เลียบเลาะตู้หนังสือนายแผ่นดิน (๕) : เพลงเมฆฟ้าคราม


เคยตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อนานมาแล้วว่า  หากถูกจับไปปล่อยเกาะสักสัปดาห์หนึ่ง  โดยให้เลือกนำสิ่งของ หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ  ติดตัวไปด้วยสัก  5  อย่าง  ผมจะเลือกอะไรติดตัวไปบ้าง

ครั้งนั้น  ผมตอบตัวเองได้ไม่ชัดนัก  รู้แต่เพียงว่า สิ่งแรกที่ผมไม่ลังเลที่จะเลือกเลยก็คือ  
หนังสือ ...
     - ส่วนอื่นๆ อีก 4 อย่างนั้น  เอาไว้คิดอีกที ...

 

ช่วงนี้เป็นช่วงที่สมองทำงานหนักไม่ใช่ย่อย  ทั้งงานประจำและกิจกรรม หรือแม้แต่งานวิจัยตามการอบรมตามหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะหลักผู้บริหารสายสนับสนุนฯ  รุ่นที่ 1 ก็ประเดประดังโถมทับเข้ามาเป็นระลอกๆ 
    
- ทำเอาเหนื่อยหอบอยู่ไม่ว่างเว้น  วันแต่ละวันจึงได้แต่ชวนให้ตัวเองยิ้มสู้กับชีวิตเป็นระยะๆ
 

 

วันนี้, ผมด่อมๆ มองๆ ตู้หนังสือของตัวเองอีกครั้ง  เห็นหนังสือชุดใหญ่เรียงรายอยู่ในตู้อย่างเป็นปึกแผ่น  สันปกบ่งชัดว่าแต่ละเล่มนั้น  เป็นนักเขียนคนเดียวกัน คือ พิบูลศักดิ์  ละครพล  ซึ่งเป็นนักเขียนอีกท่านหนึ่งที่ผมชื่นชมเป็นพิเศษ  สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยก็เคยเรียนเชิญท่านมาบรรยาย-อ่านบทกวี-และดนตรีให้นิสิตได้ซึมซับกับความเป็นศิลปะหลากแขนงอย่างอบอุ่น

 

พิบูลศักดิ์  ละครพล หรือ พี่ปอน เป็นนักเขียนหลากความสามารถ  ไม่เพียงเขียนหนังสือและเล่นดนตรีเก่งเท่านั้น  แต่ยังร้องเพลงเพราะ และมีฝีมือในทางการเขียนภาพอย่างน่าทึ่ง 

 

ผมมีวรรณกรรมของนักเขียนท่านนี้ในครอบครองหลายเล่ม  มีทั้งประเภทเรื่องสั้น  บทกวี  นวนิยาย  ความเรียง  ฯลฯ  เป็นต้นว่า 


- 
หุบเขาแสงตะวัน  (งานเขียนที่ที่สะท้อนความงดงามของธรรมชาติ และความเรียบง่ายของชาวบ้านในดินแดนอันไกลโพ้นจากแสงสีเสียง รวมถึงการฉายให้เห็นถึงความโหดร้ายของธรรมชาติตามห้วงฤดูกาลต่างๆ และความแร้นแค้นของชีวิต)

 

- วันเวลาแสนงามและวันที่รุ้งทอสาย  (วรรณกรรมเยาวชนที่งดงามและบริสุทธิ์ ในชื่อชุด วัยฝันวันเยาว์ ชุดที่ 1 และ 2  ซึ่งฉายให้เห็นความน่ารักใสซื่อไร้เดียงสาของเด็กๆ  ในชนบทที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ ป่าเขาและทุ่งนา)

 

- ขอความรักบ้างได้ไหม  (นวนิยายขนาดสั้นที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์  สะท้อนภาพของคนหนุ่มสาวที่ดูเปลี่ยวเศร้าและบาดลึก  รวมถึงสังคมอันป่วยไข้อย่างน่าสนใจ)


-
 นกสีฟ้า  (นวนิยายที่เขียนถึงเรื่องราวของคนหนุ่มสาวที่ปรารถนาจะอุทิศตนเพื่อสังคม  แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคนานาประการในระบบของสังคมเก่า)

 

นี่เป็นเพียงหนังสือเพียงไม่กี่เรื่องที่ผมหยิบมาเล่าแบบสั้น (และสั้นเอามากๆ)  ท่านใดสนใจ  ก็คงจำต้องหามาอ่านกันบ้างแล้วกระมังครับ  อย่างน้อยจะได้เห็นร่องรอบความสวยใสและไร้เดียงสาของเด็กๆ  ได้สัมผัสภาษาเขียนร้อยแก้วที่เป็นประหนึ่งวรรณกรรมร้อยกรอง  รับรองอ่านแล้วเพลินใจ ได้ครบทั้งบันเทิงและเริงปัญญาอย่างไม่ต้องสงสัย

 

นั่นเป็นเพียงวรรณกรรมประเภทนวนิยายและเรื่องสั้นเท่านั้น  ส่วนประเภทร้อยกรอง หรือบทกวีนั้น  ผมมีอยู่หลายเล่ม  แต่คงไม่ได้นำมากล่าวถึงเท่าใดนัก  ถึงกระนั้น  ก็หยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า เพลงเมฆฟ้าคราม  มาฝากท่านๆ  แทน

 

หนังสือเล่มนี้เป็นรวมบทกวีที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย มีแนวคิดที่ไม่ซับซ้อน  และหลายบทสื่อให้เห็นถึงมุมมองที่ดีต่อการใช้ชีวิตอย่างไม่สิ้นหวัง เสมือนการปลอบโยนหัวใจใครต่อใครให้มีแรงใจฝ่าข้ามภาวะที่โลกกำลังบูดเบี้ยว

 

ผมชอบบทกวีหลายบทในหนังสือเล่มนี้  เป็นต้นว่า  บทที่มีชื่อว่า ฟ้ามีที่ว่างให้เธอวาด


ฟ้ายังมีที่ว่างให้เธอวาด
ธรรมชาติยังบรรเลงบทเพลงหวาน

มีเรื่องราวที่เอื้อมให้ใจเบิกบาน
ฟังสิ ลมขานเพรียกเรียกชื่อเธอ

เดินออกมาสิคนเศร้าทอดเท้าย่าง
ฟากฟ้ากว้างแรรุ้งฝันปันเสมอ

ฝันให้ไกลปลายรุ้งโพ้นค้นให้เจอ

อย่าเพียงเพ้อฝันเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

สิ้นฤดูบุปผาย่อมราร่วง

มัวแต่ห่วงประเดี๋ยวหอมก็ห่างหาย

เกิดเป็นคนต้องกล้าร้องท้าทาย

ฝืนชะตาหาความหมายให้กับมัน

เช็ดน้ำตาเถิดคนเหงาอย่าเศร้าสร้อย

รักจะคอยเคียงข้างร่วมทางฝัน

ดูสิ ดวงบุหงาลดาวัลย์

มีมากพอแบ่งปันคนทุกคน

 

....

 

หรือแม้แต่บทกวีที่มีชื่อว่า โลกนี้ยังมีอ้อมตัก

 

โลกนี้ยังมีอ้อมตัก

มีรักแด่ดวงมานหวานถวิล

เงียบเงียบเงี่ยหูฟังแผ่นดิน

ได้ยินไหมเสียงหญ้างอกบอกรักฟ้า

...

โลกนี้ยังมีอ้อมตัก
เอื้อรักแด่ชาวชนผอง

ไยเจ้าก้มหน้าน้ำตานอง

รักและหวังยังเรืองรองทุกแหล่งหล้า

 

 

ครับ, .. ยังมีหนังสืออีกหลายสิบเรื่องที่ผมยังไม่สามารถนำมากล่าวถึงได้  แต่ทุกๆ เรื่อง ทุกๆ เล่ม  ล้วนเป็นงานเขียนคุณภาพที่อยากชวนให้ท่านทั้งหลายได้หยิบขึ้นมาอ่าน  และให้หนังสือที่ว่านั้นเป็นเพื่อนของคุณอย่างใกล้ชิด

 

ผลงานของพิบูลศักดิ์  ละครพล  ได้รับการการันตีจากผู้อ่านอย่างล้นหลาม  หลายเรื่องได้รับรางวัลเชิดชูจากสถาบันต่างๆ  ยิ่งหากสามารถอ่านจากต้นฉบับเดิมๆ  ที่พิมพ์ครั้งแรกๆ  ยิ่งน่าประทับใจ  ได้บรรยากาศไปอีกแบบ


 


ดังนั้น  ในภาวะเช่นนี้  ผมกลับมาซื้อหนังสือบ่อยครั้งขึ้น  แต่ซื้อมากองๆ  ไว้  อ่านจบบ้างไม่จบบ้าง  ถ้าจำไม่ผิด  ทั้งนิตยสารและหนังสือในห้องน่าจะรวมๆ กันแล้วไม่ต่ำกว่า

4 พันเล่มเข้าไปแล้ว
   
-  โดยเฝ้าฝันอย่างเงียบๆ  ว่าสักวันหนึ่ง จะหอบหิ้วหนังสือเหล่านี้กลับไปทำเป็นห้องสมุดเล็กๆ ที่บ้านเกิด  ชวนเด็กๆ มาอ่านมาเขียน และเรียนรู้ชีวิตผ่านหนังสือเหล่านี้

หมายเลขบันทึก: 244190เขียนเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2009 17:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)
  • นุชเป็นสาวพร้อมๆ กับนางสาวชูมานของคุณพิบูลย์ศักดิ์ค่ะ
  • และเพราะคนชื่อพิบูลย์ศักดิ์ ละครพลนี่ล่ะ ที่พาให้รู้จักหัวใจฝัน...ให้ขยันเขียนจากใจที่อยากเขียน....และเปิดโลกกว้างให้รู้จักนักคิด นักเขียน บทเพลงและกวีมากมายที่ปรากฏตัวมาทักทายอยู่ในถ้อยอักษรแต่ละเรื่อง...เล่ม....แต่ก็ทิ้งมันไว้เสียข้างหลังนานแล้ว
  • เมื่อวานไปงานปาถกฐาโกมลคีมทองมาค่ะ....จึงได้รู้ว่า "แท้จริงแล้วอุดมคติของคนเพื่อสังคมส่วนรวมทุกวันนี้ไม่ได้หายไปไหน...เพียงแต่มันเร้นกายอยู่ในคนเล็กๆ อย่างเราๆ....รอเพียงวันกล้าหาญ......ก็เท่านั้น...ก็เท่านั้นเอง....
  • ผ่านมาคารวะ..และขออนุญาตแวะหยิบเอาความฝันวันเยาว์ไปทบทวนใคร่ครวญต่อนะคะ....

สำหรับผมเริ่มมีหนังสือกองพะเนินเทินทึกมากขึ้น 

เห็นกวักมือไวไว ว่าเมื่อไหร่จะอ่านฉันสักที...

ยิ่งพอมีอินเตอร์เน็ท  ทำให้หนังสือถูกแย่งเวลาไปอย่างมาก...

พยายามแบ่งเวลาให้หนังสืออยู่นะ...แต่ก็คงให้ได้ไม่มาก..อิอิ

 

 

สวัสดีครับ.. กล้าเกื้อฝัน

ดีใจที่ได้พบแฟนคลับตัวจริงของพี่ปอน-
ล่าสุด  ผมพบกับพี่ปอนที่เมืองปาย, .... ตอนนั้นเจอกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆ  สะพานประวัติศาสตร์  -พี่ปอนมาเขียนโปสการ์ด ได้ทักทายและรำลึกความหลังและความจำแต่เพียงสั้นๆ แล้วจากลา

ในด้านวรรณกรรมนั้น  ต้องยอมรับงานเขียนของนักเขียนท่านนี้  เป็นแรงบันดาลใจของหนุ่มสาวหลายๆ คน  เนื้อหาหลายเรื่องดูชวนเพ้อฝัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เป็นวรรณกรรมสังคมที่สะท้อนภาพชีวิตและสังคมได้อย่างลุ่มลึก บางประเด็นวิพากษ์สังคมและเสียดแทงได้อย่างแยบยล..ผ่านภาษา หรือตัวอักษรที่พลิ้วงามราวบทกวีที่มีท่วงทำนองชวนหลงใหลเป็นที่สุด

โดยส่วนตัวผมชอบอ่านประเภทนวนิยายและบทกวีของพิบูลศักดิ์มากฯ  ส่วนเรื่องสั้นนั้น ผมค่อนข้างอดทนน้อยกับการตีความ  โดยเฉพาะนวนิยายที่ออกแนวเด็กและเยาวชน หรือคนหนุ่มสาวที่กำลังแสวงหาความหมายของชีวิตและการแสวงหาจุดยืนในสังคมนั้น- ผมก็ชื่นชอบเป็นพิเศษ

....

ขอบคุณครับ, ..สุขใจที่ได้พบมิ่งมิตร อีกครั้ง

 

สวัสดีครับ..ย่ามแดง

เชื่อเหลือเกินว่า โดยปกติคนที่ชอบหนังสือ  แค่เห็นๆ  ก็อยากซื้อเก็บมาไว้-และก็ทำเช่นนั้นจริง  ส่วนจะมีเวลาอ่านตอนไหน  ตรงนั้นค่อยว่ากันอีกที

สำหรับผมแล้ว  ถือว่า หนังสือเป็นเพื่อนที่ดีอีกคนหนึ่ง  ได้เรียนรู้ความเป็นมนุษย์ผ่านตัวละคร  ซึ่งหลายเรื่องเราก็เห็นภาพ หรือฉากชีวิตผ่านตัวละครในหนังสือ  ถึงแม้ไม่ชัดเจนนัก  แต่ก็พอให้เราเสมือนมีต้นทุนในทางประสบการณ์บ้างเหมือนกัน

ตอนนี้  อินเตอร์เน็ต, ทีวี, โทรศัพท์ และการงาน  เป็นส่วนหนึ่งในการพรากเวลาของตัวเองไปจากหนังสือ...

...

สุขสบายดีนะครับ- น้องรัก

โลกนี้ยังมีอ้อมตัก
เอื้อรักแด่ชาวชนผอง

ไยเจ้าก้มหน้าน้ำตานอง

รักและหวังยังเรืองรองทุกแหล่งหล้า

 

แวะมาทักทายค่ะ

มีกำลังใจดีๆเสมอๆนะคะ

สวัสดีครับ @..สายธาร..@

อีกบทหนึ่งในชื่อ "เราอาจไม่ได้พบกัน" ... เขียนไว้อย่างน่าคิด ดูเศร้าๆ ไปบ้าง  แต่ก็ได้ปรัชญาอย่างอบอุ่น  ว่า

...

เราอาจไม่ได้พบกัน
คงไม่สำคัญสักเท่าไหร่
เพราะ ณ อาณาจักรใจ
เราเคียงใกล้กันมั่นคง..

...

 

สวัสดีค่ะ

  • เช่นเดียวกันค่ะ
  • ไม่ว่าจะออกไปไหนหรือเดินทาง
  • สิ่งที่เตรียมคือ..หนังสือ  ใส่กระเป๋าไว้และ Dictionary ค่ะ  พกมาตั้งแต่เด็ก ๆ
  • ใครนั่งรถเขาก็จะหยิบขึ้นมาเปิดดู  พอได้ประโยชน์บ้าง
  • ตอนหลังก็จะเป็นภาษาของแอนดรูบิกส์  ติดรถไว้ให้คนนั่งมาด้วยได้อ่าน
  • คงจะออกติดตามชม..ผลงานของพิบูลศักดิ์ ตามคำแนะนำบ้างละ

สวัสดีครับ ครูคิม

ผมเองก็เหมือนกัน

  • ไปไหนมาไหนต้องพกหนังสือไว้ก่อน
  • ส่วนสมุดบันทึกนั้น บางทีไม่พกเลยก็มี ..ใช้ความจำอย่างเดียว..
  • ผมเป็นคนที่สามารถอ่านหนังสือบนรถได้อย่างไม่ขัดเขิน..สายตายังดี...
  • หลายคนบอก เดี๋ยวสายตาจะเสีย
  • แต่ตอนนี้ ก็ยังไม่พบอาการดังกล่าว แต่ระยะหลังก็ไม่พยายามอ่านหนังสือบนรถแล้ว
  • เพราะ.. เชื่อว่า นั่นคือการทำร้ายสายตา มากกว่าการดูแลสายตา หรือดวงตาของตนเอง
  • ....
  • ขอบคุณครับ

มาแอบอ่านหนังสือด้วยคนครับ

หนังสือหลายเล่มนอนนิ่งอยู่บนชั้น (ซื้อเก็บจริงๆ) หลายเล่มอ่านแล้วอ่านอีก

คนข้างกายบอกว่า อ่านแล้วเล่าให้ฟังมั่งดิ

เสียดายที่ความจำสั้น อ่านจบเล่มปุ๊บ ลืมปั๊บ

:)

สวัสดีครับ.พี่พิทักษ์

ผมชอบอ่านหนังสือ...อ่านแล้วจำได้นานครับ  แต่คนข้างๆ ไม่ชอบให้เล่าให้ฟัง  อีกทั้งผมก็เล่าไม่เก่ง  ก็เลยเหมือนคุยกันคนละเรื่อง มองคนละอย่าง

เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่ขาดไม่ได้เสียแล้ว...

ยิ้มๆ

โอ้โห พี่เป็นแฟนพันธุ์แท้ พิบูลศักดิ์ ละครพล เลยเชียวครับ ... ผมเคยอ่านงานของนักเขียนท่านนี้ที่เป็นร้อยแก้วอยู่ 2-3 เล่ม รู้สึกไม่ถูกโฉลกเป็นอย่างมาก อาจจะเพราะว่าเป็นงานศิลปะที่ค่อนข้างสุขุมนุ่มลึก พออารมณ์เราเข้าไม่ถึงชิ้นงาน ก็เลยเกิดอาการไม่ชอบใจขึ้นมา หลังจากนั้นก็ไม่แตะหนังสือของนักเขีียนท่านนี้อีกเลยครับ :-P

คืนฝันวันเยาว์มันผ่านไปแล้ว

ตอนนี้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกจริง

ไม่ใช่มายา

ขอบคุณสำหรับการรำลึกความหลัง

สิ่งที่หลงลืม ลืมที่จะทำ ทั้งๆที่ทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ คือ ความสุข

มีคนบางคนพูดว่า "ไม่มีเวลา" ในขณะที่อีกคนพูดว่า "แล้วเวลามันหายไปไหน" หมายถึงอย่าเอาคำว่าไม่มีเวลามาแก้ตัว อิอิ

เพราะคนสมัยนี้รวมทั้งตัวเราได้ฆ่าเวลาผ่านทีวี และคอมพิวเตอร์แทนหนังสือเสียแล้ว

ขอบคุณค่ะ บางเล่มที่อาจารย์พูดถึงก็ขึ้นชั้นหนังสือที่บ้าน รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ไม่เห็นทีใครไปหยิบมาอ่านเลย เฮ้อ! รอแต่ฝุ่นจับ

บางคนที่รู้จักก็บอกว่า "โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว" นั่นสินะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท