Living Organization : แล้วก็ถึงเวลาที่องค์กรจะต้องฟื้นคืนชีพ


เมื่อไม่กี่วันมานี้ ข้าพเจ้าได้รับโอกาสอันดีได้เข้าร่วมประชุม HA  National  Forum ครั้งที่ 9 ชึ่งมาจัดที่เชียงใหม่  หัวข้อ หรือ theme ในครั้งนี้คือ Living Organization  หรือในชื่อภาษาไทยก็คือ องค์กรที่มีชีวิต การประชุมนี้จัดโดย สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล

นับว่านานทีเดียวที่ข้าพเจ้าไม่ได้ข้องเกี่ยวรับรู้กับเรื่องราวต่างๆ ในระบบการพัฒนาคุณภาพ  การพัฒนาคนหรืออะไรก็ตาม  เพราะข้าพเจ้าไม่มีความคิดเห็นเรื่องจะทำอย่างไรกับการพัฒนาระบบโรงพยาบาล   เพราะแค่การพัฒนาตนเองก็ยังไม่ไปถึงไหน  จึงเลิกสนใจเรื่องจะไปพัฒนาคนอื่นหรือองค์กรอื่นๆ  ไปเสียงั้น

จนเมื่อได้ฟังท่านอาจารย์ผู้บรรยายกล่าวว่า  เราทั้งหลายนั้น ใช้เวลาในชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในองค์กร  องค์กรที่ว่าก็คือที่ทำงานของเรานั่นแหละ ท่านกล่าวว่า ถ้าเราทั้งหลายใช้ชีวิตอยู่ในที่ทำงานแบบไปวันๆ  ทำงานไปวันๆ  ไม่มีความสุขในที่ทำงาน   ไม่มีแรงบันดาลใจใดๆ  ไม่มีทิศทางใดๆที่ชัดเจน แถมในองค์กรมีแต่ความขัดแย้ง มีแต่ความน่าเบื่อหน่าย ท่านว่าองค์กรนี้กำลังเป็นองค์กรที่ไม่มีชีวิต  พอได้ยินดังนี้ข้าพเจ้าก็อดคิดสงสัยไม่ได้ว่า องค์กรที่ข้าพเจ้ากำลังทำงานอยู่ เป็นองค์กรที่มีชีวิตดีอยู่หรือเปล่า หรือว่ากำลังเข้าสู่ภาวะการไร้ชีวิตไปแล้ว

การทำงานด้านสุขภาพ เป็นงานที่หนักและต้องรับผิดชอบสูง แถมครอบครัวลูกเมียอาจจำต้องเข้าใจว่าคนที่ทำงานในองค์กรนี้ ซึ่งก็คือโรงพยาบาลนั่นแหละ มีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เหมือนคนทั่วๆไป  และเป็นองค์กรที่ทำลายความเป็นมนุษย์ได้รวดเร็วมาก จนบางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ตายไปตั้งนานแล้ว ตายจากความเป็นมนุษย์  การเห็นความทุกข์จากการเจ็บป่วย  การได้เห็นความตายอยู่เรื่อยๆ ทำให้จิตใจเริ่มด้านชาไร้ความรู้สึก  และปริมาณงานที่มากมายจนเกินกว่าจะทำไหว ทำให้เสียงแห่งความทุกข์ของคนไข้กลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ  คุณพยาบาลในอุดมคติที่อ่อนหวานน่ารัก จึงกลายเป็นคุณพยาบาลที่ดุสุดขีดและสยดสยอง คุณหมอที่น่าจะใจดีแบบในหนังสือหรือในนวนิยายกลับกลายเป็นหมอใจยักษ์ ไม่สนใจความทุกข์ของคนไข้และมองเห็นคนไข้เป็นเพียงสรีระยนต์ที่ต้องรักษาซ่อมแซม พวกเขาไม่ได้นึกถึงจิตใจและความรู้สึกของคนไข้แม้แต่น้อย  หรืออาจจะนึกถึงแต่ก็ไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร

ทำไมจึงกลายเป็นเช่นนั้นไปได้  มีเหตุและปัจจัยอันใด ไม่มีใครตอบได้ทั้งหมด แต่องค์กรด้านรักษาพยาบาลในประเทศนี้ได้ตายไปตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะจิตใจของคนที่ทำงาน  และไม่แน่ใจว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หรือเปล่า คงต้องช่วยลุ้นกันหน่อย

ระบบงานที่ไม่เคยทำให้คนทำงานมีความสุข งานการที่มากมายเกินกำลังในโรงพยาบาลรัฐบาลคือตัวอย่าง เมื่อหมอต้องตรวจคนไข้เป็นหลายร้อยในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะมีเวลามากพอที่จะได้พูดคุยกับคนไข้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยซ้ำ  เพราะถ้าหารปริมาณคนไข้ด้วยจำนวนเวลาแล้วก็พบว่าการพบหมอเพียงสามนาทีอาจจะมากไปด้วยซ้ำ 

ข้าพเจ้าเคยถามคนไข้ทีเล่นทีจริงว่า "  ถามจริงๆเถอะ หนุ่ม ถ้าเป็นไปได้อยากพบหมอสักกี่นาที" คนไข้บอกว่า "สัก 30 นาทีครับ "  ข้าพเจ้าได้ยินก็ได้แต่ยิ้ม ถ้าหมอใช้เวลาทั้งหมดดูแลคนไข้อย่างดีและตอบข้อซักถามทุกอย่างที่เขาอยากรู้ ได้พูดคุยกับญาติได้อธิบายเกี่ยวกับโรคที่เขาเป็นอย่างละเอียด  ในวันหนึ่งหมอแต่ละคนคงตรวจคนไข้ได้เพียงไม่กี่สิบคน แล้วที่เหลืออีกเป็นร้อยจะทำอย่างไร ??   สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาคุยกันว่าจะเอาปริมาณหรือจะเอาคุณภาพ ถ้าจะเอาทั้งสองอย่างอาจจะเป็นไปได้ยากมาก และเพราะคนทำงานส่วนใหญ่ที่ข้าพเจ้ารู้จักต่างใฝ่ดีที่จะทำให้ได้ทั้งสองอย่าง นั่นคือเหตุแห่งความทุกข์ พอทำไม่ได้ก็รู้สึกแย่ และระบบงานดังกล่าวได้ทำลายความเป็นมนุษย์ของเขาไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว

ข้าพเจ้าก็เคยเป็นเช่นนั้น ตอนทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐบาล  ภารกิจของข้าพเจ้าก็คือการตรวจคนไข้เป็นร้อยให้เสร็จสิ้นไปในหนึ่งวัน  ทำผ่าตัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  เราไม่อยากให้คนไข้ต้องรอนาน ไม่อยากให้คิวผ่าตัดต้องยาวนานเกินไป  แต่การนัดคนไข้มาผ่าตัดมากเกินไปกลับกลายเป็นความทุกข์ของผู้ร่วมงาน  คนไข้ที่ล้นวอร์ดกลายเป็นความทุกข์ของคุณพยาบาลที่ต้องดูคนไข้มากมายจนแทบจะทำให้มันมีคุณภาพไม่ไหว  เราคาดหวังที่จะทำอย่างดีที่สุด แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป  เพราะยิ่งงานปริมาณมากคุณภาพงานก็ยิ่งแย่ เรื่องนี้ไม่มีใครจะเข้าใจลึกซึ้งเท่าคนที่ทำงานในองค์กรนี้

จากการประชุมนี้ ผู้จัดคงคาดหวังให้องค์กรด้านการรักษาพยาบาลกลับมาเป็นองค์กรที่มีชีวิตอีกครั้ง  และมีการเน้นหนักเรื่องทางจิตวิญญานมากขึ้น และพยายามชี้ให้เห็นถึงงานที่มีคุณค่า  การทำงานด้วยความรักด้วยความสุข และกล่าวถึงการดูคนไข้แบบองค์รวม และดูแลคนไข้แบบที่เขาเป็นมนุษย์ กลายเป็นว่าท่านกำลังพยายามรื้อฟื้นคุณค่าทางจริยธรรม ทางคุณธรรมให้กลับคืนมาอีกครั้ง ในคนทำงานระบบสุขภาพที่ได้ถูกลดทอนเป็นเพียงมนุษย์ทำงานที่ไร้ชีวิตจิตใจ และผู้บริหารหรือผู้สั่งงานก็ไม่เคยเห็นคุณค่าทางจิตใจและไม่เคยคิดที่จะดูแลสภาพจิตใจของเขาเหล่านั้นมาก่อน  แถมไม่เคยสนใจในความทุกข์ของคนทำงานด้วยซ้ำ   แต่ปัจจุบันท่านเหล่านี้กำลังขอให้คนทำงานทั้งหลายกลับมามีหัวใจเป็นมนุษย์อีกครั้ง  ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่าปริมาณงานที่ยังมากมายนั้น  ท่านจะแก้ไขกันอย่างไร

เราเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ก็คือสอนให้เรามีความเมตตาปราณีต่อกัน  คำกล่าวแผ่เมตตาที่มีมาตั้งแต่ในโรงเรียนประถมก็คือ  สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย  ดังนั้นไม่ว่าหมอ ไม่ว่าคนไข้ ไม่ว่าพยาบาล ไม่ว่าคนงานเข็นเปล ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมโลกที่เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น  ไม่มีอะไรต่างกัน  ถ้าเราคิดจากพื้นฐานนี้  เราอาจจะมีเมตตาต่อกันมากขึ้น  และองค์กรก็จะเป็นองค์กรที่มีความสุขและฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง แต่อย่างไรไม่รู้ข้าพเจ้าคิดเห็นไปว่าคนที่ต้องฟื้นคืนชีพคนแรกคือท่านผู้บริหาร ท่านผู้ชอบสั่งการทั้งหลายนั่นแหละ ที่ควรจะมีเมตตาต่อคนที่ตั้งใจทำงานเป็นอันดับแรก  องค์กรใดจะมีคุณธรรมก็ต้องมีผู้นำที่มีคุณธรรมด้วย  เพราะถ้าจิตสำนึกร่วมขององค์กรคือการมีคุณธรรมจริยธรรม ผู้นำองค์กรต้องรับรู้และเป็นผู้นำพาไปด้วย การเรียกร้องให้ลูกน้องมีคุณธรรมมีความรับผิดชอบนั้น ท่านผู้นำก็ต้องปฎิบัติเป็นตัวอย่างเช่นนั้นด้วยจึงจะเห็นผล

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 191048เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2008 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:13 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีครับ...

ผมก็ไปมานะครับ  อาจจะเดินสวนทางกัน  แต่ไม่รู้จักหน้าตา...

อ่านบทความแล้ว ขอบอกว่าสุดยอดมากครับ 

จะขอเอามาลงวารสารของโรงพยาบาลนะครับ...

 ผมก็ได้เรียนรู้จากงานครั้งนี้หลายอย่างครับ...

 

  เห็นด้วยกับบทความพี่นะครับ

  เรื่องราวขององค์กรที่มีชีวิต  คงจะล้อกับเรื่องราวของสังฆะชุมชน และวิถีของผู้ปฏิบัติภาวนาในองค์กรของเรานะครับ

   ผมก็เคยคิดท้อแท้หลายครั้งเหมือนกัน...

   แต่ตอนนี้พยามอยู่ครับ  อย่างน้อยก็มีคนที่หล่อเลี้ยงเราอยู่  อย่างท่านผอ  สมคบ(พี่อ๊อด ครับ)

   ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ

สวัสดีจ้าน้อง kmsabai

ไม่ได้เจอกันในงานประชุมนี้ก็จริง แต่อาจจะได้เจอกันแถวๆ รพ.ปาย เร็วๆนี้ก็ได้นะ

พอดีพี่มีโครงการไปเที่ยวเมืองปายกับเพื่อนๆ น้องๆ สัปดาห์หน้านี้แหละ ว่าจะไปแวะ เยี่ยมท่านสมคบอยู่พอดี

ครับ

ดีใจนะครับ

อย่าลืมแวะที่ปายนะครับ

4-7 ท่านสมคบเป็นกระบวนกร สุนทรีสนทนา

 

สวัสดีค่ะ

หมอสบายดีไหมคะตอนนี้เป็นไงบ้างคะคนไข้เยอะอ่ะป่าววันนี้กุ้งไปรพด้วยหล่ะแต่ว่าไปแป๊ปเดียวเองค่ะตอนนี้เด็กๆๆที่wardน่ารักกะหมออินทรหรือยังคะ5555ฝากบอกด้วยนะคะว่าอย่าเครียดมากเดี๊ยวแก่นะคะไว้ว่างๆๆเราค่อยนัดเม้ากันดีกว่ายังไม่ได้เลี้ยงวันเกิดเลยจ้ะไว้รอหมอว่างๆๆและพี่น้อยกลับมาจากวัดก่อนดีกว่านะคะ

คิดถึงเสมอค่ะ

กุ้งค่ะ

อ้อ รักษาสุขภาพนะคะอย่าอยู่เวรเยอะนะคะ

สวัสดีครับ

ขอบพระคุณมากครับ  กับหนังสือที่มีคุณค่ายิ่งครับ

เสียดายไม่มีโอกาสได้รับด้วยตนเองครับ.. ลงเวรไปเหนื่อยมากๆครับ  เลยหลับๆๆ

 

แต่ว่าธรรมชาติจัดสรร  คงจะได้พบกันที่ภาวนา เชียงใหม่นี้นะครับ

สมัครไปแล้วครับ...

สวัสดีจ้ากุ้งจัง

จะรอไปเลี้ยงวันเกิดนะ การงานก็ยุ่งเป็นพักๆ อยากจะบอกว่าที่นี่วุ่นวายหนอ ส่วนลุงอินทรก็สบายดี แต่ไม่มีเวลานั่งคุยกันเลย ต่างคนต่างยุ่ง

กำลังรอให้วอร์ดเฮเลนปรับปรุงเสร็จจ้า หลังจากนี้อะไรๆคงเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

สวัสดีจ้าน้อง kmsabai

เสียดายที่ไม่ได้เจอกันวันก่อน รวมทั้งท่านสมคบก็ไม่อยู่เสียอีก แต่คงมีโอกาสได้พูดคุยสนทนากันในสักวันหนึ่ง เห็นน้องวีบอกว่า น้องกำลังทำโครงการส่งเจ้าหน้าที่ไปอบรมปฎิบัติธรรมที่มูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ เป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ พี่เองก็จะกลับไปอบรมที่นั่นปลายปีนี้

ส่วนงานภาวนาที่เชียงใหม่ ถ้าหมายถึงงานภาวนาเดือนสิงหาคมนี้ กับคุณวิจักขณ์ พานิช เราคงมีโอกาสได้เรียนรู้แนวทางปฎิบัติธรรมของวัชรยานด้วยกันค่ะ

เราต้องร่วมด้วยช่วยกันทั้งองค์กร ทุกคนต้องพยายามทำหน้าที่ของตน และพยายามช่วยเหลือกันและกัน น่าจะทำให้องค์กรมีความสามารถเพิ่มขึ้น และผู้นำขององค์กร ทุกระดับ ในหน่วยงาน ต้องมีภาวะในการนำ จึงจะขับเคลื่อนเขยื้อนใจทีมงานให้ร่วมกันได้เพื่อความสุขร่วมกันทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ เพื่อเป็นองค์กรสมรรถนะสูงและเป็นองค์กรที่มีความสุข

สวัสดีค่ะคุณเอกราช

เห็นด้วยจริงๆค่ะว่า เราต้อง ร่วมด้วยช่วยกันทั้งองค์กร

ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท