เมื่อวันเสาร์ 27 พฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปร่วมงาน รำลึก ๑๐๐ ปี ชาตกาลพุทธทาสในพุทธมณฑลสถาน ได้ฟังอาจารย์หมอประเวศ วะสี บรรยายพิเศษ แบบเจียรนัยและชวนซาบซึ้งแก่นสารัตถะ ในความเป็นพุทธทาส และการร่วมกันอภิปรายของอาจารย์ไพบูลย์วัฒนศิริธรรม ท่านอาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก ท่านพระราชธรรมวาที หรือ พระพยอม กัลยาโน และคุณหมอบัญชา พงศ์พาณิชย์ รวมทั้งการร่วมกันกล่าวสุนทรพจน์ ของผู้นำศาสนาต่างๆ 4 ศาสนา หมอบัญชานั้น มีบทกวีบทสุดท้ายของท่านพุทธทาส มาอ่านให้เวทีได้ฟังอีกด้วย
กลับมาก็นำหลายๆอย่างมานั่งทบทวนเพื่อหาความซาบซึ้ง และอยู่กับภาพความงดงามของนาฏการทางธรรมปัญญาที่ได้ไปร่วมให้มากที่สุด แล้วก็แปลก เมื่อวานกระทั่งเช้าวันนี้ พอนึกถึง ก็พลอยนึกถึงปราชญ์ของสังคมไทยขึ้นมาด้วย มานั่งใคร่ครญดูว่าทำไม จึงเป็นอย่างนั้น ก็พบว่า มีบางแง่มุม ที่มีนัยประหวัด เชื่อมโยงให้รำลึกถึงด้วยความเคารพยิ่ง
-
ผมนึกถึงปราชญ์ซึ่งเป็นมิตรแท้ต่อกัน เสฐียรโกเศศ-ตรี-นาคะประทีป ซึ่งเป็นความผูกพันที่งดงามเป็นที่สุดสำหรับผม ท่านตกลงกันว่าจะเขียนหนังสือและทำงานทางปัญญาให้เป็นมรดกแก่สังคม และต่างจะใส่ชื่อของกันและกัน ให้เป็นอนุสรณ์ในปณิธานและความเคารพรักใคร่ซึ่งกันและกัน มานั่งทบทวนดูว่า เวลานึกถึงพุทธทาสแล้ว ทำไมถึงได้ผุด เสฐียรโกเศศ-ตรี-นาคะประทีป ขึ้นมาในความคิดคำนึงด้วย ก็ต้องร้องอ๋อในใจ อาจจะเป็นเพราะเวลาผมนึกถึงพุทธทาส ก็มักจะนึกถึง-ท่านปัญญานันทภิกขุ และท่านพยอมกัลยาโณ รวมทั้งปณิธานของท่านที่ก่อเกิดสวนโมกข์ วัดชลประทาน วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ และวัดสวนแก้ว ซึ่งท่านพากันทำแบบเป็นอนุสรณ์ทางปัญญา ฝากไว้ในโลก ร่วมสมัยกัน
-
ผมนึกถึงท่านกรุณา-เรื่องอุไร กุศลาศัย คงเป็นเพราะพลังปัญญาอันกรุณา และความเป็นเพื่อนชีวิตร่วมสร้างสาทางปัญญามากมายไว้ในสังคมไทย เช่นกัน
มีความสุขและได้พลังชีวิตมากเลย ขอคารระวะทุกท่านและทุกสิ่ง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ใน ศิลปะและสื่อเพื่อการพัฒนา
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก