วันนี้เป็นวันสติดี..อีกวันหนึ่ง


แบบนี้เขาเรียกว่าอยู่ในอุเบกขาหรือเปล่านะ...สงสัย..

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ทำกิจกรรมเป็นจำนวนมากตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

ตั้งแต่เดินออกจากบ้านไปที่มหาวิทยาลัย จิตก็ไปจับที่การเดิน ... เดินผ่านลำธาร ได้ยินเสียงน้ำ เสียงนกร้อง ก็นิ่ง...  แต่ตามดูรู้สึกว่ามีความรู้สึกชื่นชมในธรรมชาิติ

ถึงห้องทำงานเป็นคนแรก..จัดการเอาคอมพิวเตอร์มานั่งเตรียมงาน...นิ่ง...

จัดการโต้ตอบ email หลายฉบับ chat กับเพื่อนพี่น้อง อ่านงานนักศึกษา  ทำ presentation... นิ่ง...

เดินไปทานอาหาร..ทานอาหาร..คนมากมาย..เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ...แต่เหมือนอยู่คนเดียว...นิ่ง...

ไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่...สบายมาก..ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย..เฉย..

กลับไปพบอาจารย์..คุยงาน ได้งานมาทำอีกหลายชิ้น...รู้สึกสบายๆ..ไม่กังวลเลย...ทั้งๆ ที่เยอะพอสมควร..

ไป sit in อีก ๒ วิชา...รวมๆ แล้วอีก ๕ ชั่วโมงติดต่อกัน...เฉยๆ..แต่รู้ว่าร่างกายเริ่มล้า....

เดินกลับบ้าน ในตอนค่ำ...เงียบ..สงบ...

 

วันนี้เป็นวันที่มีหลายๆ อย่างเกิดขึ้น...แต่จิตใจกลับอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับการกระทำจริงๆ ไม่มีความกังวล... ใจสบาย แต่ตาจะปิดแล้ว ^ ^  แบบนี้เขาเรียกว่าอยู่ในอุเบกขาหรือเปล่านะ...สงสัย..

โชคดีจริงๆ ที่ได้โอกาสมาปฏิบัติที่นี่...ถ้าอยู่ที่ทำงานที่เมืองไทยคงไม่นิ่งขนาดนี้...

บันทึกไว้เป็นที่ระลึก...รู้สึกยินดี..วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่งจริิงๆ...

เขียนที่บ้านพักในต่างแดน... ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ๒๑.๔๔ น. GMT -5.00

คำสำคัญ (Tags): #สติ#เจริญสติ
หมายเลขบันทึก: 167641เขียนเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2008 09:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)
  • ธุ อาจารย์ค่ะ..

หลายๆ ครั้งที่ต้อมนึกสงสัยกับอาการ "นิ่งๆ" ว่านั่นคือ อุเบกขา จริงๆ ไหม?

หรือหลายๆ ครั้งที่ต้อมรู้สึกว่าตัวเองวางเฉย  แต่เจ้า "จิต" นี่ก็ซุกซนเหลือเกิน  มันวิ่งวุ่นไปเรื่อย  ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง  เลยทำให้เจ้าตัวสงสัยตื่นขึ้นมาอีกแล้ว  กลายเป็นหลุกหลิก  ล่อกแล่ก   นี่เพราะเราไม่ "นิ่ง" ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมคะ?

 

 

ตามมาเรียนรู้วิถีของพี่ครับ...

ผมอาจยังไม่นิ่งพอในระยะนี้ คิดว่าต้องพยายามให้มากกว่านี้ครับ

---------------

ขอให้มีความสุขมากๆครับ

สวัสดีค่ะ...พี่ตุ๋ย..

...

นิ่ง..บางครั้งอาจไม่ใช่อุเบกขา... เพราะนิ่งแบบแบก

เฉย...บางครั้ง อาจไม่ใช่อุเบกขา... เพราะเฉยแบบแบก...

...

นิ่ง ... เฉย... หากว่าเบา..ว่าง...

และเปี่ยม...เมตตา...

...

ดูไปเรื่อย...เรื่อย...

มีสิ่งต่างๆ มากมายให้เราได้เรียนรู้ภายใน...

(^____^)

ขอให้เจริญในธรรมนะคะ

กะปุ๋ม

 

ทุกข์...รู้ว่า ทุกข์... -----> วาง

เหนื่อย...รู้ว่า เหนื่อย...-----> วาง

หนาว...รู้ว่า หนาว...------> วาง..

..

รู้แล้ว..ก็เท่านั้น -----> วาง

...

^___^

ตามรู้...ไปเรื่อยๆ...

เดี๋ยวคำตอบ...ทีสงสัย...จะได้มาเองโดยอัตโนมัติ..

"อ๋อ..มันเป็นเช่นนี้เองเหรอ...มันเป็นเช่นนี้เองเหรอ"...

แล้วมันก็จะสว่าง...จ้า..ในปัญญาค่ะ

...

(^___^)

  • ยินดีด้วยครับผม งิงิ

อุเบกขาหรือเปล่าไม่รู้ แต่ให้น้องเดานะว่าที่นิ่งได้เพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือไง นี่ยังคิดเลยว่าบางครั้งไม่พกโทรศัพท์เวลาไปข้างนอกก็สบายใจดี ได้ concentrate ในสิ่งที่กำลังทำ แต่ก็กังวลทุกทีเวลาลืมมัน ^ ^ กลายเป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตไปแล้ว

หลายครั้งที่รู้สึกว่าการมีโทรศัพท์มือถือทำให้คนอื่นรบกวนเราได้ง่ายขึ้น ไม่เรียบเรียงอะไร นึกอะไรได้ก็โทรมาเพราะสะดวก แต่มันเป็นการขัดจังหวะการทำงานในแต่ละวันพอสมควร ทำให้สมาธิวอกแว่ก ทำงานเรื่องหนึ่งคุยไปด้วยอีกเรื่องหนึ่งไม่มีความสุข

สวัสดีค่ะ

รู้สึกสบายๆ..ไม่กังวลเลย...ทั้งๆ ที่เยอะพอสมควร..

คิดว่า เพราะอาจารย์รู้ตัวว่าทำได้ เลยไม่กังวลน่ะค่ะ และมีการเตรียมตัวมาดี ก่อนมาที่นี่นะคะ

สวัสดีค่ะน้องต้อม เนปาลี

เราสงสัยเหมือนกันเลยนะคะ ^ ^

พอดีเมื่อวานนี้รู้สึกนิ่งมากเป็นพิเศษ และรู้ตัวมากเป็นพิเศษกว่าวันอื่นๆ ซึ่งจะเข้าออกๆ จากการมีสติ  ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะรีบทำโน่น ทำนี่ไปเรื่อยๆ ทำอะไรเร็วๆ จะทำให้ขาดการพิจารณา หรือขาดสติ ไม่รู้ตัว.. แต่เมื่อวานงานเยอะ แต่นิ่งกว่าที่เคยค่ะ

เรื่องที่จิตของแต่ละคนนั้นซุกซนนั้นเป็นเรื่องปกติค่ะ มันชอบจะท่องเที่ยวไปเรื่อยเหมือนที่หลวงปู่ชาท่านสอนไว้ในเรื่องจิตกับควายน่ะค่ะ เราต้องหัดตามไปดูมันค่ะ ^ ^

 

สวัสดีค่ะน้องเอก

จริงๆ พี่ก็ไม่ได้มีวิธีอะไรมาก เน้นตามดูเยอะๆ ให้เห็นอารมณ์ตัวเอง พอเห็นแล้ว อารมณ์นั้นๆ จะเบาลงค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ แต่เมื่อวานที่แปลกมากคือ ไม่รู้สึกสุขหรือทุกข์ทั้งวันเลย..มันเฉยๆ น่ะค่ะ ^ ^

ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันนะคะ

สวัสดีค่ะน้องกะปุ๋ม

ได้น้องกะปุ๋มช่วยเยอะเลยนะเนี่ย ^ ^

ที่ว่าเฉยๆ นิ่งๆ นั้น พี่ก็ตามดูรู้สึกไม่มี emotion น่ะค่ะ ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไรเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้ปิ๊งหรือเกิดปัญญาสว่างจ้าออกมาน่ะค่ะ มันออกจะนิ่งๆ ไม่ทุกข์ไม่สุข แบบไม่รู้สึกว่าต้องปล่อยวางอะไรน่ะค่ะ (แบบนี้เรียกว่าวางไปแล้วใช่ไหม.. ^ ^ ) งานก็ทำได้เยอะมากด้วย ถึงเวลาพักผ่อน ก็พักผ่อนเลย หลับป๊อก เพราะร่างกายมันล้า..อันนี้เห็นได้ชัดมากค่ะ

เรื่องความรู้สึกเปี่ยมเมตตานั้นก็เป็นบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกับสัตว์ ไม่ค่อยรู้สึกกับคน.. สำหรับคนนี่จะออกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องแผ่เมตตา แต่กับสัตว์นั้นมีการแผ่เมตตาอัตโนมัติเมื่อพบเห็นค่ะ

เืรื่องรู้แล้ว....วาง รู้แล้ว....ก็เท่านั้น   นั้นพอทำได้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ ตอนทำงานไปก็คิดเหมือนกันว่ากำลังทำเรื่องสร้างโลกอยู่..ทำนองว่ายังหมุนไปกับเขาอยู่ รู้เหมือนกันว่าทำไปก็เท่านั้น.. สิ่งที่กำลังทำอยู่บางเรื่องเป็นเรื่องทางโลก เป็นเรื่องลวงตาทั้งนั้น... แต่ก็ทำต่อตามบทบาทหน้าที่ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรมาก แต่ยังลืมไป ไ่ม่ได้ดูให้เห็นว่าได้วางความรู้สึกนั้นแล้วหรือยังน่ะค่ะ น้องกะปุ๋มมาเตือนพอดี

ดีจังเลย วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ดีอีกแล้วค่ะ

ขอบคุณนะคะ ขอให้น้องกะปุ๋มเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปอีกค่ะ ^ ^

เขียนไปเขียนมาอาจจะวกวน

 

พี่ตุ๋ย...เจ้าคะ

....

สภาวะ "ภายใน"

...เขากำลังจัดระเบียบค่ะ...

เมื่อเข้าสู่สภาวะที่ละเอียด...จะชัดเจนขึ้นเองค่ะ

(^____^)

สวัสดีค่ะคุณ suksom

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจนะคะ ^ ^

 

สวัสดีจ๊ะน้องซูซาน

ใครบอกไม่มี...มีนะมือถือน่ะ แต่มันไม่มีคนโทรมาไง อิอิ... แต่ตอนอยู่เมืองไทยพี่ก็ไม่ค่อยพกนะ miss calls เพียบ เน้นเอาไว้โทรออกเป็นหลักน่ะ

แต่จริงนะ มือถือทำให้เวลางานกับเวลาส่วนตัวแยกกันไม่ออกน่ะ โทรตามได้ตลอด..น้องคงรู้ดีใช่ไหม เวลางานชุกๆ น่ะ วันนึงอยากให้มี ๓๖ ชั่วโมง (จะได้เอาไว้นอนสัก ๖ ชั่วโมงเท่านั้นแหละ ขอไม่มากหรอก  ^ ^ )

ตอนนี้เบรคจากสัมมนามาหน่อยนึง เดี๋ยวสองโมงครึ่งมีต่อจ๊ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์

เห็นจะจริงค่ะ ว่ารู้ตัวว่าทำได้ แต่บางเรื่องก็ต้องไปขุดของเก่า รื้อฟื้นความจำกันทีเดียว เมื่อเช้าไปยืมหนังสือมาอีกเพียบ เดี๋ยวลุยงานต่อพรุ่งนี้ค่ะ

ประมาณว่า รู้ว่าถ้าทำจริงๆ ก็ทำเสร็จได้ แต่จะดีขนาดไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ^ ^

 

สวัสดีน้องกะปุ๋มอีกรอบจ๊ะ

พี่ก็ฝึกไปเรื่อยๆ ค่ะ ค่อยๆ จัดระเบียบไป แบบไม่เร่งร้อน ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเร็วต้องช้า คอยตามดู (ถ้าทัน) ไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ

ขอบคุณนะคะ ^ ^

สวัสดีค่ะ อ.ตุ๋ย

แสดงว่าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ มีสมาธิมากขึ้น ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น อ่านแล้วก็กลับมาดูตัวเอง....

สวัสดีค่ะพี่อุ๊

สำหรับตัวเองแล้ว การมาเที่ยวนี้เหมือนมาปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งค่ะ คล้ายๆ กับออก field ไปดูว่าจิตใจเราอยู่กับเนื้อกับตัวมากแค่ไหน เวลาไปพบสิ่งใหม่ๆ ผลลัพธ์ตอนนี้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจดีค่ะ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวดี ตื่นเต้นดีใจเวลาเจออะไรถูกใจบ้าง แต่ก็ตามเห็นอาการของตัวเองอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรที่ surprise ทำให้ตกใจหรือขาดสติเท่าใดนัก วันนี้ give presentation ก่อนออกไปบรรยายก็ตื่นๆ เห็นหัวใจตัวเองเต้นตูมๆ ก็ดูอยู่ พอออกไปพูด ความรู้สึกนั้นก็หายไป.. เห็นชัดดีค่ะ ^ ^

คอยสังเกตุอารมณ์ตัวเองบ่อยๆ จะเห็นชัดเลยว่าตัวเรากำลังทำอะไรอยู่ รู้สึกอะไรอยู่ เป็นมุมมองที่สังเกตุตัวเองเหมือนมองจากภายนอกน่ะค่ะ สำหรับตัวเองก็ได้ผลดีพอสมควร ลองดูนะคะ  ^ ^

  • ตอนนี้เริ่มปรับใจและกายต่อสู้โรคภ้ยแล้วค่ะ
  • ช้าลง มี สติ และปล่อยวาง
  • ความเจ็บปวดคงพอบรรเทาได้
  • ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ

สวัสดีค่ะอ.นารี

สำหรับเรื่องโรคภัยเป็นเรื่องปกติค่ะ ใครไม่เป็นสิคะแปลก (อิอิ) การมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเข้ามาในชีวิตนั้นเป็นเหมือนบททดสอบค่ะ แล้วก็เป็นโอกาสให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ไม่งั้นบางทีคนเราก็ลืมว่าตัวเองโชคดีที่มีสุขภาพดี โชคดีที่เป็นแค่นี้เอง สบายมาก ^ ^

ความเจ็บปวดก็เป็นบททดสอบอีกแบบหนึ่งค่ะ ตัวเองถ้าเป็นหนักๆ จะเพ่งดู..ดู..ทนดู..ไปเรื่อยๆ กินยาถ้ายาช่วยเพื่อบรรเทา แต่ส่วนใหญ่จะดู..แล้วพยายามวาง..จนมันหายไปค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ ^ ^

 

นานมากทีเดียวครับที่ผมยังค้นหา หรือจัดการกับตัวเองให้ "นิ่ง" ไม่ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการไม่ยอมปล่อยวางกับภาระที่ต้องทำกับคนอื่น วิถีที่เดินอยู่นี้จึงเคลื่อนไปอย่างไม่ "นิ่ง" ...

สวัสดีค่ะน้องแผ่นดิน

เราสามารถนิ่งหรือวางได้ตลอดแม้เวลางานหนักนะคะ ต้องลองหัดวางทางใจ แต่มือทำ หัวคิดได้ ทำนองนี้น่ะค่ะ

การวางไม่ได้หมายความว่าวางแบบไม่สนใจ ไม่แตะต้อง ไม่ทำ แต่วางทางอารมณ์ออกไป..  จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะเวลาที่สถานการณ์บีบคั้นหรือเราไม่ได้คาดคิดมาก่อน.. แต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆ ทุกอย่างจะดีขึ้น ..อยากให้น้องแผ่นดินรู้สึกสบายๆ ขึ้น แม้ว่างานจะหนักน่ะค่ะ ^ ^

ลองดูนะคะ..ดูตามงานไป ทำไป..เดี๋ยวก็จะนิ่งได้ค่ะ

กระผมสนใจเรื่องของจิต

การตามดูจิต ให้มีสติรู้อยู่ทุกขณะจิต

ยอมรับว่ายาก แต่ก็กำลังฝึก

โดยศึกษากับพระอาจารย์สายปฏิบัติอีกทีหนึ่งครับ

สวัสดีค่ะคุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง

สนใจเรื่องของจิตเหมือนกันเลยค่ะ จริงๆ แล้วต้องบอกว่าสนใจการปฏิบัติธรรมแนวมหาสติปัฏฐาน ๔ แล้วก็เลยมาฝึกเจริญสติ ซึ่งก็คือเรื่องของจิตนี่แหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรนะคะ แล้วก็ไม่มีพระอาจารย์เฉพาะค่ะ  มีอาจารย์ที่ทำงาน(อดีตเจ้านาย)เป็นคนช่วยสอน แล้วก็ฝึกมาเรื่อยๆ ร่วมกัน อ่านหนังสือ ฟังเทป เป็นครูบาอาจารย์ค่ะ ^ ^  เวลาเจออะไรดีๆ ก็จะมาบอกกัน ปฏิบัติแล้วถ้ามีอะไรแตกต่างน่าสนใจ หรือมีความก้าวหน้าอะไรก็จะมาบอกกันเหมือนกันค่ะ

บางครั้งเวลานิ่งแล้วก็ไม่รู้สึกว่ายาก แต่ตอนที่หลุดๆ ไปไม่รู้ตัวนี่แหละค่ะที่มองไม่เห็นแล้วก็เลยไม่ได้ดึงกลับ  ก็ยังฝึกไปเรื่อยๆ อยู่ค่ะ ตามดู ตามรู้ ดูอย่างเดียวค่ะ ^ ^

ยินดีต้อนรับนะคะ ขอบคุณที่แวะมาลปรร ค่ะ

สวัสดี ความนิ่ง ครับ

  • การพิจารณาจิต และ อารมณ์ ตัวเองนี่ เป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ ครับ
  • ว่าแต่ ความนิ่ง เท่ากับ ความเบลอ หรือ ความเงียบเหงา ได้หรือไม่ครับ (แอบถาม)

ขอบคุณครับ อาจารย์ :)

สวัสดีค่ะ อ.วสวัตดีมาร

อาจารย์ถามได้ดีมากค่ะ คำตอบคือไม่เหมือนกันค่ะ

ถ้าเบลอคงจำอะไรตอนนั้นไม่ค่อยได้ (เดานะคะ ^ ^)

ถ้าเงียบเหงา จะมีอารมณ์อยู่ จะเห็นอารมณ์เงียบเหงาค่ะ แบบว่าดาวน์ๆ น่ะค่ะ (เคยเป็นค่ะ เคยเป็น อิอิ)

แต่ถ้านิ่ง มันจะว่างๆ ไม่มีอารมณ์อะไร รับรู้เรื่องราวต่างๆ ปรกติดี แต่จิตจะนิ่ง ไม่วอกแวกไปกับสิ่งที่มากระทบมากนัก ใจจะสบาย โล่งๆ โปร่งๆ แม้สิ่งแวดล้อมจะไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ

^ ^

สวัสดีครับอาจารย์

ผมติดตามอ่านการบันทึกของอาจารย์เกี่ยวกับการเดินทางไปต่างแดนมาทุกตอน(แต่ไม่ค่อยได้ร่วมแสดงความคิดเห็น)ได้รายละเอียดมากมาย เป็นข้อมูลให้กับผู้สนใจได้เป็นอย่างดี

เท่าที่สังเกตดูเหมือนอาจารย์มีพลังจิตหนักแน่น ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและพร้อมทั้งทุ่มเท ตั้งใจในการเขียนบันทึกให้กับสมาชิก G2K จริงๆ เห็นแล้วซาบซึ้งครับ

ส่วนเรื่องความรู้สึกที่บอกว่า"วันนี้เป็นวันที่มีหลายๆ อย่างเกิดขึ้น...แต่จิตใจกลับอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับการกระทำจริงๆ ไม่มีความกังวล... ใจสบาย แต่ตาจะปิดแล้ว ^ ^  แบบนี้เขาเรียกว่าอยู่ในอุเบกขาหรือเปล่านะ...สงสัย.." เขาจะเรียกอะไรก็ช่างเขาเถอะครับ ถ้าเราปกติสุขอยู่ได้เป็นช่วงเวลานานมากก็ยิ่งดี ใช่ไหมครับ อาการไม่ดิ้นรนของจิตนั้นหลายคนพยายามทำอยู่แต่ยิ่งต้องการให้นิ่งมากเท่าไร จิตเขากลับไม่นิ่ง มันค่อนข้างแปลกครับ ถ้าหากเราปล่อยวางได้ถูกจังหวะมันเป็นเองครับ เพราะเราบังคับให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้ (จากประสบการณ์ของผมเองสรุปว่าเขาเป็นเอง)

ส่วนการดูจิตผมเองบางวันก็หลุดไปไกลเหมือนกัน โดยเฉพาะวันที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับคนอื่นเยอะๆก็จะต้องพยายามต่อไปครับ

ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การปฏิบัติธรรมต่อไปนะครับ

 

ขอบคุณอาจารย์กมลวัลย์ครับ ...

High Technology ทำให้อาจารย์ตอบปัญหาธรรมได้ข้ามโลกเลยนะครับ

มหัศจรรย์ และ อัศเจรีย์ ดีจังครับ :)

สวัสดีค่ะปู่หลง

เมื่อวันก่อนคิดว่าตอบคุณปู่หลงไปรอบหนึ่งแล้วนะคะ สงสัยวันนั้นจะ post ไม่ผ่าน แต่ไม่เป็นไรค่ะ ^ ^

เรื่องพลังจิตหนักแน่นนั้นอยากจะมีมากค่ะ อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่ายังพัฒนาได้อีก

เห็นด้วยเป็นอย่างมากเลยค่ะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะเรียกอุเบกขาหรือไม่นั้น การเกิดความนิ่งเช่นนี้จัดว่าเป็นสิ่งที่ดี ถือเป็นมงคลได้เลยค่ะ ^ ^  วันนั้นเป็นวันที่เริ่มนิ่งจริงๆ ขณะนี้อาจจะไม่นิ่งเหมือนวันนั้นแต่ก็ไม่แตกต่างกันมาก ค่อนข้างจะมีสติอยู่กับตัวดี ไปเรื่อยๆ ค่ะ อาจเป็นได้ว่าเหตุการณ์ที่นี่ไม่มีอะไรหวือหวา ค่อนข้างสงบทั้งภายในและภายนอกค่ะ  เป็นไปได้ว่าถ้าต้องติดต่อกับคนเยอะๆ จิตอาจจะไม่นิ่งเท่าที่ควร.. ไ้ว้จะลองพยายามฝึกต่อไปค่ะ

ขอให้คุณปู่หลงมีสุขภาพแข็งแรงเช่นกันนะคะ ดิฉันอยู่ที่นี่ กินดีอยู่ดีค่ะ หนาวไปสักนิด แต่ก็พยายามระวังตัวรักษาสุขภาพเสมอค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรและกำลังใจนะคะ ^ ^

สวัสดีค่ะอ.วสวัตดีมาร

จริงแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแตกต่างไปจากการนั่งตอบที่กรุงเทพเลยนะคะ ยกเว้นว่าเน็ตอาจจะเร็วและ stable กว่า ^ ^

สิ่งที่รู้สึกว่ามหัศจรรย์นั้นคือสิ่งที่เรารู้สึกว่าเกิดขึ้นกับเรามากกว่าค่ะ  ถ้าินิ่งๆ ไปได้เรื่อยๆ เมื่อไหร่ คงจะดีมากๆ เลยค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมาอีกรอบนะคะ ^ ^

รู้สึกแปลกกว่าตอนพี่อยู่เมืองไทยนิดนึงคือ ได้เจอพี่ตอนตีหนึ่งตีสอง ปกติไม่ค่อยจะได้ออนเวลาเดียวกันไง ^ ^ วันนี้ไปดูหนังมาล่ะ เขียนเล่าให้พี่อุ๊ฟังไว้ด้วย ที่เมกาฉายยังพี่ เรื่อง 10,000 BC ได้ดูรอบพิเศษ รอบฟรีจ้า

ช่วงนี้วุ่นๆ งานเลยไม่ค่อยได้เขียนบันทึก เดี๋ยวพอได้เมื่อไหร่อยากจะเอาสคริปต์งานที่เคยเขียนบทสารคดีมาลง แต่ต้อง capture file มาให้ดูด้วยถึงจะดีเลยยังไม่ได้ทำ บทสารคดีชิ้นนี้นับว่าเป็นชิ้นโบว์แดง ใครจ้างก็ไม่ยอมเขียนให้อีกแล้ว ทำตอนนั้นเพราะเป็นการกุศล เป็นบทที่ใช้เวลาศึกษาก่อนเขียนนานที่สุด อ่านหนังสืออยู่ห้าหกเดือน ข้อมูลเป็นตั้งเลยทั้งไทยทั้งฝรั่งหนาปึ๊ก นอกจากบทจะเรียบเรียงยากแล้วยังหาภาพยากอีกด้วยเพราะเป็นสารคดีย้อนยุคประวัติศาสตร์ 175 ปีโปรเตสแตนท์ในประเทศไทย เขียนจบรวมทำงานเสร็จแทบอ๊วกเป็นเลือด ย่อประวัติศาสตร์ 175 ปีจากสารพัดคณะนิกายทั่วประเทศลงใน 15 นาที แถมเจอล็อบบี้กลายๆ จากสารพัดกลุ่มอีกด้วย กดดันอ่ะ ต้องเป็นกลาง ไม่สนหน้าอินหน้าพรหมทั้งนั้น ไม่มีใครได้มากกว่าใคร งานนั้นต้องนิ่งสุดๆ เหมือนกัน - - " แต่ในที่สุดก็ต้องแก้เพิ่มให้บางกลุ่มเพราะถึงขั้นประท้วงเพราะขาดเขาไป คือ 15 นาทีมันใส่ได้ไม่หมดทุกกลุ่มหรอก ถ้าช่วงเวลาซ้ำกันก็ต้องเลือกเหตุการณ์ที่มีความสำคัญมากกว่า นี่ขนาดงานศาสนานะพี่ ตรูละเบื่อ

มาเยี่ยมอาจารย์ทางฟากฟ้าครับ

Uml

ของพี่ตอนนี้ยังเป็นรอบบ่ายอยู่ ก็เลยยังเจอพี่ไง รับรองได้ว่าไม่เจอพี่ตอนเทีี่ยงๆ ตอนบ่ายๆ แน่นอน.. เร็วสุดอาจโผล่มา ๕ โมงเย็น 5555

เรื่องหนังนะ พี่ไม่มีทีวี ^ ^ แล้วก็ไม่ได้ติดตามเรื่องหนัง ก็เลยไม่รู้จ๊ะว่าเขาฉายไปหรือยัง  แต่โปรแกรมหนังที่เห็นในหนังสือพิมพ์พี่ไม่เห็นเรื่องนี้นะ  เดี๋ยวจะตามไปอ่านจ้า

เมื่อกี้เขียนตอบ อ.วสวัต ยังอยู่ที่ office แต่ตอนนี้นั่งรถเมล์กลับมาบ้านมาเอาของ แล้วเดี๋ยวไปอีกรอบ เย็นนี้มีเรียนตั้งกะหกโมงเช้าถึงสองทุ่มครึ่ง ^ ^

โอ้โฮ..งานที่เราทำเนี่ยยากสุดๆ นะ 175 ปีเหลือ 15 นาที โหดสุดๆ  ทำให้เนียน ไม่ขาดตอน น่าดูแล้ว informative ด้วยเนี่ยยากมากเลย แล้วจะคอยติดตามนะ ถ้าเอามาลงบันทึกนะ  สนใจๆ

สวัสดีค่ะพี่บางทราย

มาเยี่ยมถึงที่เลยนะคะ รูปนี้ถ่ายตอนหน้าร้อนแน่ๆ ภาพปัจจุบันไม่เขียวขนาดนี้ แต่ก็กำลังจะเขียวขึ้นเพราะเริ่มอุ่นขึ้นกำลังจะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วค่ะ ตอนนี้นั่งอยู่ที่บ้านแล้ว ถ้าดูในแผนที่ก็คงประมาณตรงที่เขาชี้ทิศเหนือแถวๆ นั้นน่ะค่ะ มุมขวาบนของภาพ พอดีตึกที่ทำงานก็อยู่ทางด้านเหนือของมหาวิทยาลับเหมือนกัน แค่เดินข้ามถนนเส้นนั้นมา เดินสัก ๑๐ นาทีก็ถึงแล้วล่ะค่ะ  ^ ^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท