“ความสงบสุขจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย อบอุ่น ผู้คนมีความอิ่มเต็มภายในใจ มีจิตวิญญาณที่เปี่ยมเต็มด้วยความรัก ปรารถนาดีต่อกันกำลังจะหมดไปจากสังคมของเราแล้วหรือไร?...”
ภาพจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อ พฤษภาคม 2550
จดหมายถึงพ่อ
ศิลปิน อี๊ด วงฟุตบาท
อ่านคำบรรยายจดหมายถึงพ่อ หนูยังรอวันพ่อกลับบ้าน กล้ามะละกอที่พ่อเคยหว่าน แยกปลูกไม่นาน ลูกโตน่าดู * กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า พุ่มกระดังงาเลื้อยซุ้มประตู ทานตะวันชูคอชูช่อรออยู่ คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมาแม่อธิบายที่พ่อไปทำงาน เพื่อเงินเพื่อบ้านและเพื่อลูกยา จะมีบ้านโตมีรถโก้สง่า มีหน้ามีตาเหมือนดังใครๆพ่อไปคราวนี้แม้จะยาวนาน พวกเราทางบ้านเป็นกำลังใจ แต่บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้ หนูแกล้งทำหลับไปสงสารแม่จัง ส่วนน้องหญิงยิ่งยามเย็นค่ำ อ้อนประจำเหตุผลไม่ฟัง ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียวสุดท้ายนี้ขออวยพรให้พ่ออยู่แดนไกล หัวใจเด็ดเดี่ยว ขอพระคุ้มครองยามใจห่อเหี่ยว ปกป้องแลเหลียวร่ำรวยกลับมา ( ซ้ำ * , * , * )
จากบันทึก เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีวัคซีนทางใจ. .. ของคุณกวิน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2551 ทำให้คนไม่มีรากตระหนักถึงคำถามในใจที่ปรากฏชัดยิ่งขึ้นทุกวัน... “ความสงบสุขจากการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย อบอุ่น ผู้คนมีความอิ่มเต็มภายในใจ มีจิตวิญญาณที่เปี่ยมเต็มด้วยความรัก ปรารถนาดีต่อกันกำลังจะหมดไปจากสังคมของเราแล้วหรือไร? ...”
โดยส่วนตัวแล้วคนไม่มีรากอยู่ในครอบครัวที่ทำการค้าขาย และซึมซับกับระบบการค้า...ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายของการค้า ก็คือ กำไรสูงสุด... ส่วนความรับผิดชอบต่อสังคมเชิงบรรษัท (CSR) ( CSR= Corporate Social Responsibility ) เป็นสิ่งที่กล่าวกันในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีให้หลังนี้เอง และยังไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำไปว่า... CSR เป็นเพียงสโลแกนสวยหรูที่ใช้เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการประชาสัมพันธ์บริษัทหรือเปล่า?
ชีวิตบ้าน ๆ สงบเงียบ เบิกบาน อบอุ่นในสมัยเก่าก่อนนั้น เกือบจะไม่มีที่ให้ดำรงอยู่ต่อไปในสังคมปัจจุบัน ที่เป็นสังคมทุนนิยม บริโภคนิยม (Capitalist) เร่งรัดให้ทุกชีวิตต้องทำงาน ทำเงิน บริโภคและจับจ่ายใช้สอยอย่างลืมตัวกลัวตาย ตัดสินและประเมินกันจากสิ่งที่ประดับกาย ทั้งบ้านหลังมโหฬาร (ที่ไม่ใช่ “ครอบครัว”) รถแพงระยับ นาฬิกายี่ห้อหรู เครื่องประดับอลังการ ตำแหน่งหน้าที่การงานอันสูงเกียรติ ฯลฯ
“เพลงจดหมายถึงพ่อ” นี้ คนไม่มีรากได้ฟังรายการวิทยุซึ่งสัมภาษณ์ผู้แต่งเพลงนี้ เล่าว่าได้รับแรงบันดาลใจ โดยมีคนนำจดหมายหลายฉบับมาให้อ่าน ล้วน เป็นจดหมายของเด็กชายคนหนึ่งที่เขียนส่งมาให้ “พ่อ” ที่เข้ามาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างในกรุงเทพ ฯ แต่พ่อของเขาย้าย site งานไปที่อื่นในขณะที่จดหมายก็ยังคงส่งมาที่เดิม ผู้ที่รับจดหมายจึงเปิดอ่านและเก็บจดหมายไว้ด้วยความรู้สึกชนิดหนึ่ง...
และผู้แต่งเพลงได้ใช้ข้อความบางส่วนในจดหมายของเด็กชายคนนั้นแต่งเพลง...จดหมายถึงพ่อ
" ...แม่อธิบายที่พ่อไปทำงาน เพื่อเงินเพื่อบ้านและเพื่อลูกยา จะมีบ้านโตมีรถโก้สง่า มีหน้ามีตาเหมือนดังใครๆ ..." ความสุข ในครอบครัวต้องขึ้นอยู่กับ บ้านโต มีรถโก้สง่า จึงจะทำให้.... มีหน้ามีตาเหมือนดังใคร ๆ
หากในความเป็นจริงของชีวิตแล้ว ใครจะเถียงเล่าว่า...สิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงของมนุษย์ คงจะเป็นเพียงสิ่งที่เด็กหญิงเล็ก ๆ คนนี้ร่ำร้อง..."ส่วนน้องหญิงยิ่งยามเย็นค่ำ อ้อนประจำเหตุผลไม่ฟัง ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียว"
วิลเลี่ยม เวิร์ดสเวิร์ธ กล่าวไว้ว่า...
“...เรามีเรื่องวุ่นวายกับโลกมากขึ้น
เสียเวลากับการหาและใช้จ่ายเงิน
แทบไม่เห็นธรรมชาติที่เรามี
เราปล่อยปละหัวใจให้กับความสุขง่าย ๆ ไร้ศีลธรรม
ทะเลที่เปิดใจให้แสงจันทร์
สายลมที่รำเพยทั้งคืนวัน
ปัจจุบัน ถูกเก็บอัดเหมือนดอกไม้ที่ใหลหลับ
เราไม่ตอบรับกับสิ่งเหล่านี้และทุกสิ่ง
ธรรมชาติไม่อาจทำให้เราสะท้านสะเทือนใจได้อีกแล้ว... ”
ฟังเพลงแล้ว ต้องหันกลับมาถามตัวเองอีกครั้ง...เราล่ะ...กำลังอยู่ในวังวนที่ต้องใช้ชีวิตเช่นเพลงนี้หรือเปล่า ?
อ้างอิง
* หนังสือ The Spirit of Silence ของ John Lane บรรณาจากกัลยาณมิตร คุณใบไม้ย้อนแสง
* ขอบคุณ แรงบันดาลใจและโค้ดเพลง จดหมายถึงพ่อ จากคุณกวิน
เมื่อ อา. 28 ก.ย. 2551 @ 21:35
847587 [ลบ]
เรียนท่าน ฅ ฅน ไม่ มี ราก เครียดมากเกิด นิ่วใหมนี่
อิอิ