ย่านาง : ขออนุญาตแทรก "งานทดลอง ย่านาง" นิดนึง นะครับ
-ผมมีภารกิจที่จะต้องไปนำเสนอเกี่ยวกับ "ย่านาง" ในนิทรรศการทางวิชาการฯแห่งหนึ่ง ในช่วงเดือนตุลาคม 2552 นี้ครับ
-จึงขออภัยท่านผู้อ่าน "กล้วยไม้" ที่จำเป็นจะต้องแทรก "งานทดลอง ย่านาง" เพื่อการอ้างถึง ไว้ที่บล็อกนี้ด้วยนะครับ
-เป็นการทดลองนำเถาย่านางที่งอกออกมาใหม่ อายุประมาณ 3 เดือน มีใบประมาณ 8-9 ใบ มาปลูกในสภาพพื้นที่จริงของชุมชนในชนบท คือที่บ้านสงยาง ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ครับ -ปลูกเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2552 ครับ
-ในภาพเป็นการปลูกไปได้นานประมาณ 1 เดือนแล้ว มีใบรวมแล้วประมาณ 10-12 ใบครับ
-การปลูกจะต้องขุดให้มีรากยาว(หัว)ติดมาด้วย โอกาสรอดตายจึงจะสูงนะครับ
-แล้วจะเก็บข้อมูลต่อนะครับ...
...
...
ความเห็น (16)
คั้นใบเอาไปใส่แกง แกงหน่อไม้ อร่อย โค ตะ ระ
อิอิ
ใบย่านาง สีเขียว ใส่ในอะไรก็เขียวไปหมด เห็นแม่เคยใส่ต้มกับหน่อไม้รวกอ่อนๆ
ใบย่านางเป็นสมุนไพรคะ 30 ใบ ล้างน้ำให้สะอาด ต่อน้ำ 1 ขวดโคกลิตร ปั่นเครื่องปั่นแวบเดียว ปั่นไม่นาน ถ้าปั่นนานสารอาหารจะหมดคะ เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำ ใส่ขวดไว้ดื่ม เหมือนน้ำผลไม้คะ ถ้าปกติเขาก็เอาไปใส่แกงหน่อไม้ แช่ตู้เย็น ดื่มทุกวัน แทนน้ำ
ตอนแรกมันอาจจะขม ดื่มสดๆนะคะ ไม่ต้องต้ม คิดอยากดื่มน้ำก็ดื่มเลยคะ อย่าให้ข้ามวัน ถ้าเหลือวันใหม่ปั่นใหม่อีกคะ
คุณสมบัติของมัน ดื่มแก้สารพิษคะ มันจะช่วยขับสารพิออกจากร่างกาย คนที่มีตุ่มตามเนื้อตัว คนอีสานจะพูดว่าน้ำเหลืองไม่ดี จะช่วยแก้ได้คะ ตอนแรกไม่เชื่อคะ แต่พอดื่มเป็นประจำ ก็สามารถช่วยอาการคันได้คะ และไม่เกิดตุ่ม มากนัก วันไหนลืมดื่ม ก็จะคันทันที
และตอนนี้ได้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เป็นโรคอื่นๆด้วย ได้ข้อมูล เป็นหนังสือ มาให้อ่าน แบบเป็นวิทยาทาน ยังมีหนังสือ
เป็นหนังสือชื่อว่า ย่านาง สมุนไพรมหัศจรรย์ โดย ใจเพรช มีทรัพย์(หมอเขียว)นักวิชาการสาธารณสุข นักบำบัดสุขภาพทางเลือก ครูฝึกแพทย์สมุนไพร
ตอนแรกไม่เชื่อ ก็ลองดู เพราะย่านางที่บ้านมีมากมาย ทุกวันนี้ก็ยังดื่มอยู่ หน้าตาจะสดใส ดูอ่อนกว่าวัยคะ ตามความรู้สึกตนเองนะคะ
ไปหละคะ ขอบคุณคะ
ท่านคะไม่ไปGOTOKNOWสัญจรที่มหาวิทยาลัย ในวันที่ 18 กันยายน ถ้าสนใจอ่านหน้าหนึ่งคุณอาร์ม มะปรางเปรี้ยว นะคะ สมัครก่อนส่งเมลย์ก่อนวันที่ 15 คะ ไปดูรายชื่อมีคนที่สมัครแล้ว ก็ดูจากหน้าหนึ่งคะ เห็นว่าอยู่ใกล้เลยชวนคะ
ใบย่านางมีเบต้าแคโรทีนนะคะ มีประโยชน์มากนะคะ ใช่มั้ยคะพี่ชยพรนำมาคั้นน้ำแล้วเทใส่แกงหน่อไม้อร่อยอย่าที่น้องครูโย่งบอกด้วย อีกอย่างคั้นใส่ซุบหน่อไม้ เข้ากันเข้ากัน อูย...อยากทานแล้วสิคะ ฤด๔นี้หน่อไม้ก็มากคู่กับย่านางแตกใบรับน้ำฝนดีจังค่ะ ธรรมชาตินี่สร้างสรร จริงๆๆนะคะ เป็นวิจัยที่กินได้อีกเนาะพี่ชยพร
- ผมต้องขอขอบคุณ ท่าน 1. ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee , 2. ครู ป.1 , 3. สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ และ 4. พี่นิด ...และอีกหลาย ๆ ท่านที่แวะมาอ่าน มากที่สุดเลยนะครับ
- ผมรู้สึกประทับในจิตตนเอง เลยครับว่า ...
- ความเป็นห่วง อยากให้ ครูเกษตรอาชีวะ คนนี้ ได้ข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับ "ย่านาง" ....
- เมื่อไปนำเสนอ จะได้ไม่อายเขา
- เผื่อเขาซัก จะได้ตอบได้ ฯลฯ
- ผมอบอุ่นมาก ๆ ครับ
- เป็นประโยชน์ อย่างนั้น จริง ๆ ด้วยครับ สำหรับเด็กที่เรียนในเมืองมาก่อน อย่างผม ซึ่งไม่เคยมีชีวิตในชนบทมาก่อน
- เพียงแต่ ชะตาชีวิต ลิขิตให้มาเป็น ครูเกษตรอาชีวะฯ ในป่าดงดอน เท่านั้นเอง....
- ผมมาพบเจอกับความซื่อ ๆ ของเด็ก ปวส. เด็กอาชีวะ สอบตกแล้ว ตกอีก ยากจน สะพายกระติกข้าวเหนียวมาเรียน
- มีปมด้อย อาย ไม่กล้าบอกตรง ๆ ปล่อยให้ครูเข้าถึงเอง
- เข้าถึงไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เจียมตนแบบคนอาภัพฯ
- จบแล้ว พอกลับมางานคืนสู่เหย้า ยามเมามา ก็ตะโกนว่า...
- " กูจบเพราะครูฯ "
- เด็กชอบผมตรงที่ ผมตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้ง ไม่ใช่เพราะผมเรียนเก่ง ฯลฯ
- ผมพูดเสมอว่า...
- ไม่มีเด็กเส้น ในชีวิตครู
- และ จงทำดี เพื่อความดี เถิดคนดี ...
- ขอผมได้ตอบแทนน้ำใจ ไมตรี คุณความดี ของพวกเรา
- ด้วยสาระที่จะเขียนบันทึก ต่อ ๆ ไป เถิดนะครับ
- ขอขอบพระคุณ "รางวัล ..... "
- รางวัลนี้ เป็นที่สุดนะครับ
- จะเก็บมันไว้ตลอดไปครับ
- ด้วยความจริงใจครับ
- ( ปล. ยาวจัง ... ฮิ ๆ ๆ )
สวัสดีค่ะ ย่านางมีสรรพคุณเป็นยาเย็น...แก้โรคภัย...
อยากปลุกไว้จังเลย...
ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจ้เด็กๆนะคะพี่ชาย บันทึกนี้ก็ดีค่ะ...
อยากให้แคทลียาออกดอก...เป้นซอลหลอกซะมากกว่าทำไงคะ...
โดนแดดมาก หรือปุ๋ย น้ำไม่พอคะ....
แม่เคยต้มหน่อไม้ใส่ใบย่านางให้ทานในสมัยเด้กค่ะ
มารายงานอาจารย์ว่ายังไม่ได้ซื้อปุ๋ยมาใส่กล้วยไม้ค่ะ กำลังจะไปหาซื้อค่ะ
"ย่านาง (ปู่เจ้าเขาเขียว)ปลูกง่ายประโยชน์หลาย ใช้หัวฝนนำสารละลายยาเขียวใหญ่ แก้ไข้แก้ร้อนใน ได้หลายประการ เป็น"ยาขอ หมอวาน"ของชาวบ้านมานานแล้ว ครับ น้องบาย...ปัจจุบันผมก็ยังใช้อยู่ครับ
มาชมพี่หนุ่มกล้วยไม้ ค่ะ ... เห็นชื่อ แม่ย่านาง เอ อะไรหนอ
เห็นภาพสายตาที่มองต้นไม้ ใบหญ้า รับรู้ได้เลยค่ะว่า
เปี่ยมด้วยใจ อาทร ด้วยรัก ดูการเติบโตของต้นไม้แล้ว
โห โตวันโตคืนจริงๆนะคะ ... ชื่นชมด้วยจิตคารวะค่ะ
มีข้อมูลที่ได้อ่าน และลองดื่มน้ำใบย่านางมาฝากค่ะ
เมื่อต้นปี ไปเก็บข้อมูลโรงเรียนหนึ่ง ครูผู้หญิงนำน้ำใบย่านางมาเสริฟ แล้วเชื้อเชิญให้ดื่ม ไม่เคยเห็นเขากินเป็นน้ำคั้นสดแบบนี้ จะไม่ดื่มก็กลัวเขาเสียใจ แล้วเขาก็ให้หนังสือมาเล่มหนึ่ง ชื่อย่านางสมุนไพรมหัศจรรย์ ของ ใจเพชร มีทรัพย์(หมอเขียว)
มีชื่อเรียกต่างๆ เช่น
ภาคกลางเรียก เถาย่านาง เถาวัลย์เขียว หญ้าภคินี
เชียงใหม่เรียก จ้อยนาง จอยนาง ผักจอยนาง
ภาคใตเรียก ย่านาง ยานนาง ขันยอ
สุราษฎร์ เรียกยาดนาง วันยอ
อีสานเรียก ย่านาง
ไม่ระบุถิ่น เครือย่นาง ปู่เจ้าเขียว เถาเขียว เครือเขางาม
