Nan & Ball Chongbunwatana
นายและนาง คมกฤชและประณยา จองบุญวัฒนา

1. บันทึกฉบับปฐมฤกษ์: ก่อนออกเดินทาง : หากเป็นคุณจะเลือกอะไรระหว่าง? "หน้าที่การงาน" หรือ "ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น


เป็นผู้หญิงต้องอดทนและเสียสละให้ครอบครัว

เป็นบันทึกที่บอกเล่าเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ค่อนข้างยากของคนที่เคยทำงานประจำแต่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความก้าวหน้าในอาชีพของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรารถนามาตลอดตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี กับการที่ต้องต้ดสินใจลางานเพื่อไปทำหน้าที่แม่บ้านให้สามีในประเทศที่ความเป็นอยู่ค่อนข้างจะลำบากและอันตราย พร้อมทั้งอยากจะทราบความเห็นของท่านอื่นๆ ว่าหากเป็นตัวท่านแล้ว จะตัดสินใจอย่างไร ผู้เขียนได้ติดตามเรื่องราวสาระดีดี ในชุมชนแห่งความรู้แห่งนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีเวลาได้ลองเขียนเรื่องราวดีดีมาแบ่งปันกันสักที ปัจจุบันมีความพร้อมในเรื่องเวลาที่จะนั่งเขียนอะไรนานๆได้ จึงขอลองเขียนมาเล่าให้ชุมชนชาวGo2Know แห่งนี้ฟังบ้างนะคะ อีกทั้งยังได้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของตนเองให้เแก่บุคคลในครอบครัว พี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ญาติๆ ที่เคารพ ที่รู้จักรักใคร่และเป็นห่วง เป็นใยกันเสมอ เขียนอีเมล์และทักทายกันตาม Cyber space แหล่งต่างๆ อยากทราบถึงความเป็นอยู่ของผู้เขียนในประเทศที่เรียกได้ ว่าเป็น Hardship หรือประเทศที่มีความเป็นอยู่ลำบาก ประเทศหนึ่ง ด้วยค่ะ หากอ่านแล้วอยากร่วมแบ่งปัน มีความเห็นอะไรดีดี ก็บอกกันเข้ามาได้นะคะ ผู้เขียนยินดีรับฟังคำแนะนำเสมอค่ะ

บันทึกก่อนออกเดินทาง

เป็นคุณจะเลือกอะไร ? ระหว่าง หน้าที่การงาน  และ ครอบครัวที่อบอุ่น

ได้ฤกษ์ลงจอกันซะทีนะคะ สำหรับ การเล่าเรื่องราวชีวิตของแณณ ที่ติดตามสามีมาออกประจำการที่ประเทศซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Hardship Country (หมายถึงประเทศที่มีภาวะความเป็นอยู่ที่ลำบาก) เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวเราออกประจำการในต่างประเทศ ครั้งแรกที่สามีทราบข่าวก็ออกจะมี อาการช็อกซีนีม่า อยู่บ้างเนื่องจากขอเรียนตามตรงเลยนะคะว่าไม่ได้มีความรู้สึกประทับใจคนแขกเท่าไหร่ เพราะอาจจะได้ยิน ได้ฟัง มาเยอะ ตั้งแต่วัยเยาว์ แล้วว่า คนเชื้อชาติแขกเนี่ยเป็นคนเจ้าเล่ห์  เพทุบาย หลายท่านคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า หากเจองูกับเจอแขก นี่ก็ขอให้ไม่ต้องรีรอ หรือใช้เวลาการตัดสินใจให้ยุ่งยากว่าจะเอาตัวรอดจากอะไรก่อนดี ให้ตีหัวแขกก่อน งูค่ะ เพราะ แขกนี่ร้ายกว่างูซะอีก แล้วก็มีอีกหลายๆ เรื่องราวที่เกี่ยวกับแขก และค่อนข้างจะเป็นไปในทางลบมากกว่าทางบวกนะคะ เช่น เรื่องกลิ่นตัวบ้าง เรื่องความร้ายกาจ ต่างๆ นานาอีกมากมาย คงไม่ต้องสาธยายให้ฟังกันนะคะ แต่ขอยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนนี้จริงๆ แณณและสามีก็ไม่ได้ มีความรู้สึกในทางบวกกับชนชาติแขก          ซะเท่าไหร่นักหรอกค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียดนะคะ เพราะสมัยที่แณณเรียนกฎหมายอยู่ที่ประเทศอังกฤษก็มีเพื่อนในชั้นเรียนเป็นคนชนชาติแขกมากมาย ทั้ง อินเดีย ปากีสถาน เนปาล ก็นิสัยดี ยิ่งเพื่อนที่เป็นคนปากีสถานนั้น มีวัยวุฒิที่สูงกว่าแณณ ท่าทางเค้าก็เป็นคนสุภาพ วางตัวดี และมีกิริยามารยาทที่เรียบร้อย ซึ่งจะต่างจากเพื่อนที่เป็นคนอินเดีย ที่จะอ่อนวัยกว่า อายุประมาณเท่ากันกับแณณในตอนนั้น (ประมาณ 25-26 ปี ) และท่าทางทันสมัย วัยสะรุ่นมาก แต่งตัวแบบชาวตะวันตก กางเกงรัดรูป เสื้อรัดรูป เพราะเธอจัดว่าเป็นคนหน้าตาดี หุ่นดี ทีเดียวหล่ะค่ะ ในตอนนั้น เพื่อนๆ ชาว Indian subcontinent (หมายถึงประเทศอินเดีย ปากีสถาน และ   บังกลาเทศ) ก็เป็นคนน่ารักกันทุกคน แต่ก็ไม่ได้ สนิทสนมกันมากมาย จนถึงกับจะเรียกว่าได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเค้า แต่อย่างน้อยก็ทำให้ความรู้สึกกับคนชนชาติแขก ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ขอเล่าต่อนะคะ เหตุผลที่สามีแณณ ออกจะรู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้ที่ได้ทราบข่าวว่าจะได้ไปออกประจำการครั้งแรกที่ประเทศบังกลาเทศนั้น เนื่องจาก ไม่ได้เป็นประเทศที่สมัครไว้ ประเทศที่ได้สมัครไว้ก็มี 3 อันดับ ดังนี้คือ 

1.ประเทศเบลเยี่ยม (เนื่องจากทราบมาว่าไทยและสหภาพยุโรปกำลังจะเจรจาเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีกัน และเราทั้งสองคนก็มีความสนใจในเรื่องนี้อยู่มากๆ อยากจะทำงานด้านนี้ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นการเจรจา อีกทั้ง หากแณณตกลงใจจะลาติดตาม แณณก็จะได้ไปเรียนหนังสือเพิ่มเติมและได้ศึกษาภาษาฝรั่งเศสอย่างที่ตั้งใจไว้อีกด้วย หรือไม่ก็อาจจะมีลูกระหว่างอยู่ที่ประเทศนี้ เนื่องจากมีความพร้อมเรื่องโรงพยาบาล และหมอ )

2. ประเทศจีน (เนื่องจากสามีพอมีพื้นฐานภาษาจีนอยู่บ้างเล็กน้อยและเราสองคนมีเชื้อสายไทยผสมจีนกันทั้งคู่)  และ

3. ประเทศเนปาล (ซึ่งเป็นประเทศ Hardship เช่นกัน)

ยังเคยพูดกันเล่นๆ ว่า หากต้องไปอยู่เมืองแขกเราต้องอดตายกันแน่ๆ เลย เพราะเราไม่ทานเนื้อ ไม่ใช่เรื่องทางศาสนาหรือไม่มีใครห้ามนะคะ แต่ไม่อยากทานกันเองน่ะค่ะ ไม่อยากทานสัตว์ใหญ่ค่ะ เราไม่ทานแพะ แกะ หรือสัตว์ประหลาดอะไรอย่างอื่นเลยค่ะ แต่เราสองคนชอบทานหมูเป็นพิเศษ  พักหลังๆ มานี่ เนื้อไก่ก็พยายามไม่ค่อยทานเพราะกลัวเป็นโรคเก๊าท์ค่ะ ยิ่งพักหลังๆ นี่แณณน้ำหนักตัวเยอะกว่าเดิมมากก็เริ่มมีปัญหาเจ็บเข่าบ้างค่ะ แต่ไม่ถึงกับอ่อนแอนะคะ แค่บางครั้งเท่านั้นค่ะ  กุ้งและปูนี่ชอบค่ะ แต่ทานมากก็ไม่ดีนะคะ เพราะ    คลอเลสเตอร์รอลสูงอยู่แล้วค่ะ  ดังนั้น สามีแณณก็ถึงกับผิดหวังไปพักใหญ่ เพราะตอนแรกมีข่าวแว่วๆ มาจากหลายๆ ทางว่า เกือบจะ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่เราน่าจะได้ออกประจำการที่กรุงบรัสเซลล์  ประเทศเบลเยี่ยม แต่ก็อย่างนี้แหละนะคะ เราไม่ได้มีอำนาจวาสนาในการที่จะเลือกไปไหนได้ดังใจต้องการ

จากที่เคยคาดหวังว่าจะได้ไปประเทศที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร B คือ ประเทศเบลเยี่ยม นั้น เราก็ได้ไปประเทศ B จริงๆ แหละค่ะ แต่เป็น B: Bangladesh ไม่ใช่  B: Begium  ค่ะ J โอย! คิดแล้วก็หัวเราะเคล้าน้ำตานะคะ แณณยังแอบใช้มุข ประเทศล้อเลียนสามีอยู่บ่อยๆ  แต่มองอีกในแง่หนึ่งนั้นก็คิดเสียว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยก็ต้องยอมอดทนลำบากไปก่อน เมื่อภายหน้าไปเติบใหญ่ก็อาจจะได้ไปอยู่ใน ที่ชอบ ที่ชอบ ดังเช่นคนอื่นๆ เค้าบ้าง หลังจากปลอบประโลมกันพักใหญ่ ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญคือการที่  สามีแณณให้เงื่อนไขว่า หากจะให้เค้าไปจริงๆ แณณต้องไปด้วย เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา ไม่เคยแยกจากกัน ขนาดข้าวกลางวันนี่ยังทานด้วยกันเลยค่ะ แณณทำงานอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล สามีอยู่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งไม่ไกลกันนัก ขับรถมาใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ขับรถมาทานข้าวเที่ยงด้วยกันทุกวั๊น ทุกวัน จนคนรอบข้างพากันคิดว่า ภรรยา ดุมาก สามีต้องมาทานข้าวด้วยทุกวัน หวงสามีสุดๆ หรือบ้างก็ว่า ภรรยา หรือสามี สักคนเนี่ยแหละ ต้องเป็นคนไม่มีเพื่อน จึงต้องอยู่กันแค่ 2 คน แต่ก็เอาเถอะค่ะ สุดแล้วแต่ใครเค้าจะคิดนะคะ เพราะเรื่องของคน 2 คนอาจจะมีเหตุผลอะไรที่มากกว่านั้น ก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องป่าวประกาศให้คนอื่นเค้ารู้ ใครจะคิดอย่างไรหรือจะพูดกันไปต่างๆ นานาว่าอย่างไร ก็ตามแต่ความบันเทิงส่วนบุคคล ก็แล้วกัน  ไม่ถือสา ขำขำหน่ะค่ะ

เมื่อสามีให้เงื่อนไขแณณดังนั้น แณณก็คิดมาก มากจริงๆค่ะ เพราะ ตอนสมัยก่อนคุณพ่อแณณยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเคยปรารภเสมอว่าอยากให้แณณรับราชการไปจนเกษียณ ท่านอยากเห็นลูกสาวคนเดียวของท่านเป็นทูต เป็นปลัดกระทรวงหญิง หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องได้เป็นอธิบดีหญิง แล้วนี่หากจะลาติดตามสามีไป ตำแหน่ง ซี 7 ซึ่งกำลังว่างและกำลังประกาศรับสมัครอยู่ ก็ต้องตกเป็นของคนอื่นเป็นแน่ (เจ้านายก็บอกให้สมัครเพราะเป็นตำแหน่งของสำนักฯ ที่แณณทำงานอยู่ประจำอยู่แล้ว ดังนั้น หากแณณสมัครคงมีสิทธิลุ้น ) แณณรับราชการมาประมาณ 10 ปีแล้วค่ะ เพื่อนที่เข้าทำงานวันเดียวกัน รุ่นเดียวกันก็ได้ซี 7 ไปนานแล้ว นี่หากแณณ ลาติดตามสามีอีก ก็คงเป็นเด็กดองไปเลย คงไม่มีโอกาสได้เติบโตตามวัยในวงราชการอีกแล้ว แล้วอายุก็มากขึ้นทุกวัน ได้ยินมาว่าผู้หญิงในช่วงอายุขนาดนี้ (อายุ 30-38ปี) กำลังเป็นวัยที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงเสียด้วย อีกทั้ง สามีแณณ ต้องไปทั้งสิ้น รวม 5 ปี (อยู่ประเทศลำบาก 2 ปี และไปต่อประเทศพัฒนาแล้วอีก 3 ปี ) ซึ่งตามระเบียบราชการก็อนุญาตให้ลาติดตามคู่สมรสได้อย่างมากแค่ 4 ปีเท่านั้น ก็โอย....กลุ้ม..จะทำอย่างไรดี   คุณพ่อก็เคยบอกไว้ก่อนท่านเสียไปว่าถึงแต่งงานแล้วก็ห้ามลาออกเพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น  ผู้หญิงต้อง มีงานเป็นของตัวเอง ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ อย่าออกจากงาน เพราะจะทำให้เราไปแขวนชีวิต แขวนความหวังไว้กับคนๆเดียว ซึ่งวันนี้ เขาอาจจะรักเรา ทุ่มเทให้เราทุกอย่าง ขาดเราไม่ได้ แต่คนเราวันหนึ่งเกิดจะไม่รักกันแล้ว อะไรๆ ก็ลืมได้หมด ไม่เหลือแม้แต่ความผูกพันที่เคยมี ตัวอย่างเรื่องราวประเภทนี้ ก็มีให้เห็นมากมาย เรื่องของความรักมันไม่เข้าใครออกใครนะคะ บางครั้งไม่ได้อยากให้เป็นไปแบบนั้น แบบนี้ แต่ก็ฝืนไม่ได้ค่ะ ชะตาฟ้าลิขิต ตามบุญกรรมที่เคยทำร่วมกันมานะคะ        ดังนั้น การที่ต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ก็เป็นการตัดสินใจที่ยากมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของแณณ รองจากการตัดสินใจแต่งงาน

แต่ในที่สุดนะคะ สามีแณณนี่เป็นสาริกาลิ้นทองนะคะ งัดมาใช้หลายมุขค่ะ ทั้งมุขน่ารัก       ขี้อ้อน น่าสงสาร สารพัด มุขที่เด็ดสุดๆ คือการไปโน้มน้าวแม่ยายค่ะ พูดจนแม่แณณมาบอกกับแณณว่า ให้ยอมลาติดตามไปเถอะ ไปทำหน้าที่ศรีภรรยาที่ดี จะปล่อยให้สามีเราไปลำบากคนเดียวได้อย่างไร  แถมบอลมีการล่อใจแม่ยายด้วยการบอกว่า ที่บังกลาเทศนี่เค้าว่ามีไข่มุกสวยมากนะครับแม่ (บอลทราบไงคะว่าแม่แณณชอบใส่ไข่มุกเป็นเครื่องประดับ) ทั้งแม่ ทั้งพี่ชาย น้องชาย มาช่วยกันยุให้ลาติดตาม เนื่องจากแณณเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวในบ้าน ทุกคนในครอบครัวก็ต้องการให้แณณมีความสุขในชีวิตครอบครัวไปโดยตลอดรอดฝั่ง แณณก็เลยตัดใจค่ะ คนเรามีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ เกียรติภูมิ ชื่อเสียงก็ยังหายไปได้ในชั่วข้ามวันเพราะลมปากคน เพราะข่าวโคมลอย จะมาจริงจังอะไร กับเรื่องซี เรื่องตำแหน่งนะคะ  สู้เราดูแลคนที่เรารัก คนที่รักและดีกับเราให้ดี นั่นก็ถือเป็นความสุขใจที่ได้รับ เป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งในวันนี้ของเราแล้ว วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หากเราทำหน้าที่เราดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดเราก็คงไม่มานั่งเสียใจว่า วันนั้น ชั้นน่าจะทำอย่างนั้น น่าจะทำอย่างนี้

 แณณ มีบทเรียนเรื่องนี้มามากแล้ว เพราะคนสูญเสียคนที่รักมากๆ มาแล้ว ทั้งคนรักเก่าที่คบกันมานานแต่อยู่ๆ ก็เสียชีวิตไปตั้งแต่อายุ 25 ปี  ทั้งๆ ที่มีเราก็มีการวางแผนเรื่องการแต่งงานไว้แล้ว และคุณพ่อที่เสียไปอย่างกระทันหันเนื่องจาก เส้นโลหิตอุดตัน และหัวใจวาย  ยังมีอะไรตั้งหลายๆ อย่างที่อยากจะทำให้คนที่เรารักมากๆ และต้องมาด่วนจากไปทั้งสองคน แต่สุดท้ายก็ต้องมานั่งเสียใจที่ไม่เคยได้ทำ พอมานั่งคิดดูอีกทีว่าที่จริงแล้วสิ่งที่คนที่รักเรา อยากให้เราเป็น อยากให้เราได้รับมากที่สุด คือการเป็นคนที่มีความสุข เป็นคนร่าเริง  สดใส อารมณ์ดี น่ารัก เป็นคนดีของครอบครัว ของสังคมและปราศจากความทุกข์ใจ ดังนั้น การที่ลาติดตามสามี ไปดูแลสามี ไปสร้างครอบครัวของแณณเองให้อบอุ่นและค่อยๆ    เติบโตนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ได้ตอบสนองความต้องการของคนที่รักเราทุกคนแล้ว คุณพ่อ และคนรักเก่า ที่อยู่บนสวรรค์ ก็คงสุขใจ ที่เห็นแณณและบอลอยู่กันอย่างมีความสุข ดูแลกันและกัน อีกอย่างที่อยู่ในความคิดคำนึงคือการที่ได้ยินมาแต่โบราณว่า เป็นผู้หญิงต้องอดทนและเสียสละให้ครอบครัว ได้ยินมาอย่างนี้ตลอด ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เตือนว่า แณณต้องเป็นคนเสียสละเพื่อให้สามีได้ก้าวหน้าไปในหน้าที่การงานโดยไม่ต้องมาพะวงเรื่องความเป็นอยู่ อาหาร การกิน บ้านช่อง

แต่ต้องยอมรับกันตามตรงค่ะว่า แณณไม่ใช่กุลสตรี แม่บ้าน แม่เรือน ออกจะถนัดงานนอกบ้าน งานวิชาการ การติดต่อประสานงาน หรือการเจรจาต่อรองนี่เป็นงานถนัดค่ะ กับข้าวก็พอทำได้แต่ไม่ถึงกับออกงานได้นะคะ แต่ตั้งแต่เรียนจบจากต่างประเทศมา แทบไม่เคยจับตะหลิว กะทะเลยค่ะ เพราะก็ต้องทำงานเช่นเดียวกัน  วันหยุดก็จะชอบไปอบรม หรือมีกิจกรรม นัดพบปะเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำ ไม่เคยได้อยู่บ้าน ทำหน้าที่แม่บ้านที่ดีให้สามีเลย แต่สามีก็เข้าใจเพราะเราก็ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกัน ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันทุกอย่าง  ข้าวก็ทานนอกบ้าน หากทานกันในบ้านก็จะทานกันกับครอบครัวสามี ซึ่งจะมีคนทำให้ทานอยู่แล้ว ไม่ได้ต้องลงมือทำเอง บ้านก็จะมีคนทำความสะอาดให้ แต่ที่ต้องดูแลเองจริงๆ คือการจัดบ้านช่องให้สะอาดสะอ้านน่าอยู่ ซึ่งแณณก็ไม่ได้ทำหน้าที่นี้ได้ดีเลยค่ะ ก็จัดๆ ไปให้ดูไม่รกมาก แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยเลยค่ะ แต่เรื่องความสะอาดนี่ก็นับว่าสะอาดนะคะ เพราะแณณแพ้ฝุ่นค่ะ  บ้านหรือห้องนอนเลยต้องไม่มีฝุ่นมาก 

ต่อมาอีกสองสามวัน สามีของแณณ ใจไม่ค่อยดีหลังจากได้เห็นข่าวทางทีวีว่ากลางกรุง   ธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศกำลังเกิดการจลาจลอย่างหนัก มีการทุบรถนักการทูตต่างประเทศเสียหาย และมีการลอบวางระเบิดหลายๆ จุดด้วย  ก็รีบมาเล่าให้ฟังและค่อนข้างทุกข์ใจ บอกกับแณณว่าอยากให้แณณไปอยู่ด้วยมากๆ แต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงแณณมากๆ    เช่นกัน ตอนแรกแค่สภาพความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างจะลำบากมากที่ได้รับทราบจากเอกสารที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงธาการายงานเข้ามาให้รับทราบ ยกตัวอย่างเช่น ที่กลางเมืองธากาไฟจะดับทุกวัน เป็นช่วงหนึ่งในแต่ละวัน แต่จะดับทุกวัน ในน้ำประปาที่เราต้องใช้อุปโภค บริโภคกันนั้นมีสารหนู เชื้อโรค และสิ่งสกปรกอื่นๆ ปนเปื้อนอยู่มาก เป็นเมืองที่ฝุ่นเยอะมากๆ (แณณมีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่นด้วยค่ะ) ฯลฯ สภาพแบบนี้แค่ฟังก็กลุ้มใจมากอยู่แล้ว นี่ยังเกิดความไม่สงบถึงขั้นจลาจล วางระเบิด ทุบรถนักการทูตอีกนี่ โอย! ไปกันใหญ่ แม้แต่ความปลอดภัยก็ไม่มี บ่นว่าหรือจะไปขออนุญาตเจ้านายว่าขอไม่ไปแล้วลาออกไปเลยจะดีหรือไม่

แต่ผู้ใหญ่ที่กระทรวงการต่างประเทศก็เมตตา อุตส่าห์หาคนมาปลอบประโลมสามีโดยการให้คนที่เคยประจำการที่ประเทศนี้มาพูดคุยให้ฟังว่าที่นั่นไม่ได้ลำบากแบบที่คิดหรอก อยู่ได้สบาย อาจจะมีความขัดข้องบ้าง แต่ก็ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก บริเวณที่บรรดานักการทูตต่างประเทศอาศัยอยู่ก็มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ไม่น่าจะเกิดอะไรร้ายแรงกับครอบครัวเราได้ เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เตรียมข้าวของ ยารักษาโรค อาหารและสิ่งที่จำเป็นอื่นๆ ติดตัวไปด้วย ปกติสามีแณณจะเป็นคนเข้มแข็ง อดทน สามารถทำงานหนักได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย แถมดูจะมีความสุขมากๆ ด้วยซ้ำที่ได้ทำงานเยอะๆ และหลากหลาย และก็ไม่ได้เป็นคนที่ลำบากไม่เป็นแต่อย่างใด สมัยเรียนด้วยทุนส่วนตัวที่อังกฤษ ก็ยังเคยไปทำงานพิเศษในร้านอาหารไทยเพราะอยากช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งมาให้ (เนื่องจากตอนนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ค่าเงินปอนด์สูงเกือบแตะ 90 บาทต่อ 1 ปอนด์เลยทีเดียว) แต่นี่คงเป็นเพราะได้ยินข่าวดังกล่าวจึงทำให้ใจเสียกลัวแณณจะไม่ยอมตามไป เลยไม่อยากจะไป และเริ่มบ่นๆ น้อยใจในโชคชะตาของตน ที่อุตส่าห์เรียนจนจบปริญญาเอก แต่ดูท่าจะไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร เพื่อนที่จบปริญญาเอกพร้อมๆ กัน ก็เงินเดือนเป็นแสนเข้าไปแล้ว  แค่นั้นยังไม่เป็นไร นี่กำลังจะต้องไปอยู่ประเทศที่ลำบากและมีจลาจลอีก เมื่อเห็นสามีท้อแท้และเศร้าใจขนาดนั้น แณณก็คิด คิด และคิด

จนในที่สุดคิดจนตกผลึก แล้วว่า หากจะต้องลางานราชการ จริงๆ เราก็ควรจะไปอยู่ร่วมทุกข์กับเค้าในยามที่เค้าลำบาก ไปดูแลคอยให้กำลังใจ  เพราะดูท่าว่าก่อนไปก็ใจเสียขนาดนี้แล้ว พอไปอยู่ในสภาพแบบนั้นจริงๆ อาจจะแย่ไปเลยก็เป็นได้ แณณจึงได้ไปทำเรื่องขออนุญาตลาติดตามคู่สมรสเพียง 2 ปีแรกก่อน ที่ทำงานแณณก็อนุญาตให้ลาได้ 2 ปี ตามที่ขอ ส่วนเรื่องการเลื่อนซี (ระดับ) ของแณณนั้น  ก็ตัดใจได้แล้วหล่ะค่ะ ยอมอยู่ในโถเป็นเด็กดองระดับซี 6 ไปอย่างน้อยอีก 2  ปี ก็แล้วกัน ตอนนี้ต้องไปผจญภัยในเมืองแขกแล้วหล่ะ บ๊าย บาย....

บอล สามีแณณนี่ก็ประเภท ได้คืบจะเอาศอกนะคะ  ตอนแรกตกลงกันว่า แณณขอเวลาอยู่เก็บข้าวของ จัดการธุระ และขอไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัดก่อนแล้วค่อยตามไปสักอีก 2 อาทิตย์ให้หลัง แต่ตอนหลังบอลบอกว่า เจ้าหน้าที่ที่สถานทูตสมมุติว่าชื่อคุณเอ ลาพักร้อนไปเที่ยวญี่ปุ่น คุณบีกำลังจะลากลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย คุณซีหมดวาระการออกประจำการแล้วกำลังจะกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ และคุณดี ที่กำลังจะต้องออกประจำการงวดเดียวกันกับบอลนั้น ยังไม่สะดวกที่จะออกเดินทางเนื่องจากยังจัดการธุระที่เมืองไทยไม่เสร็จ     ดังนั้น หากบอลไปคนเดียวในช่วงเวลาแบบนี้ต้องแย่แน่ๆ เนื่องจากทั้งสถานทูตฯ จะเหลือข้าราชการจริงๆ อยู่แค่ ท่านเอกอัครราชทูต ท่านอัครราชทูตที่ปรึกษา  ( เรียกกันสั้นๆ ว่าเบอร์ 2 เพราะดูแลงานของสถานทูตฯ รองจากท่านเอกอัครราชทูต) แล้วก็บอลเท่านั้นค่ะ และที่  Amazing Thailand Grand Sale มากยิ่งขึ้นไปอีกคือ งานที่สถานทูตฯ โดยเฉพาะงานด้านกงสุลคือการออกวีซ่าให้แก่ชาวบังกลาเทศที่ขอวีซ่ามาเมืองไทยนั้น เยอะมากมายมหาศาล ชนิดที่ว่า อาทิตย์แรกๆ ที่ไป บอลออกไปทำงาน 7 วันเลยค่ะ และกลับดึกทุกวัน (ที่เล่ามานี่ไม่ได้ต้องการบ่นว่าสถานทูตฯ เจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานบอลนะคะ ขออย่าให้ใครไปตีความในแง่ไม่ดีเลย ต้องรีบบอกก่อนค่ะ เพราะเดี๋ยวเข้าใจผิดกันไปใหญ่น่ะค่ะ ต้องการชี้ให้เห็นถึงโชคชะตาของบอลเท่านั้นเองค่ะ ว่า แหม! โชคดี..ได้มาในช่วงนี้พอดี๊เลย coincident สุดๆ ค่ะ (หมายถึงเป็น เหตุการณ์ที่ประจวบเหมาะพอดี ) 

 ดังนั้นแณณ ในฐานะคุณแจ๋วประจำตัว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเดินทางไปด้วยพร้อมกันเลยเพื่อที่คุณหนูบอลจะได้ไม่เหนื่อยใจ เหนื่อยกายอยู่คนเดียว และเผลอๆ คุณแจ๋วอาจจะได้รับการอัพเกรดจากหน้าที่ maid (หมายถึง แม่บ้าน) มาปฏิบัติหน้าที่ทางการทูตบ้างเป็นครั้งคราวก็ได้ตามแต่ที่คุณหนูบอลจะสั่งการหน่ะค่ะ   พอได้รับทราบคำสั่งดังนั้น คุณแจ๋วแณณก็เริ่มสติแตก ตายหล่ะ ! ยังไม่ได้ไปเยี่ยมญาติที่บ้านนอกเลย ยังไม่ได้ไปกราบอัฏฐิคุณพ่อเลย ยังไม่ได้ลาญาติๆ ผู้ใหญ่อีกตั้งหลายท่าน ทั้งผู้มีพระคุณ และบรรดาผู้ใหญ่ ที่เคารพนับถือกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่  และเหล่าบรรดาเพื่อนๆ แก๊งสุดซิ่งทั้งหลายของเรา อีกทั้งข้าวของที่จะต้องเตรียมไปอยู่เมืองกันดารนี่ก็ยังไม่ได้คิด ไม่ได้เตรียม หมอฟัน หมอตรวจสุขภาพ ก็ยังไม่ได้นัด สติเริ่มแตกของจริง เพราะนี่ไม่ใช่การไปเที่ยว ไปพักผ่อน ระยะสั้นๆ แต่เป็นการย้ายบ้าน ย้ายถิ่นฐานกันเลยทีเดียว

ปกติแล้วแณณเป็นคนที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปที่ไหนๆ เสมอ ข้าวของจะต้องจดในสมุดแต่ละรายการไว้ว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง เพื่อจะได้ไม่ลืมของที่จำเป็น จำได้ว่าก่อนเดินทางไปเรียนที่ประเทศอังกฤษนั้น แณณ ได้เตรียมจัดกระเป๋าให้ตนเองและจัดให้คนรักเก่าที่คบหากันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นานเป็นเดือนๆ ก่อนวันออกเดินทางจริง เสื้อผ้าแต่ละตัวนั้นพับอย่างดีมีเทคนิคที่ญาติผู้ใหญ่ได้สอนมา คือ พอเอาออกมาจากกระเป๋าแล้วจะสามารถสลัดทีสองทีแล้วก็ใส่ได้เลย จะไม่ค่อยยับมาก นอกจากผ้าบางชนิดที่แค่วางขะยุ้ม ขะยุ้ม ไว้ก็ยับแล้ว ของที่จำเป็นก็เอาไปหมด ไม่มีขาดและมีการจัดพื้นที่ใช้สอยในกระเป๋าให้เกิดประโยชน์    สูงสุด ได้เป็นอย่างดี การทำอะไรที่มีการเตรียมตัวที่ดี มีการเตรียมพร้อมนั้น ก็ย่อมจะดีกว่าเสมอ 

 แต่ครั้งนี้นี่สิ เฮ้อ! แณณก็ยังต้องไปทำงานประจำอยู่ แม้งานจะไม่ได้ยุ่งมากเหมือนแต่ก่อน เพราะเจ้านายก็รู้แล้วว่าเราจะไม่อยู่ แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำต่อเนื่องติดพันเหลืออยู่ มีการต้องออกไปนอกสถานที่ ติดตามผู้ใหญ่เวลาไปกล่าว Speech ตามที่ต่างๆ และมีงานเอกสาร งานประสานงาน และ งานประชุมอยู่บ้าง จะเอาเวลาที่ไหนไปทำอะไรให้ทันได้หมด พอคำนวณดูแล้วว่าธุระที่ต้องทำนั้นมีอยู่มากมายมหาศาลจริงๆ จึงได้ไปขออนุญาตเจ้านายว่าเราคงต้องขอลาพักร้อน โดยจะเคลียร์งานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบติดพันอยู่ และรอจนปฏิบัติงานสุดท้ายที่ต้องติดตามนายออกไปนอกสถานที่เสร็จสิ้น ไม่มีอะไรติดค้าง ก็จึงตัดสินใจลาพักร้อน โดยใช้วันที่เหลืออยู่ ทั้งหมด ใจหนึ่งก็รู้สึกเกรงใจที่ทำงาน แต่ก็จำเป็นเพราะไหนๆ อีกประมาณ 10 วัน  เราก็ต้องไปอยู่ดี และตอนนี้ก็ไม่มีงานอะไรของเราที่ติดค้างไว้อีกแล้ว ได้เคลียร์ไปจนหมดสิ้นแล้ว หากธุระเรื่องเตรียมการเดินทางไม่เสร็จนี่ ทางข้างหน้า สามีและเราคงจะลำบากในการปรับตัวในสถานที่ใหม่ ประเทศใหม่เป็นแน่แท้      เจ้านายที่น่ารักท่านนี้ ก็เข้าใจดีและบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะตอนนี้ทุกคนก็ทราบแล้วว่าเราจะไม่อยู่ จึงไม่ได้มอบหมายอะไรให้ทำเพิ่มเติมแล้ว ให้ลาไปได้เลย

หลังจากได้ไปลาแม่ ไปเยี่ยมญาติ ไปกราบลาอัฏฐิพ่อ และไปกราบลาหลวงปู่ แม่ชีที่เคารพ นับถือกันแล้ว ก็รู้สึกสบายใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะอย่างไรก็ได้ไปบอกความในใจ เหตุผล และการตัดสินใจของเราให้พ่อที่รักยิ่งได้รับทราบแล้ว พ่อคงจะเข้าใจและไม่ว่า เพราะรู้ว่า นี่เป็นสิ่งที่เราคิดดีแล้วด้วยเหตุและผล แล้วแณณก็ยังไม่ได้ลาออกจากราชการอย่างที่พ่อเคยสั่งเสียไว้ เป็นแค่การลาติดตามคู่สมรส และเวลาก็จะพิสูจน์ให้พ่อได้เห็นเองว่า ลูกสาวของพ่อคนนี้ ตัดสินใจไม่ผิด ก็เหมือนกับการตัดสินใจแต่งงานกับลูกเขยที่พ่อไม่ค่อยได้สนิท  เท่าไหร่คนนี้หล่ะค่ะ แณณแน่ใจว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทุกวันนี้ บอลดูแลแณณดีมาก ดีที่สุดในแบบฉบับของเค้าแล้วค่ะ

เราก็เตรียมตัวให้ดีที่สุดในเวลาที่จำกัดนะคะ เนื่องจากส่วนที่ยุ่งยากมากคือ เรื่องเอกสารค่ะ  แณณต้องไปเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลเดียวกับบอล เนื่องจากตอนแต่งงานนั้น แณณยังไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล ยังคงใช้คำนำหน้าว่า นางสาวและ ใช้นามสกุลตนเอง มาจนก่อนออกเดินทางเลยค่ะ บอลก็ขอให้เปลี่ยนชื่อด้วยเนื่องจาก บอลไปดูดวงมา มีคนบอกว่า หากแณณไม่เปลี่ยนชื่อ อาจจะทำให้บอล มีอันตรายถึงชีวิตได้ ที่จริงเรื่องชื่อนี่มีคน บอกแณณมานานตั้งแต่อายุ 15 แล้วหล่ะค่ะว่า  คนเกิดวันพฤหัสบดีนั้น  ในชื่อห้ามมี ตัว    เพราะเป็นกาลกิณี  แต่ของแณณนี่มีทั้งชื่อเล่น ชื่อจริงเลยนะคะ เวลาไปดูหมอนะคะ ทักทุกคนเลยค่ะ ตอนก่อนที่คุณพ่อจะเสียก็มีคนทักว่าให้เปลี่ยนชื่อ ไม่งั้นจะเสียญาติผู้ใหญ่ไป ตอนนั้นก็คิดไปว่าอาจจะเป็นอาม่า (คุณย่า) เพราะท่านก็อยู่วัยชราแล้ว  แต่แณณก็ยืนยันว่า เป็นชื่อที่พ่อแม่เราตั้งให้ แม่บอกว่าได้ให้พระตั้งให้ด้วยค่ะ แณณก็คิดว่า ไม่เปลี่ยนหรอกเพราะแณณ ขี้เกียจยุ่งยากไปเปลี่ยนเอกสารอื่นๆ  อีกมากมาย ทั้งบัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ ใบขับขี่ ทะเบียนบ้าน ทะเบียนรถ สมุดบัญชีเงินฝาก และบัตรประจำตัวอื่นๆ อีกมากมาย  แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับชื่อแณณ กับการที่ญาติจะเสีย ไม่เห็นจะมีเหตุและผลสอดคล้องกันเล๊ย โอย... หมอก็ พูดไปเรื่อย....

แต่ในที่สุด น้องสาริกาลิ้นทอง บอล (สามี) ก็กล่อมจนแณณยอมเปลี่ยนทั้งชื่อใหม่ และเปลี่ยนนามสกุลเป็นของน้องสาริกาไปพร้อมในคราวเดียวกัน เหตุผลที่น้องสาริกาบอกก็คือ แณณต้องยอมละตัวตน ไม่ยึดมั่น ถือมั่นนะ การเปลี่ยนชื่อเนี่ย มันก็เหมือนกับพระบวชใหม่ไง  พระเวลาบวชใหม่ แณณรู้ไหมว่าทำไมจึงต้องมีการตั้งฉายาให้ ก็เพราะเป็นกุศลโลบายที่จะทำให้ผู้ที่จะออกบวชนั้น ละตัวตน ละอัตตาให้ได้

โอ้โห.... น้องสาริกามามุขนี้ แณณก็เป็นนักเรียนกฎหมายอ่ะนะคะ อะไรที่มีเหตุมีผล แม้เราจะมีจุดยืนมาแน่วแน่อย่างไร แต่เค้าสามารถหาเหตุผลที่ทำให้แณณยอมรับได้ เอาทางธรรมมาข่มนี่นาแบบเนี้ย โอเค...โอเค...เปลี่ยนก็เปลี่ยน   เอ.... เปลี่ยนทั้งชื่อ นามสกุลใหม่เลย.... ไม่ชอบเลยเหมือนไม่ใช่ตัวแณณเลย แล้วเพื่อนๆ  ญาติๆ แณณจะจำกันได้เหรอเนี่ย แต่ก็เอานะ ละอัตตา ละตัวตน  เปลี่ยนก็ได้ เป็น นางประณยา จองบุญวัฒนา ค่ะ และชื่อเล่นก็เปลี่ยนเป็นสะกดด้วย ตัว "ณ" แทน  "น"  พอเปลี่ยนชื่อ และนามสกุลใหม่แล้ว ก็เลยต้อง  วิ่งวุ่น เปลี่ยนชื่อในเอกสารต่างๆ เปลี่ยนบัตรประชาชน พาสปอร์ต ใบขับขี่ และอะไรอื่นๆ อีกมากมาย วุ่นไปหมดเลยค่ะ

ในที่สุด คืนก่อนเดินทางก็มาถึง ปวดเฮด (หัว) สุดๆ  เพราะคืนก่อนหน้านั้น เราต้องเรียก  คนงานชายที่บ้าน 4-5 คน มาช่วยกันย้ายของจากคอนโด ที่เรามาเช่าอยู่ใกล้ๆ ที่ทำง

หมายเลขบันทึก: 163148เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2008 18:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 05:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวีสดีจ๊ะแณณ บอล

ยินดีต้อนรับสู่ G2K นะ มาช่วยกันเผยแพร่ความรู้ชีวิตนักการทูตสู่สาธารณชนนะ

เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่ลหลายคนคงไม่ทราบมาก่อนว่า ชีวิตนักการทูตนั้น ผจญภัยเพียงใด โดยเฉพาะการต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งในเรื่องการงานและชีวิตครอบครัว

การต้องเลือกนั้น เป็นแบบฝึกหัดของนักการทูตที่สำคัญยิ่ง เพราะตลอดเวลาของชีวิตการทำงาน ต้องเลือกอยู่เสมอ เลือประโยชน์สำหรับทางการ สำหรับประเทศชาติ โดยต้องเสียสละประโยชน์ส่วนตัวหรือของครอบครัว...ที่คนภายนอกไม่เข้าใจ

ยินดีที่ได้อ่านข้อเขียนจากนักการทูตรุ่นใหม่และคู่สมรส(ฝ่ายใน)คนนี้ ที่มีศักยภาพสูงทั้งคู่

ขอให้ชีวิตในต่างแดนครั้งนี้ เต็มไปด้วยปรธโยชน์และความรู้ที่จะทำให้ทุกวันมีคุณค่านะจ๊ะ

ในฐานะบล๊อคเกอร์ใหม่ใน G2K แณณลองแวะไปดูหลักการเขียนบล๊อคด้วยนะจ๊ะ ทางทีมงาน UsableLabs จัดทำไว้ดีมาก

จะตามอ่านต่อไปจ๊ะ

Welcome to G2K

 

ขอบคุณพี่พลเดชครับ ปกติแณณชอบเขียนบันทึกส่วนตัวเป็นประจำอยู่แล้ว ผมว่าการนำมาให้ผู้อื่นได้รับรู้บ้างก็อาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังเตรียมตัวออกประจำการ และต่อฝ่ายใน ท่านอื่น ที่จะต้องเตรียมตัวติดตามสามีออกประจำการให้พอเห็นภาพว่า การมีสามีเป็นนักการทูตนั้นก็อาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบากด้วย เห็นแณณว่าส่วนหนึ่งของการตัดสินใจยอมลาติดตามผมมา ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพูดคุยกับภรรยาของพี่ ต้องขอบคุณนะครับ ทุกวันนี้ผมดีใจที่แณณมาอยู่เป็นเพื่อนและช่วยทำงาน ช่วยคิด เรามีความสุขกันดีที่นี่ครับ

ด้วยความเคารพ

บอลครับ 

ครูอ้อยมาอ่านและเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

หวังว่าคงได้อ่านบันทึก..อีกนะคะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ คุณครูพี่อ้อย หนู จะเขียนมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีค่ะ

แณณ

แนนเล่าเรื่องดีมาก ขอให้เว้นย่อหน้าแต่ละสาระนิดหนึ่ง  ชำนาญแล้วมีรูปมีเน้น  จะดี สาระนั้นเต็มร้อยแล้ว

เติมอีกนิดลุงเอกดีใจกับการตัดสินใจของแนนที่ครั้งยังกังวลว่าจะเลือกระหว่างงานกับครอบครัว  แนะนำให้เลือกครอบครัว  จากวันนั้นถึงวันนี้คงจะได้บทพิสูจน์แล้วพอสมควร

ขอใช้ชื่อแนน  ตามเดิมนะเพราะชอบแนนที่เป็นแนน

 

P   ลุงเอกที่เคารพ

  • หนูขอบคุณมากนะคะ สำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากๆ
  • เป็นโชคดีที่ได้อบรมหลักสูตร SE1 ที่คลังสมอง วปอ.  ทำให้ได้รู้จักกับผู้รู้ และผู้ที่แนะนำสิ่งที่มีประโยชน์ให้หลายๆ ท่าน  ค่ะ
  • การตัดสินใจมาครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับแนนจริงๆค่ะ ตอนนี้ สมองปลอดโปร่งมากค่ะ ได้อ่าน ได้เรียน ได้คิด อะไร ตามแต่จินตนาการ แล้วแถมยังมีเวลาาแบ่งปันคนอื่นด้วยค่ะ
  • คนเรา ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย นอกจาก ความสุข (ที่ไม่ได้เดือดร้อนใคร)  ความสงบ และความสบายใจจริงๆ นะคะ

 

สวัสดีค่ะคุณแณณ

แกะรอยมาค่ะ  อิอิ

มาติดตามเรื่องราวของนักการฑูตและหลังบ้านที่เข้มแข็งค่ะ

ตามมาอ่านมินิซี่รี่ส์ค่ะ น่าตื่นเต้นดี คุณแณณน่ารักมากนะที่ทำทุกอย่างเพื่อ support ความก้าวหน้าในอาชีพของสามี หายากๆ โดยเฉพาะในผู้หญิงยุคใหม่ที่มีการงานดี การศึกษาดี และมีเป้าหมายในอนาคตที่วางไว้แต่แรก ถ้าเป็นเราคงตัดสินใจยากเหมือนกันค่ะ ถ้าเป็น B แรกที่คุณแณณอยากไปคงเลือกง่ายหน่อย แต่พอเป็น B หลังอีนี้คิดหนักค่ะ ไม่ชอบแขกง่ะ - - " 

จะตามอ่านเรื่อยๆ มีอะไรก็แบ่งปันกันได้ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ ถ้าไม่เกินความสามารถก็ยินดีค่ะ

สวัสดีค่ะคุณแนน

  เพิ่งมีเวลา มาอ่านทบทนบันทึกคุณแณณ ดีจังเลยค่ะ ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง ในการตัดสินใจ และถ้าไม่ตัดสินใจในวันนั้น เราคงไม่ได้ทำบุญถวายจีวร ร่วมกัน ในโอกาสต่อไป ทุกอย่างมีเหตุผล เสมอค่ะ

P  คุณหนิง

  • ยินดีที่ได้รู้จักกันที่นี่นะคะ ไว้แณณขอแกะรอยคุณหนิงบ้างนะคะ อิอิ

P         คุณ Little Jazz

  •  ขอขอบคุณ สำหรับความมีน้ำใจ และมิตรภาพนะคะ
  • ตอนแรก แณณก็ เกรงๆ พี่บังฯ เหมือนกันค่ะ แต่อยู่ไปก็พบว่านิสัยดีค่ะ ดีมาก เหมือนคนไทยเลย มีน้ำใจ ชอบบริการ สุภาพ ด้วยค่ะ
  • หากสามีได้ไปประเทศ B แรก จริงๆ แณณคงจะไม่ลาติดตาหล่ะค่ะ เพราะรู้ว่า เค้าคงจะไม่ลำบากเพราะเป็นประเทศเจริญแล้ว อีกทั้งรออีกนิดเดียว แณณก็จะได้ เลื่อนระดับแล้ว
  • สงสัยชะตาต้องกันกับแขกน่ะสิคะเนี่ย เลยต้องมาอยู่กับอาบังที่นี่ :)

    P      พี่โยคีน้อยคะ

  • พี่พูดเหมือนสามีแณณเลยค่ะ บอลบอกว่า การที่แณณมาอยู่ที่นี่กับเค้า เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวแณณมากที่สุด เพราะบอลเห็นแณณว่า สดชื่น แจ่มใส ดีค่ะ
  • อยู่เมืองไทย หากทำงานก็จะไม่สามารถมาแวะเวียนที่ Go2know ได้ประจำค่ะ
  • ที่สำคัญคือ ได้มีโอกาสร่วมทำกุศลกับพี่และพี่พลเดช ด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะคุณแณณ แวะมาเยี่ยมบ้าง

ไม่มีใครคิดแทนเราได้ว่าเราควรจะเลือกทางใด เมื่อก่อนพี่เคยมองผู้หญิงที่ยอมสละความก้าวหน้าทางการงานของตัวเองเพื่อสนับสนุนงานของสามีว่าเป็นผู้หญิงแบบยุคก่อน แต่มื่อถึงคราวตัวเองจึงได้รู้ว่าที่จริงที่เราเลือกที่จะวางงานของเราไว้ก่อนนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเราทำเพื่อเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ หากแต่เรากำลังทำเพื่อตนเอง เพื่อความสุขของตนเองที่จะได้อยู่ข้างคนสำคัญของเรา ยิ่งได้เห็นน้ำใจของเขาที่มุ่งมั่นทำสิ่งมีประโยชน์ตอบแทนแผ่นดิน เราก็ได้มีส่วนในกุศลนั้นทางอ้อม

ตอนพี่ลาออกจากงานมาอยู่อยุธยา ญาติผู้ใหญ่หลายคนตำหนิว่าไม่ฉลาดที่ทิ้งงานเงินเดือนสูง พึ่งตนเองได้ มากลายเป็นคนต้องพึ่งสามี ซึ่งสามารถกลายเป็นอื่นได้ พี่เองไม่ได้รักสามีจนต้องตามใจเขา แต่มาคิดว่าอายุขนาดเรา งานเครียดมาก แข่งขันสูงอย่างนั้น สู้อยู่บ้านที่เราก็ยังสามารถทำงานวิชาการได้หากอยากทำ ไม่มีความต้องการเกียรติยศอะไร และรู้จักพอ มีเวลาใช้ชีวิตให้เป็นสุขดีกว่า เลยเลือกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มีความสุขสงบมากค่ะ

ขอให้คุณแณณและสามีปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอย่างมีความสุข มีผู้คนคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจให้ฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างไปได้ด้วยดี บุญรักษานะคะ

 

แวะมาต้อนรับการเปิดเรื่องสู่ GotoKnow เต็มตัวของคุณแณณด้วยคนค่ะ เขียนได้เหมือนกำลังฟังคุณแณณคุยอยู่เลย ดีใจที่ได้ทราบว่า การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ นำความสุขมาสู่คุณแณณและคุณบอลนะคะ เชื่อว่าเรื่องราวที่คุณแณณเขียนเล่าใน GotoKnow จะนำทางให้คุณแณณมีอนาคตที่สดใสรุ่งเรืองแน่นอนค่ะ ...ฟันธง...

P   พี่คุณนายด๊อกเตอร์คะ

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมแณณนะคะ และสำหรับคำแนะนำ ข้อคิดดีดี การให้กำลังใจ ความปรารถนาดีที่พี่มีให้ด้วยค่ะ  
  • ที่จริงอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่เคยได้ยินมาค่ะ คนบังกลาเทศน่ารักค่ะ นิสัยคล้ายคนไทยค่ะ
  • สภาพแวดล้อม แม้จะเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีมลภาวะทางอากาศมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง (อ่านจาก Lonely Planet และจากรายงานของ ก.ต.) แต่คนเราหากใจเป็นสุข สงบ แม้จะเจอสิ่งไม่ดี ก็จะไม่ทุกข์ร้อนใจนักนะคะ แต่ทางกายนี่ก็อาจจะมีบ้าง เช่นตอนนี้แณณผื่นขึ้น คันเชียวค่ะ สงกะสัยว่าจะแพ้น้ำค่ะ
  • เลยอัพโหลดสีของน้ำมาให้ดูด้วยค่ะ เทียบกับสีน้ำมะนาวที่คั้นเตรียมไว้ทำกับข้าว และน้ำสับปะรดที่ปั่นทานตอนเช้าๆ
  • น้ำสีนี้เป็นแค่บางครั้งเท่านั้นค่ะ ไม่ได้เป็นสีนี้ตลอด แณณไม่ทราบว่าแพ้อะไรในน้ำที่นี่ แต่ก็ยังอาบทุกวัน อาบไปเรื่อยๆ หวังว่าร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันไปเองนะคะ

         P1030035              P1030033 

P   คุณโอ๋ อโณคะ

  • ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณที่ให้การต้อนรับน้องใหม่คนนี้นะคะ
  • น้องใหม่ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะคะ
  • แกะรอยตามคุณโอ๋ไป ทราบว่าเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมเหมือนกันเลย
  • แต่คุณโอ๋ advance มีลูก 3 นำแณณไปแล้ว ดีจังค่ะ จบด็อกเตอร์ ครอบครัวก็แฮปปี้ หน้าที่การงานก็ดี สำเร็จ เรียบร้อยได้ทุกด้านเลย  ซุปเปอร์เกริล์นะคะเนี่ย
  • ไม่อิจฉา ค่ะ แต่ ชื่นชม ไปด้วยกับความสุข สำเร็จที่คุณโอ๋มีค่ะ
  • แณณก็เชื่อว่าการมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่นี่ จะทำให้แณณมีสิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิตแน่นอนค่ะ เพราะแค่ ณ วันนี้ ได้มีโอกาสรู้จักกับกัลยาณมิตรมากมาย นี่หล่ะค่ะ คือสิ่งที่ทำให้แณณมีความสุข มิตรภาพที่ดี ที่จริงใจ คือสิ่งดีดี ที่แณณได้รับแล้วค่ะ คุณโอ๋ฟันธงถูกเป๋งเลย :)

 

  • ครูอ้อยแวะมาทักทายอีกครั้ง
  • สมาชิกมายินดีต้อนรับมากมาย น่าอบอุ่นนะคะ

รักษาสุขภาพ นะคะ

  • สวัสดีค่ะ ..

มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ  ^^

P 

 

  •  ครูพี่อ้อยคะ ขอบคุณนะคะ ครูพี่อ้อยก็เป็นพี่คนแรกๆ ในgo2know ที่ให้การต้อนรับอันอบอุ่น ที่นี่แก่แณณ เลยค่ะ     

 

  P     คุณเนปาลีคะ

 

  • ขอบคุณนะคะ แณณแกะรอยตามไปเยี่ยมคุณเนปาลีบ้างแล้วหล่ะค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท