ปีนี้ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเยี่ยมค่ายบ่อยนัก เพราะติดพันกับภารกิจของการบริหารจัดการในสำนักงานที่นับวันก็ดูจะเพิ่มขึ้นทีละนิดทีละน้อย แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่เคยละเฉยที่จะพาตัวเองออกไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกับชาวค่าย
บางค่ายก็แอบแว้บไปแบบส่วนตัวๆ ขับรถคู่ชีพไปเองชนิดไม่รีบไม่ร้อน ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ
ขณะที่บางค่ายก็ไปในระบบราชการ มีคนขับรถให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องพะวงซักไซ้ไล่ถามเกี่ยวกับเส้นทางให้เมื่อยปาก
ขึ้นรถปุ๊บก็หลับปั๊บแบบไม่ต้องเกรงใจใคร
เฉกเช่นกับเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมาผมและทีมงานส่วนหนึ่งก็ได้ออกเดินทางไปเยี่ยมค่ายของชมรมวัยใสใส่ใจสุขภาพที่จัดขึ้น ณ โรงเรียนบ้านหนองบัวตาคง ต.กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ
ค่ายดังกล่าวนี้มีชื่อว่า “โครงการวัยใสสัญจร ครั้งที่ 2 : คนวัยใสอาสาสร้างเสริมสุขภาพวิถีพอเพียง”
ซึ่งมี “เจ้าโฟน” กิตติศักดิ์ นพมณี และคมสันต์ ผุยหัวดง นิสิตจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ เป็นแกนนำ
พาเพื่อนๆ แบกเป้ความฝันสัญจรออกไปเรียนรู้ชีวิตนอกห้องเรียนไกลถึงเมืองศรีสะเกษ
จะว่าไปแล้ว ชมรมวัยใสใส่ใจสุขภาพ เป็นชมรมที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปีการศึกษา ๒๕๕๑ แต่พอถกคิดถึงผลงานในรอบปี กลับเป็นที่มหัศจรรย์ใจยิ่งนัก เพราะผลงานที่รังสรรค์ขึ้นนั้น มีผลลัพธ์ราวกับไม่ใช่องค์กร “มือใหม่” และที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือ การจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องมาหลายครั้งหลายครา
เกี่ยวกับเจ้าโฟน-กิตติศักดิ์ นพมณี นั้น ผมรู้จักมักจี่กับเจ้าตัวมากเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งเพราะสนิทชิดเชื้อกันตามวิถีของ “กลุ่มไหล” ที่น้องเขามักติดสอยห้อยตามไปเป็นระยะๆ รวมถึงการมองเห็นถึงความใฝ่รู้ที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในตัวตนของเขา เมื่อมีโอกาส ผมจึงพยายามส่งข่าวและมอบงานให้เขาพร้อมทีมงานได้ขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ตามแบบฉบับของเขาเอง
รวมถึงการเฝ้าฝันไปเองว่า ชมรมนี้จะกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในวิถีกิจกรรมที่มุ่งไปสู่การบริการทางสังคมที่เกี่ยวกับ “สุขภาพๆ” พอๆ กับการเป็นเครื่องจักรทางปัญญาในการรณรงค์ให้นิสิตได้ตระหนักถึงเรื่องราวของการดูแลสุขภาพ หรือสุขภาวะของตัวเอง
โดยส่วนตัวผมมองว่า เรื่องราวในวิถีกิจกรรมที่ว่านั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของพวกเขาแน่ เพราะทั้งปวงนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับทักษะส่วนตัวของพวกเขาแทบทั้งสิ้น เพราะดูจากทีมงานแล้ว แกนนำของชมรมฯ ก็ล้วนเรียนในสาขาสาธารณสุข หรือไม่ก็หลีกไม่พ้นเกี่ยวกับสาขาแพทย์และพยาบาลด้วยกันทั้งนั้น หากต้องนำเอาทักษะวิชาชีพที่เรียนในห้องเรียนมาแปรรูปเป็นการให้บริการสังคมในแบบ “กิจกรรมนิสิต” จึงไม่ใช่เรื่องยากเข็ญเกินกว่าจะทำได้
เว้นเสียแต่พวกเขาทั้งหลายจะถอดใจ หรือพลัดหลงไปสู่ห้วงบรรยากาศอื่นๆ จนสิ้นไร้ไฟฝันแห่งความเป็นคนจิตอาสาเท่านั้นเอง และผมก็ได้แต่หวังว่า สภาพการณ์เช่นนั้น จะไม่เกิดขึ้น หรือถ้าเกิดขึ้นจริง ก็น่าจะไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเนื้อในของโครงการดังกล่าวจะเห็นได้ชัดว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจเอามากๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่ผูกโยงระหว่างโรงเรียนกับชุมชนเข้าหากันได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะกรอบแนวคิดที่เน้นไปสู่การสร้างกระบวนการส่งเสริมสุขภาพ (Health promotion) และการป้องกันโรค (Health prevention) ผ่านการทำงานใน ๔ มิติ ได้แก่ กาย จิต สังคม และปัญญา (จิตวิญญาณ)
กิจกรรมหลักๆ ที่มีขึ้นในค่ายนั้น ต้องถือว่าเป็นกิจกรรมบูรณาการ หรือ สหกิจกรรมโดยแท้ เพราะมีกิจกรรมให้ออกแรงการเรียนรู้อย่างหลากหลาย เป็นต้นว่า การปรับปรุงโรงอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ทั้งห้องครัว ที่นั่งรับประทานอาหาร อ่างล้างมือ อ่างล้างจาน ทาสีรั้วและอาคารเรียน ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมาะแก่การส่งเสริมสุขภาพ อาทิ การจัดสวนสุขภาพ (สมุนไพร) เพื่อเป็นอุทยานความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในโรงเรียน
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการปรับปรุงห้องสมุด โดยจัดมุมเรียนรู้สำหรับเด็ก จัดนิทรรศการสุภาวะเรื่องต่างๆ อาทิ บุหรี่ สุรา สุขภาพฟัน การกินอยู่ รวมถึงการนำหนังสือที่รับบริจาคมาจัดหมวดหมู่เข้าสู่ชั้นหนังสือ เป็นต้น
และที่สำคัญก็คือ การมอบหมายให้ชาวค่ายได้มีโจทย์การศึกษาชุมชน ทั้งด้านวัฒนธรรมประเพณี และพุ่งเป้าไปสู่ทัศนคติเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของชุมชน พร้อมๆ กับการร่วมเรียนรู้กับปราชญ์ชาวบ้านในวิถีชีวิตที่พอเพียง
เกี่ยวกับประเด็นชุมชนนั้น เห็นได้ชัดว่านิสิตได้ค้นพบสาระในอีกมุมหนึ่งอย่างน่ายกย่อง โดยเฉพาะวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตที่ยังคงผูกยึดอยู่กับภูมิปัญญาเก่าก่อน ไม่ว่าจะเป็นการกินดิน ความเชื่อเรื่องผีฟ้า (แกลมอ) ซึ่งล้วนเกี่ยวกับวิถีสุขภาพและการบำบัดรักษาโรคของชาวบ้านที่นิสิตหลายคนยังไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยก็ว่าได้
ไม่เพียงเท่านั้น นิสิตชาวค่ายยังคงมีกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้อื่นๆ อีกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการให้ความรู้ในเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคไข้เลือดออก รวมถึงการเต้นแอโรบิคในทุกวัน แถมยังมีกิจกรรมกีฬาร่วมกันระหว่างชาวค่ายกับชาวบ้าน
อีกทั้งยังเรียนเชิญ รต.ต.วิชัย สุริยุทธ มาเป็นวิทยากรร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวค่ายและชาวบ้านในประเด็นการปลูกป่าเพื่อสังคมโลก ซึ่งกิจกรรมที่ว่านี้ ก็กลายเป็นสีสันของค่ายนี้ไปโดยปริยาย
พอตกดึก ก็มีกิจกรรมรอบกองไฟให้ชาวค่ายและชาวบ้านได้ร่วมสนุกสนานกันอย่างใกล้ชิด แถมยังมีกระบวนการที่สำคัญปิดท้ายค่ำคืนโดยการประชุมสรุปงานในแต่ละวัน เรียกได้ว่าเป็นการ “ถอดบทเรียน” ขนานแท้ ว่าในรอบวันที่ผ่านมานั้น ทำอะไรไปบ้าง...
...ได้อะไร
...และต้องปรับแก้อะไรบ้าง
ซึ่งทั้งหมดนั้น มีการบันทึกไว้เพื่อต่อยอดกันอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ต้องถือได้ว่าเป็นการบริหารจัดการค่ายสู่การเรียนรู้ได้อย่างมีพลัง ชาวค่ายสามารถผูกโยงให้โรงเรียนกลายมาเป็นศูนย์รวมการทำกิจกรรมร่วมกับนิสิตได้เป็นอย่างดี พอๆ กับการหลอมละลายนิสิตเข้าสู่การเรียนรู้ชุมชนอย่างง่ายงาม โดยมีกระบวนการของ “พ่อฮักแม่ฮัก” เป็นกลไกของการขับเคลื่อน
ยิ่งในพิธีปิดค่ายนั้น ยิ่งเห็นได้ชัดว่า ชุมชนได้รวมพลังกันออกมาร่วมเป็นเกียรติส่งลูกหลานกลับมหาวิทยาลัยอย่างแน่นหนา มีผู้หลักผู้ใหญ่พาเหรดมาร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมหน้า อีกทั้งยังเห็นว่าชาวบ้าน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก ต่างลงขันสมทบงบประมาณในการซ่อมแซมโรงอาหารอย่างพร้อมเพรียง เรียกได้ว่าเป็นอีกภาพสะท้อนหนึ่งของการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น
และนั่นคือภาพกว้างๆ ที่ผมพยายามประมวลมาไว้ในบันทึกนี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าค่ายดังกล่าว เป็นค่ายอาสาพัฒนาที่น่าสนใจอย่างยิ่งยวด เพราะมีการสร้างโจทย์เรียนรู้ที่กลมกลืนระหว่างชุมชนกับสถานศึกษา พร้อมๆ กับการใช้กระบวนการของการถอดความรู้เป็นเครื่องมือของการบริหารจัดการค่ายให้มีประสิทธิภาพไปในตัว
แน่นอนครับ ชมรมคนวัยใสใส่ใจสุขภาพ ถึงแม้จะเป็นองค์กรใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดในปีการศึกษา ๒๕๕๑ แต่ต้องยอมรับว่า ระยะทางแห่งการเดินทางบนถนนสายกิจกรรมนั้น ดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
หวัดดีครับพี่นัส
บ่ได้เข้ามาเบิ่งโดนแล้ว
พี่นัสเปลี่ยนไปครับ
นอกจากฝีมือการเขียนที่รู้ดีอยู่แล้ว
มาเทื่อนี่ เหมือนว่า เรืองคอม กับกราฟิคนี่ เพิ่นสุดยอดเด้อครับ
เบิ่งจาก header เท่ห์ซะขนาดนั้น
พี่นัสสบายดีบ่ครับ
ฝากความคิดถึงถึงพ่เจียบนำ แล้วก้อ นัสน้อยขี้ดื้อนำแน่เด้อครับ
เอ้อ ผมสบายดีครับ ยังทำงานอยู่ชลคือเก่า
ตั้งท่าว่าสิเปลี่ยนงานตอนต้นปี แต่สำลักแฮมเบอร์เกอร์ซะก่อน ^^
ระลึกถึงครับ
เสก มอซอ
ปล. เห็นกุ้งน้ำแดง มันอยากเป็นลูกน้องพี่ว่าสั้น บ่ฮู้ว่าได้บ่ครับ
"เว้นเสียแต่พวกเขาทั้งหลายจะถอดใจ หรือพลัดหลงไปสู่ห้วงบรรยากาศอื่นๆ จนสิ้นไร้ไฟฝันแห่งความเป็นคนจิตอาสาเท่านั้นเอง และผมก็ได้แต่หวังว่า สภาพการณ์เช่นนั้น จะไม่เกิดขึ้น หรือถ้าเกิดขึ้นจริง ก็น่าจะไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน"
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนครับอาจารย์
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
ชื่นชมกับการเข้าค่ายสู่การพัฒนาการเรียนรู้นะคะ
โชคดี มีสุขค่ะ
แวะมาอ่านการถ่ายทอดกิจกรรมที่น่าสนใจครับ
สวัสดีค่ะพี่อ.แผ่นดิน
มาชื่นชมยินดีค่ะ ^_^ เห็นภาพแล้ว
ปลื้มจังค่ะ คิดถึงๆค่าย
พี่แผ่นดินสบายดีนะคะ
มีความสุขกับการทำงานค่ะ ^_^
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
ดีใจมาดที่อ.พนัสมาบันทึกเรื่องดีๆให้อ่าน
ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้นะคะ...ที่มีกิจกรรมดีๆ
ผู้เฒ่าผู้แก่ เด็กๆคงดีใจที่มีคนมาให้ความรู้...พร้อมกิจกรรมค่าย
ประทับใจการออกค่าย...มากค่ะ
คิดดีทำดีเยี่ยมมากๆ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับคุณ แผ่นดิน ตามมาดูค่าย ของนิสิต สาธารณสุข (คนพนธ์หายาก) ขอเป็นกำลังใจให้ชาวค่ายครับอาจารย์
สวัสดีค่ะ หน.ฯ
ไม่ได้เข้า G2K ซะนาน
วันนี้ดีใจที่ได้มาอ่านเจอ blog นี้
ขอเจิมด้วยเม้นท์ ซู๊ดดดด ยอด จ้ะ
สวัสดีคะอาจารย์พนัส
มาชื่นชม ค่ายใส ๆคะ
ชอบสีรั้วมากคะ สีน่ารักดี ใส ๆ เหมาะกับวัยรุ่น วันเด็ก
คิดดีทำดีเยี่ยมมากๆ
เก็บคำพูดป๊ะเบมาคะ...ชื่นชมจากใจ
สวัสดีครับ อ.วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน
ผมต้องขอภัยนะครับทื่เพิงกลับมาตอบบันทึก เพราะมีราชการนอกมหาวิทยาลัยฯ เมื่อวานก็ตะลุยพื้นที่แถวๆ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เย็นก็ตรงไปหมู่บ้านในเขต อ.เมือง .กาฬสินธุ์ กลับที่พักในตอนตี 2
วันนี้ในช่วงที่รอกล่าวเปิดงานการอบรมของเจ้าหน้าที่หอพัก เลยพลอยมีเวลาได้เข้ามาทักทาย...ก่อนจะพาตัวเองกลับเข้าสู่วังวนของการมหกรรมแห่งงานและชีวิตในรอบวันอีกครั้ง
...
ค่ายที่ผมพูดถึงนี้ มีเสน่ห์ตรงที่ความหลากหลายในการเรียนรู้ ไม่โฟกัสไปแต่เพียงงานค่ายที่เน้นการสร้างเท่านั้น แต่มีกระบวนการของการเรียนรู้ที่หลากหลาย ลงสู่วิถีชุมชน และยังดึงให้ชุมชนเข้ามาเรียนรุ้รวมกันในบริบทของโรงเรียนได้อย่างดียิ่ง
และที่สำคัฯก็คือ ผมเห็นความพยายามของชาวค่ายในการที่บริหารัดการค่ายด้วยกระบวนการของการจัดการความรู้ มีการถอดบทเรียนแต่ละวันและนำบทเรียนนั้นๆ ไปเป็นแผนของการทำงานในวันถัดไปอย่างชัดเชน
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ น้องเสก. แสงเดือน ตะวันฉาย
สบายดีนะครับ
ส่วนพี่ก็ยังสภาพไม่ต่างเดิม ยังต้องทำโน่นทำนี่อยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ปัจุบันภาระความรับผิดชอบดูเยอะกว่าเดิมเท่านั้นเอง
กรณีการสอบคัดเลือกนั้น บอกตามตรงเลยนะครับ ไม่มี การล็อกโหวต เสมอภาคและเท่าเทียม วัดกันเลยว่าใครมีผลึกความรู้ในเรื่องกิกรรมโดยแท้ ใครทำจริง..และทำมากน้อย...พี่เองก็หนักใมก เพราะแต่ละคนมีจุดเด่นที่สามารถเติมเต็มระบบงานได้เป็นอย่างดี
วันนี้เรามีตัวเลือกเยอะมาก แต่อัตราเพียง 2 อัตรา งดูน้อยนิดอย่างน่าใจหาย..
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ขอแค่ได้เขียน
ขอบคุณสำหรับกำลังในครับ เมื่อวานเพิ่งเอเด็กๆ กลุ่มนี้ ผมเองก็เอ่ยขอโทษเขาไปบ้างแล้ว เพราะกว่าเขียนถึงเรื่องราวของพวกเขาได้ ก็ใช้เวลานานเนิ่นเหลือเกิน
ยืนยันครับว่าชมรมนี้ฯ เป็นน้องใหม่ไฟแรง.จริงๆ และที่สำคัญมีทักษะของการบริหารจัดการค่ายที่น่าสนใ และยิ่งเป็นกลุ่มที่พยายามนำความรู้เฉพาะทางของตนเองออกมาประยุกต์ใช้ในมิติกิกรรมเช่นนี้ ยิ่งช่วยให้กิกรรมดูมีพลังและเป็นรูปธรรมอย่างที่เห็น...
ผมกำลังจับตาดูว่า ปีหน้า ชมรมนี้จะเดินทางไปในทิศทางใด, ..ยืนหยัดได้ หรือสะดุดล้ม
แต่ก็ได้แต่ภาวนานะครับ-ภาวนาให้พวกเขาเข้มแข็งและแข็งแรงขึ้นในเส้นทางสายกิจกรรมฯ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ ครูจิ๋ว
ค่ายในลักษณะนี้ กำลังให้แรงใกบพวกเขา เพราะพวกเขาะเป็นทางเลือกที่ดีของการออกค่ายในด้านของการสร้างเสริมสุขภาพ
ผมคิดว่า ปีหน้าพวกเขาจะตกผลึก-ชัดเจน-และฉะฉานมากกว่าปีนี้
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณ ปรเมศร์ ธำรงค์รัตน์
ด้วยความที่ว่าค่ายนี้ ผมไม่ได้ไปฝังตัวกับเด็กๆ เลย งไม่อาเขียนเชิงลึกที่เห็นนาฏกรรมของค่ายอย่างที่ควระเป็น แต่พยายามประมวลมาจากการสังเกตในวันที่ไปร่วมพิธีปิดค่าย..
แต่เท่าที่ดูเนื้องานแล้ว น้องๆ ชาวค่ายทำค่ายได้ดีไม่แพ้ค่ายอื่นๆ อีกทั้งยังน่าสนใจมาก เพราะมีกิจกรรมการบูรณาที่หลากหลาย...ซึ่งลักษณะเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ผมอยากให้เกิดขึ้นมาที่สุดในกระบวนการของค่ายอาสาพัฒนา
ขอบคุณครับ
ขอคุณมากนะครับ
ที่เขียนบล็อกให้ชมรมคมวัยใส ใส่ใจสุขภาพ
เห็นแบบนี้แล้วไม่ถอดใจแน่นอนครับ
สวัสดีครับ..เทียนน้อย
สบายดีนะครับ...ตอนนี้ผมยังเป็นนักเดินทางเหมือนเดิม ไปโน่นไปนี่อยู่เรื่อยๆ ..จนโต๊ะทำนเริ่มรกร้างไปแล้ว..
ช่วงนี้ไม่สบายนิดๆ หน่อยๆ อันเป็นผลพวงของการไม่พักผ่อน..
แต่ยังมีความสุขกับการทำงานเหมือนเคย..
...
เช่นกันครับ..
รักษาสุขภาพ
มีพลังชีวิตเยอะๆ
ผมเป็นกำลังใจให้ นะครับ
สวัสดีครับ พี่ ครูคิม
ผมหวังเองลึกๆ ว่าค่ายของชมรมคนวัยใสฯ เป็นทางเลือกของค่าบบูรณาการของมหาวิทยาลัย และเป็นค่ายต้นแบบของการสร้างเสริมสุขภาพของที่นี่
การให้กำลังใลให้คำปรึกษาแบบให้เขารู้สึกไม่อึดอัดนัก คือสิ่งที่ผมและทีมงานกำลังทำอยู่ในปัจุบัน
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ พี่แดง
ค่ายทุกค่าย ผมจะพยายามย้ำเสมอว่า ชาวค่ายต้องเรียนรู้ให้ครบกระบวนการของความสัมพันธ์ระหว่าง บ้าน-วัด-โรงเรียน หรือ "บวร" นั่นเอง
ขอบคุณครับ
เรียน อ.pandin
ขอความกรุณาให้ความเห็นต่อ (บทความฉบับร่าง)
http://gotoknow.org/blog/chaneyim/263757
จันทร์ยิ้ม กำลังรวบรวมความรู้ด้านการพัฒนาคุณธรรม(MQ)เยาวชน เพื่อใช้ประโยชน์ต่อเยาวชนต่อไป
แต่ด้วยรู้สึกว่าองค์ความรู้ที่มียังเพียงพอ และบางข้อความอาจไม่เหมาะสม
จึงขอความเห็นจากท่านผู้รู้กรุณาให้ความเห็นเพิ่มเติม
ทีมจันทร์ยิ้มขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้
สวัสดีครับ.. เบดูอิน
ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ..
ค่ายครั้งนี้ ในทางเนื้อหาอาจยังไม่ตกผลึกทั้งหมด แต่กระบวนการ และทิศทางการทำงานนั้น ต้องถือว่า น่าสนใจ และน่าชื่นชมเอามากๆ ..
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ..phayorm แซ่เฮ
ผมเพิ่งได้กลับมาตอบบันทึก หลังจากทิ้งช่วงไปนาน..
สบายดีนะครับ
ตกลงหลานสาวมาเรียนที่ มมส หรือเปล่า
ขณะนี้ มมส เปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ ..เติบโตแบบก้าวกระโดด
พวกผมเองก็รับบทหนักอยู่มากโขต่อการดูแลนิสิต...
เป็นกำลังใจให้นะครับ
สวัสดีครับ...วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ ตอนนี้เจ้าของค่ายก็เข้ามารับรู้ด้วยตนเองแล้ว..
เด็กกลุ่มนี้ จิตใจดี -คิดดี-ทำดีเรื่อยมาครับ ยังเหลือแต่เฉพาะประสบการณ์เท่านั้นเอง แต่เชื่อว่า ไม่ยากเกินกำลังการเรียนรู้ของเขาเองแหละครับ
สวัสดีครับ เจ้DSS "work with disability" ( หนิง )
ค่ายนี้เป็นค่ายบูรณาการครับ มีหลากหลายการเรียนรู้ ไม่จมอยู่กับการสร้างอย่างเดียว...
ผมว่าเขาทำได้ดีไม่แพ้ค่ายอื่นๆ ..
เรื่องดีๆ ก็ต้องให้กำลังใจกัน-ใช่ไหมครับ
กลับมาขอบคุณครับ
เป็นข้อคิดที่ชัดเจนมาก
ขอนำไปใช้อ้างอิงในบันทึกต่อไปนะครับ
uploadแล้วจะเชิญให้ตรวจครับ