หลังจากเสร็จสิ้นอีกหนึ่งภารกิจ คณะของเราก็เตรียมตัวเดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ภ.ค.9 (บ้านด่าน) ซึ่งอยู่ห่างจากนี้ไปอีกประมาณ 5 ก.ม. เราโชคดีมากที่ได้อาศัยรถของอาจารย์ป้าที่กำลังจะเดินทางกลับบ้านที่ตัวจังหวัดน่าน ซึ่งผ่านจุดที่เรากำลังจะไปพอดี เราต้องเก็บแรงไว้ต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกอีกครั้งตอนเดินขึ้นบ้านปู่ดู่
ที่ ภ.ค.9 คณะของเราทักทายกับหัวหน้าป่าไม้ ลงบันทึกวัตถุประค์และจำนวนคนก่อนเดินเท้าไปตามเส้นทางด้านหลังที่ทำการฯ เส้นทางในช่วงแรกค่อนข้างสูงชันมาก เราต้องพักบ่อยและจิบน้ำดื่มเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คอแห้งน้ำลายเหนียวข้น แต่ไม่สามารถดื่มปริมาณมากๆได้เนื่องจากน้ำมีจำกัด และจะทำให้จุกเสียดท้องจนไม่สามารถเดินต่อได้
ถึงจุกพักแรกเสื้อผ้าของหลายคนเริ่มเปียกโชคไปด้วยเหงื่อ เราใช้เวลาพักพอหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มออกเดินทางต่อเพราะไม่ต้องการให้มืดค่ำระหว่างทางเพราะ จะเดินทางค่อนข้างลำบากและอันตรายถึงจุดพักที่สองบนสันเขาลูกแรก เป็นแคร่ไม้ไฝ่ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ะชาวบ้านกรุณาสร้างเอาไว้ให้ผู้ผ่านทางได้พักผ่อนและชมวิว สองข้างทางซึ่งสามารถมองเห็นยอดดอยภูแว อยู่ไกลลิบออกไป ซึ่งมีเมฆหมอกบางๆกำลังเคลื่อนผ่านช้าๆ ส่วนอีกฟากก็จะมองเห็นยอดดอยอีกลูก ที่ซึ่งทำหน้าที่เป็นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว ซึ่งคณะของเราพึ่งจากมาเมื่อเช้านี้เอง จากจุดนี้การเดินทางสะดวกมากขึ้นไม่ชันเหมือนตอนแรกๆ
เรามาถึงทางเข้าหมู่บ้านปู่ดู่ก็เย็นมากแล้ว เด็กออกมาต้อนรับอย่างเคย คณะของเราเป็นที่คุณเคยของเด็กๆ เพราะเรามาพร้อมความบันเทิงและขนมเสมอๆ หลังจากทักทายผู้ช่วยเสริฐ กะลุงแก้ว แล้ว อสม.เด็จก็พาไปเก็บส้มโอที่บ้านบอกว่าอยากให้พวกเราได้ชิมสมโอที่แกปลูกเองกะมือแถมรสชาดดีไม่เปรี้ยว ไม่หวาน ไม่ขม(จึงสรุปได้ว่าไม่มีรสชาดใดๆเลย...) จากนั้นก็พาไปชมแปลงเกษตรที่ชาวบ้านได้ร่วมมือร่วมใจ สร้างเพื่อเป็นแหล่งอาหารสำหรับหมู่บ้านตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง
หลังอาหารเย็นฝีมือครูเมธและพวก เพื่อไม่ให้เสียเวลาคณะของเราก็เริ่มกิจกรรมรอบกองไฟทันที โดยมีน้องๆบ้านปู่ดู่ ทั้งที่เป็นนักเรียนของศูนย์ กศน.บ้านปู่ดู่ และน้องๆที่ต้องเดินลงไปเรียนหนังสือที่บ้านด่าน วันนี้เรามีกิจกรรมรอบกองไฟร่วมกัน เริ่มจากเพลงรำวงสานหิงรอบกองไฟ อันเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของครูเมธผู้ประพันธ์
จากนั้นคณะของเราก็ร่วมเล่นเกมส์สลับกับการแจกของรางวัล โดยมีชาวบ้านผู้ปกครองของน้องๆ มาให้กำลังใจและร่วมวงสังสรรค์ กันอย่างสนุกสนาน พอจบการแสดงความสามารถของน้องๆก็ปิดท้ายด้วยเกมส์สนุกๆของครูเพชร และเพลงเป็ดของพี่ปุ๋ย ประมาณ3ทุ่มก็ได้เวลาร่วมกันร้องเพลงส่งน้องๆเข้านอน ส่วนคณะของเราแล้วชาวบ้านยังสังสรรค์กันต่อด้วย สุราที่ผลิตเองและน้ำสมุนไพรหลุบหลิบ ให้สาสมกับที่ไม่ได้เจอกันมานานแรมปี
หลังจากชื่นชมบรรยากาศและความงดงามยามเช้าจนเป็นที่พอใจ คณะของเราก็อำลาเด็กๆและชาวบ้าน เดินกลับ ภ.ค.9 ทางเดิม โดยไม่ลืมสัญญากับน้องๆ ว่า...... “เราจะกลับมาอีก”
ภารกิจเยี่ยมญาติที่ดอยภูแวครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามที่ได้ตั้งใจไว้เป็นอย่างดียิ่ง
ขอบคุณ บริษัทขนส่งจำกัด, รถโดยสารสาย น่าน-ปัว, รถสองแถวสาย ปัว-บ่อเกลือ
ขอบคุณ น้องดาว, น้องอ๋อย และสองน้องแม่บ้านที่สถานีฯ ที่เอื้อเฟื้ออาหาร สถานที่ และเครื่องดื่มนานาชนิด
ขอบคุณ น้าแก้วและภรรยา ที่ชี้แนะเส้นทางเดินเท้าจาก สถานีฯ ลัดเลาะตามไหล่เขาและหน้าผาสูงชันไปยังบ้านสระจุก แต่เสียดายที่เรามาถึงช้าทำให้พลาดโอกาสได้เจอกับหมอนาย และหมอหนู
ขอบคุณ ครูถึกที่เป็นภาระนำคณะข้ามภูเขาไปยังบ้านห้วยเต๋ย และอนามัยบ้านด่านโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณ ครูเมธที่กรุณาเอื้อเฟื้ออาหาร สถานที่และประสานงานกับเด็กๆ และกรรมการหมู่บ้านทำให้การจัดกิจกรรมสำหรับเด็กๆ และการมอบทุน ทั้งที่บ้านห้วยเต๋ยและบ้านปู่ดู่เป็นไปอย่างสนุกสนานทั้งผู้ให้และผู้รับ
ขอบคุณ หมออาร์ทกับหมอเก่ง ที่เอื้อเฟื้อสถานที่พักผ่อนและอาบน้ำที่อนามัยบ้านด่าน
ขอบคุณ ครูสิทธิ์ เด็กๆและชาวบ้านห้วย บ้านห้วยเต๋ยกับบ้านปู่ดู่ ที่เอื้อเฟื้อและสร้างความสนุกสนานร่วมกัน
ขอบคุณ คณะของเรา พี่รินทร์ พี่แว่น พี่ปุ๋ย พี่เพชร น้องเปิลและน้องต้อง ที่ทำให้เราได้มีกิจกรรมดีๆร่วมกันเสมอมา
ที่ขาดไม่ได้คือขอบคุณผู้ร่วมสมทบทุนบริจาคน้องๆ พี่ต๋อง+พี่กอบ พี่ป๋า พี่บอย และน้องรัตน์
สุดท้ายน่าเสียดายที่เราไม่ได้พบกับญาติของเราอีกสองคนคือ พี่ถาวรและครูไนท์ ที่ติดภารกิจต่างจังหวัด
หวัดดีปีใหม่ไทยค่ะ
ฝากรูปถ่ายไปแล้วกันน่ะ
อยากไปเที่ยวแต่ไม่ค่อยมีเวลา...
ดีใจแทนเด็กๆ..ที่ยังมีผู้ใหญ่ใจดีอุตส่าห์เดินทางฝ่าความลำบากไปมอบความสุขให้พวกเขาถึงที่
ป่านนี้เด็กๆคงคิดถึงพี่ๆแน่เลยค่ะ.........