หนานเกียรติ
เกียรติศักดิ์ หนานเกียรติ ม่วงมิตร

ร.พ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช “เปี๋ยนไป๋”


“มิใช่ผู้จัดการเท่านั้นที่ “เปี๋ยนไป๋” โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ “เปี๋ยนไป๋” เหมือนกัน”

ผมจำไม่ได้แล้วว่าได้แสดงอากัปกิริยาอย่างไรออกไปบ้าง

รู้แต่ว่าความวิตกกังวล ความห่วงใย ล้นออกมานอกจิตใจอย่างน่าจะเห็นได้ชัด

เพื่อนผมประสบอุบัติเหตุเป็นตายเท่ากันอยู่ภายในห้องไอซียู ขณะที่ผมกระวนกระวายอยู่หน้าห้องนั้น

ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลคนหนึ่ง ซึ่งผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นแพทย์ พยาบาลหรือคนงานออกมาบอกให้ผมสงบนิ่งด้วยถ้อยคำฉุนเฉียว

ไม่ว่าคนงาน พยาบาล หรือแพทย์ ไม่มีสิทธิจะใช้ถ้อยคำแบบนั้นกับผม

สักพักผมถูกเพื่อนอีกคนดึงตัวออกมาจากที่นั่นเพราะมีทีท่าว่าผมจะทำมิดีมิร้ายกับคนปากพล่อยผู้นั้น

 

หลายปีถัดมา ที่โรงพยาบาลเดียวกัน...

ผมพาพ่อไปหาหมอด้วยพยาธิสภาพไม่ปกติของร่างกาย

ผู้คนแน่นขนัดไปทั่วทั้งบริเวณ

ผมสงสารพ่อจับจิต คนป่วยแทบจะยืนไม่ไหวอย่างพ่อต้องทนยืนรอเรียกเพื่อเข้าไปพบหมอเป็นเวลาแสนนาน

พ่อยืนรอตั้งแต่ก่อนผมจะไปติดต่อเกี่ยวกับบัตร กระทั่งแล้วเสร็จซึ่งใช้เวลาไม่น้อย

ผมมายืนคู่อยู่กับพ่อ โสตประสาทต้องทนกับถ้อยคำของพยาบาลผู้นั้นพูดจากับคนไข้จนอยากจะเดินหนีออกไปเสียให้พ้นรำคาญ แต่เพราะพ่อยืนอยู่ตรงนั้น ผมจึงต้องยืนอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้

เกือบจะเที่ยงพ่อจึงได้พบหมอ จำได้ว่าได้นั่งยังมิทันจะหายเมื่อย ผมกับพ่อก็ออกจากห้องมาพร้อมใบสั่งยา

ดังที่เคยได้รับเมื่อมาตรวจรักษาคราวที่แล้ว แต่อาการไม่ได้ดีขึ้น

วันรุ่งขึ้นผมขับรถพาพ่อไปหาหมอที่ ร.พ.มหาราช จ.เชียงใหม่ ตามคำแนะนำของเพื่อนรุ่นน้องซึ่งเป็นแพทย์อยู่ที่นั่น

 

ในวงอาหารเย็นค่ำวันหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว

หลังจากการเรียนรู้เรื่องราวดี ๆ จากโรงพยาบาลพิจิตร

ผมเปรยกับในวงว่า

“ทำอย่างไรนะ โรงพยาบาลที่บ้านผมจึงจะเป็นอย่างที่โรงพยาบาลพิจิตรบ้าง ?”

ไม่มีคำตอบและคำแนะนำใด ๆ จากในวง

และในวงอาหารเย็นของค่ำอีกวันหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากการเรียนรู้เรื่องราวดี ๆ จากโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี

ผมไม่ได้เปรยกับใครในวง แต่ในใจก็ครุ่นคิดว่า

“ทำอย่างไรนะ โรงพยาบาลที่บ้านผมจึงจะเป็นอย่างที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชบ้าง ?”

 

เมื่อวานนี้เอง ผมพบตัวห้อรถปิคอัพคู่ใจ บึ่งจากบ้านที่ดอยมูเซอมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อส่งช่างก่อสร้างที่มาก่อสร้างที่พักไปเข้ารับการรักษา

สายวันนั้นขณะที่ช่างกำลังใสปรับหน้าไม้เพื่อขึ้นประกอบโครงหลังคา จู่ ๆ ก็วูบล้มลง หน้าตาซีดเผือด เนื้อตัวเย็นเฉียบ เพื่อนคนงานช่วยกันหามขึ้นมานอนพักบนบ้าน

พ่อผมกุลีกุจอช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ชงยาลมให้ดื่ม หาผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ส่วนผมงุ่นง่านทำอะไรไม่ถูกเดินไปเดินมาอยู่แถวนั้น เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีอาการก็ไม่ดีขึ้น พ่อบอกให้รีบไปส่งโรงพยาบาล

ผมจอดรถที่บริเวณหน้าอาคารประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล ทันทีที่รถจอดเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็รี่เข้ามาหาและถามไถ่ว่าเป็นอะไรมา และได้ให้คำแนะนำให้ขับรถตรงไปอีกอาคารหนึ่งหลังจากผมตอบคำถาม

ยามเป่านกหวีดไล่รถคันที่ขวางทางอยู่ไห้หลบรถผม ขณะที่จะเข้าเทียบที่หน้าห้องฉุกเฉิน สักพักเจ้าหน้าที่ก็เข็นเปลมารับช่างที่นอนสติไม่สมประดีอยู่บนเบาะหน้ารถคู่กับผม

ผมขับรถวนไปจอดหน้าโรงพยาบาลแล้วรีบตามเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน ได้รับคำแนะนำให้ไปติดต่อที่ประชาสัมพันธ์เพื่อทำบัตร โดยได้รับบัตรทองของคนไข้จากพยาบาล

ผมใช้เวลาติดต่อเพื่อจัดการเรื่องบัตร รวมทั้งการตรวจสิทธิ์คนไข้ ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง ๑๐ นาที ผมเริ่มแปลกใจกับความรวดเร็ดที่ได้รับ เพราะก่อนหน้านั้นทำใจแล้วว่าคงต้องใช้เวลานานแน่ ๆ

ในระหว่างที่ผมรออยู่นั้น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่านหนึ่งพยายามพูดจาทำความเข้าใจอะไรสักอย่างกับญาติคนไข้ที่มาติดต่อเกี่ยวกับสิทธิการรักษา ญาติคนไข้รายนั้นแสดงอาการฉุนเฉียว พูดจาค่อนไปทางขวานผ่าซาก แต่ผมก็ยังเห็นเจ้าหน้าที่คนนั้นใจเย็นพูดจาด้วยความนิ่มนวลอย่างใจเย็น

ยังมิทันที่การสนทนาจะจบลง ธุรกรรมของผมก็เสร็จสิ้น ผมเดินต่อไปที่ห้องฉุกเฉินตามคำแนะนำ

ผมได้รับการต้อนรับและการปฏิบัติที่ดีมาก ๆ จากแพทย์หญิงคนนั้นในห้องฉุกเฉิน ได้รับข้อมูลการเจ็บป่วยของคนไข้ รวมทั้งแนวทางการรักษาที่จะดำเนินต่อไปแม้ในระยะสั้น ๆ เพราะต้องรอดูอาการ

สักพักญาติคนไข้ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ธุระของผมก็สิ้นสุดลง

ผมออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยความรู้สึกที่ดีมาก ๆ จากการปฏิบัติต่อคนไข้ ญาติคนไข้ของบรรดาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ตั้งแต่ยาม เจ้าหน้าที่เปล พยาบาลรวมไปถึงแพทย์ที่ทำการตรวจรักษา

