ผมเคยเขียนบันทึกไว้เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ว่าอยากนำ KM ไปสวมในงานวันเกษตรกร ซึ่งปีต่อไปก็น่าจะประมาณเดือนพฤษภาคม 2550 (ลิงค์) ในขณะที่เขียนนั้นผมยังไม่ทราบรายละเอียดว่าในปี 2550 ในที่ประชุมของจังหวัดได้ตกลงให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเป็นแม่งาน (อย่างงชื่อนะครับหน่วยงานนี้สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวง)
ในช่วงนั้นผมก็เลยปรึกษากับเพื่อนๆ ว่าน่าจะทำได้ โดยใช้งานวิสาหกิจชุมชนเป็นแกนหลัก แล้วนำกลุ่มอาชีพภายใต้วิสาหกิจชุมชนนั้นๆ ได้มีโอกาสหรือเวทีจะนำความรู้ซึ่งได้จากการปฏิบัติมานำเสนอเพื่อ ลปรร.กัน เน้นความรู้ที่มีอยู่แล้วของเกษตรกรมาเผยแพร่ ไม่เน้นความรู้จากภาคราชการหรือนักวิชาการ เพราะเราทำกันมานับสิบปีแล้วเกษตรกรก็ยังจนกันอยู่เหมือนเดิม
แต่วันนี้ (1 มิ.ย.49) มีการประชุมคณะทำงาน ซึ่งคุณกิติกานต์ และหัวหน้ากลุ่มงานไปเข้าร่วมประชุม ก่อนไปผมก็ได้หารือกับคุณกิติกานต์แล้วว่า หากพอจะมีเวลาในกิจกรรมของวันงาน ผมขอเสนอให้จัดเวทีเสวนาของเกษตรกร ซึ่งขณะนี้เรากำลังทำการสร้างนักวิจัยชาวบ้าน(พืชปลอดภัย) และบางพื้นที่มีของดีที่เกษตรกรได้สร้างองค์ความรู้ขึ้นมาใช้ในการประกอบอาชีพอยู่มากมาย เกษตรกรจะได้มา ลปรร.กับเกษตรกรด้วยกันเอง ฯลฯ ซึ่งคุณกิติกานต์ก็รับแนวคิดนี้ไป
ช่วงเย็นผมได้รับคำตอบจากการเข้าร่วมประชุมของคุณกิติกานต์ว่า
-
ที่ประชุมไม่เห็นด้วยที่จะให้ชาวบ้านมานำเสนอผลงาน/ผลการวิจัย หรือจัดเวที ลปรร.โดยชาวบ้านหรือเกษตรกร
-
งานที่จัดต้องให้เหมือนกับงานวันเกษตรแห่งชาติ
-
ต้องจัดเวทีโดยเชิญนักวิชาการที่มีชื่อเสียงที่สุดมาร่วมบรรยาย
-
สรุปแล้วเกษตรจังหวัดรับในส่วนของการประกวดพืช
-
ส่วนการจัดเวทีที่จะเชิญนักวิชาการที่มีชื่อเสียงก็กำหนดไว้ 2 พืช คือ กล้วยไข่ และส้มเขียวหวาน
-
กล้วยไข่ ให้เชิญ ดร.เบญจมาศ และส้มเขียวหวานให้เชิญ ดร.ระวี จาก มก.
-
ฯลฯ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม จึงขอนำเสนอเท่าที่ฟังมาครับ
ที่อาจารย์หมอวิจารณ์ บอกว่าหากนำ Km มาสวมในวันงานเกษตรกรที่กำแพงเพชร ให้แจ้งแต่เนิ่นๆ จะได้ส่งคนไปจับภาพ คงไม่เป็นไปในแนวทางที่ว่าแล้วละครับ (เฉพาะงานวันเกษตรกรปี 50 )
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาครับ ยังมีเวลาอีกเยอะ เราคงต้องหาเวทีกันจนได้ เพื่อที่จะได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้มา ลปรร. มานำเสนอองค์ความรู้ของชาวบ้าน หรือจัดเวทีเพื่อให้เกิดเครือข่ายที่แท้จริงของชาวบ้านหรือของเกษตรกร และในอนาคตต่อไป กิจกรรมเหล่านี้ก็จะเป็นของเกษตรกรในจังหวัดกำแพงเพชร ไม่ใช่เป็นงานของข้าราชการ (จึงจะเรียกว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน)
ที่บันทึกมานี้ไม่ได้มีเจตนาจะว่าใครถูกใครผิดนะครับเป็นเพียงบันทึกเรื่องเล่า จะทำอย่างไรก็ดีทั้งนั้น แต่ผมอยากบันทึกต่อท้ายนี้ไว้เพื่อเป็นเครื่องยืนยันไว้ว่า งานที่เราทำนั้นส่วนใหญ่เราเราไม่ได้กำหนดเอง(กำหนดเองไม่ได้) และพวกเราก็ไม่ได้มีมุมมองที่ว่าชาวบ้านยัง โง่ จน เจ็บ เลย..นะจะบอกให้
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
วีรยุทธ สมป่าสัก