กว่าจะเป็นเม็ดข้าวให้เจ้าเคี้ยว
หน้าซีดเซียวซับแดดที่แผดเผา
จนดำด้านกร้านเกรียมหนี้รุมเร้า
ซ่อนทุกข์เศร้าถั่งโถมโทรมกายา
โอ้กระดูกสันหลังนับวันผุ
เริ่มบรรลุสัจธรรมเจียนสิ้นท่า
ความภูมิใจผลผลิตอนิจจา
ขวัญผวาเหลืออะไรในชีวิต
กระดูกอ่อนอดรนทนไม่ไหว
ลาจากไปไกลนาฝ่าวิกฤติ
กระดูกแก่ก่นเลียเพลียแผลพิษ
ไม่มีสิทธิ์เกาแผลที่แพ้คัน
ต้นกล้าลู่ลมพัดระบัดพลิ้ว
กระทบนิ้วหนาหยาบอย่างหวาดหวั่น
สองบ่าแบกฟ่อนกล้าล้าผ่านวัน
ปักดำมั่นหาญสู้อย่างผู้เพียร
ทุ่งรวงทองพลิ้วพลิกระริกไหว
โล้แกว่งไกวน้อมรวงรอแปรเปลี่ยน
จากอวบอิ่มสิ้นทุนหมุนวนเวียน
ลีบเล็กเจียนแทบขาดอนาถใจ
กว่าจะเป็นเม็ดข้าวให้เจ้าเคี้ยว
ผิวแห้งเหี่ยวหม่นมัวรอยหมองไหม้
ทุกคำข้าวเจ้าอิ่มยิ้มละไม
เหงื่อข้าไงไหลหยดแทบหมดลม
......................................
ดอกไผ่
ขอบคุณภาพและเพลง จากอินเทอร์เน็ต
เพลงชาวนา ของ แฮมเมอร์
คำสำคัญ (Tags)#กวีนิพนธ์#ข้อคิด ปรัชญา คำสอน
หมายเลขบันทึก: 306289, เขียน: 16 Oct 2009 @ 08:07 (), แก้ไข: 02 Jun 2012 @ 05:09 (), สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน, ความเห็น: 36, อ่าน: คลิก
ขอบคุณและประทับใจ คุณธรรมทิพย์ มากครับ ที่แต่งกวีให้ อ้ายโดษ ผีบ้าเมืองปาย
"ผีบ้า"แห่งเมืองปาย สืบความหมายแห่งชีวิน
ภูมิใจไม่สูญสิ้น เทิดแผ่นดินถิ่นดงดอน
สืบสานเพื่อสืบต่อ ทุกข์ยากท้อไม่ไถ่ถอน
คนบ้าแห่งภูธร มิเคยอ่อนซ่อนจุดยืน...
ชอบมากแล้วผมจะส่งไปให้พี่เขาคิดว่าเขาคงชอบมากเช่นกันครับ