งที่เราคิดว่าหนักหนาสาหัสในตอนนั้นอาจไม่ใช่แล้ว เวลาสามารถเยียวยาจิตใจได้ระดับหนึ่ง

ขอบคุณบันทึกดีๆที่ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตค่ะ

ขอบคุณ พี่พยาบาล ถาวร มากครับ ;)

การรอคอย ให้ทุกอย่างคลี่คลายด้วยตัวมันเอง

อาจจะเนิ่นนาน เกินไปสำหรับยุคสมัยนี้

แต่การแทรกแซง กระบวนการธรรมชาติด้วยน้ำมือมนุษย์

อาจเกิดผลไม่พึงประสงค์ ได้หลายๆประการ

ช่วงนี้ หลายคนก็กำลังรอ และลุ้นระทึก ให้ประเทศชาติของเราก้าวพ้นวงวนแห่งความมืดมนนะคะ

ยุค "กิโลภิวัฒน์" ไงครับ ท่านอาจารย์ naree suwan ;)

การรอคอยจึงแทบจะสะกดกันไม่เป็น ทำกันไม่ได้

ชอบแบบรวดเร็วทันใจ

ขอบคุณมากครับ ;)

สวัสดีค่ะอ.Wasawat Deemarn

อุปสรรคปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราครั้งหนึ่ง...เราเคยคิดว่ามันหนักหนาที่สุดเลยละ

แต่เมื่อวันเวลาได้ผ่านพ้นไป...และเราสามารถก้ามข้ามผ่านปัญหาต่างๆเหล่านั้นมาได้..

ไม่ว่ามันจะมันจะทุลักทุเลเพียงใด  แต่เมื่อคราวใดที่ได้ย้อนมองกลับไปก็อดยิ้มไม่ได้..

สุดท้ายมันก็ผ่านมาได้นะ...การหยุดรอ...เพื่อให้เวลาตัดการตัวมันเอง...

หากเป็นการหยุดให้รู้เท่าทันใจตนเอง...ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ อ.พี่เสือ...

ยินดีและขอบคุณน้องคุณครู เทียนน้อย มากครับ

ไม่เร่งร้อน ไม่เร่งรีบ รอคอยให้เป็น ;)

มีป้าท่านหนึ่งบอกเราว่า บางที

"ยิ่งรื้อยิ่งร้าย

ยิ่งว่ายยิ่งลึก"

การเฝ้ามองอย่างสงบนิ่ง

น่าจะเป็นทางออกของ

หลายหลายปัญหา

ขอบคุณค่ะ

นิ่ง สงบ และ สงบ นิ่ง

จะทำให้เราจิตนิ่งจริงดั่งท่านว่า

ขอบคุณมากครับ คุณ evergreen ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท