ปริญญาชีวิต (๔)


ปริญญาชีวิต บันทึกจากเรื่องจริงของลูกหลานครอบครัวรากหญ้า ที่ต่อสู้อย่างทรหด เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ขอมอบจากใจผู้เขียนให้แด่ชนรุ่นหลังไว้ เป็นแบบอย่าง แนวทางปฏิบัติ เพื่อเป็นทางลัดสู่เป้าหมายชีวิตให้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องไปเสียเวลาลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง อย่างไร้ทิศทาง ขอให้เธอทุกคนโชคดีมีชัยและประสบความสำเร็จ จงเริ่มต้นทันที

 

 

 

ปริญญาชีวิต (ตอนที่ ๔)

“คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น  ต้องเป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้”

 

เขามาจากครอบครัวรากหญ้า  มีพี่น้องร่วมอุทรถึงสิบกว่าคน เมื่อถึงเกณฑ์เรียนชั้นประถมปีที่ ๑ เมื่อครบอายุ ๗ ขวบ  ต้องเรียนหนังสือตามเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนดของรัฐบาลสมัยนั้น  ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดกฏหมายพ่อแม่ต้องถูกปรับ   จึงเข้าเรียนที่โรงเรียนราษฎร์แห่งหนึ่งใกล้บ้าน หลังเลิกเรียนช่วงบ่ายก็ไปขายของบริเวณป้ายรถเมล์ด้านหน้าตลาดวงเวียนใหญ่  ตรงข้ามกับอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช   หัดเป็นพ่อค้าตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เพียงเพื่อต้องการแบ่งเบาภาระพ่อแม่   ช่างแตกต่างกับเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในวัยเดียวกันอย่างลิบลับ  เด็กที่หลังเลิกเรียนก็กลับบ้าน  เล่นเป่ากบ  ทอยกอง  โยนลูกหิน  หรือเล่นหมากเก็บกัน  เป็นที่สนุกสนาน    ส่วนเด็กคนนี้ต้องต่อสู้กับความยากจน  ช่วยพ่อแม่หาเงิน  เมื่อถึงเวลาใกล้สอบก็ได้รับใบเตือนจากโรงเรียนเป็นประจำ ให้ไปชำระค่าเทอม  ซึ่งขีดเส้นตายด้วย ว่าต้องจ่ายภายในหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันสอบ  มิฉะนั้นจะไม่ให้เข้าห้องสอบโดยเด็ดขาด  หัวใจของเด็กน้อยวัย ๗ ขวบแทบสลาย  ไม่กล้านำใบเตือนชำระเงินให้พ่อแม่   เพราะเกรงว่าท่านจะเป็นทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้   หลังเลิกเรียนก็ไปรับผ้าเช็ดหน้า   ลูกสมอแช่อิ่มมาขายบ้าง ได้เงินมาไม่กี่บาท   การขายของสมัยก่อนไม่เหมือนกับสมัยนี้ที่วางแบกะดิน หรือเปิดท้ายขายของ   สมัยก่อนก็จะใช้กะบะแล้วมีเชือกแขวนไว้ที่คอ  เพื่อสะดวกในการวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งออกมาตรวจจับอยู่บ่อยๆ  เพราะเมื่อก่อนยังไม่มีตำรวจเทศกิจ  ไหนจะต้องแบกของที่ขายกับกะบะที่หนักอึ้งจนทำให้คอปวด  ไหนจะต้องคอยวิ่งหนีตำรวจแทบจะทุกวัน  ตำรวจสมัยก่อนทั้งร้ายทั้งดุ  ไม่เหมือนสมัยนี้ใจดี   วันไหนออกสลากกินแบ่งก็ไปรับเรียงเบอร์ที่โรงพิมพแล้วก็รีบวิ่ง  วิ่ง วิ่งทันที  ขาวิ่งปากตะโกน “เรียงเบอร์ครับเรียงเบอร์”   วิ่งขายตามตรอกซอกซอย  บ่อยครั้งที่ต้องเสี่ยงอันตรายวิ่งข้ามถนน  ตัดหน้ารถ  ต้องวิ่งเร็วขายให้หมดเร็วที่สุด ถ้าช้าก็หมดโอกาสขาย  กลายเป็นเศษกระดาษ ทำให้ต้องขาดทุนในที่สุด   เพราะยังมีเด็กที่โตกว่าซึ่งอยู่ในวัยรุ่นก็ไปรับเรียงเบอร์มาขายเหมือนกัน  และก็วิ่งเร็วกว่าเสียด้วย   เมื่อจบ ป. ๔ จะขึ้นชั้นมัธยมปีที่ ๑ ตัดสินใจไปสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาล  ซึ่งค่าเล่าเรียนถูกกว่า   เรียนจนจบ ม.๖  ในระหว่างเรียนอยู่นั้นก็ยังไปขายของที่สนามหลวง ซึ่งเปิดเป็นตลาดนัดวันเสาร์และวันอาทิตย์  ปัจจุบันได้ย้ายไปที่สวนจตุจักร  ที่นักท่องเที่ยวเรียกว่า JJ Market นั่นเอง 

 

 เมื่อพิจารณาเห็นว่า การค้าแผงลอยนั้นมีรายได้เพียงแค่พออยู่ได้เท่านั้น  และยังไม่สามารถเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมได้อีก   จึงตัดสินใจติดตามบิดาไปอยู่ เวียงจัน ประเทศลาว  ได้งานทำที่บริษัทแห่งหนึ่ง  เขาเหมือนหนีเสือปะจรเข้  มาเจอกับการเล่นพรรคเล่นพวก และถูกกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ   แต่เขาต้องอดทนและมีจิตใจเข้มแข็งในการที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมโดยลำพังคนเดียวนานถึง ๑๐ กว่าปี  ขณะที่เพื่อนร่วมงานรุ่นเดียวกันออกไปทีละคนสองคน  จนไม่เหลือใครเลย  อะไรหรือที่ทำให้เขาอดทนได้ถึงเพียงนี้?  เพราะแต่ไหนแต่ไรมา   บริษัทห้างร้านแทบจะทุกแห่งจะรับพนักงานที่มีวุฒิ  หรือมีปริญญากันทั้งนั้นประการหนึ่ง   และประการสำคัญคือความกตัญญูต่อผู้เป็นพ่อแม่  เกรงว่าพ่อแม่จะลำบาก  หากลาออกจากงาน  ทางบ้านก็จะขาดรายได้ซึ่งเขามีส่วนเป็นผู้ส่งเสียเป็นประจำทุกเดือน  เงินเดือนเกือบบาททุกสตางค์ที่หาได้  ถูกส่งให้ทางบ้านเพื่อจุนเจือครอบครัว  ที่เหลือ ๔๐ บาทเก็บไว้ใช้เองตลอดเดือน  จึงใช้เฉพาะกับสิ่งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น   ขณะที่พนักงานอื่นที่มีเส้นสายดีเป็นญาติกับผู้จัดการในบริษัท  ทำงานน้อยแต่ได้เงินเดือนมาก ถึงเดือนละเป็นหมื่นๆ  ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย  ลุ่มหลงในอบายมุข จนกระทั่งเป็นหนี้สินต้องยืมเงินบริษัท  แต่เขากลับมีเงินเหลือเก็บบ้าง  ทั้งๆที่ได้รับเงินเดือนน้อยกว่าตั้งเยอะ  ช่างประหยัดอะไรกันถึงปานนี้  ทำได้อย่างไร?

นอกจากเป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้แล้ว  เขายังได้มีโอกาส

เรียนรู้จากความยากจน

เรียนรู้จากการที่ต้องอดทน

เรียนรู้จากการ ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

ไม่ไปเปรียบเทียบเงินเดือนกับใคร   พอใจกับสิ่งที่ได้รับ

ถึงแม้เงินเดือนน้อย  แต่ก็ทำงานหนักอย่างเต็มกำลังความสามารถ

มีความกระตือรือร้นในการทำงาน

ตลอดระยะ ๑๐ กว่าปีไม่เคยลางาน  ไม่มีวันพักร้อน

ไม่เคยปฏิเสธงานที่ผู้อื่นให้ทำ  ทั้งๆที่ไม่ใช่งานในหน้าที่ของตนเอง

เรียนรู้และสะสมประสบการณ์จากการที่มีโอกาสได้ทำงาน

หลังเลิกงาน  ศึกษาภาษาจีน ฝรั่งเศส และอังกฤษจากสื่อวิทยุ 

ถึงแม้ไม่มีคนไหนเห็นความดี ความอดทน และความเพียรของเขา 

แต่เทวดาฟ้าดินก็เห็นใจ จึงมอบ ความอดทนอันยิ่งใหญ่ ให้แก่เขา

ถึงแม้เขาจะอยู่ในสถานภาพลำบาก ยากเข็นมากเพียงไร

เขาไม่เคยหมดกำลังเลยสักนิด

หลังจากประเทศลาวเริ่มเปลี่ยนแปลงการปกครอง  เป็นรัฐบาลผสม ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายแนวลาวรักชาติ  ซึ่งมีผู้นำทั้งสองฝ่ายคือ เสด็จเจ้าสุวรรณภูมา  และ  เจ้าสุภานุวงศ์  เซ็นต์สัญญากันที่เวียงจัน   บริษัทที่เขาทำงานอยู่  พนักงานเริ่มระส่ำระสาย  ทะยอยกลับถิ่นฐานบ้านเดิมตนเอง  เพราะเกรงว่าอาจจะมีการสู้รบเกิดขึ้น  เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย   ได้งานทำกับบริษัทแห่งหนึ่งด้วยการแนะนำจากเพื่อน  ทำงานด้วยความขยันขันแข็งอยู่หลายปี  ได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมายอย่างรวดเร็ว  เพราะเขาเตรียมตัวมาอย่างดีเป็นเวลาถึง ๒๐ ปี  จึงออกมาประกอบธุรกิจของตนเองด้วยทุนเพียงเล็กน้อย แทบจะเรียกว่าเริ่มต้นด้วยมือเปล่าก็ว่าได้

เขารู้ตัว  หรืออาจจะไม่รู้ตัวว่า  เขากำลังแปรความทุกข์ยากและสิ่งที่ถูกกดขี่ในชีวิตของเขาให้กลายป็นพลัง    เป็นพลังที่ทรงอานุภาพที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในตัวของเขาเอง     

จากการที่เด็กหนุ่มผู้นี้  สามารถทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้  เขาก็ชนะอุปสรรคทั้งปวงได้อย่างง่ายดาย  และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในที่สุด   เป็นเจ้าของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่มียอดขายมากถึงหลักพันล้าน   มีชื่อเสียงงดงามเป็นที่รู้จักกันทั้ง ๕ ทวีป เกือบทุกประเทศทั่วโลกเลยทีเดียว

เขาเป็นพ่อค้าเมื่อวัย ๗ ขวบ

เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตเกือบ ๒๐ ปี

เขากลับมาเป็นพ่อค้าอีกครั้ง  ด้วยมีศัทธาที่แน่วแน่และความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นทุน

เขากล้าตัดสินใจเปิดบริษัททั้งๆที่ไม่มีทุนรอนอะไรเลย

อะไรทำให้เขาประสบความสำเร็จ?

เขาไม่ใช่คนเก่ง และไม่ใช่เฮง ทั้งยังด้อยการศึกษา ไม่มีปริญญาจากสถานศึกษาใด

แต่เขามีคาถาหัวใจเศรษฐีโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามี  ทั้งๆที่เขากำลังปฏิบัติอยู่หลายสิบปี

“ขยันหา รักษาไว้ได้  เพียรเรียนรู้ ผูกไมตรีกับกัลยาณมิตร  ดำรงชีวิตแบบพอเพียง”    และ  “เป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้”

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ข้อคิดชีวิต
หมายเลขบันทึก: 180501เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2008 09:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณลุง

น้องจิแวะมาเก็บเกี่ยวความรู้ เกี่ยวกับปรัชญาชีวิต ชอบอ่านมากๆค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ น้องจิจะแวะมาบ่อยๆค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

สวัสดีอย่างเป็นทางการค่ะ

ชีวิตขายของ ขายเรียงเบอร์...พี่ชายของดิฉันคนโต ๆ ก็เคยเล่าและเราเอง ภาพความจำมันจะมีแว่บ ๆ เข้ามาบางห้วงเวลา

ดิฉันเป็นรุ่นเด็ก รุ่นน้องหลัง ๆกว่ารุ่นพี่ ๆคนโต ลูก ๆ ของพ่อ ซึ่งเป็นจีนอพยพ

เขาเล่ากันในวงล้อมวันเช็งเม้ง..บางปี..ฟังแล้ว..อื้ม ฮือ

......จะมาตามอ่านให้ครบทุกตอน......

ขอบคุณข้อเขียนดี ๆ ค่ะ

  • รอตั้งแต่เมื่อวาน ผมจำผิดวัน หาตั้งนาน กลับไปดู
  • อ้าว วันอาทิตย์ อิอิๆๆ เป็นชีวิตที่ต่อสู้มากๆๆเลย แบบนี้ละครับ ลูกๆๆหลานๆๆจะได้เรียนรู้
  • “ขยันหา รักษาไว้ได้  เพียรเรียนรู้ ผูกไมตรีกับกัลยาณมิตร  ดำรงชีวิตแบบพอเพียง”    และ  “เป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้”

สวัสดีครับคุณลุง

ได้แง่คิดหลายอย่างครับกับข้อมูลคุณภาพ

ขอยกนิ้วให้ครับ...(เยี่ยมจริงๆ)

สวัสดีค่ะ    

เพิ่งมีโอกาสแวะเข้ามาอ่าน ได้ข้อคิดมากเลยค่ะ

ทำยังไงคะ??? เราถึงจะเป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้ 

  • สวัสดีครับ คุณลุง riceman
  • “คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น ต้องเป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้”
  • ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ นะครับ
  • อ่านแล้วรู้สึกว่า อุปสรรคในชีวิตที่เจอนี้มันยังเล็กน้อย
  • ต้องผ่านไปให้ได้ๆๆๆๆๆ

๐ ขอบคุณครับน้องจิที่แวะเข้ามาเยี่ยม หวังว่าได้พบกันทุกวันอาทิตย์นะครับ

๐ขอบคุณ คุณจริยา ที่แวะเข้ามาให้กำลังใจ ผู้เขียนจะหาเรื่องสนุกๆ และมีประโยชน์มาบันทึกให้อ่านในวันอาทิตย์หน้าอีก เชิญติดตามอ่านนะครับ

๐ สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต ต้องขออภัยที่ทำให้รอนาน เพราะต้องการนำเสนอบันทึกที่ปราณีตและเป็นมีคุณค่าจริงๆให้แก่ท่านที่เข้ามาอ่านบันทึก ก่อนบันทึก ลุงต้องตรวจทาน อ่านแล้วอ่านอีก ทุกครั้งก็จะพบข้อผิดพลาดอยู่เสมอ ก็ต้องเพิ่มเติมแก้ไข ให้สมบรูณที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหากยังพบข้อผิดพลาดอีก ก็ต้องให้อภัยคนแก่ด้วยนะครับ

๐ ขอบคุณ หลานร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง ที่ติดตามอ่านบันทึกของลุง อย่าลืมแวะเข้ามาอ่านอีกนะครับ วันอาทิตย์หน้า เป็นตอนที่ ๕ กำลังสนุกเลยครับ

๐ สวัสดีครับครูตู่ ไม่ยากครับ คนเราเมื่อมีความเดือดร้อนสุดๆ หรือมีแรงกดดันมากๆในชีวิตแล้ว ต้องมีความเข้มแข็งและจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ที่ต้องการจะพิชิตมันให้ได้ ความอดทนก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติครับ

๐ขอบคุณ ท่านกวีเอก กวิน ที่แวะมาให้กำลังใจ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับคนแก่อย่างลุง กาพย์กลอนของท่านไพเราะมาก ให้ความอบอุ่น และสามารถสัมผัสได้ด้วยอารมย์อย่างลุ่มลึก ลุงประทับใจมาก นอกจากคุณกวินแล้ว ลุงยังมีกวีในดวงใจอีกหลายท่านที่ลุงชื่นชอบ อาทิเช่น ครูเปลื้อง วรรณศรี ท่านจิตร ภูมศักดิ์ และคุณนวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นต้น

แวะมาอ่านอย่างชื่นชมและน่าสนใจครับ

สวัสดีค่ะคุณลุง

รออ่านด้วยใจจดจ่อเช่นเดียวกับอาจารย์ขจิต

คุ้มค่ากับการรออ่าน อ่านแล้วได้ข้อคิดและมีกำลังใจที่จะเดินทางไปสู่ความสำเร็จ

ขอบพระคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณลุง

แวะมาด้วยความปลาบปลื้มค่ะ ได้ข้อคิดดีค่ะ

๐ ขอบคุณครับ คุณจารุวัจน์ ที่สละเวลาอันมีค่าของท่านในวันพักผ่อนกับครอบครัว เข้ามาให้กำลังใจ ผู้เขียนจะพยายามนำเรื่องดีๆมาบันทึกอีกครับในวันอาทิตย์หน้า

๐ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้ครับ คุณแจ๋วจริงจริง

๐ ขอบคุณครับ หลาน berger แล้วอย่าลืมเข้ามาอ่าน "ปริญญาชีวิต ตอนที่ ๕ ในวันอาทิตย์หน้านะหลาน

  • ขั้นตอนที่ 1
  • ขั้นตอนที่ 2
  • ขั้นตอนที่ 3 
  •  ก๊อบปี้ โค้ดด้านล่างนี้ (ทั้งหมด) ไปใส่ในช่อง "ข้อความด้านล่าง" ดังรูป นะครับ

 

<object id="mediaplayer" height="60" width="200" classid="CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6"standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." viewastext><param name="url"value="http://www.geocities.com/radioyala/s34.asx"><param name="autostart" value="true" loop="true"></object></center><br><br>

 

 

 

ขอบคุณมากครับสำหรับการแนะนำที่มีคุณค่า บริการว่องไวทันใจจริงๆ ต้องอย่างนี้สิครับ กวีรุ่นใหม่อนาคตสดใส

ยอดเยี่ยมจริงๆครับกับคำแนะนำของคุณกวิน "ปริญญาชีวิต" ที่มีเพลง "เปิบข้าว" มาเพิ่มคุณค่า ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมากทีเดียว ขอขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งครับ

สวัสดีครับ

มาตามหาปริญญาชีวิต

 

 

สวัสดีครับครู

ท่านพบหรือยังครับ? ถ้าท่านคิดว่าที่นี่ใช่ที่ท่านตามหา ก็เชิญตามสบายเลยครับ อยากได้กี่ใบเชิญรับไปเลยครับ ถึงจะไม่มีมูลค่าอะไร แต่มีคุณค่าทางจิตใจ ขอบคุณ คุณครูช่วยมาเป็นกำลังใจในตอนด่อไปนะครับ

สวัสดีค่ะคุณลุง

  • คนไม่มีรากตามอ่านเช่นกันค่ะ
  • ชอบที่คุณลุงสรุปตอนท้ายเช่นเดียวกับคุณครูขจิต

“ขยันหา รักษาไว้ได้  เพียรเรียนรู้ ผูกไมตรีกับกัลยาณมิตร  ดำรงชีวิตแบบพอเพียง”    และ  “เป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้”

โดยเฉพาะการเป็นคนทีทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้....ขอน้อมไว้ในใจค่ะ

ขอบคุณครัย คุณ คนไม่มีราก ที่ติดตามมาให้กำลังใจเหมือนเช่นเคย อย่าลืมตามอ่านทุกอาทิตย์นะครับ

ฮือๆๆๆนานจัง ตั้งอาทิตย์หน้า ฮือๆๆๆ ขอสามวันครั้งไม่ได้หรือครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สวัสดีครับ คุณขจิต

ความจริง ได้เตรียมถึงตอนที่ ๑๐ แล้วครับ แต่อยากขัดเกลาให้ดีก่อน ค่อยบันทึก ของดีต้องค่อยๆปล่อย ปล่อยเร็วไปเดี๋ยวกระสุนหมดเสียก่อน อดใจรอหน่อยนะครับ

ได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตมากเลยครับ

ผมอ่านแล้วผมมีกำลังใจมากขึ้นเลยครับ

ตอนนี้ผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ ผมเกรงว่าตอนผมจบออกไปทำงานแล้วชีวิตในการทำงานจะเป็นยังไง เพราะพนักงานสมัยนี้เงินเดือนอาจจะไม่พอรองรับกับค่าใช้จ่าย ที่เกิดจากการที่ของกิน ของใช้ขึ้นราคา จึงไม่มีโอกาสที่จะตั้งตัวด้วยตัวเองได้

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่มีให้ครับ

สวัสดีค่ะ Uncle riceman,

* รู้สึกดีๆ มากๆเลย ค่ะ

* ปูก็มีความฝันมากมายหลายอย่าง ยังไม่ได้เริ่มเลย 5 5

* มีกำลังใจค่ะ ได้อ่านเรื่องราวชีวิตอย่างนี้ ...

เพราะผู้ใหญ่แผ้วถางทาง  ผู้น้อยเดินตาม 

* มีความสุขนะคะ  ขอบพระคุณค่ะ

 

ขอจดจำไว้ค่ะ

“ขยันหา รักษาไว้ได้ เพียรเรียนรู้ ผูกไมตรีกับกัลยาณมิตร ดำรงชีวิตแบบพอเพียง” และ “เป็นคนที่ทนกับสิ่งที่คนอื่นทนไม่ได้”

  • งั้นก็จงรีบเริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้เลยซิครับ คุณจัมพ์ เดินไปตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ในสไตล์ของคุณเอง  คุณอยากเป็นอะไรคุณเองคนเดียวเท่านั้นที่เผู้เป็นลิขิตเอง  ลุงจะให้กำลังใจ
  • สวัสดีครับคุณ aonjung คนสมัยก่อน ไม่ค่อยเกี่ยงงาน เวลาไปทำงานก็ไม่เคยถามนายจ้างเรื่องจะให้เงินเดือนเท่าไร  และก็ไม่เรียกร้องหาสวัสดิการอะไรเลย  คุณจะลองนำไปใช้บ้างก็ได้นะครับหลังจากจบการศึกษา  ขอแนะให้ทำการกับบริษัทเล็กๆ อย่าทำงานบริษัทใหญ่ เช่น ธนาคาร หรือ บ. น้ำมัน เพราะโอกาสที่คุณจะเป็น นายธนาคาร หรือ เจ้าของบ่อน้ำมันนั้นค่อนข้างจะริบหรี่  งานอะไรก็ได้ ขอให้ขยัน เข้าไว้  ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องให้นายจ้างไว้วางใจเรา ท่านก็จะรักและให้การสนับสนุน  อย่าไปกังวลเรื่องรายได้น้อย จงจำไว้  "ใช้จ่ายอย่างคนจนจะรวย ใช้จ่ายอย่างคนรวยจะจน"
  • สวัสดีครับคุณปู  ความฝันมีหลายอย่างได้ แต่เวลาทำต้องทำทีละอย่าง  ความฝันถึงจะเป็นจริงได้  บางทีความฝันมีมากเกินไป ทำให้คนเราเกิดความลังเล ไม่ทราบว่าจะทำอันไหนก่อนดี  เสียดายเวลาที่ผ่านไป ไม่หวนกลับมาอีก คุณปู ลองลดความฝันให้เหลือน้อยที่สุด ทางที่ดีให้เหลือที่ว่าดีๆ หรือ เจ๋งๆ สักหนึ่งฝัน แล้วเริ่มลงมือทำทันทีที่คุณพร้อม ขอให้ฝันของคุณปูจงเป็นจริงในเร็ววัน  ผมขออวยพรครับ
  • สวัสดีครับ ดร. จันทวรรณ  ผมเชื่อมั่นว่าจะมีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นใน g2k อีกมากมายครับ

* ขอบคุณค่ะ uncle riceman

* ฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ 

 * ว้าว มีเพลงด้วย ฟังแล้วคิดถึงท่านพ่อ ขอบคุณค่ะ

ดีมากเลยคราบ ลุง

เป็นเรื่องที่กินใจมากๆเลย

ผมจะทำให้ได้ครึ้งหนึ่งของลุงก็พอ

ผมจะทำให้พ่อกับแม่และน้องอีก2คนสบาย

พ่อกับแม่ผมก็ต้องทำงานหาตังมาส่งให้ผมเรียนปริญญา

แต่พ่อกับแม่ผมจบแค่ป.4เอง พ่อกับแม่ทำงานขายประกันอะคราบ

ถ้าวันใดไม่ทำงานก็ไม่มีเงินใช้ เพราะพ่อกับแม่เป็นลูกจ้าง คนอื่น

ผมเคยฝันว่าอยากจะมีธุระกิจเป็นของตัวเองอยู่คราบ

แต่ตอนนี้ผมฐัรศาสตร์อยู่คราบ กะว่าจะทำงานราชการแล้วเก็บตังทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆ

แล้วจะให้พ่อกับแม่ช้วยดูแล เพราะจะไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร

น้องของผมก็จะสบาย มีตังเรียนหนังสือจนจบปริญญา

คราบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท