ผมเดินกระฟัดกระเฟียดมาที่ร้านตัดผม เป็นรอบที่สอง หลังจากรอบแรกตัดแล้วไว้หางเต่าห้อยท้ายทอย ก็เลยโดนคุณแม่สั่งให้มาตัดหางออก ระหว่างที่นั่งรอคิวตัดหางอยู่นั้นก็หาอะไรอ่านแก้เซ็ง เผอิญเหลือบไปเห็นบทกลอนติดอยู่ข้าฝา ขึ้นหัวไว้ว่า " เพื่อลูก "ผมก็ลองอ่านดูเว้นวรรคผิดๆถูกๆ ช่างตัดผมหัวขาว(ผมขาวทั้งศรีษะ ซึ่งพี่ paleeyon เรียกแกว่า ลุงหัวขาว ผมเลยเรียกตาม) แกได้ยินผมอ่านผิดแกก็เลยอ่านให้ฟัง
ผมชอบมากและก็เสียดายมากที่ไม่ได้จดบันทึกไว้ เลยจำได้แค่บทนี้ หลังจากนั้นมาผมก็เริ่มแต่งกลอน
โดยใช้ กลอนของลุงหัวขาวเป็นต้นแบบ ซึ่งบทแรกที่เขียนไว้คือ
( ซ้า เป็นภาษาเหนือ หมายถึง ตระกร้า )
กลอนบทแรกของผมนี้ เขียนตอนเรียนชั้น ป.6 เอาไปอ่านให้คนรอบข้างฟังเค้าก็บอกว่าเพราะดี (ไม่รู้จริงใจรึไก่กา) เราก็รูปไม่หล่อแต่ทะลึ่งไปบ้ายออีก ก็เลยเขียนเรื่อยมา
(ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าผ้าที่พระห่มเรียกว่าอะไรเลยเขียนว่าโจงกระเบน ต้องกราบขออภัยด้วยครับ)
และก็เขียนอีกต่อมา.....
" สงสารหมาจัง ตัวเล็กลำบาก
หมาใหญ่แรงมาก แย่งกิน (ข้าวกู) ข้าวแลง " (ข้าวแลง=ข้าวมื้อเย็น)
เขียนเรียนแบบตามต้นฉบับมานานมากจนไม่ ค่อยมีใครอยากฟัง คือพออ้าปากจะอ่านให้ใครฟังเค้าก็แย่งพูดก่อนทุกที " สงสารมึงจัง " ก็เลยเขียนประชดไว้หน้ากระดานดำในห้องเรียนและคิดในใจว่าจะล้างมือในอ่างทองคำ จะไม่เขียนกลอนอีกเป็นอันขาด เลยเขียนเต็มหน้ากระดานดำ
เห็นผลทันตาครับแววรุ่งมีมาทันที โชคดี กับโชคร้าย มาพร้อมกันคุณครูเข้ามาเห็นบนกระดาน เลยโดนไม้เรียวไปสามที(คุณครูยอมผ่อนผัน ตีวันละที ติดต่อกันสามวัน ตอนแรกแอบดีใจ แต่..โดนตีที่หน้าเสาธงทุกเช้า อายมากครับ...ไม่น่าต่อรองคุณครูเลย)
โชคร้ายผ่านไปแล้วโชคดีก็บังเกิด คุณครูเห็นว่าผมชอบเขียนกลอนก็เลยสอนพื้นฐานให้(ท่านเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ แต่ชอบ เขียนกลอนเหมือนกัน ชื่อครู ประคอง ขออภัยที่จำนามสกุลไม่ได้ครับ)
เปิดตัวงานแรกเป็นงานประท้วงกลุ่ม เอเปค(กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน)และรณรงค์ประหยัดพลังงาน เลยได้เขียนบทกลอนเข้าร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ตอนนั้นราคาน้ำมันเท่าที่จำได้อยู่ที่ ประมาณ(ประมาณนะครับ)
ปี 2521 (บาท/ลิตร) ปี2522 (บาท/ลิตร)
เบนซินพิเศษ(ซุปเปอร์) 4.98 7.84
เบนซินธรรมดา 4.98 7.45
ดีเซล 2.64 4.85
บทกลอนที่ได้รับคำชมจากคณะครูคือบทนี้
ในช่วงเวลานั้นต่อต้านกันรุนแรงมาก แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ซักพักก็ซากันไป และน้ำมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆๆจนบัดเดี๋ยวนี้............
รัฐบาลปัจจุบัน ก็โหมกระพือเรื่อง การประหยัดพลังงานได้พักเดียว ก็เงียบไปอีกเสียดายนะครับเกือบจะได้ผลอยู่ละ แต่ไม่มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง กลายเป็นกรรมเป็นเวรของประชาชน ต้องสู้ทนอยู่กันไปตามมีตามเกิด ....กะว่าจะเขียนสนุกๆ แต่ต้องมาจบด้วยเรื่องเศร้าๆแบบนี้ ขอโทษทีครับมันน่าเศร้าจริง ๆ
วันนี้เขียนต่อไม่ได้ละครับ...รมณ์ บ่จอย จริงๆ
กราบขอโทษและกราบสวัสดีครับ
รพี กวีขี้มิ่ง
(ขี้มิ่งภาษาเหนือหมายถึง ขี้โมโหครับ)
สวัสดีครับนายสายลม
รพี
สวัสดีครับคุณระพี
ปี ๒๕๒๒...ผมเข้ารับราชการเป็นปีแรก...ยังไม่มีตังซื้อรถ...แต่จำได้ ปี๒๕๑๖...น้ำมันเบนซินลิตรละบาท...ซุปเปอร์ลิตรละบาทห้าสิบครับ...ปีนี้๒๕๕๑...เมื่อเทียบราคาแล้วขณะนี้ขึ้นปีละประมาณหนึ่งบาทครับ...อิอิ...เสียวไส้...ต่อไปลิตรละร้อย(ถึงตอนนั้นเราก็อย่าขายข้าวให้มัน...)
โชคดีครับ
น่าจะไปเป็นคุณครูภาษาไทยนะคะ ดวามพยายามเป็นเลิศ แต่ว่าเขียนแค่นี้ครูตีเลยเหรอ ไม่น่าเลยนะ
สวัสดีครับอาจารย์ขจิต
ดีใจครับที่ยังไม่เบื่อผม
ขอบคุณที่มาเยือนครับ
รพี
สวัสดีครับ
ก็เป็นการเล่าเรื่องในอดีตครับ แต่เทียบดูราคาน้ำมันแล้ว ใจหายจริงๆครับ
ยินดีที่มาเยือนครับ
รพี
สวัสดีครับครูนงเยาว์
ที่โดนไม้เรียวเพราะ ท่อนที่ว่าชาติเชื่อทางใดนี่แหละครับ จริงๆแล้วคำมันแรงกว่านี้ครับ แต่ผมเปลี่ยนคำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน และสุภาพกว่า มาออกอากาศแทนครับครับ (แหะๆ..ด้วยอารมณ์ในขณะนั้น)
ขอบคุณที่มาเยือนครับ
รพี
มาเยี่ยม...
อ่านบทกลอนแล้วสะท้อนใจจริงเรื่องน้ำมันแพงขึ้นไม่มีลดเลยละ ฮิ ฮิ ฮิ
" สงสารตัวเอง คว้างเคว้าง ชะมัด
รักสนุกทุกข์ถนัด ปัญหา ผลัด มาประดัง
ชอบเล่นกับไฟ หลงว่าให้ไออุ่น
พอไฟไหม้ใจเป็นจุล ก็หันหุนเพ้อคลั่ง
นอนครางฮือฮือ รอวันรื้อฟื้นไข้
โอ้ว่าใครหนอใคร จะเข้าใจฉันมั่ง
แม่คุณเอ๋ย แม่คุณ ช่างไร้การุณต่อฉัน
ชาติหน้า อย่าเจอกัน กรวดน้ำคว่ำขัน อนิจจัง... "
" พอเขียนกลอนหวาน ก็หวานจับจิต
เขียนประชดประชันนิดนิด ก็แสบถึง...หัวใจ "
ดีใจที่ได้เขียนบทกลอนตอบ กวีที่ชื่นชอบในใจ
รพี
สวัสดีครับอาจารย์ umi
ดีใจครับที่ได้รับกำลังใจจากท่านมาตลอด
ขอบคุณครับ
รพี