วิธีใช้ (โขลกแล้วขยำกับน้ำดีที่สุด ถ้าขี้เกียจก็ใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ได้โดยอนุโลมจ้า)
ใช้ใบในการเพื่อคลอโรฟิลในการฟื้นฟูเซลล์ และบำบัดความไม่สมดุลย์ของร่างกาย ได้แก่ โรคหัวใจ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ ตับอักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ ไทรอยด์เป็นพิษ ริดสีดวงทวาร มดลูกโต ตกขาว ตกเลือด หอบหืด ไตอักเสบ ไตวาย นิ่วในไต ในกระเพาพปัสสาวะ ในถุงน้ำดี ไส้เลื่อน ต่อมลูกหมากโต เนื้องอก มะเร็ง พิษจากแมลงต่อย
เด็ก ใช้ใบ1-5ใบ ต่อน้ำ1-2-3 แก้ว
ผู้ใหญ่ผอม ใช้ 5-10 ใบต่อน้ำ 1-3 แก้ว
ผู้ใหญ่รูปร่างสมส่วน ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ1-3 แก้ว
ควรรับประทาน ทันที่ที่ ปั่นเสร็จ ถ้าเก็บตู้เย็น ได้ 2-3 วัน
ถ้าดื่มยาก ผู้เล่าใช้วิธีการตั้งไฟอ่อนให้ร้อนนิดหน่อย บางที่ก็ผสมน้ำผึ้งบ้าง
ผลที่ค้นพบจากประสบการณ์ที่ลองทำน้ำย่านางดื่ม ตัวเย็นขึ้น ปัสสาวะไม่ข้นสีจางลง กระหายน้ำน้อยลง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ดื่มเพราะไม่ค่อยว่างเดินไปเก็บที่หลังบ้าน
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับท่านชยพรบ้างไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ และขอเป็นกำลังใจในการ สร้างโอกาสให้คนเป็นคนดี
นี่
สวัสดีค่ะอาจารย์
ต้นย่านางที่เพาะจากเมล็ด จะเลี้ยงได้ทนทานมาก เมื่อเถาแก่ใบดก และไม่ร่วงด้วยนะคะ ข้างบ้านมีต้นมะม่วง มีเถาย่านาง
เลื้อยอยู่บนต้นมะม่วงแน่ค่ะ
และก็เป็นยาเย็นจริงๆค่ะ เคยดื่มด้วยค่ะ
- สุดปลื้มกับ ความห่วงใย และให้ข้อมูล มาก ๆ เลยนะครับ
- นักเรียนเกษตรคนนี้...จะมิรู้ลืมเลยนะครับ
- ขอรับความรู้เกี่ยวกับ "ย่านาง" ต่ออีกนะครับ
- ขอขอบพระคุณมาก ๆ เลยนะครับ
น่าภูมิใจครับที่ยังมีคนให้ความสนใจกับพืชพื้นบ้านของเรา
และเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง
เรื่องจริงที่พิสูจน์ไม่ได้ คือเป็นติ่งเนื้อที่คอเท่าเม็ดข้าวโพดคันและเกาจนเป็นผื่นแดงไปพบแพทย์จะขอตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ แต่ด้วยความที่ไม่ว่างในคราวที่หมอนัด และเห็นหนังสือหมอเขียวเขียนไว้ก็เลยกินเล่นๆลองดู ปรากฎว่า 2 เดือนผ่านไป ต่มนั้นหายไปซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก และมีครั้งหนึ่งที่ก่อสร้างบ้านช่างปูนโดนปูนซีเมต์กัดมือเป็นผื่นแดงทั้งมือและเท้า ก็ลองให้เขาเอายานางมาขยี้แล้วเอามาทาบริเวณนั้นผื่นแดงหายไปหมด อาการคันหายไป คนที่ไม่เชื่อก็เกาคะเยออยู่ตรงนั้นจนผิวหนังลอก ก็ไม่รู้นะว่าเพราะอะไร
pinsamai [IP: 113.53.111.88]
- ผมต้องขอขอบคุณข้อมูลประสบการณ์จริงนี้มาก ๆ ๆ เลยนะครับ....
- ท่านได้ช่วยให้วิทยาทาน แก่ท่านผู้อ่านด้วยมากเลยนะครับ...
- มาเยือนกันอีกนะครับ
- ขอขอบคุณอีกครั้ง มาก ๆ เลยนะครับ...