ผมคิดในใจเล่น ๆ

“มิใช่ผู้จัดการเท่านั้นที่ “เปี๋ยนไป๋” โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ “เปี๋ยนไป๋” เหมือนกัน”

 

ผมขับรถกลับบ้าน พลันนึกถึงคำสนทนาทางโทรศัพท์กับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นพยาบาลทำหน้าที่ด้านบริหารอยู่ในโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เปรยให้ฟังว่าผมกลับมาอยู่บ้านแล้ว ในใจตอนนี้อยากทำงานให้บ้านเกิดสักสองเรื่อง เรื่องแรกคือเรื่องการศึกษา และเรื่องที่สองคือเรื่องสุขภาพ

ในเรื่องสุขภาพผมอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับโรงพยาบาล ผมบอกไปอย่างนั้น

เพราะคุยกันทางโทรศัพท์ จึงคุยอะไรได้ไม่มากไปกว่าการบอกความตั้งใจของผม

 

แรงบันดาลใจจากการเข้าไปมีส่วนร่วมในการถอดบทเรียนโรงพยาบาลในโครงการ SHA ของ สรพ. คือ การนำความรู้กลับมาขับเคลื่อนงานที่บ้านเกิด

บอกตามตรงอย่างที่บอกไป ผมอยากเป็นส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ หนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้โรงพยาบาลเป็นสถานพยาบาลที่มีคุณภาพดูแลประชาชนญาติพี่น้องผมในจังหวัดตากครับ

หมายเลขบันทึก: 338274เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2010 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 23:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีครับคุณหนานเกียรติ

ทุกวันนี้โรงพยาบาลให้บริการดีขึ้นมาก คนที่บ่นที่ด่า ในอดีตเขาเอาไปทำงานอย่างอื่นแล้ว

คนรุ่นใหม่มาทำงานด้วยจิตวิญญาณ ประกอบกับผู้ใช้บริการกล้าที่จะพูดคุยถึงคุณภาพการบริการครับ การร้องเรียน

ของผู้รับบริการมีผลมากกับเจ้าหน้าที่

งานที่ละเอียดอ่อนต่อความเป็นมนุษย์

อ่อนโยนต่อชีวิต อ่อนน้อมต่อธรรมชาติ

อ่อนไหวต่อความทุกข์ของผู้คน......

พี่ว่า คำนี้เหมาะไหม กับการบริการด้วยหัวใจ ค่ะ

สวัสดีค่ะ

หนูก็เคยถูกนางพยาบาลด่ตะคอกใส่เสียงไม่น่าฟังค่ะ

หนูมีบันทึกใหม่ค่ะ บันทึกของหนูมีเรื่องดี ๆที่น่าภูมิใจค่ะ

มาตรฐานบริการ พนักงานเปล " รวดเร็ว ปลอดภัย ถูกที่ ถูกใจ"คือการบริการที่เปลี่ยนไป สู่คุณภาพครับ

โรงพยาบาลไหนไม่คิดเปลี่ยน จะถูกชาวบ้านเปลี่ยน โรงพยาบาล

ถึงยุคที่มีการพัฒนาแล้วมั้งคะ

ทุกแห่งจึงปรับและเปี๊ยนไป๋

..วันนี้ลูกชายพี่ไปค่ายลูกเสือ..แง แง

<div align="center"><embed src="http://widget.sanook.com/swf/sticker_player.swf" flashvars="xmlPath=http://widget.sanook.com/sticker-diy/sticker_XML.php?ODY5Njcz" width="280" height="350" bgcolor="#594E53"></embed><br><br><a href="http://widget.sanook.com/sticker-diy/">[สร้างสติ๊กเกอร์ง่ายๆ ด้วยตัวเอง คลิกเลย!]</a></div>

มาอ่านความเปลี่ยนไปของโรงพยาบาลยิ่งถ้าเข้ามาตรฐานISOแล้วเยี่ยมค่ะ

เห็นใจทั้ง คนป่วย คุณหมอ และคุณพยาบาลนะคะ

ทุกวงการ คงไม่มีข้อยกเว้นใดที่จะระบุได้อย่างชัดเจนว่า สถานที่ทำงานตามอาชีพของเรา  ทุกคนล้วนเป็นคนดี มีคุณภาพ   ดังนั้นหากจะต้องเจอกับสภาพเลวร้ายในด้านลบบ้าง  คนไทยคงต้องอดทน  จนกว่าจะหาช่องทางกระทำการใด ๆ ที่ให้สถานการณ์นั้นดีกว่าเดิม 

ยินดีด้วยนะครับที่ หนานเกียรติ จะมีโอกาสนำภูมิรู้ + ประสบการณ์ ไปใช้ใน รพ.แห่งนี้

นั่นสินะอ.เกียรติ

หมอตกข่าวอย่างแรง

เค้าผ่าน HA กันแล้ววว

แบบเฉียดฉิว..

แบบหายใจรดต้นคอ 55+

  • ยินดีกับคนจังหวัดตากและคน รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินด้วยค่ะ คุณมีเพ็ชรอยู่ในมือแล้ว...
  • "..ผมอยากเป็นส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ หนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้โรงพยาบาลเป็นสถานพยาบาลที่มีคุณภาพดูแลประชาชนญาติพี่น้องผมในจังหวัดตากครับ"...สุดยอดเลยค่ะ อ. หนานเกียรติ  ..คนสุพรรณบุรีก็ยินดีต้อนรับอาจารย์มาเป็นคนบ้านเดียวกันนะคะ

จะเปลื่อนยังไงก็ยังเหมือนเดิมแหละ...

หมอ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ ร.พ. บางคน ทำงานกันแบบไม่เต็มใจ พูดจาก็ไม่ให้เกียจติชาวบ้านก็มี ถ้าไม่อยากทำพวกคุณจะมาทำอาชีพนี้ทำไม เสียแรงที่เรียนมาก็สูง ความรู้ก็มีท่วมหัว แต่กลับไม่ใส่ใจ ทำไมไม่นึกถึงตอนเรียนมั่ง กว่าจะสอบเป็นแพทย์ได้ ไหนจะต้องรรำเรียนต่างๆนาๆ สุดที่จะบรรยาย กับอี่แค่ชาวบ้านมาหาหมอเพื่อขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพ แทบจะกราบเสียซะให้ได้ คิดว่าการให้ ร.พ. มีบริการที่ดีขึ้ง จะได้ลบภาพแย่ออกไปได้หรอ ก็อาจเป็นไปได้ แต่สำหรับบางคนนั้นคงทำได้ยาก ทำไมไม่คิดในทางกลับกันบ้างล่ะ ว่าถ้าคุณไม่ใช่หมอ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ ร.พ. คุณต้องการบริการแบบไหน เอาใจเค้ามาใส่ใจเราบางซิ

รปภ.โรงพยาบาลนี้ ทำงานไม่มีวันหยุด แบบนี้

ผิดกฏหมายแรงงานมั้ยค่ะ? จริงๆน่าจะให้หยุดสัปดาห์ล่ะครั้ง ตามกฎหมายแรงงาน

พนักงานรักษาความปลอดภัยที่นี่ ทำงานหนักมาก ปกติ สัปดาห์หนึ่งจะมีวันหยุด1วัน ใช่มั้ย? ตามกฏตามกฎหมายแรงงาน แต่ไม่ได้หยุดเลย ทำไมไม่จ้างเพิ่ม หรือให้หยุดสัปดาห์ล่ะวัน ทำแบบนี้ก็ตายสิคนน่ะ ฝากถึง ผอ. โรงพยาบาลนี้ด้วย ด้วยความเคารพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท