ช่วงเย็น (วันที่ 11 เมษายน 2549) เดินทางต่อไปยังเมืองโปลอนนะรุวะ (Polonnaruwa) เมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นราชธานีแห่งที่ 2 เมื่อกว่าพันปีมาแล้ว ถือว่าเป็นอาณาจักรร่วมสมัยกับยุคสุโขทัย ชื่อได้ว่าเป็นยุคทองของพระพุทธศาสนาและศิลปะลังกา ปัจจุบันยังปรากฏร่องรอยอารยธรรมต่างๆ ให้เห็นอยู่มากมาย ถ้าจะเยี่ยมชมรายละเอียด คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสัก 2-3 วัน แต่ทางคณะมีเวลาเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง อาจารย์ดนัยจึงใช้คำว่าพวกเรามา "ดมทัวร์" ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ท่านก็ใช้การบรรยายในขณะที่นั่งอยู่ในรถบัสเป็นการเสริมเพื่อเติมเต็มครับ
จุดแรกที่คณะของเราหยุดดูก็คืออนุสาวรีย์ นักปราชญ์ที่โปตดุลวิหาร (รูป 1) ชาวศรีลังกาเชื่อว่าเป็นภาพแกะสลักของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชที่ 1 หลังจากนั้นเดินทางต่อไปที่วิหารกลม (รูป 2) ชื่อ วาฏะทาเค Vatadage) ภายในวิหารมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่หน้าเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ พระพุทธรูปครองจีวรไม่มีริ้ว พระเกศาไม่ขมวด (รูป 3) ส่วนทวารบาลสลักหินที่อยู่ทางทิศตะวันออกก็เป็นทวารบาลที่สลักได้งดงามมาก เป็นรูปมนุษยนาค (ผู้ชายมีนาคแผ่พิงพานอยู่ด้านหลัง) มือซ้ายถือดอกบัว มือขวาถือหม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์ และมีคนแคระ 2 คน ยืนอยู่สองข้าง (รูป 4)
รูป1 รูป2 รูป3 รูป4
ตรงกันข้ามกับวิหารกลมเป็นอาคารสี่เหลี่ยมชื่อว่า หาตะทาเค (Hatadage) ในวิหารหาตะทาเคมีพระพุทธรูปยืน 3 องค์ (รูป 5) ถัดจากวิหารหาตะทาเคไปทางตะวันตก มีวิหารอีกหลังหนึ่งเรียกว่า อาตะทาเค (Atadage) เคยเป็นที่ประดิษฐ์พระเขี้ยวแก้ว บางครั้งจึงเรียกว่า วิหารพระเขี้ยวแก้ว (รูป 6) ใกล้กันนั้นเป็นที่ตั้งของประสาท 7 ชั้น มีชื่อว่าสัตตมหาปราสาท (รูป 7) ถือเป็นอาคารที่มีรูปร่างแปลกจากที่อื่นในเกาะลังกา หากแต่ว่ารูปทรงนี้มีให้เห็นหลายแห่งในเมืองไทย บ้างเชื่อว่าศรีลังกาอาจจะได้รับอิทธิพลศิลปะทางสถาปัตยกรรมแบบนี้จากเมืองไทยก็ได้
รูป5 รูป6 รูป7
หลังจากนั้นขึ้นรถบัสเดินทางต่อไปชมวิหารหินหรือกัลวิหาร (Gal Viharage) ที่อยู่นอกเมืองโปโลนนรุวะไปทางทิศเหนือ ในบริเวณที่เรียกว่า อุตตราราม (อารามเหนือ) สร้างโดยพระเจ้าปรกรมพาหุที่ 1 เป็นสถานที่ที่มีพระพุทธรูปแกะสลักขนาดใหญ่ 4 องค์ ในอิริยาบทที่ต่างกัน คือ องค์แรกเป็นพระพุทธรูประทับนั่งปางสมาธิ (รูป 8) องค์ที่สองเป็นพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิเช่นกัน แต่มีขนาดเล็กกว่าองค์แรก (รูป 9) สลักไว้ในถ้ำที่ขุดเจาะเข้าไปในภูเขา ประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์มีเทวดาอยู่เคียงข้าง องค์ที่สามเป็นพระพุทธรูปปางรำพึง (รูป 10) มีความสูงถึง 7 เมตร องค์ที่สี่องค์สุดท้ายเป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน (รูป 11) มีขนาดใหญ่กว่าองค์อื่น มีความยาวถึง 14 เมตร
รูป8 รูป9 รูป10 รูป11
วันนี้ได้ชมโบราณสถานมากมายจนลายตาไปหมด ออกจากเมืองโปลอนนะรุวะ มุ่งสู่ที่พัก เข้าใจเอาเองว่าคงอยู่ไม่ไกล แต่ที่ไหนได้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นรีสอร์ทกลางป่าชื่อว่า Amaya Lake วันนี้ถึงที่พัก รับประทานอาหารค่ำเวลาประมาณ 3 ทุ่ม (เหมือนเดิม) ตอนเข้ารีสอร์ทมืดมากแถมฝนตกด้วยจึงไม่รู้ว่าสวยงามเพียงใด พรุ่งนี้จะนำรูปเด็ดๆ มาให้ชมครับ