ท่านเชื่อหรือไม่?? เหตุที่คนเราเกิดความขัดแย้งกัน ส่วนใหญ่มาจากความคิดเห็นต่างกัน ... ในความคิดเห็นต่างนั้น ส่วนใหญ่เกิดจาก "ความคิดเชิงนามธรรม" ... หากดิฉันจะกล่าวว่า "ความคิดเห็นเชิงนามธรรม ... นำมาสู่ความขัดแย้ง" ... ท่านคิดว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด?? และอย่างไร?? ... ทั้งนี้ ก่อนที่ท่านจะคัดค้านหรือเห็นด้วยหรือจะแสดงเหตุผลประกอบในแบบฉบับของท่านนั้น ดิฉัน ขอแลกเปลี่ยนความคิดไว้ในเบื้องต้น ดังนี้
ความคิดที่เป็นรูปธรรม เป็นกระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ ตั้งอยู่บนหลักของความเป็นเหตุเป็นผล พิสูจน์ได้ ตามแนวคิดของ จอห์น ดิวอี้ (John Dewey) เสนอไว้ 5 ขั้น คือ 1) การกำหนดปัญหา 2) การตั้งสมมติฐาน 3) การทดสอบสมมติฐาน 4) การวิเคราะห์ข้อมูล และ 5) การสรุปผล ว่าเหมือนหรือต่างกับสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ดิฉัน ไม่ขอเจาะลึกรายละเอียดเนื้อหาดังกล่าว ขอสรุปเพียงว่า "ความคิดที่เป็นรูปธรรม เป็นการค้นหาคำตอบของปัญหา อย่างเป็นลำดับขั้นต่อเนื่อง จากจุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้าย กระทั่งได้คำตอบของปัญหานั้น ๆ" ... ส่วนความคิดเชิงนามธรรมนั้น เป็นความคิดที่ไม่มีขั้นตอนอย่างวิทยาศาสตร์ สิ่งต่าง ๆ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ อาศัยเพียงการเปิดรับ ซึ่งดิฉันได้บันทึกไว้ใน เมื่อไม่เปิดรับ ... ก็ไม่มีทางเข้าถึง ความคิดเชิงนามธรรม จึงอาศัยเพียงความเชื่อความเข้าใจในแบบฉบับของตนเป็นที่ตั้ง ดังนั้น หากตนเองคิดว่าใช่ จริง ถูกต้องแล้ว นั่นก็ถือว่าตนได้คำตอบแล้ว เพราะการคิดเชิงนามธรรมใช้เพียงความคิดของตนเป็นเกณฑ์ในการตัดสินให้ค่า และคำตอบในเชิงนามธรรมก็ไม่มีถูกผิด
ในวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยการติดต่อสื่อสาร มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน หากกระบวนการคิดของมนุษย์ไม่ได้ผ่านกระบวนการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ตามแนวทางวิทยาศาสตร์แล้ว การติดต่อสื่อสารนั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันได้ กล่าวคือในการติดต่อสื่อสารใด ๆ ก็ตาม หากเราใช้ความคิดเชิงนามธรรมพูดคุยตอบโต้กันแล้ว การสื่อสารนั้น อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน มากกว่าเห็นด้วยหรือคล้อยตามกัน นั่นก็เพราะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นย่อมขึ้นอยู่กับตนเองเป็นที่ตั้ง เขาและเรา จึงพูดคุยตอบโต้ เพื่อเอาชนะกันบนฐานคิดที่เน้นตนเองเป็นที่ตั้ง ... แต่หากการติดต่อสื่อสารใด ที่ใช้ความคิดเชิงรูปธรรมหรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตอบโต้กันแล้ว เขาและเรา ย่อมได้คำตอบที่ตรงกันบนหลักการคิดไตร่ตรองเชิงวิทยาศาสตร์ เมื่อได้คำตอบตรงกันแล้ว การโต้ตอบพูดคุยนั้น จึงเต็มไปด้วยความเข้าใจที่ตั้งอยู่บนฐานคิดหลักเหตุผลเดียวกัน
ประเด็นดังกล่าวข้างต้น ดิฉัน มิได้ให้ค่าหรือตัดสินว่า "ความคิดในรูปแบบใดจะดีกว่ากัน" ... เพราะสำหรับดิฉันแล้ว ทั้งความคิดเชิงรูปธรรม และนามธรรมต่างก็มีจุดเด่น เช่น "วิสัยทัศน์" ซึ่งอยู่ในรูปนามธรรมนั้น เป็นสิ่งที่มนุษย์พึงพัฒนาให้เกิดขึ้นแก่ตน เพราะเมื่อเรามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลแล้ว เราย่อมพัฒนาตนเองให้ก้าวไปข้างหน้า และผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไปได้ ... อย่างไรก็ตาม ในสภาพสังคมปัจจุบัน ความคิดเชิงนามธรรม และรูปธรรม ก็ยังคงสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ... หรือท่านคิดเห็นอย่างไร??
อ่านประวัติของจอห์น
ดิวอี้ (John Dewey) >>
วิกิพีเดีย
ภาพจาก Internet
1 และ Internet
2
ด้วยความเคารพ ครับ
สวัสดีค่ะ...น้องโอ๋
ทั้งสองรูปแบบยังอาศัยการสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ค่ะ
เห็นด้วยค่ะ
ความคิดตามทฤษฎีมีหลายรูปแบบนะคะ
สวัสดีครับ
น่าจะแยกเป็น 2 มิตินะ (สำหรับประเด็นที่กล่าวมา)
1. สาระ(Content) ของการคิด นามธรรม รูปธรรม ดังที่คุณยกมา มิตินี้น่าจะไม่ส่งผลต่อความขัดแย้งมากนัก (อันนี้คิดเอานะ ไม่มี งานวิจัยอ้างอิง) ส่วนที่ส่งผลต่อความขัดแย้ง มากที่สุด น่าจะเป็นข้อ 2
2. วิธีคิด คิดคนแบบ แม้จะเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมก็เหอะ เห็นทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน
....เดี๋ยวค่อยมาคอมเม้นท์เพิ่มครับ มีเวลาแป๊บๆ
สวัสดีค่ะอาจารย์
"วิธีคิด...ผิดกันเลิกปันพวก
คิดผนวกบวกไว้ใฝ่สมาน
เป็นอีกด้านพานพบ...ที่ครบมุม"
ความผิดแผกแตกต่างบางประการ
มาหาแล้วค่ะ มาดึกนะ ด้วยความคิดถึงค่ะ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
หวัดดีค่ะ พี่ vij ..ความคิดเชิงนามธรรม นำไปสู่ความขัดแย้งได้จริง ๆ ค่ะ.. และหากการติดต่อสื่อสารใด ที่ใช้ความคิดเชิงรูปธรรมหรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตอบโต้กันแล้ว เขาและเรา ย่อมได้คำตอบที่ตรงกันบนหลักการคิดไตร่ตรองเชิงวิทยาศาสตร์ เมื่อได้คำตอบตรงกันแล้ว การโต้ตอบพูดคุยนั้น จึงเต็มไปด้วยความเข้าใจที่ตั้งอยู่บนฐานคิดหลักเหตุผลเดียวกันค่ะ ..(ขออนุญาตยกมานะคะ)
ผมมองว่าความคิดทั้งสองรูปแบบย่อมนำมาสู่ความขัดแย้งได้นะครับ อาจจะแตกต่างกันตรงที่ระดับของความมากน้อยครับ...
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือมุมมองที่มีต่อความขัดแย้งนะครับ หากเรามองมันอย่างสร้างสรรค์ เราย่อมใช้มันเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ได้ครับผม...
การคิด แบบนามธรรม จะก่อให้เกิดปัญหา่ความขัดแย้งหรือไม่ นั้น ขึ้น ของกรอบ
แนวคิด หรือวิธีวิทยาในการพิสูจน์ความจริง วิธีวิทยา ในการพิสูจน์ ความจริงใน
ข้อนี้ สามารถจำแนกได้หลายแนวทาง ผมขอยกตัวอย่าง 3 แนวทางได้แก่ 1 วิธี
เชิงปริมาณ 2 วิธีเชิงคุณภาพ 3 วิธีคิดแบบ post modern วิธีเชิงปริมาณ การคิด
แบบ เชิงปริมาณ จะคิด คำนวณ โดยมีการนิยามต่างๆ ใน ตัวแปร ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง
หมด แล้ว นำ มากำหนด ความสัมพันธ์ของตัวแปร โดยมัการพิสูจน์ด้วยแบบ
จำลองทางคณิตศาสตร์ วิธีนี้ ค่อนข้างตรงไป ตรงมา แต่ก็อาจเกิดความลำเอียง
ในการกำหนดตัวแปร และความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์บ้าง วิธีเชิงคุณภาพ จะ
เลือกเคส ที่มี ความอิ่มตัวของข้อมูล มา วิเคราะห์ ข้อมูล ตามวิธีวิทยาที่เลือกใช้
และเลือกเอา แนวคิด ทษฎี ต่างๆ มาอธิบาย สนับสนุน สิ่งที่เกิดขึ้น วิธีแบบ post
modern จะมีการถกเถียง หาที่มา ของแนวคิดต่างๆ วิพากษ์ ที่มา วิธีคิด โดยไม่
เน้นถูกผิด จะเห็นว่า วิธี ทั้งสามแบบ สามารถ ก่อให้เกิด ความขัดแย้งได้ ไม่มาก
ก็น้อย แต่ถ้า ยึก หลักธรรม แล้ว ปล่อย โดยให้ หลักการ สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง ไม่
ควร ยึดมั่น ถือ มั่น ถ้าคิดแบบนี้ ความขัดแย้ง จริงๆ ย่อมไม่มีครับ
อรุณสวัสดิ์ตื่นได้แล้วค่ะ สาวสวยฮ่าๆๆๆ วันนี้หนุ่ย(ชื่อเล่นจริงๆของ Ninaค่ะ)นั้นมีภาระกิจรับคำสั่งไปคุมสอบต่างโรงเรียนเลยตื่นแต่เช้ามานั่งอ่านคู่มือคุมสอบทักษะคณิตศาสตร์และการอ่าน คิดถึงเลยแวะมาทักทายค่ะ
ขัดแย้งที่ความคิด ไม่ผิด เพราะคิดได้ต่างกัน
ความคิด ปรับเปลี่ยนได้ด้วยทัศนคติ
...
นามธรรม หากทำได้ในรูปธรรม ความคิดตามจะเห็นผล
ยังไงเสียทั้งสองก็ต้องอาศัยกันขอรับอาจารย์
เห็นด้วยครับ ความคิดนามธรรมนำไปสู่การขัดแย้ง
ที่เห็นด้วย ตอบจากประสบการณ์จริงครับ ที่ผ่านมา การขัดแบ้งมักจะเกิดจากความคิดนามธรรม ครับ
อาจเป็นไปได้ว่า นามธรรม คือ ความคิดเห็น แต่รูปธรรม คือ ข้อมูล
สวัสดีค่ะ
นามธรรมมักมีความขัดแย้ง เพราะหาข้อพิสูจน์ที่เป็นตัวเป็นๆมาให้เห็นไม่ได้ และเปลี่ยนแปรไปตามความเชื่อในสังคม
เช่นความเชื่อทางศาสนา ทุกศาสนามีบทบัญญัติให้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
แต่ถ้ามาถกกันว่าพระเจ้าของฉันดีที่สุด
คงได้ตีกันตายค่ะ
ในความเห็นส่วนตัว...ความคิดเชิงนามธรรม เป็นกรอบเเนวทางหรือความเชื่อเชิงปรัชญาที่จะเป็นจุดตั้งต้นในการตั้งคำถาม เพื่อหาคำตอบ หรือความจริง ดังนั้นการที่เราจะค้นหาคำตอบที่เป็นจริงต้องใช้กระบวนการคิดเชิงวิทยาศาสตร์หรือความคิดเชิงรูปธรรมเพื่อค้นหาความรู้ ความจริง นั้นๆ ในสมัยโบราณมนุษย์เองก็มีการใช้ความคิดเชิงนามธรรมในการอธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติหรือปรากฎการณ์ทางสังคม มาก่อน นักคิดนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย หรือกูรูที่สนใจจะหาคำอธิบาย ความเชื่อหรือนามธรรมนั้นก็มีหน้าที่ในการค้นหาความรู้ความจริงมาอธิบาย พิสูจน์สิ่งที่เป็นนามธรรมเหล่านั้น...
สวัสดี ครับ
ขัดใจ ขัดแย้ง
ขจัดออกจากใจ
ขัดออกกด้วยใจ ขัดออกด้วยธรรม ทำใจ สบายใจ ครับ
คิดแบบนามธรรม
แต่ต้องถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรม
จะคิดอย่างไรก็..ต้องรีบ..ทำ
ไม่งั้นไม่สำเร็จหรอก..
มาหาแล้วจ้า รู้สึกเหนื่อยนั่นเป็นเพราะ ลุ้นเอาใจช่วยนักเรียน ม.3ที่ดิฉันไปคุมการอ่านบางคนก็อ่านซะคล่องเลยคนอ่านไม่ได้ก็ลุ้นไม่อยากให้นาฬิกาจับเวลาถึงเวลา 2 นาทีเลย ทุกครั้งที่ต้องพูดคำว่า หมดเวลาหยุดอ่านค่ะ เห็นหน้าเด็กแล้วรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ถ้าสามารถต่อเวลาให้ได้จะเพิ่มให้อีกเยอะฮ่าๆๆๆ แต่การสอบก็คือการสอบค่ะ เด็กๆจะได้ประสบการณ์ไปพัฒนาการอ่านต่อไป
เขียนซะยาวเลย สรุปว่าคิดถึงมากๆเลย คืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณVij
เห็นด้วยค่ะ
ความขัดแย้งของผู้คนส่วนใหญ่
เกิดจากความคิดเห็นที่ต่างกัน
ขอบคุณค่ะ^^
เห็นด้วยเช่นกันค่ะ
มาชวนไปเที่ยวปายกันค่ะ
สวัสดีครับน้อง vij ตามมาดูความคิด ในรูปธรรมและนามธรรม ที่ขัดแย้ง ก็ต้อง
จัดการไกล่เกลี่ยครับ
มาหาสาวสองพันปีแล้วค่ะ ช่วงนี้งานเข้าอย่างเป็นกระแสต้องเตรียมจัดทำวีดีทัศน์ในการประชุมกลุ่มโรงเรียนยุ่งเหมือนกันแต่คิดถึงเลยแวะมาเยี่ยมค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์
สวัสดีค่ะ
-น้องเรา ครับ...
-ในฐานะที่พี่ชายเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกษตร (Agricultural researcher)
-พี่ชายขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับน้องเรา ดังนี้นะครับ...
-ใน"ความคิดรูปธรรม"นั้น ก็สามารถนำไปสู่ความขัดแย้งก็ได้ง่ายเหมือนกันนะครับ
-เพราะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์(Scientific method)นั้น มี "ความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 2 (Type II Error)"ด้วย
-ซึ่งตัวนี้เอง ที่ทำให้ผลการทดลอง(Result) นำไปสุ่การขัดแย้งกันได้ง่ายเลยล่ะครับ
-เช่น ทุกวันนี้ เรายังไม่พบ "ตัวกลาง"ในการเชื่อมคำตอบทางวิทยาศาสตร์ กันมากมายเลยนะครับ
-เป็นต้นว่า "ตัวเชื่อมว่า คน มาจาก ลิง" เราก็ยังไม่เจอ จนเราต้องเราเรียกว่า ตัวกลางที่ยังสูญหาย (Missing link) ครับ
-ส่วน "ความคิดนามธรรม"นั้น จริง ๆ แล้ว ก็เป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งนะครับ
-คือ จะต้องเข้าไปเทียบกับ "กรอบอ้างอิง (Frame ofreference)" ในจิตรู้ หรือจิตใต้สำนึก แล้วแต่คุณภาพของความคิดนั้นนะครับ
-ซึ่งตรงนี้ ทำให้เราเรียกว่าเกิด "สหัสญาณ (Instiution)" เช่น ญาณสัมผัส การรู้สึกโต้ตอบก่อนใคร่ครวญ ฯลฯ นะครับ
-ดังนั้น ใน"ความคิดนามธรรม" ก็จึงเป็นธรรมดา ที่ก็สามารถนำไปสู่ความขัดแย้งก็ได้ง่ายเหมือนกัน อีกเช่นกันนะครับ
-เพราะ "กระบวนการรับรู้"นั้น สามารถบิดเบือน (Distortion)ได้ ด้วยตัวของมันเอง เช่นเดียวกันกับ "ความคลาดเคลื่อนประเภทที่ 2 (Type II Error)" น่ะครับ
-ซึ่งทำให้ นักวิจัยเรา จะไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่า "แบบใด นำไปสู่ความขัดแย้ง มากกว่ากัน"นะครับ
-เพราะเรายังมี "ข้อจำกัดของเครื่องมือวิจัย (Research tools)" มากอยู่นะครับ
-คงต้องพัฒนา 1.เครื่องมือ 2.กระบวนการ 3.นักวิจัย และ 4.ฯลฯ อีกนะครับ...
-งานวิชาการ จึงยังไม่พบ "คำตอบสุดท้าย" นะครับ
-ตรงนี้แหละครับ...ที่พี่ชายทำวิจัยมามาก ๆ เข้า จึงพบว่า "ทฤษฎี ซิกมัน ฟรอยด์" มีจุดพลาดได้ ...
-และเป็น "ธรรมดา" ของวิชาการ นะครับ...
-สบายดีนะครับ น้องเรา....
-พี่ชาย... ชยพร แอคะรัจน์
สวัสดีครับ
ถ้าเป็นผู้นำที่ดี...การใช้ความคิดเชิงนามธรรมก็ทำให้งานสำเร็จได้...โดยมิใช่แต่นำสู่เพียงความขัดแย้งเท่านั้น
ขอบคุณครับ
มีหนุ่มๆคิดถึงเลยต้องพามาเยี่ยมครับ
คิดถึงเลยมาเยี่ยมค่ะ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ฮ่าๆๆๆ
เเสดงความคิดเห็นไปแล้วครั้งหนึ่งนะ..เเต่มีประเด็นที่ขอเเลกเปลี่ยนอีกครั้ง นั่นคือ กรอบความคิดเชิงรูปธรรมมักเดินไปควบคู่กับความคิดรูปธรรมเสมอ หากความคิดเชิงนามธรรมธรรมจะเป็นตัวกระตุ้นให้นักวิจัยทั้งหลายได้มีข้อสงสัยในการค้นหาคำตอบด้วยกระบวนการเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อชี้ชัดกันให้เห็นเป็นรูปธรรม...ผมยังมองความขัดเเย้งกันของทั้งสองเเนวคิดไม่เด่นชัดนักเพราะมันน่าจะเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกันมากกว่า....สวัสดี มีความสุขมากที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆขอรับ
สวัสดีค่ะ
ตามความเห็นส่วนตัว...หากมีความคิดเชิงนามธรรมชัดเจน ก็จะเป็นผลให้ความคิดเชิงรูปธรรมชัดยิ่งขึ้นด้วย
เพียงแต่เกิดปัญหาไม่ลงรอยกันทางความคิดเนื่องมาจาก ความไม่ชัดเจน ไม่มีหลักการที่ยึดถือและอ้างอิง เมื่อไม่ชัดเจน ก็ทำให้เกิดปัญหาการโต้แย้งได้ไม่รู้จบค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองส่วนต้องควบคู่กันไปเสมอ
(^___^)
รูปธรรม และ นามธรรม ในความหมายของคำ..ต่างกันเพียง ปรากฏให้เห็น กับ สัมผัสโดยตรงทางใจ ..
พระพุทธองค์ทรงสอนพวกเราว่า "ผู้ใดต้องการพ้นทุกข์ อย่ายึดติดกับรูปธรรม..แต่ให้พิจารณาชำระจิต ซึ่งเป็นนามธรรม"..ความหมายเช่นนี้..มองเห็นความแตกต่างชัดเจนในมุมมองนี้..นะคะ...
ก่อนฝันดีค่ะสาววีเจหวาน
ไม่ว่าจะเป็นรูป หรือนามนั้นไซร้ ล้วนขัดแย้งได้ หากไม่เปิดใจ
ความคิดเชิงไหนๆ ควรแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ เพื่อจรรโลง และบรรเจิด
หากจุดยืน เป้าหมาย เหมือนกัน แม้แตกต่างหาขัดแย้งไม่ เพราะจุดหมายมิแปรผัน ...
ชอบคำนี้ค่ะ unity in diversity ... "เอกภาพในความหลากหลาย "
หายไปไหนค่ะ สาวสองพันปี คิดถึงจังเลย มาตามหากำลังใจค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
คนเราต้องมีการมองในแง่มุมต่างอย่างแตกต่างกัน
แต่แม้เราจะแตกต่างอย่างถ้าเรามอง ในสิ่งที่เรายังมองไม่เห็นในชีวิตของเราเราจะพบว่า
ชีวิตของเรามีมากกว่าสิ่งที่เรามองเห็น
มากกว่าที่เราจะมองว่าเราแตกต่างกัน
นามธรรม เริ่มต้น เมื่อเราร่ายรสพจนา
รูปธรรม เริ่มสานต่อ ขอประสาน
นามธรรม เริ่มผูกพัน เราไปเนิ่นนาน
รูปธรรม นั้นต้องการ หลักฐานจริง
...
ว่าไงเอ่ยค่ะ วีเจสาวหวาน เห็นฝนดาวตกไหมเอ่ย
แล้วอธิษฐานว่าอะไร นะ อยากรู้ อิ อิ ฝันดีค่ะ
โห...โจทย์ยากเกินสติปัญญาครับ
แหะ แหะ ขออนุญาติไม่ตอบนะครับ
แวะมาทักทายอาจารย์ครับ....
แวะมาทักทายครับ
ฝนหยุดตกยังครับ
มาหากำลังใจค่ะ คุณvijหายไปไหนค่ะ คิดถึง...มากๆจ้า.....อากาศหนาวเป็นห่วง รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
มีหนุ่มๆคิดถึงพามาเยี่ยมครับ
สวัสดีครับคุณvij
คุณหนูvij
แขกมาเต็มบ้านแล้วค่ะ...เร็วๆๆๆๆปั่นงานเสร็จเร็วๆหน่อยค่ะ...ป้าเหมียวเอาหนมมาฝากด้วยไปนานเดี๋ยวขนมปูนนะค่ะคุณหนู
คุณหนูป้าเหมียวพิมพ์ผิดพลาดแก้ตัวใหม่นะคะ
ป้าเหมียวเอาหนมมาฝากด้วยล่ะ..ไปนานเดี๋ยวขนมบูดนะคะคุณหนู...เฮ้อ..พิมพ์ถูกซะที
สวัสดียามดึกๆครับคุณVij
มาตามหากำลังใจค่ะ หายไปไหนค่ะ คิดถึงค่ะ กลับมาเติมกำลังใจให้กันนะค่ะ เหงาเข้าใจไหม คุณvij ห่วงใยเสมอรักษาสุขภาพด้วย.....รักมากมายจ้า.....
มามะ กลับมาให้ครายหายเหงา ซักกะที จะได้ครบองค์ประชุม...คุณหนูที่รักของป้าเหมียว..ขวัญใจๆๆ
สวัสดีค่ะอาจารย์..
น้องหนุ่ยง่วงแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ Say Good Night จ้า.......ฝันถึงกันบ้างนะค่ะ ยังไม่หายคิดถึงเลย...Have a sweet Dream...รักมากมาย....
อย่าลืมแวะไปเยี่ยมพี่ชายอาจารย์กู้เกียรติด้วยนะ..จมูกไม่ค่อยสบาย..แกก้ถามถึงน้องครูยะลาคนสวยอยู่นะ..ฝันดีเช่นกันรักมามายก่ายกองนะแม่ขวัญใจชาวใต้..
สวัสดีค่ะ
ลุงมหา ก็แวะมาถามข่าวเรื่องครูยะลาคนสวยหายไปเฉย ๆ
สวัสดีค่ะ...น้องโอ๋
กำลังจะไปแจ้งความคนสวยประจำเว็บหายอยู่ทีเดียวเชียว ช้าอีกนิดลงหน้า 1 แน่เลย
ภารกิจคงยุ่งนะคะ เข้าใจค่ะ แบ่งเวลาเรื่องสำคัญมาก สำคัญน้อยนะคะได้อยู่แล้วนะ
แวะมาบอกว่าคิดถึงๆๆค่ะ
น้องVij กินอะไรถึงสวยจัง
สวัสดีครับคุณVij
มาอ่านบันทึกดีดี
ด้วยความสุดคะนึงค่ะ
มาส่งความสุขและความปรารถนาทุกประการจงมีแด่ท่านตลอดไปค่ะ
ส.ค.ส.2553 จากครูจิ๋ว
สวัสดีค่ะ น้อง Vij