เหมียว


อะไรก็ทำได้ถ้าใจอยากทำ

เหมียว เป็นชื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แม่ต้อยรู้จักมานานกว่าสิบปี เธอเป็นลูกสาวคนโตของน้องที่ทำงานมาด้วยกัน เคยเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆ เผลอนิดเดียวมาเจอกันอีกทีตอนปีใหม่ปีนี้ เธอกลายเป็นสาวสะพรั่ง เธอพร้อมครอบครัวพ่อ แม่น้องๆได้มาแวะมาเยี่ยมและอวยพรปีใหม่แม่ต้อยที่บ้าน จึงได้ทราบว่าเธอนั้นได้สำเร็จการ ศึกษาระดับปริญญาตรีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยเวลาช่างผ่านรวดเร็วเสียจริงๆ  เธอบอกกับแม่ต้อยว่าอยากจะเรียนต่อด้านจิตปัญญาศึกษา ในระดับปริญญาโทซึ่งเป็นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้คุณค่าของชีวิต การเรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ การฝึกฝนในเรื่องจิตใจ ที่จริงหลักสูตรนี้ค่อนข้างใหม่มาก น่าแปลกที่เธอสนใจ

                     บังเอิญว่าพอดีเหลือเกินที่ในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา แม่ต้อยได้จัดหลักสูตรอบรมระยะสั้นสองสามวันให้กับผู้ที่จะทำหน้าที่ไปเยี่ยมโรงพยาบาลซึ่งสอดคล้องกับแนวความคิด จิตปัญญา เพื่อให้คนทำงานฝึกการใช้สมาธิ มีสติ และมีจิตใจพร้อมที่จะรับรู้ข้อมูลและเรียนรู้ร่วมกับโรงพยาบาลได้อย่างเต็มที่  เมื่อเธอทราบจึงขออนุญาตเข้าร่วมอบรมด้วย  ซึ่งแม่ต้อยก็ยินดีมากๆที่มีคนให้ความสนใจที่จะเรียนรู้ในศาสตร์ด้านนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะแม่ต้อยคิดว่าเป็นการเรียนรู้ที่จะให้เรานั้นอยู่กับธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างอ่อนโยน เพียงแต่เป็นห่วงเธอเล็กน้อยว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมกับคนที่ไม่รู้จักกัน อีกทั้งอายุและอาวุโสสูงกว่าเธอได้ดีเพียงไรเท่านั้น เพราะจะต้องมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันตลอดการอบรม เช่นกิจกรรมการสนทนาที่เน้นการฟังอย่างไม่ตัดสิน เกิดสติและปัญญาในการสนทนา เป็นต้น

                     ในช่วงการอบรมทั้งสามวัน แม่ต้อยสังเกตว่าเธอร่วมเรียนรู้อย่างลื่นไหล ไม่มีช่องว่างระหว่างความคิดแม้แต่น้อย  สามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนที่อายุมากกว่าเธอ ถึงสองเท่าขึ้นไปอย่างสนุกสนานและเข้าใจ ไม่มีท่าทีความเบื่อหน่าย แม้ว่าก่อนหน้านั้นเธอจะไม่รู้จักใครเลยสักคนก็ตาม

ในเช้าวันที่สอง แม่ต้อยมีโอกาสนั่งรับประทานอาหารเช้าโต๊ะเดียวกับเธอ เราสนทนากันในหลายๆเรื่อง มีตอนหนึ่งแม่ต้อยได้เล่าว่า ตอนนี้แม่ต้อยพยายามที่จะรวบรวมความคิดและสิ่งที่ดีดี โดยการเขียนเรื่องเล่า ซึ่งการเขียนเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ แม่ต้อยไม่เคยมีทักษะมาก่อนเลย มีความคิดที่จะลองเขียนเรื่องที่อยากเขียนมาก็หลายครั้ง ครันลองลงมือเขียนก็เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา  ยากเย็นมาก เกิดอาการที่เรียกว่า จิ้มแห้ง ในทุกครั้งที่ลงมือเขียนจนถอดใจ  ในปีใหม่ที่ผ่านมาแม่ต้อยตั้งใจว่าจะขอลองอีกครั้ง เหมียวถามแม่ต้อยว่า แล้วเวลาเขียนแต่ละครั้งแม่ต้อยนึกไหมว่าจะเขียนอะไร? ในตอนนั้นแม่ต้อยก็ตอบว่า เรื่องอะไรก็ได้ ถ้าใจอยากเล่า หรืออยากเขียน แม่ต้อยจะเขียนเรื่องเหมียวก็ได้นะ เธอหัวเราะ ขบขันแล้วพุดว่า แม่ต้อยจะเขียนเรื่องอะไรเกี่ยวกับเหมียวละคะ  เธอทำท่าเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อว่า เรื่องของเธอจะมีอะไรที่น่าจะเขียนถึง

                     แม่ต้อยก็เลยจะบอกว่าในบางครั้งเราก็ไม่เห็นในสิ่งที่เราควรจะมองเห็น ในความคิดของแม่ต้อย เหมียวเป็นเด็กที่น่าสนใจ เพราะเธอกล้าที่จะเข้ามาเรียนรู้ ในสิ่งที่เธออยากจะรู้อยากจะไขว่คว้าให้กับตัวเอง อยากจะบอกว่าแม่ต้อยชื่นชมในความตั้งใจของเธอ  การเรียนรู้ของเธอไม่มีขีดจำกัดจริงๆ แม่ต้อยขออวยพรให้เธอได้เข้าเรียนต่อปริญญาโทในวิชาที่เธอรักอย่างสมประสงค์

                     และที่สุดของเรื่องเล่านี้ แม่ต้อยก็อยากจะบอกว่า ในทุกเรื่อง อะไรก็ทำได้ ....ถ้าใจอยากทำ เราก็จะได้สิ่งนั้นมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง

และหากเหมียวได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเรื่องนี้ของแม่ต้อย ก็คงจะรู้ว่าในที่สุด แม่ต้อยก็เขียนเรื่อง เหมียวจนได้ เพราะว่าใจอยากเขียนไงละคะ

             

คำสำคัญ (Tags): #ใจอยากทำ
หมายเลขบันทึก: 236386เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2009 20:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะ แม่ต้อย...เหมียวคนนนี้พอลล่ารู้จักไหมคะ อิอิ

น่าจะรู้จักนะคะ ไม่ใกล้ไม่ไกล เท่าไหร่คะ

แวะมาอ่านเรื่องของเหมียว

จริงนะคะทำอะไรก็ได้ถ้าใจอยากทำ

และเราจะทำได้ดีด้วยถ้ามีใจค่ะ

  • แนวคิดจิตปัญญา น่าสนใจนะคะ
  • ว่างๆแม่ต้อยมาเล่าบ้างนะคะ ว่าเป็นอย่างไร
  • ตามมาดูน้องเหมียว
  • ที่นี่เปิดเรียน
  • อิอิๆๆๆๆๆๆ
  • http://www.ce.mahidol.ac.th/
  • จริงๆๆแล้วอยากจะทำอะไร
  • ก็ควรทำเลย
  • ถ้าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
  • ไม่ทำให้คนอื่นเดือนร้อน
  • น้องเหมียวสู้ๆๆ
  • อ้าวมเชียร์แม่ต้อยนี่น่า
  • แม่ต้อยสู้ๆๆๆ
  • ต้องไปตามหมอสกลมาเชียร์ไหมครับ
  • อิอิๆๆๆๆๆๆๆ

ดีใจคะ ที่มาให้กำลังใจ เชิยท่านอาจารย์ สกลมาดีมากคะ เพราะท่านเป้นคนสอนแม่ต้อยเองคะ

สวัสดีค่ะ

  • คิดคล้าย ๆ กันค่ะคืออยากจะเขียนเรื่องที่ใจอยากเขียน
  • เคยคุยกับเพื่อนๆ ค่ะ   ว่าถ้าเราเขียนเรื่องทีเกี่ยวข้องกับตัวเราและชีวิตประจำวันเขียน..(เล่า) ง่ายดีค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีค่ะ แม่ต้อย

เหมียวเองนะคะ เมื่อเที่ยงแม่โทรมาบอกว่าแม่ต้อยเขียนบลอคถึงเหมียวด้วย เหมียวเลยตื่นเต้นมาก รีบมาเปิดอ่านเลยค่ะ แอบคิดว่า "แม่ต้อย เอาจริงรึเนี่ย!!!!"...5555

ขอบคุณแม่ต้อยมากๆ ค่ะที่ให้กำลังใจในเรื่องการเรียนของเหมียว และขอบคุณพี่ๆ ที่เข้ามา comment ที่ให้กำลังใจด้วยค่ะ ตอนนี้ทางศูนย์จิตตปัญญาศึกษาที่มหิดลที่เหมียวไปสอบไว้โทรมาบอกว่าเหมียวสอบข้อเขียนผ่านแล้ว และให้ไปสอบสัมภาษณ์สิ้นเดือนนี้ และแถมให้ใบงานมาทำก่อนถึงวันสอบสัมภาษณ์ด้วย รู้สึกว่าขั้นตอนทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีนะคะ ถ้าเหมียวไม่ได้ทุนไปเรียนต่างประเทศปีนี้ก็คงจะได้เรียนจิตตปัญญาศึกษาที่มหิดลเป็นแน่แท้ :D

นอกจากนี้ เหมียวขอบคุณแม่ต้อยมากค่ะ ที่เปิดโอกาสให้เหมียวได้เข้าไปร่วมอบรมของพรพ.ด้วย เหมียวรู้สึกดีมากเพราะพี่ๆ เจ้าหน้าที่และคุณหมอใจดีมาก ระหว่างพักก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากพี่ๆด้วย และรู้สึกสนุกกับเรื่องที่วิทยากรทั้ง 3ท่านสอน เพราะเหมียวว่ามันเป็นเรื่องร่วมสมัยนะ ไม่ว่าใคร เพศ ศาสนา หรืออายุไหนก็สามารถเรียนรู้และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ตนเองได้ เหมียวเองก็เรียนรู้จากท่านวิทยากรทั้ง 3 ท่าน (อ.สกล,อ.วรวุฒ และอ.แอ๊ด)มากมาย

เรื่องที่ประทับใจมากคือเรื่องที่อ.สกลบอกว่า

success is matrix of interactions.

แปลเป็นไทยตรงๆ ไม่ถูกนะคะ แต่เข้าใจว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้มันมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องและปฎิสัมพันธ์กันหลายอย่าง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำงานสำเร็จก็ไม่ใช่เพราะเราเก่ง แต่เพราะเรามีคนอื่นๆ สนับสนุน และถ้าเราผิดพลาดก็ไม่ใช่ความล้มเหลวของเรา เพราะบางเรื่องเราควบคุมไม่ได้ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลว แต่ทุกๆ เรื่องถือเป็นประสบการณ์ทั้งนั้น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช่วยให้เราปล่อยวางความรู้สึกผิดในอดีต และปล่อยวางความรู้สึกยึดติดว่าตัวเราดี เก่งจากความสำเร็จที่ผ่านมา ทำให้เราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกที่เป็นกลางกับตัวเองมากขึ้นค่ะ

(ความรู้สึกติดว่าตัวเองดีนี่ อาจารย์เรียกว่า "มานะ" ในใจเราแอบคิดว่า อ๋อ พี่ชายมานีนี่เอง 555)

สุดท้าย ขอบคุณคุณหมอสุพัฒน์ ใจงามด้วยที่แนะนำให้เหมียวรู้สึกเวบไซต์ gotoknow นี้ และขอบคุณสำหรับความเป็นกัลยาณมิตรจากพี่ๆ ที่พรพ.ที่เข้าร่วมอบรมด้วยกัน พี่ๆ ทุกคนที่เหมียวได้สัมผัส พูดคุยได้แสดงถึงความรักในการทำงานพัฒนาระบบคุณภาพของโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลเป็นภาคส่วนที่มีความสัมพันธ์กับผู้คนตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าคุณภาพของระบบการทำงานในโรงพยาบาลดีก็เท่ากับทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีไปด้วย การทำงานของพรพ.จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการพัฒนาสังคม

เหมียวขอเป็นกำลังใจให้แม่ต้อย หมออนุวัฒน์ และพี่ๆ ทุกคนนะคะ

love in work! fight! fight!

สวัสดีค่ะคุณแม่ต้อย

...

ตามน้องพอลล่ามาอ่าน

เรื่องน่าสนใจค่ะ อะไรก็ทำได้ ....ถ้าใจอยากทำ

เป็นกำลังใจให้น้องเหมียว

...

และ คุณแม่ต้อย ในการเขียนๆ

จะติดตามอ่าน แน่นอนค่ะ

...

มีความสุข ทุกโมงยามนะคะ

 

ขอบคุณในทุกกำลังใจนะคะ และคงได้เห็นว่า " เหมียว" ที่น่ารักนั้นเธอเป็นเด็กสาวที่ฉลาด เรียนรู้เร็ว และมีวิธีคิดที่ลึกซึ้งเพียงใด ยินดีด้วยนะคะ ที่สามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ อย่าลืมนำสิ่งดีดี มาแลกเปลี่ยเรียรู้กันนะคะ

ขอบคุณในทุกกำลังใจนะคะ และคงได้เห็นว่า " เหมียว" ที่น่ารักนั้นเธอเป็นเด็กสาวที่ฉลาด เรียนรู้เร็ว และมีวิธีคิดที่ลึกซึ้งเพียงใด ยินดีด้วยนะคะ ที่สามารถสอบเข้าเรียนต่อได้ อย่าลืมนำสิ่งดีดี มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ

 สวัสดีค่ะ

  • อะไรก็ทำได้ ....ถ้าใจอยากทำ” เราก็จะได้สิ่งนั้นมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง  เห็นด้วยที่สุด
  • ขอให้มีความสุขในการทำงานค่ะ

วัดดีเจ้า! แม่ต้อย วันนี้เป็นวันที่คิดถึงแม่ต้อยและ Boss ตี้สุดเลยเจ้า

เพราะว่า ปัญญาน้อยๆๆ ของหนู(ที่งามๆๆ ที่สุดเจ้า...นั่นแหละ..คนนั้นแหละ)

หลัง จากที่เห็นด้านมืดของตัวเอง ก็พบว่า ผัสสะ ของข้าเจ้า ก็เปิด (เปิดอย่างแท้จริง) ได้เกิดการตกตะกอนเป็นองค์ความรู้ที่ติดอยู่ในตัว แบบ สลัดๆๆก็ไม่หลุดจากขมอง..สมอง ของหนูเลยเจ้า... เข้าใจ ...และ

ภาพที่หนูมองเห็น หนูเห็นความงดงามของผู้ให้ ที่หนูรับรู้ได้ว่า เปิ้นเป็นผู้ให้ที่อดทนแต้ๆๆ เปิ้นให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่หนูโดยบ่มีเงื่อนไข..หนูรู้สึกสำนึกในบุญคุณ และรู้สึก รักแม่ต้อย รักผ.อ.มากๆๆและ รักพี่ๆๆอาจารย์ทุกๆๆคน และที่สำคัญหนูเห็นทิศทาง และ

หนูเิ่พิ่งจะมีเป้าหมาย(กับเขาบ้าง) เป็นครั้งแรกในชีวิต..ที่มันชัดเจนเหลือเกิน..

เป้าหมายของหนูในชีวิตนี้่มันยิ่งใหญ่และสำคัญมากๆๆ ค่ะ และที่สำคัญเป้าหมายนั้นเราทำเพื่อ ประโยชน์..ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..และ ต่อสังคม...อีกมากมาย..

...อิ อิ อิ.. แม่ต้อยเจ้าหนูตาสว่างแล้ว เห็นเป้าหมายแล้วชัดเจนที่สุด (เื่มื่อเราตัดคำว่าแพ้/ชนะ ออกไป)

ต่อจากนี้ไปแม่ต้อยจะบ่ได้เห็นหนู หอบของพะรุงพะรัง เช่น หนังสือ,ตำรา,ของพะรุง พะรัง มาที่ทำงาน หื้อ แม่ต้อยแอบคิดในใจว่า มันหอบอะหยังมาบะล้ำบะเหลือ อีกแล้ว เจ้า....หนูจะมาพร้อมกับ ความนิ่งและช้าลงที่ระลึกได้ค่ะ จะ.. บ่เร็วเหมือนลิงน้อยอย่างที่เคยเห็น..

รัก แม่ต้อยและผ.อ.และทุกๆคน ...แต่อย่างไรก็ตาม หนูก็ขอยืนยันว่า เมื่อใดก็ตามที่หัวใจ เปิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ..เมื่อนั้น..จะสัมผัสได้กับบรรยากาสของการเรียนรู้ ที่อบอุ่น ซึ่งทุกอย่างตั้งอยู่ บนพื้นฐานของความรักที่ให้โดยไม่มีเงื่อนไข ความเข้าใจ ความไว้วางใจเชื่อใจ จาก ผู้ให้.....ผู้รับที่มีบริบท Bornding อย่างหนู็ ...ก็จะเกิดการเรียนรู้ที่ใช้ การฟังอย่างลึกซึ้ง เรียนรู้ด้วยหัวใจที่อยากเรียนและสมองที่คิดเป็น....วันนี้ ได้รับคำชื่นชม ดีๆๆ จากอาจารย์ที่ลงฝึกเยี่ยมสำรวจ..ก็ทำให้หวลคิดถึงผู้ที่จุดประกาย ผู้ที่ให้ความรัก ปราถนาดีแก่ตัวเรามากๆๆ ..หนูจึงบอกพี่ๆ เขาไปว่า หากจะชื่นชมหนู ขอให้บอกแก่ครูๆ ของหนู (อ.หมู,อ.ผิง) และ คำชมนั้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้ที่ปิดทองหลังพระ ที่เป็นหลัง หลัง อีกที จริงๆๆ...ขอก้มกราบงามที่ตัก..แม่ต้อย..เจ้า...

สวัสดีเจ้า! แม่ต้อย วันนี้เป็นวันที่คิดถึงแม่ต้อยและ Boss ตี้สุดเลยเจ้า เพราะว่า ปัญญาน้อยๆๆ ของหนู(ที่งามๆๆ ที่สุดเจ้า...นั่นแหละ..คนนั้นแหละ) หลัง จากที่เห็นด้านมืดของตัวเอง ก็พบว่า ผัสสะ ของข้าเจ้า ก็เปิด (เปิดอย่างแท้จริง) ได้เกิดการตกตะกอนเป็นองค์ความรู้ที่ติดอยู่ในตัว แบบ สลัดๆๆก็ไม่หลุดจากขมอง..สมอง ของหนูเลยเจ้า... เข้าใจ ...และ ภาพที่หนูมองเห็น หนูเห็นความงดงามของผู้ให้ ที่หนูรับรู้ได้ว่า เปิ้นเป็นผู้ให้ที่อดทนแต้ๆๆ เปิ้นให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่หนูโดยบ่มีเงื่อนไข..หนูรู้สึกสำนึกในบุญคุณ และรู้สึก รักแม่ต้อย รักผ.อ.มากๆๆและ รักพี่ๆๆอาจารย์ทุกๆๆคน และที่สำคัญหนูเห็นทิศทาง และ หนูเิ่พิ่งจะมีเป้าหมาย(กับเขาบ้าง) เป็นครั้งแรกในชีวิต..ที่มันชัดเจนเหลือเกิน.. เป้าหมายของหนูในชีวิตนี้่มันยิ่งใหญ่และสำคัญมากๆๆ ค่ะ และที่สำคัญเป้าหมายนั้นเราทำเพื่อ ประโยชน์..ของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน..และ ต่อสังคม...อีกมากมาย.. ...อิ อิ อิ.. แม่ต้อยเจ้าหนูตาสว่างแล้ว เห็นเป้าหมายแล้วชัดเจนที่สุด (เื่มื่อเราตัดคำว่าแพ้/ชนะ ออกไป) ต่อจากนี้ไปแม่ต้อยจะบ่ได้เห็นหนู หอบของพะรุงพะรัง เช่น หนังสือ,ตำรา,ของพะรุง พะรัง มาที่ทำงาน หื้อ แม่ต้อยแอบคิดในใจว่า มันหอบอะหยังมาบะล้ำบะเหลือ อีกแล้ว เจ้า....หนูจะมาพร้อมกับ ความนิ่งและช้าลงที่ระลึกได้ค่ะ จะ.. บ่เร็วเหมือนลิงน้อยอย่างที่เคยเห็น.. รัก แม่ต้อยและผ.อ.และทุกๆคน ...แต่อย่างไรก็ตาม หนูก็ขอยืนยันว่า เมื่อใดก็ตามที่หัวใจ เปิดทั้งผู้ให้และผู้รับ ..เมื่อนั้น..จะสัมผัสได้กับบรรยากาสของการเรียนรู้ ที่อบอุ่น ซึ่งทุกอย่างตั้งอยู่ บนพื้นฐานของความรักที่ให้โดยไม่มีเงื่อนไข ความเข้าใจ ความไว้วางใจเชื่อใจ จาก ผู้ให้.....ผู้รับที่มีบริบท Bornding อย่างหนู็ ...ก็จะเกิดการเรียนรู้ที่ใช้ การฟังอย่างลึกซึ้ง เรียนรู้ด้วยหัวใจที่อยากเรียนและสมองที่คิดเป็น....วันนี้ ได้รับคำชื่นชม ดีๆๆ จากอาจารย์ที่ลงฝึกเยี่ยมสำรวจ..ก็ทำให้หวลคิดถึงผู้ที่จุดประกาย ผู้ที่ให้ความรัก ปราถนาดีแก่ตัวเรามากๆๆ ..หนูจึงบอกพี่ๆ เขาไปว่า หากจะชื่นชมหนู ขอให้บอกแก่ครูๆ ของหนู (อ.หมู,อ.ผิง) และ คำชมนั้นจะถูกส่งต่อไปยังผู้ที่ปิดทองหลังพระ ที่เป็นหลัง หลัง อีกที จริงๆๆ...ขอก้มกราบงามที่ตัก..แม่ต้อย..เจ้า...

แม่ต้อยดีใจมากๆที่น้องแมวมีความเข้าใจ และเรียนรู้วิธีการทำงานอย่างมีความสุขได้แม่ต้อยคิดว่าแมวจะต้องก้าวสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอนคะ แม่ต้อยเป้นกำลังใจเสมอคะ

สวัสดีค่ะคุณ P  add

ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ เชิญมาเรียนรู้ด้วยกันนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท