จานบิน- UFO - มนุษย์ต่างดาว มีจริงหรือ???


ทันใดนั้น ... ก็เห็นเหมือนแสงค่อยแว่บขึ้นมา คือ ค่อยๆสว่าง แล้วค่อยๆ หรี่หายไป ภายในเวลาประมาณ 10 วินาที

สิ่งทรงกลมที่ลอยสว่างที่ปลายท้องฟ้าฉายแสงนีออนไปรอบๆ ตัว เด่นชัดอยู่ดวงเดียว  บนฟ้าที่วันนั้นมีเมฆปกคลุมไปทั่วจนมองไม่เห็นดาวดวงอื่นๆ เลย  แม้แต่ดวงจันทร์ 

เมื่อพิจารณาด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ หลักเหตุผล การคิดเชิงระบบ การคิดวิพากษ์ และสารพัดจะคิดได้ในตอนนั้น  จึงสรุปว่า ไม่น่าจะเป็นอะไรอื่นนอกจาก ... จานบิน

หน้าตาคล้ายๆ แบบนี้ค่ะ UFO ที่เห็น

 

ครั้งแรกที่เห็นนั้น เห็นมันลอยอยู่นานเชียว แต่ไม่มีกล้องค่ะ เลยได้แต่ยืนดูจนขี้เกียจ (10 นาทีได้)

ครั้งที่สองก็เมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง  เมฆฝนปกคลุมทั่วฟ้าเหมือนเดิม ไม่มีดาว ไม่มีพระจันทร์ แต่อะไรซักอย่าง ทำให้มองไปยังจุดเดิมที่เคยเห็น  ... ทันใดนั้น ... ก็เห็นเหมือนแสงค่อยแว่บขึ้นมา คือ ค่อยๆสว่าง แล้วค่อยๆ หรี่หายไป ภายในเวลาประมาณ 10 วินาที  เออนะ หรือเราจะถูกติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณ (หุ หุ คิดไปโน่น)

ครั้งที่ 3 ก็เมื่อเช้ามืดวันวาน  แต่คราวนี้ ฟ้าใสเชียว มีดาวเห็นชัด แต่ดวงจันทร์คงจะตกไปแล้วเพราะจะเช้าแล้ว  เดินอ้อมบ้านมาที่สนามหญ้า ... โอ๊ะ โอ ... นั่นไง จานบินของฉัน ...

แล้วความคิดใต้สำนึกก็แว่บคำว่า "ดาวประกายพรึก" ขึ้นมาในหัว

(ก่อนหน้านั้น แอมมี่ เชื่ออย่างแรง ว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นนั้น คือ UFO หรือจานบินมนุษย์ต่างดาว นะคะเนี่ย อุตส่าห์หลงดีใจ ได้เห็นกับเค้าซะที เฮ้อ ...แอมมี่เอ๊ย ...)

กลับเข้าบ้านมาค้นในเน็ต ก็ถึงบางอ้อว่า สิ่งที่เห็น น่าจะเป็น "ดาวประกายพรึก" หรือ "ดาวรุ่ง" หรือ "ดาวศุกร์" นั่นเอง  ซึ่งมักจะเห็นตอนใกล้ๆ รุ่ง และส่องสว่างมากกว่าดาวดวงไหนๆ บนท้องฟ้าเลยค่ะ (แสงจึงสามารถทะลุเมฆ มาให้แอมมี่เห็นอยู่ดวงเดียวไงคะ)

แต่ยังไง แอมมี่ก็เชื่อนะคะ ว่ายังมีสิ่งมีชีวิตจากดาวดวงอื่นๆ อีกมากมาย

หากพิจารณากันตามหลักดาราศาสตร์

ไม่เชื่อลองฟังคลิปนี้ดูสิคะ

คุณ Jill Tarter พูดไว้ในหัวข้อ

"Why the search for Alien Intelligence matters.."

คุณจิลเล่าว่า กาแลคซี่ทางช้างเผือกของเรามีดวงดาว 4 แสนล้านดวง และนักดาราศาสตร์ค้นพบว่า น่าจะมีแกแลคซี่ทั้งสิ้นมากกว่า 1 แสนแกแลคซี่ (ที่บางแกแลคซี่มีขนาดใหญ่กว่าโลกเราเพียงสองเท่าเท่านั้น)  และรวมทั้งสิ้นจะมีดวงดาวอยู่ถึง 1022 (สิบยกกำลังยี่สิบสอง หรือ 10,000,000,000,000,000,000,000) ดวง  ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดคือ ถ้าป้ายชื่อขนาดเท่าฝ่ามือ สามารถบรรจุดวงดาว 1 พันล้านดวง ต้องเอาป้ายชื่อซ้อนกันถึง 3.8 ล้านไมล์ หรือ 16 เท่าของระยะทางระหว่างโลกถึงดวงจันทร์ และนั่นคือ ดวงดาว 1022 (สิบยกกำลังยี่สิบสอง)ดวง  ซึ่งน่าจะเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในแกแลคซี่ใดแกแลคซี่หนึ่ง  นอกจากนี้ เรายังรู้ว่ามีสิ่งชีวิตบนโลกอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่ได้ภายใต้สภาวะที่ไม่น่าเป็นไปได้  (เช่น ใต้ทะเลลึก อยู่ในน้ำแข็งที่เย็นมาก อยู่ในสารทำระเบิดนิวเคลียร์ และอื่นๆ)

เราเคยได้รับสัญญาณจากแกแลคซี่อื่นที่อยู่ห่างไกลเราถึง 2.5 ล้านปีแสง (แกแลคซี่แอนโดรมีดา) แปลว่ากว่าแสงจะเดินทางมาถึงเรา ต้องใช้เวลาถึง 2.5 ล้านปีทีเดียว และสัญญาณดังกล่าวคือสัญญาณในอดีตไม่ใช่ปัจจุบัน สิ่งที่จะช่วยในการค้นหาเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ เทคโนโลยี ที่จะสามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบข้ามผ่านระยะทางและเวลา  (และก็ไม่แน่ใจว่า เทคโนโลยี จะช่วยให้ค้นพบได้จริงหรือไม่ด้วยสิ)

โลกเราเกิดมา สี่พันห้าร้อยกว่าล้านปีเท่านั้น และเซลสิ่งมีชีวิตเซลแรกวิวัฒนาการมาเมื่อเกือบ 2 พันล้านปีที่แล้ว  ส่วนมนุษย์นั้น ก็เพิ่งจะวิวัฒนาการมาได้แค่ ร้อยกว่าล้านปีเอง (ลองคิดว่า เราได้รับสัญญาณจากแอนโดรมีดา เมื่อ 2.5 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งนานกว่าการเกิดของโลกซะอีก ...แล้วเราจะเชื่อได้ไงว่า จะไม่มีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดคล้ายมนุษย์ภายหลังจากนั้น หรือเค้าจะมีวิวัฒนาการที่ลึกล้ำ ทันสมัยกว่าเรา หากเค้าสามารถส่งสัญญาณมาได้นานขนาดนั้น - แอมมี่)

มนุษย์มักจะคิดว่าตัวเองนั้น ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินค่ะ

คุณจิลบรรยายต่อว่า ที่จริงแล้ว เราไม่ได้มีอำนาจในการควบคุมวิวัฒนาการอะไรเลยนะคะ  เราเป็นแค่ ผลลัพท์ (เล็กๆ) ของวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นของมันอยู่แล้ว อยู่ตลอดเวลา  (ลองคิดดูว่า โลกเรามีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่เรารู้จักและไม่รู้จัก และเรายังค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาด้วย แล้วมนุษย์เราไม่ได้เป็นคนสร้างหรือทำให้เกิดวิวัฒนาการของธรรมชาตินะคะ  เราเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง)

เราเป็นแค่ประชากรของดาวโลกดวงเล็กๆ ดวงหนึ่งที่อยู่สุดขอบของแกแลคซี่ทางช้างเผือก  และโฮโมเซเปี้ยน (สปีชี่ส์ของมนุษย์) เป็นแค่กิ่งเล็กๆ ของใยแมงมุมของวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตบนโลก  แต่อีโก้ของมนุษย์ทำให้เข้าใจผิด ทั้งที่เราเพียงแค่เข้าใจถึงเสี้ยวหนึ่งของการหาคำตอบลี้ลับของธรรมชาติด้วยหลักวิทยาศาสตร์  (และยังมีปริศนาอีกมากมาย ที่ยังหาคำตอบไม่ได้)

ต้องขอขอบคุณ โคเปอร์นิคัส ที่ค้นพบว่า โลกไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่กลับเป็นดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้โลกทัศน์ของมนุษย์ยุคนั้นเปลี่ยน เค้าได้เปิดให้เราเห็นจักรวาลที่กว้างใหญ่มากขึ้น และเป็นรากฐานทางดาราศาสตร์ที่เราใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน

การที่เราเอาแก้วตักน้ำจากมหาสมุทรที่กว้างใหญ่แล้วฟันธงทันทีว่า มหาสมุทรแห่งนี้ไม่มีปลา (เพราะในแก้ว-ไม่มีปลา) ก็ไม่ได้หมายความว่า มหาสมุทรนั้นจะไม่มีปลาเลย ใช่ไหมคะ 

ก็เหมือนกับเรื่องมนุษย์ต่างดาว ที่พระพุทธเจ้าท่านก็สอนเราว่า อย่าเพิ่งเชื่อ ว่ามันไม่มีจริง (กาลามสูตร) จนกว่าจะใช้สติและปัญญาพิจารณาให้รอบคอบถี่ถ้วนซะก่อน

เพื่อนๆ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ายังไงบ้างคะ ^^

 

หมายเลขบันทึก: 271503เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2009 20:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 22:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีครับ

           อูย....น่ากลัวนะครับถ้ามีจริง ๆ เห็นมีข่าวออกมาเรื่อย ๆ

                                                 ขอบคุณครับ

http://webblogdesing.blogspot.com/

มีเรื่องอย่างงี้ด้วยหรอ ไม่บอกไม่รู้นะ

ขอบคุณค่ะ คุณนายช่างใหญ่ และคุณ baa ที่มาเยี่ยม

มาส่งดอกไม้แห่งไมตรีครับท่านขอบคุณที่ให้เกียรติไปเยือนบันทึกของนายก้ามกุ้งครับ  โปรดรับดอกไม้ด้วยนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

 

มาชม

ตื่นเต้นตามด้วยละ...

ชวนให้คิดไปว่า...บรรพบุรุษของชาวโลกกลุ่มแรกคือมนุษย์ต่างดาว...

โห อ่านแล้วสนุกมากเลยค่ะ ได้รู้เรื่องมนุษย์ต่างดาวด้วย

ขอรับดอกไม้ ด้วยความยินดีค่ะ คุณก้ามกุ้ง ^^

คุณ Umi คะ

มันก็ไม่แน่นะคะ น่าคิด น่าคิด

เคยมีแนวคิดนึงเค้าบอกว่า โลกคือ สถานที่ทดลองของมนุษย์ต่างดาว ค่ะ เค้าเลยต้องมาประเมินผลบ่อยๆ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของผลการทดลอง

ก็น่าสนใจดี

คุณ mickeymouse blue

ขอบคุณที่มาเยี่ยมกันค่ะ

  • จะเชื่อค่ะตุณแอมมี่
  • ถ้ามีหลักฐานอันพิสูจน์ได้
  • คริคริ

สวัสดีค่ะ คุณลีลาวดี

ดีแล้วค่ะ

ต้องอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ถูกต้องแล้ว

เรื่อง UFO และมนุษย์ต่างดาวนี้ เป็น controversial ที่ไม่มีวันจบค่ะ

ต่างคนต่างก็พยายามหาหลักฐานมาสนับสนุนความคิดความเชื่อของตนเอง

แอมมี่ค่อนข้างเชื่อ ตามหลักฐานที่อ้างไว้แล้ว

แต่ก็เต็มใจรับฟังเพื่อนๆ ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง

ไม่ได้หมายความว่า ถ้าคิดไม่เหมือน จะอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกันไม่ได้นี่นา

ใช่มั๊ยคะ ^^

ชอบสังคม G2K ก็ตรงที่เรามาสุนทรียสนทนากันได้แบบเปิดใจกว้างนี่แหละค่ะ

มันไม่เห็นเป็นรูปจานเลยครับ 5555

คุณ oop คะ ที่แอมมี่เห็นอะ มันคือดาวรุ่ง (หรือดาวศุกร์ค่ะ) ไม่ใช่จานบิน

วันก่อนดูข่าว ที่ชาวบ้านเจอไฟดวงแดงๆ ลอยไปมา จนทำให้ประชาชนกลัวไม่กล้าออกจากบ้าน แถมยังมีคนถ่ายวีดีโอไว้จากกล้องมือถือได้ด้วย

ชาวบ้านบอกว่าเป็น "ผีกระสือ" เอ ... หรือจะเป็น ยูเอฟโอ จานบินมนุษย์ต่างดาว หรือเปล่าคะ ... น่าสงสัยดี

ท่านอื่นคิดเห็นอย่างไรคะ???

อืม ตื่นเต้น จิงๆๆคับ

อยาก รู้

ผมเคยเจอ และมั่นใจว่าเป็นUFOของจริง แน่นอน เรื่องมีอยู่ว่าบ้าน ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี คืนนั้นเป็นช่วงใกล้สอบเอ็นทรานส์ ผมอ่านหนังสือดึกมาก ราวๆตีสองผมก้พักสายตา ลงมาจากบ้านไม้ยกเสาสูงราวสามเมตร เพราะน้ำท่วมบ่อย ผมลงมาเดินเล่นรอบบริเวณบ้าน ปกติเป็นคนชอบดูดาว ก็มองดูดาวเล่นๆๆ ปล.กลัวผีเหมือนกัน ปล.บ้านหลังนี้ผมเคยเจอภาพหลอนมาครั้งนึงแล้ว เมื่อครั้งป.1 แต่ไว้เล่าทีหลัง ผมมองไปบนท้องฟ้า เรื่อยเปื่อย สักพักก็เจอวัตถุประหลาด คล้ายจานประกบกัน สีแดงส้ม ลอยเด่น เคลื่อนที่แบบซิกแซก เร็วมาก แต่พอมองเห็นการเคลื่อไหวได้ตลอด วิ่งไปมาได้สักนาทีเศษ ก็หลบเข้าก้อนเมฆก้อนนึง ราวกับรับรู็ว่าผมจับตามองมัน และผมรอนานสัก 10 นาทีวัตถุประหลาดนั้นก็ไม่ยอมออกมาจากเมฆเลย

ผมไม่ได้พยายามจะสังเกตต่อ และกลับห้องนอน

แต่สิ่งที่คาใจคือ วัตถุที่เดินทางบนอากาศซิดแซกนี่คืออะไร

และการประมาณความสูงของวัตถุประหลาด น่าจะประมาณ มากกว่า1-10 กิโลเมตร เพราะวิทยาศาสตร์ ม.2 สอนว่า ชั้นแอสโมสเฟียร์ เป็นชั้นที่มีเมฆอยู่ จะสูงจากพื้นราว 1-10 กิโลเมตร

และถ้าใครเคยเรียนฟิสิกส์ จะพอทราบว่า ภาพจากตาเรา ในการมองระยะไกล หรือมองใกล้ จะเหมือนคล้ายกับเราอยู่บนรถยนต์ แล้วมองใกล้เช่น ขอบถนน ทุกสิ่งทุกอย่างจะเคลื่อนที่ไวมาก แต่เมื่อเรามองไกลออกไป เราจะเห็นว่าสิ่งที่ผ่านเราไปเคลื่อนที่ช้ากว่ามาก นั่นผมจะแสดงให้เห็นว่าวัตถุประหลาดชิ้นนั้น เคลื่อนในระยะไกลกว่า 10 กิโลเมตร แต่เคลื่อนได้ไวมาก ซิกแซกไปมา แสดงว่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ที่ค่อนข้างเร็วมาก และแต่ละช่วงที่เคลื่อนที่ในท้องฟ้า ก้ไกลมากด้วย แม้ว่าตาจะวัดไม่ได้ว่าไกลแค่ไหน แต่จากระยะที่เรามองเห็นจากภาคพื้นดิน ผมเชื่อว่าเคลื่อนที่กวาดแต่ละช่วงที่ซิกแซกได้หลายร้อยเมตร และใช้เวลาเคลื่อนที่นั้นๆ จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ใช้เวลาน้อยกว่า การกระพริบบตาหลายเท่าตัว

ก้ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในชีวิต

ในศาสนาคริสต์บอกว่าโลกเรานี้มีอายุไม่เกินหมื่นปี

ในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าตรัสว่าทุกอย่างล้วนอนิจัง

การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องจักรภพสวนทางกับหลักศาสนาคริสต์แต่ไปตรงกับศาสนาพุทธ..

ผมงงมาก

แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังปกปิดความจริงคือความเร็วแสง.....

แสงเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 3 แสนกม.ต่อวินาที

1ปีแสงเท่ากับระยะทางที่แสงเดินทาง1ปี

เพราะฉะนั้นนักวิทยาศาสตร์บอกว่าดางดวงที่ค้นพบอยู่ไกลจากโลกเท่านั้นเท่านี้ปีแสง

เป็นการคำนวณคร่าวๆใช่ไหม?

การค้นพบที่บอกว่าดวงดาวอยู่ห่างจากโลก300-400 ล้านปีแสงจึงไม่ใช่คำตอบ

เพราะนักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาในการมองดวงดาวดังกล่าว300-400 ล้านปีจึงจะเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท