งดเหล้าเข้าพรรษา : โทษนะครับ ผมว่า "เปิดภาพ".แต่ยังไม่ "เปิดศักยภาพ"


รูปแบบกิจกรรมเหล่านี้ เป็นรูปแบบ "ตายตัว" ที่ยึดปฏิบัติกันมาทุกยุคทุกสมัย

เมื่อวาน (๑๕  กรกฎาคม ๒๕๕๑)
ผมและทีมงาน  มีโอกาสได้พานิสิตไปร่วมกิจกรรมที่ทางจังหวัดจัดขึ้นภายใต้ชื่อ "งดเหล้าเข้าพรรษา ออมเงิน เจริญสติ ละอบายมุข สร้างสุขแก่ครอบครัว" 

 

กิจกรรมหลักประกอบด้วยการเดินรณรงค์เรื่องการงดเหล้าในเทศกาลเข้าพรรษา
การรณรงค์ให้วันเข้าพรรษาเป็นวันงดเหล้าแห่งชาติ
การฟังธรรมเทศนา
การแซววาที, ทอล์คโชว์ของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ  ...

 

 

รูปแบบกิจกรรมเหล่านี้  เป็นรูปแบบ "ตายตัว"  ที่ยึดปฏิบัติกันมาทุกยุคทุกสมัย  เรียกได้ว่า  ถึงไม่มีการประชุมมอบหมายงาน  ผมก็เดาออก  เพราะรู้และตระหนักว่า  การทำงานกับภาคส่วนของจังหวัดนั้น  สิ่งที่ต้องการที่สุดก็คือการ "เปิดภาพ"  ต่อสาธารรณะ   มีการกะเกณฑ์กำลังคนมาเยอะ ๆ เสร็จแล้วก็ประกาศตูม ๆ ถึงผลสัมฤทธิ์  หรือไม่ก็เจตนารมณ์ของการจัดกิจกรรม  เพื่อให้ "สื่อมวลชน"  นำพาไปบอกกล่าวในสาระบบอีกทอดหนึ่ง

 

ทีมงานที่มาช่วยดูแลนิสิต

 

 

ปีที่แล้ว...
ผมมีโอกาสได้เข้าไปทำงานกับภาคส่วนในเชิงลึก  เสนอให้เปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมจากการเดินรณรงค์มาเป็นการรวมพลที่จังหวัด ...พร้อม ๆ กับกิจกรรมอันหลากหลายของทุกภาคส่วน  เช่น  การออกร้านแสดงผลงานของชุมชนที่ประสบความสำเร็จ  การนำเสนอวีดีทัศน์ชุมชนเข้มแข็ง  การแสดงผลงานของสถานศึกษา  การแสดงกิจกรรมบนเวทีที่เน้นให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาได้แสดงความสามารถ  มีเกมสนุก ๆ  มีของแจก  มีการตอบปัญหา  มีการเสวนา   มีการมอบโล่และเกียรติบัตรแก่ต้นแบบต่าง ๆ 

และครั้งนั้นก็ได้เกิด "ฑูตตักสิลา"  ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ

ปีที่แล้วโชคดีที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหลายแหล่ง  จึงทำให้งานสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี  มีสีสัน และไม่น่าเบื่อ

 

แต่ปีนี้...
กิจกรรมกลับมาในสภาพเดิม ...
ทุกสถานศึกษาต้องนำพานิสิตและนักเรียนมาเดินรณรงค์ท่ามกลางเปลวแดดอันร้อนแล้ง ..
แดดบ่าย, เป็นแดดที่ร้อนแรงและไม่เอื้อต่อคนเดินเท้าบนท้องถนนเป็นยิ่งนัก  แม้แต่ผู้คนรายรอบถนนที่ปักหลักในร้านรวงต่าง ๆ  ยังแทบจะไม่โผล่ออกมาดูชมกิจกรรมเลยก็ว่าได้

ส่วนผมก็ได้แต่สงสารนิสิตที่ต้องเดินฝ่าเปลวแดดอย่างเหนื่อยอ่อน

 

เล็กน้อย มหาสมปอง และ ผอ.เดี่ยว : สามขุนพลที่ไม่เคยทิ้งผม

 

 

วันศุกร์ที่แล้ว ...
ผมเสนอในที่ประชุมแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมทำนองนี้....
และเสนอให้จัดเป็นงานวัดไปเลย  เพราะยังไงก็จัดที่วัดกันอยู่แล้ว  โดยกำหนดให้แต่ละสถาบันออกร้านแทรกความรู้ในเรื่องเหล่านี้ ...และมุ่งสร้างความบันเทิงควบคู่ไปกับสาระความรู้  ผู้เข้าร่วมงานจะได้ไม่เบื่อ  แถมยังได้รำลึกความหลังในแบบงานวัด  เยาวชนและเด็ก ๆ  จะได้เห็นกลิ่นอายของวัฒนธรรมไทย  แถมยังสามารถเชิญคนแก่คนเฒ่ามาร่วมได้อย่างไม่เคอะเขิน -

 

แต่ก็อย่างว่า ...
ประชุมเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเพื่อมาจัดในวันอังคาร  ..
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง  หรือแม้แต่จัดเตรียมงานไม่ทันเป็นแน่  เลยต้องคืนกลับไปยังรูปแบบเดิม ๆ ในแบบฉบับที่ "ตายตัว" ..

 

ก่อนเลิกร้างปิดการประชุมในวันนั้น
ผมถือโอกาสบอกกล่าวว่า  ถ้าจะมีแค่เดินรณรงค์และให้ผู้แทนสถาบันขึ้นไปพูดบนเวทีเช่นนั้น  ก็ดูจะแห้งผากอยู่มิใช่น้อย 

ดังนั้น  จึงเสนอให้เพิ่มกิจกรรม  โดยการนำผ้าขาวมาผูกโยงไว้ในบริเวณวัด  เพื่อชักชวนผู้คนได้เขียนรณรงค์ร่วมกัน  รวมถึงการอาสานำนิสิตมานั่งวาดภาพล้อเลียนให้ฟรี ๆ  โดยไม่คิดตังค์  ....

 

 

 

 


 

ไม่รู้สิครับ...
ผมคิดเช่นนั้น  ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นภาระที่เพิ่มมาให้กับตัวเอง
แต่ผมไม่อยากให้งานมันแข็ง ๆ แห้ง ๆ ...และวนเวียนอยู่แต่กรอบเดิม ๆ
เพราะถ้ายังขืนเป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ    แล้วผมจะเอานิสิตที่ไหนมาร่วมกิจกรรม
เพราะนิสิตก็คงจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ...
มันเป็นงานที่ "เปิดภาพ"  และไม่ "เปิดศักยภาพ"  อย่างที่ควรจะเป็น


ถึงกระนั้นก็ยินดีนะครับที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้
เพราะเป็นพันธกิจทางสังคมที่เรามีกับชุมชน
หรือแม้แต่อย่างน้อยตอนนี้
เราก็กำลังรณรงค์เรื่องมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพอยู่เหมือนกัน ...

ภาพนี้ให้ทายครับ..ว่าเป็นภาพของใคร ?

 

 

นี่เป็น่สวนหนึ่งของบันทึกที่เกี่ยวข้องในปีที่แล้วนะครับ

http://gotoknow.org/blog/pandin/116980

http://gotoknow.org/blog/pandin/116986

 

หมายเลขบันทึก: 194456เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2008 08:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ผมก็ไม่ชอบเลยครับ ที่ผู้ใหญ่ชอบเอาเด็กไปทรมาน เดินกันบนถนน เด็กประถม เด็กอนุบาลยังไม่เว้นเลยครับ

สวัสดีครับ

  • น่าคิดครับ เราคุ้นกับกิจกรรมเช่นนี้มายาวนาน และก็อย่างที่ว่าหลังจากการทำกิจกรรมเสร็จ ก็ไม่ค่อยได้เห็นการประเมินผลสำเร็จอย่างจริงจัง
  • ประการหนึ่ง ผมว่าอาจจะเกิดจากการขาด "หุ้นส่วนทางความคิด" ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สถาบันการศึกษา วัด โรงเรียน เยาวชน อปท. ที่จะจัดเวทีคุยกันเรื่องรูปแบบของกิจกรรมอย่างจริงจัง
  • อย่างไรก็ตาม ผมยังมองในแง่ดี ในเมื่อกิจกรรมมันเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา ตามแนวคิดของการรณรงค์นี้ จึงยังไม่สายถ้าจะพอมีกำลังคิดกนต่อ ว่าจะต่อยอดของกิจกรรมนี้อย่างไร (ถ้าเป็นไปได้)

ด้วยความเคารพรัก

ภาพนี้คุ้นตาจัง

หนูนุ้ย...ใช่ๆๆๆ

:)

  • สวัสดีค่ะอาจารย์แผ่นดิน
  • วันนี้นุชขอโอกาสแลกเปลี่ยนในฐานะคนทำงานในเครือข่ายฯนะคะ

1. แรกที่เดียวเลย ต้องขอขอบพระคุณที่กรุณาตั้งกระทู้ที่มีประโยชน์สำหรับคนทำงานอย่างพวกเราค่ะ นุชถือว่าเสียงสะท้อนของอาจารย์นั้นเป็น "ถ้อยคำสิริมงคล" ที่ขอน้อมรับไว้

2. ที่ผ่านมาเราทำงานสร้างข่าย และสร้างความรู้เชิงลึก (ไม่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ)_แต่ไม่ค่อยมีเสียง เพราะคนเล็กๆ ทำงานไม่มีสื่อสนใจ ทำงานให้ตายก็ไม่มีใครได้ยินค่ะ  _ ปีนี้เป็นปีแรกที่เครือข่ายฯ ตั้งใจทำงานแบบดาวกระจายในครบทั่วประเทศ เป้าหมายวงกว้างระยะแรกนี้คือ "การรับรู้"   แต่เป้าหมายหลักคือ การทำงานงดเหล้าโดยพี่น้องประชาคมงดเหล้าจังหวัด อาจถือได้ว่าเป็นงานเปิดตัวคนทำงาน ที่มีใจในแต่ละจังหวัด เนื่องจากที่ผ่านมาส่วนกลางทำเองหมดค่ะ   โดยให้แต่ละจังหวัดสามารถออกแบบวิธีการทำงานของตนเองตามอิสระ  โดยหวังใจว่า "งานทดลองรณรงค์" นี้ จะเป็นฐานในการเรียนรู้เพื่อค้นหารูปแบบการรณรงค์"ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยให้ลดละและเลิกการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภาพรวม  รวมทั้งปกป้องเยาวชนให้พ้นภาวะการตกเป็นนักดื่มหน้าใหม่ ที่เหมาะสมในบริบทของจังหวัดนั้นๆ "  รวมทั้งมองหาเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์เพิ่ม  (แบบอุดมคติหน่อยนะคะ เพราะเราไม่ค่อยมีกะตังค่ะอิอิ)

3.  ปีแรกของการทำงานกว้างนี้ ยังมีงานที่ต้องถอดบทเรียนอีกมาก ดังนั้นเรายังต้องการคนที่จะมาร่วมคิด ร่วมสร้างอีกเยอะเลยนะคะอาจารย์ ขออนุญาตเชิญผ่านบันทึกเลยนะคะ โดยเฉพาะเพื่อนที่กล้าสะท้อนแบบสร้างสรรค์(ไม่ได้ด่าอย่างเดียว แต่มีมุมมองวิธีคิดดีดีให้เราปรับปรุงด้วย)  

4. มันยากอยู่นะคะ ในขณะที่งาน "ทวนกระแส" แบบนี้  คนทำงานก็น้อย บางที่ไปชวนเขามาช่วยงานยังไม่พอต้องขอเขาช่วยลงขันเสียอีกด้วย   ในขณะทางภาคธุรกิจALC.  มีกลุ่มบริหารอยู่กลุ่มเดียว คิดแล้วสั่งตูม พร้อมเงินงวดละแสนสองแสนล้านบาท  ซื้อได้หมด   ประชาชนคนเล็กๆ อย่างเรากว่าจะได้มาแต่ละงาน(บางทีช่วยกันงานเดียว หนีหายกลับมาเลียแผลกัน ไม่เอาแล้ว ไม่ทนแล้ว ไม่เห็นได้อะไรเลย)

5. แต่ก็ขอสู้ต่อค่ะ ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ  อยากฟังเสียงสะท้อนอย่างนี้เยอะๆ ค่ะ / และขออนุญาตนำบันทึกที่มีคุณค่านี้ไปให้เพื่อนๆ ในเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ    

รูปที่อาจารย์ส่งให้ดูมันมี 2 ส่วนนะครับ

ส่วนแรกเป็นภาพของเด็กที่อาจจะดูเหมือนถูกเกณฑ์ มาเดิน ลองนึกย้อนไปถึงตัวเอง

สมัยเป็นนักเรียน นักศึกษาก็พอระลึกได้ว่ามันน่าเบื่อขนาดไหน

แต่ภาพส่วนที่สอง เป็นภาพที่เด็กได้แสดงความคิดของเขาผ่านการเป็นพิธีกร ผ่านการ

เขียนแสดงความคิดเห็น ผมว่าอันนี้น่าสนใจมาก โดยเฉพาะความคิดที่สะท้อนออกมาว่า

ทว่า "เก็บเงินไปซื้อทองให้แม่ดีกว่า"

เดิมเข้าพรรษาคนจะมองว่า เป็นเรื่องของ "คนแก่" วัยรุ่นมาร่วมก็เป็นประเภทมาช่วย

เดินรณรงค์ เพราะ message นี้ไม่โดนใจวัยรุ่น

ผมว่าการมีพื้นที่ให้ วัยรุ่น เข้ามาแสดง ความคิดเห็น เกี่ยวกับคำว่า "งดเหล้าเข้า

พรรษา" เพื่อสะท้อนมุมมองของพวกเขาต่อเรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์มากนะครับ

เราอาจจะได้มุมมองใหม่ๆ ในการทำงาน นะครับ และที่สำคัญพวกเขา คือ คนที่จะดูแล

สังคมของเราต่อไป

นายมาดี

ผมชวนมองอีกมุมนะครับ

หากเราเลือกช่วงเวลาที่ดีๆ เช่น เช้าๆ แดดไม่แรง หรือเย็นย่ำ ให้ เด็ก นร.มาเดินรณรงค์ก็เป็นเรื่องที่ดี และคิดว่า นักเรียนก็ชอบ

ที่บอกแบบนี้ ผมก็เคยเป็น นร.อนุบาล และชั้นประถม มาก่อน การออกไปเดินกลางถนน ท่ามกลางเสียงดนตรีคึกคัก เห็นผู้คน...ผมชอบมาก

--------------------------------------------------------------

ระหว่างที่นั่งรถที่กระบี่จากโรงแรม ไปสนามบินเมื่อวาน ช่วง ๙ โมงเช้า แดดยังไม่แรง อากาศเย็นสบาย เห็นน้องๆจากทุกโรงเรียนในกระบี่ ออกมาเดินรณรงค์เหมือนกันครับ เห็นเด็กอนุบาล ซนเหมือนจับปูใส่กะด้ง วิ่งกันสนุกสนาน ยิ้มแย้มแจ่มใส

ผมจึงคิดว่า การหาช่วงเวลาให้เหมาะสำหรับการเดินรณรงค์ น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหาข้อขัดข้องนี้ครับ

-------------------------------------------------------------

ให้กำลังใจครับ ให้กำลังใจคนทำงาน

ชอบ เลิกเหล้า เพื่อความเป็น คน ค่ะ

และเห็นด้วยกับการเดินรณรงค์ตอนเช้าค่ะ คงต้องใช้ยุทธวิธี จูงใจให้เด็กตื่นเช้าด้วย มังคะ

งาน ต้องช่วยกันคิด คนละนิด ค่ะ

บางที ก็จะมีปัจจัยหลายอย่างที่ เราไม่สามารถทำได้อย่างที่คาดหวังค่ะ

เป็นกำลังใจ คนทำงานทุกคน ค่ะ

พี่แผ่นดินครับ พี่เคยถามตัวเองบ้างไหมว่าทำไมถึงต้องมาทำแบบนี้ ผมก็แค่ถามนะครับผมบทเพลงที่ดีอยากให้พี่แผ่นดินได้อ่านครับ

คนดีอย่าได้ลังเล งานเลี้ยงต้องมีเลิกรา เป็นสัจธรรม เป็นอนัตตา เป็นธรรมดาของการเปลี่ยนแปลง อย่างอแง อย่าอ่อนแอ อย่ายอมแพ้ต่อคลื่นลมแรง อยู่อย่างอดทน อย่างคนเข็มแข็ง ตราบเลี้ยวแรงของเธอยังมี ไปไปจงรีบก้าวไป ดูทางสดใสด้วยใจเสรี เธออยู่ที่นั้น ฉันอยู่ที่นี้ยังร่วมวิถีเส้นทางสู่ทน ให้งามสง่าดุจพญาคตสาร ให้เบิกบานดั่งป่าในหน้าฝน ให้หนักแน่นดังแผ่นผืนภูวดล ให้ใจอ่อนโยน

ให้ผลโฝยไฟ

ให้มีชิวิต ให้มีความหวัง สู่เส้นทางสว่างไสว จงมีชิวิตอย่างมีความหมาย ต่อภูผาเมฆไม้สายธาร เดือนดาวแพรวพราววาบวาม ยังมีความงามอยู่ในความเงียบงัน ทำนองชิวิตเส้นทางแห่งฝันเราร่วมสร้างสรรค์ด้วยวิญญาณเสรี ยามได้พบเป็นสิ่งที่ดี มีดนตรีบรรเลงให้ฟัง เส้นทางชิวิตที่เคยพลาดพลั้ง อย่าสิ้นหวังสิ้นลาโรยแรง

อย่างอแง อย่าอ่อนแอ อย่ายอมแพ้อยู่เพียงในฟัง ล้ำลาวันนี้ยังมีวันนั้น เราไม่จากกันชั้วนิรันดร์กาล

คนของแผ่นดิน

ปล.อาจจะพิมพ์ตกนะครับเพราะผมอ่อนภาษา

ว่างๆก็เข้าไปอ่านบ๊อกผมด้วยนะครับ http://learners.in.th/blog/mandin

คือกำลังหัดทำครับ

เห็นด้วยกับการหาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งให้เด็กได้แสดงความสามารถต่างๆเกี่ยวกับการรณรงค์ แบ่งเป็นซุ้มๆ เหมือนงานกาชาดเลยค่ะ ให้มีการละเล่นต่างๆ แต่ให้สื่อถึงกิจกรรมรณรงค์นั้นๆ เด็กได้รับความสนุกและความรู้พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ด้วย น่าจะดีนะคะ

การเดินแบบนี้ ร้อนค่ะ ร้อนมากๆ  ขนาดกางร่มยังร้อนเลยค่ะ กลับมาพี่ทำงานมีแต่คนถามว่าไปทำอะไรมาโทรมเชียว นุ้ยเลยบอกว่าไปเดินตากแดดตากลมเล่น อิอิอิ

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะเข้ามาเยี่ยมชม และทักทายค่ะ
  • นักศึกษา วาดภาพลายเส้นสวยนะคะ ฝีมือดี
  • ต้องร่วมมือคนละไม้คนละมือค่ะ ก่อนที่ศีลธรรมของ พระศาสดาของเราจะเลือนหายไปพร้อมกันค่านิยมใหม่ ๆ ที่ค่อย ๆ กลืนกินสังคมไทยทีละเล็กทีละน้อย

สวัสดีครับ คุณ จารุวัจน์ 

ขอบคุณที่แวะมาแลกเปลี่ยนนะครับ

อันที่จริง  ผมก็ไม่ถึงขั้นปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงกับกิจกรรมในทำนองนี้  แต่บางทีผมก็อยากให้คิดทบทวนว่าที่ทำ ๆ  นั้น  มีการประเมินผลอย่างจริงจังกันกี่มากน้อย  หรือทำให้เสร็จ ๆ เพื่อประโคมข่าวแล้วก็จบสิ้นลงเท่านั้น

ผมอยากให้มีกิจกรรมที่หลากหลายการเรียนรู้มากกว่าการเดินตามท้องถนน  ยิ่งงานนี้มาไม่ถึง 10 สถาบัน  จำนวนคนก็น้อยนิดนัก  เมื่อมาถึงก็ไม่ใคร่มีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ได้ทำเท่าไหร่  ยิ่งเหมือนเกณฑ์คนมาร่วมงานตามแบบ "มหาดไทย"

ผมเสนอให้มีกิจกรรมต่อเนื่องไปยังสถานศึกษาและชุมชน  โดยกระจายงบประมาณให้แต่ละส่วนไปทำกิจกรรมรณรงค์  เสร็จแล้วก็นำชิ้นงานเหล่านั้นมาจัดแสดง  และมีเวทีในการร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันและกัน (บ้าง)

ผมยืนยันว่า ไม่ถึงขั้นปฏิเสธเสียทั้งหมด
แต่อยากให้มีการจริงจังกับการประเมินผลและมีจุดหมายชัดเจนในการขยายผลไปในรูปแบบต่าง ๆ

มิใช่จบกันแค่นี้ ...

....

ขอบพระคุณครับ

 

สวัสดีครับ  คุณ กิตติพงศ์ พลเสน

  • อย่างไรก็ตาม ผมยังมองในแง่ดี ในเมื่อกิจกรรมมันเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา ตามแนวคิดของการรณรงค์นี้ จึงยังไม่สายถ้าจะพอมีกำลังคิดกนต่อ ว่าจะต่อยอดของกิจกรรมนี้อย่างไร (ถ้าเป็นไปได้)
  • ดีใจที่ได้เห็นข้อเสนอแนะที่ชวนคิดเหล่านี้นะครับ

    -  ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง  เพราะล่าสุดผมก็ได้นำเสนอเหมือนกันว่า  อยากให้มีกิจกรรมต่อยอดและขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะความเป็นเมืองการศึกษาแห่งนี้  ก็ขอให้เริ่มต้นจากการให้แต่ละสถาบันจัดกิจกรรมนี้ต่อไปในรูปของเครือข่าย  สถาบันใดจัด เครือข่ายอื่น ๆ ก็ไปร่วมแจม และร่วมสร้างกระแสให้พัดแรงขึ้น ๆ ... รวมถึงการค้นหานิสิต นักศึกษาและนักเรียนต้นแบบ  และเชื่อมโยงไปสู่ผู้ปกครองต้นแบบด้วยเช่นกัน

    - จากนั้น  ค่อยประสานความร่วมมือขับเคลื่อนกิจกรรมลงสู่ชุมชน  โดยเฉพาะคุ้มต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบเขตเทศบาล  ซึ่งไม่เพียงการต่อยอดกิจกรรมให้มีพลังเท่านั้น  แต่ยังนำพาเด็กและเยาวชนได้สัมผัสกับชุมชนด้วยเหมือนกัน ...

    และนั่นก็หมายถึง การปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีจิตสำนึกที่ดีต่อการรับผิดชอบต่อสังคมไปในตัว

    - ขอบคุณครับ

     

    สวัสดีครับ พี่ พิทักษ์

    ทายแม่นเลยนะครับ...

    และภาพนี้ก็เป็นภาพน้องนุ้ย จริง ๆ แหละ

    สวัสดีครับ คุณนุช กล้าเกื้อฝัน

    ระยะแรกนี้คือ "การรับรู้"   แต่เป้าหมายหลักคือ การทำงานงดเหล้าโดยพี่น้องประชาคมงดเหล้าจังหวัด อาจถือได้ว่าเป็นงานเปิดตัวคนทำงาน ที่มีใจในแต่ละจังหวัด เนื่องจากที่ผ่านมาส่วนกลางทำเองหมดค่ะ

    ...  จริง ๆ  หรือทั้งหมดนั้น  ผมเห็นด้วยและชื่นชมมากนะครับกับแนวคิดของกิจกรรม "บวชใจ"  ในปีนี้  และผมก้ได้กล่าวชมไว้ในที่ประชุมในวันเตรียมการแล้ว  โดยเฉพาะการใช้พื้นที่ของวัดเป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรม  ซึ่งก็ถือว่าตรงเป้าและโฟกัสได้อย่างพอเหมาะ  แต่น่าเสียดายในกิจกรรมนี้  มีเฉพาะนักเรียน นิสิตนักศึกษาเพียงไม่ถึง 500 - 600  คนเท่านั้นที่เข้ามาร่วมกิจกรรม เสียดายที่ชาวบ้าน หรือชุมชนไม่ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยกัน  จึงยังเป็นเสมือนการแยกส่วน

    ดังนั้น ...ผมจึงแนะนำให้ผูกผ้าทั้งหมดไว้ให้ชาวบ้านมาอ่านในตอนที่มาวัด  และได้รู้ถึงความรักและความรู้สึกอันดีงามของลูกหลานที่มีต่อคนในครอบครัวและสังคมอันเป็นที่รักของเขา ....

     

    คุณนุช กล้าเกื้อฝัน  (อีกรอบ นะครับ)

    ผมยังยืนยันนะครับกับประเด็นใจความหลักอันเป็นแก่นแท้ของกิจกรรมที่รณรงค์เพื่อให้ประชาชนได้งดเหล้า ..หรือนำพาไปสู่การลด ละ เลิกเหล้านั้น เป็นสิ่งอันดีงาม  ที่ทุกภาคฝ่ายต้องให้ความร่วมมือและเป็นเครือข่ายในการช่วยกันขับเคลื่อรให้มีพลังมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และต้องทำให้ต่อเนื่อง  ซึ่งอาจจะถือเอาเทศกาลนี้เป็นจุดเริ่มต้น -

    แต่ที่สำคัญมาก ๆ เลยก็คือ ...
    ผมอยากให้มีการขยายกิจกรรมไปสู่ภาคส่วนย่อย  ทั้งในระดับแต่ละสถานศึกษา  และแต่ละคุ้ม  โดยอาจมีวัดเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่แห่งการบ่มเพาะและเรียนรู้

    ส่วนใหญ่ที่เราพบเจอก็คือ ...จัดกิจกรรมภาพรวมในเชิงกว้างเปิดภาพรวมกันแล้วก็จากหาย  หลายส่วนไม่นำไปต่อยอดกันอย่างที่ควรจะเป็น  มันจึงเหมือนจุดพลุนัดเดียวและหายไปในเวิ้งฟ้า

    ปีที่แล้ว

    มหาสารคาม  ทำกิจกรรมทำนองนี้ได้ค่อนข้างดี ... มีการขยายผลอย่างน่าสนใจ  ผมเองก็ลุยงานนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว  และถือเอาวันงดเหล้าเข้าพรรษาเป็นการเปิดตัวเข้าสู่สถาบันด้วยเหมือนกัน

    .....

    ผมชื่นชมและเป็นกำลังใจให้นะครับ..
    สังคมยังต้องอาศัยเรี่ยวแรงจากทุกฝ่าย
    มีอะไรช่วยได้ ผมยินดี

    หากแต่บางที
    ผมเองก็อยากเห็นภาคฝ่ายในระดับจังหวัด  กล้าที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบของกิจกรรมให้หลากหลายขึ้น  และมีการส่งนโยบายไปอย่างกว้างไกล  พร้อม ๆ กับการประเมินที่ชัดเจน และนำพาผลการปฏิบัติมาต่อยอดให้กันและกันได้ร่วมเรียนรู้ต่อ ๆ กันไป

    ยืนยันครับ...
    มหาสารคาม  ก็มุ่งมั่นกับกิจกรรมนี้มากเหมือนกัน  เพียงแต่ปีนี้  มีเวลาเตรียมตัวน้อยมากเท่านั้นเอง

    ...

    ขอบคุณครับ..

    สวัสดีครับ  นายมาดี

    ผมไม่เคยกังขาต่อกิจกรรมทั้งสองที่กล่าวถึง  ไม่ว่าจะเป็น  การเขียนถ้อยคำลงบนผ้าผืนขาว หรือแม้แต่การขึ้นทอล์คโชว์  เพราะทั้งสองกิจกรรมนี้  ผมเองก็เป็นส่วนหนึ่ง หรือแม้แต่การเป็นผู้นำเสนอต่อที่ประชุม  เพราะนั่นคือ  การสะท้อนมุมมอง และแนวคิดของพวกเขาที่มีต่อปรากฏการณืในเรื่องดังกล่าว

    ล่าสุดนั้น.
    ผมเสนอแนะให้นำผ้าผืนนี้ผูกไว้ในวัดให้นานที่สุด  หรือไม่ก็เคลื่อนย้ายไปยังที่อื่น ๆ ที่สะท้อนให้คนอื่นได้รับรู้ และรวมถึงการนำไปเป็นสื่อหนึ่งของการรณรงค์ในเวทีต่าง ๆ  ...

    ขอบคุณครับ

     

    สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

    เห็นด้วยครับว่าต้องแก้ประเด็นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเดิน  แต่ก็คงต้องขอความร่วม "ใจ"  ของทุกฝ่ายในการรณรงค์อย่างคึกคัก  โดยเน้นให้แต่ละกลุ่มสะท้อนแนวคิดออกมาอย่างมีสีสัน และมีพลัง  มิใช่เดินด้วยป้ายเพียงไม่กี่ผืน.  รวมถึงการดึงให้ชาวบ้านได้ออกมาร่วมรับรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    และไม่ลืมที่จะนำไปขยายผลให้ต่อเนื่องในบริบทของตนเอง .

    ขอบคุณครับ

    สวัสดีครับ อ. ใบบุญ

    ถ้าทุกคนตระหนักว่าการลดละเลิกเหล้านั้น  มิใช่เพื่อใครอื่น แต่หมายถึงการทำเพื่อตนเองก็น่าจะดีไม่ใช่น้อย ..

    และที่เหลือ.  ความเป็นสังคมก็จะได้รับผลพวงที่ดีจากแนวคิดเช่นนั้นไปโดยปริยาย

    ขอบคุณครับ

     

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท