ช่วงนี้สังเกตว่าสมาชิกดนตรีไทย ลดน้อยลงทุกที หลายคนคงติดภารกิจ!! และวันนี้ได้รู้แล้วว่าทำไมคุณหมอที่เรียนขิมกับผู้เขียนเธอเก่งจังเลย เธอบอกว่า..เธอมาซ้อมตอนเย็น เธอชวนผู้เขียนด้วยแต่ผู้เขียนบอกตามตรงว่ามีภาระ (รับลูก) ตอนขากลับครูเลิกตรงเวลาเป๊ะ ! แต่ผู้เขียนเถลไถลอีกหน่อย เพราะยังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ (ก็มันตีติด ๆ ขัด ๆ นึกถึงคำพูดน้องหญิง ว่าบางคนเพียงแค่หายใจเข้าหายใจออกก็ผิดคีย์ซะแล้ว) แต่ครูก็ปลอบใจว่า..เราไม่สามารถเล่นได้คล่องภายในชั่วโมงเดียวหรอก ก็เหมือนเด็กหัดเดินนั่นแหละ...
พี่ไปรวินเล่าว่า..นี่ถ้าครูไม่สนใจ ไม่ใจเย็นล่ะก็ ฮึ่ม ป่านนี้ คงเลิกเรียนไปแล้ว และถ้าครูสนใจมากก็คงไม่เรียนเหมือนกัน เป็นงั้นไป แต่วันนี้ยังไปอยู่ค่ะ!!
ขากลับ ผู้เขียนเตร็ดเตร่ดูหนังสืออีกเล็กน้อย เจออาจารย์ท่านหนึ่งที่ภาค เธอถามผู้เขียนเรื่องดูหนังสือ ผู้เขียนตอบไปว่ามาจากเรียนดนตรีไทย อดใจไม่ไหว ก็เลยแว๊บดูนึดนึง เธอก็เลยเล่าให้ฟังว่า.......
สมัยอยู่กรุงเทพ ก็ไปเรียนดนตรีไทยกับเพื่อน เธอเรียนซอด้วง เพื่อน ๆ ก็เลือกเรียนต่าง ๆ กันไป ครูที่สอนพูดกับเธอว่า “สีซอน๊ะไม่ใช่เลื่อยไม้ แล้วไม่ต้องเสียใจน๊ะหากบางคนที่เรียนจะไม่ได้ออกงาน” พี่เขาบอกว่าพี่เขาเรียนสนุก ๆ แล้วเมื่อย้ายมาทำงานที่นี่แรก ๆ ก็ยังเรียนสีซอด้วยทั้งที่คณะแพทย์ และศูนย์หลวงประธาน (ถ้าจำไม่ผิด) เธอพูดปนหัวเราะว่า เธอได้ออกงานด้วย แต่...เป็นงานศพ (เธอเปิดโพยเอา)
แล้วผู้เขียนก็ขอตัวนึกถึงเรื่องเล่าของอาจารย์แล้วอดเดินอมยิ้มไม่ได้ อ้อ!! ผู้เขียนตีขิมเพื่อความสนุก สนานและอยากเรียนรู้ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ด้านศาสตร์สักนิด ด้านศิลป์ซะหน่อย ไม่หวังออกงานเช่นกันค่ะ
ไม่มีความเห็น