ทฤษฎีใหม่ : ความรู้ไม่มีสอน มนุษย์สร้างความรู้ได้เอง (2)


หลักการและทฤษฎีจะดีหรือไม่ดีน่าจะขึ้นอยู่กับการนำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างนั้นจริง ๆ

หลังจากการเกริ่นนำ ในบันทึก ทฤษฎีใหม่ : ความรู้ไม่มีสอน มนุษย์สร้างความรู้ได้เอง (1) แล้วนั้น บันทึกนี้ขอถอดความต่อจากบันทึกที่กล่าวข้างต้น

 

๓ ปัจจัยในการสร้างความรู้

สุขภาพสมอง : เก่งคนละด้าน : วิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกัน

 

ปัจจัยของผู้เรียนที่จะสร้างความรู้ได้เองคือ

ข้อที่ ๑ สุขภาพของสมอง เมื่อกี้ผมพูดแล้ว ถ้าสมองได้อาหารครบ ไม่ขาดไอโอดีน แล้วก็นอนพักผ่อนปกติ ไม่เสพยาเสพติดไปทำลายสมอง ไม่กินยาที่ไปทำลายสมอง ไม่สูดดมสารพิษที่ไปทำลายสมอง เขาก็มีความสามารถ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่พร้อมจะสร้างความรู้เอง

ข้อที่ ๒ มนุษย์ทั้ง ๑๐๐ คน เขาจะ เก่งคนละด้าน ไม่เก่งเหมือนกัน ไม่ใช่เรามีลูก ๓ คน เวลาเราเลี้ยงลูกเราไม่เคยลำเอียงเลย ทำให้กิน ๓ มื้อก็อาหารประเภทเดียวกันวางอยู่บนโต๊ะเดียวกันนั่นแหละ เราไม่ได้แอบ ๆ ซ่อน ๆ ให้คนโตได้กิน คนเล็กไม่ได้กิน คนเล็กได้กิน คนโตไม่ได้กิน เวลาเราสอนเขาให้เขาไปโรงเรียน เราก็ส่งเขาเต็มที่ ลูก ๓ คน เหมือนกันไหม แต่มีศักยภาพไม่เหมือนกัน

 

มีคนเขามารวมศักยภาพได้ ๘ ประเภท ซึ่งท่านเจ้าคุณหลวงพ่อธรรมปิฎก ใช้คำว่า "ปรัชญา" ภาษาฝรั่งใช้ "Intelligence" ลองมาดูไหม เด็ก ๆ ที่นั่งอยู่นี่เก่งทางไหนบ้าง

แบบที่ ๑ เก่งทางกาย เป็นนักกีฬา เช่น ภราดร ศรีชาพันธุ์ หรือ แทมมารีน พวกนี้เก่งทางกาย คล่องแคล่วว่องไว กระดูกเคลื่อนไหวดี แล้วก็อะไรต่ออะไรก็สัมผัสดี

แบบที่ ๒ เก่งทางภาษา แบบสุนทรภู่ ท่านสุนทรภู่ไปแข่งกีฬาสู้ภราดรไม่ได้ แต่เรื่องกลอนภราดรสุ้ท่านสุนทรภู่ไม่ได้เช่นกัน

แบบที่ ๓ เก่งคณิตศาสตร์พวกตรรกะ

แบบที่ ๔ เก่งทางด้านสายตาพวกทรรศนะ ก็เป็นพวกช่างวาด ศิลปิน

แบบที่ ๕ เก่งทางดนตรี

แบบที่ ๖ เก่งทางธรณีธรรมชาติ

แบบที่ ๗ เก่งในการสัมพันธ์กับคนอื่น

แบบที่ ๘ ต้องทำงานคนเดียว ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง ทำงานคนเดียว มีความคิดริเริ่ม มีสัญชาตญาณ มีอะไรขึ้นมาคนเดียว

 

เด็ก ๑๐๐ คนในห้องเรียนเรา หรือลูกของเรา ๓ หรือ ๕ คนนี่ แต่ละคนจะมีความสามารถอย่างที่กล่าวมา เพียงแต่ว่าผู้ใหญ่จะสนับสนุนถูกทาง หรือผิดทางให้เขาเก่ง

ผมมีหลานชายคนหนึ่งชอบดนตรีมาก สีไวโอลินชั้นหนึ่งเลย พ่อเขาเป็นสถาปนิก เมื่อปีก่อนบังคับให้ลูกไปเรียนสถาปนิก ลูกไม่ชอบ ลูกจะเรียนดนตรี แล้วทะเลาะกัน สุดท้ายแม่เขาก็พาทั้งพ่อทั้งลูกมาหาผม

ผมก็ถามทางพ่อนะ ว่า ทำไมอยากให้ลูกเรียนสถาปัตย์เหมือนพ่อ เขาก็เล่าให้ฟังว่าทำไม เพราะเขาชอบทางนี้ เขาเก่งทางนี้อยู่แล้ว สุดท้าย ผมเป็นท้าวมาลีวราช ก็เลยบอกว่า ให้ลูกตัดสินใจเถอะ

ลูกเขาก็ตัดสินใจไปเข้าเรียนดนตรีที่ ม.พายัพ พอรู้ว่า เด็กคนนี้จะเข้าเรียนดนตรีนะ ทั้งมหิดล ทั้งพายัพ ทั้งจุฬาฯ อยากได้ตัวมากเลย เขาเข้าพายัพไม่ถึงปี กิตติศัพท์ความเก่งก็ดังไปถึงสิงคโปร์ มหาวิทยาลัยที่สิงคโปร์ส่งอาจารย์ไปฟังเขาสีไวโอลินที่เชียงใหม่

ตอนนี้แม่เขามาเป็นเดือดเป็นร้อนแล้ว เพราะว่าทางสิงคโปร์จะให้ทุนไปเรียนต่อถึงปริญญาเอก แต่ให้ไปอยู่ที่สิงคโปร์ ไปเล่นดนตรีให้เขา เพราะเด็กคนนี้เก่งมาก ต้องยอมรับความถนัดของลูก เรื่อง การเรียนรู้ เราไปบังคับให้ลูกเรียนหมอ วิศวะ มันไม่ได้หรอก ถ้าเขาเก่งเรื่องภาษา ทำไมไม่ให้เขาไปเรียนทางภาษา ถ้ามีมนุษยสัมพันธ์ดี ก็ให้ไปเรียนทางด้านประชาสัมพันธ์ แล้วแต่ชีวิตเขา

เราต้องยอมรับว่า คนเรามีความถนัดไม่เหมือนกัน

 

ข้อที่ ๓ วิธีการเรียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน นี้ต้องยอมรับเหมือนกัน เด็กบางคนเวลาดูหนังสือคนเดียวแล้วรู้เรื่อง เด็กบางคนดูคนเดียวไม่รู้เรื่อง ต้องไปดูกับเพื่อน ๓ ถึง ๔ คน ที่จริงก็ไปคุยอะไรต่ออะไรกันบ้าง แต่เขาก็มีวิธีดูของเขาอยู่ บางคนนอนตื่นมาดูตอนเช้า ๆ บางคนไม่ได้ ต้องดูดึก ๆ แล้วตื่นสาย ๆ เขามีวิธีของเขาอยู่ อันนี้พ่อแม่ต้องดูแลต้องเข้าใจ

 

ถอดความจากหนังสือ ชื่อ "การเรียนรู้ที่แท้และพอเพียง" โดย "ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี"

 

นี่บันทึกถึงที่พูดถึงทฤษฎีใหม่ : ความรู้ไม่มีสอน มนุษย์สร้างความรู้ได้เอง ตอนที่ 2 แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ ยังคงมีปัจจัยที่มีส่วนช่วยมนุษย์อีกหลายปัจจัย

 

บันทึกที่เกี่ยวข้อง

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านทฤษฎีการศึกษานอกกรอบแบบนี้นะครับ

หลักการและทฤษฎีจะดีหรือไม่ดีน่าจะขึ้นอยู่กับการนำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างนั้นจริง ๆ 

บุญรักษา ทุกท่าน :)

หมายเลขบันทึก: 163132เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2008 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 00:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

อรุณสวัสดิ์อาทิตย์อิ่มใจในวันหยุดไหมเอ่ยอ.เสืออวบอารี... :)

ต้องสนับสนุนเด็กน้อยให้สอดคล้องกับศักยภาพเค้า จะดีที่สุดค่ะ ถึงเวลาผู้ปกครองต้องเปลี่ยนความคิด ไม่ผลักความฝันตนให้เด็ก ฝืนเรียนไปก็เท่านั้น

ไปปล่อยแก่งานวันเด็ก กลับมาเปลี่ยนภาพใหม่ ดูเป็นท่านเสือใจบุญนิ อิ อิ ปีนึงเร็วซะ :)

อรุณสวัสดิ์ครับ คุณ poo แห่งอันดามัน ;)...

แหม มาพรวนบันทึกให้นะครับ ...

ความฝันควรเป็นของลูก มากกว่า ของพ่อแม่

หาไม่เด็กอาจจะไม่มีความสุขแท้ก็เป็นได้

ภาพประจำตัวใหม่ ใจบุญเกินไปไหมครับ อิ อิ

ขอบคุณครับ ;)...

แน่นอนอยู่แล้ว ใช่เลยค่ะอ.เสือ เกินไปแต่ .. ไม่ค่อย เช่นเคย ๕ ๕

ว่าแต่ไปปล่อยแก่งานเด็กเมื่อวาน?คะ ไว้จะรอชมโตยเจ้า อิ่มรำเที่ยงเน้อ

วันนี้ไข่เจียวแหนมทรงเครื่อง กึดเติงหาเวียงหลายๆ .. ขอบคุณเจ้า :)

ผมปรับสีให้เป็น "ซีเปีย" มากขึ้นครับ ... ลองใช้ไประยะหนึ่งก่อนครับ

เมื่อวานพักผ่อนเต็มที่ ไม่ได้ออกไปไหนไกลบ้านครับ

ขอบคุณครับ คุณ poo ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท