พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพกรมวิทยาศาสตร์บริการ รุ่นที่ 1


สิ่งสำคัญที่ผู้นำควรเรียนรู้เพิ่มเติม คือการมองภาพใหญ่

สวัสดีครับชาว Blog และลูกศิษย์ กรมวิทยาศาสตร์รุ่น 1 ที่รักทุกท่าน           

            ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจัดโครงการ "พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพของกรมวิทยาศาสตร์บริการรุ่นที่ 1"  ให้แก่ข้าราชการระดับ 8 ของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์  หลักสูตรนี้เน้นในเรื่องการสร้างผู้นำ และผู้บริหาร เพื่อนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ และนำพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าด้วยความยั่งยืน  ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญของการทำงานภายใต้ยุคโลกาภิวัตน์ที่

          ผมขอถือโอกาสใช้ Blog นี้เป็นคลังความรู้ที่เราจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแลกเปลี่ยนกัน หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านครับ                                                           

                                                                     จีระ หงส์ลดารมภ์

หมายเลขบันทึก: 162781เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2008 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (53)
Good morning. Thank U for this mean  to say  hello I 'll tell U that V all grad to join this course. Miss O
Workshop
1.      ในระดับ C8               
-  จุดแข็งของC 8 ในกรมที่เป็นภาวะผู้นำคืออะไร 3 เรื่อง             
-  จุดอ่อนคืออะไร 3 เรื่อง        
2. จะมีวิธีการ Develop ผู้นำ C8 ให้ได้ผลคืออะไร ?  
ลุ่ม 4
1. จุดแข็ง คือ
1. มีความรู้ ความสามารถ                
2. คุณธรรม จริยธรรม                
3. ความเชื่อมั่นในตนเอง
จุดอ่อน คือ
1. ไม่ควบคุมอารมณ์           
2. เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง           
3. ไม่มีวิสัยทัศน์ระยะยาว
2. ควรมีแบบอย่างที่ดี เช่น ท่านรองฯ ธิดา มีเมตตา จริยธรรม ให้กำลังใจ รับฟังความเห็นผู้อื่น         ควรได้รับการอบรม และไปฉลองที่เกาหลี       สิ่งแวดล้อม  ได้รับการสนับสนุนจากอธิบดีฯ มีการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาผู้นำ และกำจัดจุดอ่อนได้เร็วขึ้น  
กลุ่ม 2       
1. จุดแข็ง คือ
1. มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์                         
2. การทำงานสำเร็จตามความมุ่งหมาย                         
3. สู้งานหนัก            
จุดอ่อน คือ
1. งานบูรณาการภายในและนอกองค์กรมีน้อย                        
2. ตัดสินใจช้า ข้อมูลไม่พอ และกฎระเบียบ                        
3. วิญญาณนักวิชาการมากกว่าบริหาร       
2. ต้องการนักบริหารที่เป็น Role Model            การอบรมช่วยสร้างความรู้พื้นฐานได้            สร้างแรงจูงใจเพื่อทำงานบริหารให้มากขึ้น   
กลุ่ม 3        
1. จุดแข็ง คือ
1. มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ                         
2. มีความสามารถในหน้าที่ที่รับผิดชอบ                          
3. มีความมุ่งมั่น และตั้งใจทำงาน แก้ไขปัญหาที่พบ มีความศรัทธาองค์กร และรักองค์กร            
จุดอ่อน คือ
1. ไม่ทำงานแบบบูรณาการ                        
2. ขาดการสื่อสารทุกระดับ                        
3. มองภาพแคบ ไม่กว้าง       
2.  ดูจาก 5 E’s หาตัวอย่างจากผู้ที่มองกว้าง ฟังความคิดเห็น ให้ผู้ร่วมงานฝึกอบรม แล้วลองปฏิบัติ มีการประเมินผล รับฟังความคิดเห็น  ในเรื่องการสื่อสาร สร้างบรรยากาศของการเป็นผู้นำ และระดับล่าง    
กลุ่ม 1       
1. จุดแข็ง คือ
1. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็น Technical Term                         
2. มีความมุ่งมั่น รับผิดชอบสูง                          
3. มีความประนีประนอม           
จุดอ่อน คือ
1. ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการ                        
2. มีความเชื่อมั่นตนเองสูง ไม่รับฟังความคิดเห็น                         
3. วิสัยทัศน์ไม่กว้างไกลเท่าที่ควร        
2.  สร้างบรรยากาศแลกเปลี่ยนการเรียนรู้  แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพิ่มเติมในส่วนที่ขาด เช่น ประชุม อบรม รับเอาความรู้ใหม่ ๆ พัฒนาคนให้เหมาะกับงาน    สร้างศรัทธาให้เกิดในภาวะผู้นำของตนเอง เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ในการบริหารจัดการ   
กลุ่ม  5       
1. จุดแข็ง คือ
1. มีคุณธรรม จริยธรรม                         
2. ความสามารถเฉพาะทาง มีความหลากหลายของนักวิชาการ                          
3. มีการแสวงหาความรู้           
จุดอ่อน คือ
1. รู้มาก ไม่ทำงานเป็นทีม                        
2. มีปัญหาเรื่องการสื่อสารในทุกระดับ                        
3. ขาดเทคนิคการเจรจาต่อรอง        
2.  พัฒนาการเรียนรู้เรื่อง  Leadership Skill , เทคนิคการตัดสินใจ ,การเจรจาต่อรอง ,การทำงานเป็นทีม  เรียนรู้การวางแผน เพื่อทำงานให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล  

คาดหวังอะไรจากหลักสูตรนี้

1. ทำงานเป็นทีมที่ดี ไม่บ้าคลั่งกฎระเบียบ  การอยู่ในกฎระเบียบนานเกินไป  บางอย่างเป็นอุปสรรคในการให้บริการลูกค้าได้ดีที่สุด

2. ภาวะ การเป็นผู้นำ แต่ก่อนเคยเรียนมาแล้วก็กลับบ้านแล้วเลิกไป และ เรื่องการทำงานเป็นทีม อยากรู้เทคนิคในการเอาไปใช้ได้จริง

3. การเป็นผู้บริหารมืออาชีพอะไรคือการเป็นผู้บริหารมืออาชีพ อยากเป็นจุดนั้น อยากสร้างทีมงานขององค์กร

4. ต้องการให้เข้าใจว่าเราจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลง  และต้องรู้วิสัยทัศน์ที่วางไว้ว่าไปไกลแค่ไหน สร้างแรงจูงใจกับผู้ตามให้ทำงานที่มีความสุข สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นทีม เพื่อสู่เป้าหมายที่ตั้งด้วยประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

5. พัฒนาลูกน้อง เรียนรู้การสร้างแรงจูงใจในระบบราชการ ทำให้ลูกน้องทำตามงานที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดี การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

6. อยากได้หลักสูตรพัฒนาผู้นำอย่างนี้นานแล้ว เนื่องจากเมื่อก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้า ต้องมี Vision ที่ดี มีหลักในการบริหารงานที่ดี  เรียนรู้ข้อบกพร่องในการเป็นหัวหน้า  และอยากบริหารงานลูกน้องเพื่อทำงานให้ดี เพื่อให้องค์กรก้าวหน้า

7. กฎระเบียบ นอกจากเป็นอุปสรรคในการบริการลูกค้าแล้ว ยังเป็นอุปสรรคในการทำงานของพวกเรา  ไม่มีปัญหากับการทำงานกับลูกน้อง  สับสนระหว่างผู้นำกับผู้บริหารมืออาชีพต้องเดินไปด้วยกัน หรือไม่

8. อยากให้คนภายนอกรู้จักกรมวิทยาศาสตร์บริการให้มาก มีลูกค้ามาก มีรายได้มาก Support นักวิทย์  ในการทำงานด้านต่าง ๆ  

9. การบริหารคน เพราะการทำงานร่วมกับคนอื่นปัญหาเยอะมาก โดยเฉพาะลูกน้องระดับเดียวกันทำงานไม่ค่อยได้ เถียงตลอด

10. งานวิจัยปัจจุบันเริ่มได้รับการให้ความสนใจมากขึ้น และได้รับทุนจากข้างนอก

11. อยากรู้จัก ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ว่าเป็นอย่างที่ ผอ.ปรีชา และคุณศักดา พูดถึงว่าอย่างไรบ้าง

12. คาดหวังตามวัตถุประสงค์หลักสูตร  สำหรับวันนี้ตั้งแต่มีการคิดจะปรับเปลี่ยนองค์กร อยากให้มีความรู้ในการบริหารงาน บริหารคน ทำให้คนยอมรับการเปลี่ยนแปลง และทำงานอย่างมีความสุข

13. ท่านรองฯ อยากให้ทุกคนที่ผ่านหลักสูตรนี้ ให้มีความคิด และมีความสุขในการทำงาน ไม่คิดท้อถอย คิดเชิงบวก งานทุกงานเป็นประสบการณ์ของชีวิต  สร้าง Competencies ที่สำคัญในการสื่อสารกับลูกน้อง คนที่สำเร็จในชีวิตต้องมีคนที่อยู่รอบข้างเป็นมือขวา ต้องรู้จักคน สามารถใช้คนให้เหมาะสมกับงาน

14. คุณปรีชา เนื่องจากทุกท่านเป็นคนที่เก่งอยู่แล้ว ถ้าได้เรียนรู้ในเรื่องการบริหารเพิ่มเติม ก็จะทำให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

15. คุณสุเวช  การช่วยเหลือสังคมให้ได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเองด้วยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์มากที่สุด อยากให้ทุกคนแสดงพลังในการเอาความรู้ ความสามารถในตัวเองให้เกิดมากขึ้น อยากเน้นเรื่องการทำงานเป็นทีม เนื่องจากส่วนใหญ่เอาตัวเองเป็นหลัก  การทำงานร่วมกันมากขึ้น โอกาสในการสร้างนวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงจะรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากมีการสร้างทีมในการทำงานเอง  เน้นการทำตลาดมากขึ้น

16. ท่านเลขาฯ  ผู้ที่เข้ารับการอบรมนำความรู้มาพัฒนาองค์กรตนเอง เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพต่อไป

17. อธิบดี ฯอยากให้มีวิสัยทัศน์มากขึ้น  อยากให้วิทยาศาสตร์บริการ มีทีมขึ้นมา ให้ทุกคนมองภาพทั้งองค์กรคือทำงานร่วมกัน ไม่มองแค่หน่วยงานเล็ก ๆ หรือตัวเอง  

18. ดร.จีระ Democracy of Idea , อยากให้ทุกคนอยู่ที่ราบสูงที่สูงกว่าที่ราบสูงเดิม

19. ถ้าเรียนแล้วสามารถปรับปรุงหรือนำความคิดต่าง ๆ ไปปรับใช้ได้ 3 ข้อ          

1. ทำงานเป็นทีมของชาติ         

 2. ปรับพฤติกรรมการทำงาน         

3. กฎ ระเบียบดีอยู่แล้ว แต่อย่าปรับให้ยากยิ่งขึ้น

20. ต้องมีความรู้ ความเข้าใจเรื่องภาวะผู้นำ และบริหารจัดการ นำไปใช้กับกลุ่มงาน เนื่องจากแต่ก่อนไม่เคยมีการพัฒนาเขาให้เขาทำสิ่งใหม่ ๆ ดังนั้นจะนำความรู้ความเข้าใจในหลักสูตรไปประยุกต์ใช้    และสร้างแรงจูงใจให้กับกลุ่มงานพวกนี้มากขึ้น

21. ต้องการเทคนิคที่จะไปพัฒนาคน เพื่อทำงานด้วยความทุ่มเท และเสียสละ

22. อยากเป็นผู้นำที่ดี ที่ไปบริหารกลุ่มงานให้ทำงานมีประสิทธิภาพและความสุข นำความรู้ไปพัฒนาคนที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น   

23. Know how to fish วิเคราะห์เป็น 1,2,3,4,5,6 ,…… จะทำอย่างไร

24. สามารถใช้สิ่งที่เรียนรู้บูรณาการให้เกิดการขับเคลื่อนองค์กร ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน และคงความรักสามัคคีร่วมกัน

25. พัฒนาคน ตน งาน เพื่อความสำเร็จขององค์กรอย่างยั่งยืน

26. อยากให้ทุกคนเป็นคนดี มีคุณภาพ

27. ตัวผู้เข้ารับการอบรม และองค์กร เรียนรู้การบริหารจัดการมีคุณภาพ ใช้ประโยชน์ได้จริง และสามารถเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จัก

28. กรมจะเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น

29. การพัฒนาตนเองเพื่อเป็นผู้บริหารที่ดีจากการจัดการกลุ่มงาน   การพัฒนาเรื่องการสื่อสารระหว่างกลุ่ม และหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ  ให้กลุ่มผู้บริหารในอนาคต สามารถสร้าง ต่อยอด เกิดนวัตกรรมในกรมวิทยาศาสตร์บริการ

30. ทุกคนมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น  เรื่องภาวะผู้นำรู้แต่ทฤษฎี ไม่รู้ปฏิบัติ  มีกฎ ระเบียบเพื่อควบคุมคน แต่ต้องรู้จักใช้กฎระเบียบมาประยุกต์ด้วยความเร็วขึ้น เลือกคนดีในการบริหาร

31. ให้รุ่นนี้มีผู้นำระดับสูง มีประสิทธิภาพสูง  สามารถพาองค์กรให้เป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รู้จัก  ส่วนตัวอยากให้การเรียนในหลักสูตรสามารถนำกลับไปใช้จริง ๆ

32. เมื่อเรียนหลักสูตรนี้ อยากเป็นผู้นำ และผู้บริหารที่ดีขึ้น มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้บริหารระดับสูง เพื่อน และผู้ใต้บังคับบัญชา

33. การบริหาร และนำมาพัฒนาตนเอง มีวิสัยทัศน์ วิเคราะห์ดี พัฒนางาน และเสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกรม

34. เริ่มต้นไม่ได้คาดหวัง แต่หลังจากที่ฟัง อยากให้ความคาดหวังของทุกคนเป็นจริง โดยดูจากแนวคิด การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายสุดคือการเปลี่ยนแปลงตนเอง  คิดนอกกรอบ คิดให้กว้างกว่าที่เป็นอยู่ในวันนี้ อยากได้เครื่องมือจากอาจารย์ที่สามารถนำมาสู่การปฏิบัติจริง  

35. ทำให้การทำงานเป็นระบบ มีคนยอมรับ และเชื่อถือจากหน่วยงานต่าง ๆ

36. เกิดพลังในการกระตุ้น และนำความรู้ พัฒนา สู่สังคม และวงการวิทยาศาสตร์  อยากเห็นการดำเนินการเชิงรุกที่เข้าถึงลูกค้าและบริการอย่างแท้จริง

37. ให้โครงการบรรลุความคาดหวังทั้ง 30 คน เพื่อเป็นตัวอย่าง และเป็นบทเรียนให้กับรุ่นต่อไป  ทำให้กรมมีผู้บริหารเพิ่มขึ้นอีก 30 คน  วัฒนธรรมองค์กรเดิมดีอยู่แล้ว และเพิ่มความเป็นผู้นำ จะทำให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น  

38. เห็นความแตกต่างจากเดิม เรียนรู้อย่างสนุก พัฒนาให้เกิดตามวัตถุประสงค์ของผู้บริหารอย่างจริงจัง        

สวัสดีค่ะท่านอ.จิระและวิทยากรทุกท่าน

           ดิฉันเป็นหนึ่งในผู้เข้าอบรม เริ่มวันเสาร์ที่2 กพ. ที่โรงแรมเฟลิกส์
ริเวอร์แคว รีสอร์ท กาญจนบุรี พิธีเปิด และปฐมนิเทศ และ LEARNING fORUM เรื่องทุนมนุษย์กับกรมวิทยาศาสตร์บริการในช่วงเช้าและ บ่าย มีเรื่องภาวะผู้นำ และการสร้างและบริหารทีมเพื่อปรสิทธิภาพ

ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้เรื่องนี้ ขอสรุปประเด็นบ้าง เพราะเวลาจำกัดดังนี้

    ผู้นำต้องภาพใหญ๋และคำว่า Leadership คืออะไร

เรียนอาจารย์จิระ

 ก่อนอื่นขอขอบคุณอาจารย์มากนะคะที่รับมาฝึกอบรมพวกเราชาววศ. พวกเราเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ก้มหน้าก้มตาทำงานรับใช้ประเทศชาติมาโดยไม่ค่อยได้มีเวลารับรู้เรื่องอื่นภายนอก เพราะจะอ่านหนังสือพิมพ์ก็มีแต่เรื่องการเมืองที่น่าเป็นห่วง  เรื่องอื่นๆที่มีแต่ทำให่เม่สบายใจ หรือมีแต่นวนิยายไร้สาระ  ส่วนใหญ่ถ้ามีเวลาจะใช้เวลาในการหาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานทาง internet การบังคับบัญชาลูกน้องก็มีปัญหาบ้าง  ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึกว่าเด็กๆไม่ค่อยทุ่มเททำงาน  ไม่ค่อยใฝ่รู้  แต่มาคิดอีกที สมัยเราอายุเท่าเขา  เรามีภาระเรื่องครอบครัว เรื่องลูก ไม่ค่อยได้ทุ่มเทให้งานเท่าปัจจุบันที่ภาระหน้าที่ต่างๆเหล่านี้น้องลงแล้ว  สิ่งที่ได้เรียนจากอาจารย์มีประโยชน์มากทำให้มีมุมมองกว้างขึ้น  จะนำความรู้ที่ได้มาพัฒนางาน และมาพัฒนาตัวเองในการปกครองลูกน้อง  อยากจะเรียนกับอาจารย์ให้หลาย course กว่านี้ค่ะ

ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ 

จินตนา

 

ถึงเพื่อน ๆ ทุกคน

          อยากจะบอกว่าเรียนวันนี้เป็นวันที่ 3 ได้เข้าใจซึ้งถึงคำว่าทำคนให้เป็นคน  ขอขอบคุณ ดร.จีระ  หงส์ลดารมภ์ และคณะ

          อรทัยเพิ่งประจักษ์คำว่า อรทัย จะปรับให้ตนเองเป็น Interdependent ได้อย่างไร

เรียนอาจารย์จีระ

ก่อนอื่นต้องขอ Happy Birthday อีกครั้ง ขอให้สุขภาพแข็งแรง และขอให้อาจารย์ทำหลักสูตรนี้ต่อ ๆ  ไปนะค่ะ  พวกเราชาว วศ กลุ่มที่เรียนกับอาจารย์ขอขอบคุณอาจารย์ทีรวบรวมวิทยากรระดับที่มีความรู้ และรู้จริง สอนสนุก ไม่เบื่อมาบรรยายให้นักวิทยาศาสตร์อย่างพวกเราได้เข้าใจค่ะ

แต่ละวันที่วิทยากรแต่ละท่านสอนพวกเราก็ได้สิ่งต่าง ๆ  ใหม่ ๆ  สะท้อนกลับไป  แล้วอะไรที่ไม่ดีเราก็จะได้ปรับปรุงตัวเอง อะไรที่ดีก็จะได้ทำต่อไป  วันนี้ก็ได้มีโอกาสดูรูปที่กาญจนบุรีตอนกลางคืน เสียดายอาจารย์กลับไปก่อน  เราสนุกกันมากค่ะ

พี่หยี พวกเราเป็นกลุ่ม I เหมือนกัน  เวลาเรียนแล้วง่วงนอนหันไปดูพี่หยีแล้วหายง่วง

รวิวรรณ เขียนแค่นี้ก่อนนะค่ะ อาจารย์  ตอนที่เขียนไม่มี hand out อยู่่ในมือ เลยจำชื่ออาจารย์ไม่ค่อยได้ ยกเว้นอาจารย์จีระ  แต่อาจารย์ที่มาจากสวทช วันนี้  หัว bright มาก  สมกับที่เรียนโท เอกสองปี   รวิวรรณ สองอย่างรวมกันต้อง ห้าปีกว่าแนะ

ไปก่อนแล้วค่ะ  ละครช่อง 3 ตอนจบวันนี้ค่ะ

รวิวรรณ ค่ะ

Dear Ajarn Jira and my friends

This is my second message for tonight, so I make it in English version to response Oratai since her first message is in English. First of all I would like to thank the Director of DSS (ท่านปฐม)  for his kindness for allowing the 30 DSS head section staff to attend this workshop. At starting for the first, we are quite sure to say that all the course facilitators, of course, including Dr.Jira, are the right persons for their particular subjects.

I am sure by the end of this course, the DSS will have more qualified head sections with good leading skills.

For my friends, as I am in group 5, we have Dr. Tep who is always sit next to Urawan (oi), Pi Nat, Pi Arr, Dr, Rong and myself. We enjoyed workshop at Kanchanaburi and games. Every game has taught us something. Like the one that the instuctor gave us an A4 paper where there are number from 1 to 100 mixed around the paper. At first, each had to circle around the number starting from 1 to 100, and linked  1 to 2 to 3.... . The game started with one person and same amount of time, how many number each could do up to, the three people helping as a team doing the same task. Then 6-7 people. Our group found out that when 3 people worked, we could circled up to 46, but 7 people did not do any much better as we could do up to 51. So, what we have learnt is more people do not always mean more work establised.

The other game, we were each received a piece of straw (not sure spelling) the length about 1 inche. Each time also received a rubber ban. Then each person has to use the lips the hold each own straw. The first person who started the game place the rubber ban hanging over the straw, the first person had to pass this particular rubber ban to the second person, then to the third until the last. Unfortunately, this game did not work with our team as I and Oi had laughed like crazy. So I had to moved myself out of the game and watched the rest of my team playing, up to Dr. Rong, I saw her having problem with her glasses. Then it was time out and we did not success in this game. What they wanted to tell us, is to plan whatever we have to do, in this case, tall person not to pass to short person, person wearing glasses not to pass to who wearing glasses also.

As I said, apart from the lectures, even the games still teach us something.

Thank you for all instructors, Ajarn Jira, Ajarn Montri, and staff of Jira academy.

Thanks my frinds who have been nice to each other.

I will have to get back to soapy lakorn, it is ending today, see you next week ka,

Raviwan

 

 

 

ขอถ่ายทอดความรู้ที่พวกเราได้รับในวันเสาร์ต่อน่ะคะ

 " ผู้นำควรเรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องมองภาพใหญ่ "  ทรัพยากรมนุษย์มีทฤษฎี 3 ต.  คือ ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง  และทำให้พวกเราได้เรียนรู้ว่า คนเป็นทรัพยกรที่มีค่าที่สุดขององค์กร   และคือกำไร ไม่ใช่ต้นทุน   และคำว่า ทุนมนุษย์นั่นคือ ทรัพยากรมนุษย์ในอดีตที่เราได้ยินคำนี้บ่อย และจากสำนวนที่ว่า

 If you have fish, you can eat in one day  and If you know how to get fish, you can eat fish lifetime. ช่างเป็นสำนวนที่ทีมีความหมายดีมาก

ทฤษฎี 4 L  L1 = LEARNING methodology

                   L2 = Learning Environment

                  L3  = Learning Opportunity

                  L4 = Learning Community

และจากทฤษฎี HRDS :

       Happiness, Respects, Dignity,  Sustainability ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆของทฤษฎีสำหรับผู้นำที่ควรทราบเพื่อจะได้นำไปประยุกต์ ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ใครมีอะไร เพิ่มเติม กรุณาเล่าต่อคะ พี่แอ๊ะคะ ลปรร.

สรุปการฟังการบรรยาย ในวันที่ 6 ก.พ.2551 ของกลุ่ม 2 ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์

ผู้นำกับการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร(Leader and Brand Image) Corporate public relations is the reputation of the entire company อาจารย์ลักขณา จำปา ได้บรรยายว่า ภาพลักษณ์ขององค์กรมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของทั้งองค์กร ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารและสื่อสารมวลชน ทำให้คนในสังคมต่างๆรับทราบ ข่าวสารเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้อย่างกว้างขวาง ทุกคนต้องการรับรู้ และมีส่วนเกี่ยวข้องในการแสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ ถ้าองค์กรใดมีภาพลักษณ์ที่ดีก็จะได้รับความเชื่อถือไว้วางใจ และการสนับสนุนร่วมมือให้องค์กรนั้นประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน แต่ถ้าองค์กรใดมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ย่อมได้รับการต่อต้านและการดูหมิ่นเกลียดชัง ภาพลักษณ์จึงเป็นรากฐานแห่งความมั่นคงขององค์การ ปัจจัยที่สำคัญต่อภาพลักษณ์องค์กร ได้แก่บุคลากร ไม่ว่าบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์ ผู้รับโทรศัพท์ให้ข้อมูลข่าวสาร สถานที่ต้องสะอาดสวยงาม เป็นระเบียบ เป็นที่เป็นทาง โดยเฉพาะห้องน้ำ ความสำเร็จที่โดดเด่นขององค์กรก็เป็นปัจจัยที่สำคัญของภาพลักษณ์  

การสร้างภาพลักษณ์  
1. สร้างให้เกิดความตระหนักในองค์กร2. สร้างความเชื่อถือ
3. เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลง ต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์
4. เมื่อต้องการเข้าสู่ตลาดใหม่ สินค้าและบริการใหม่ องค์กรใหม่
5. เมื่อภาพลักษณ์ขององค์กรเกิดปัญหา ซึ่งปัญหาภาพลักษณ์ขององค์กรเกิดขึ้นจาก ลูกค้าผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการ และกลุ่มบุคคลที่สำคัญ
  

ขั้นตอนในการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร
1. Defining CPR Problems การรวบรวมข้อมูล/ปัญหา และการวิเคราะห์เพื่อการบริหารงานประชาสัมพันธ์ เครื่องมือที่ใช้ คือ ความจริง การวิเคราะห์สถานการณ์ SWOT Analysis
2. Planning and Programming  การสร้างแผนกลยุทธ์  แผนปฏิบัติการ สิ่งไรควรทำ สิ่งใดควรพูด
3. Taking Action and Communication การนำแผนไปใช้งาน การปฏิบัติ การสื่อสาร
4. Evaluating the Program ประเมินผลการดำเนินงาน การตรวจติดตาม โดยวิธี Focus group, Servey, One on one Interviews
  


บทเรียนที่ได้

                ภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อความสำเร็จขององค์กร จากการฝึกอบรม จากความเห็นของ อาจารย์ลักขณา จำปา กรมวิทยาศาสตร์ไม่เป็นที่รู้จักทั้งๆที่มีงานที่สำคัญมากมาย บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ วิธีการสร้างภาพลักษณ์
1. สำรวจเป้าหมาย2. สร้างการรับรู้ โดยปรับปรุงจัดทำโลโก้ที่แสดงความเป็นตัวของตัวเองให้ชัดเจน

7 อุปนิสัยของผู้ทรงประสิทธิผลสูง(7 Habits of highly effective people)   ปลูกความคิด ผลที่ได้คือการกระทำ              ปลูกการกระทำ  ผลที่ได้คืออุปนิสัย              ปลูกอุปนิสัย ผลที่ได้คือคุณลักษณะ              ปลูกคุณลักษณะ ผลที่ได้คือชะตาชีวิต-Samuel Smiles               อาจารย์อดิสัย มนะเวส ได้แสดงให้เห็นว่า คนเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำงาน ถึงแม้ว่าระบบไอที หรือเครื่องมือดีอย่างไร หากคนไม่มีคุณภาพ การดำเนินงานก็ไม่สัมฤทธิ์ผล คนสามารถพัฒนาให้มีศักยภาพได้ และอธิบายถึง 7 อุปนิสัยที่พัฒนาคนให้มีศักยภาพเป็นผู้ทรงประสิทธิผลสูง โดยอาศัยแนวทางของ Stephen R. Covey  สรุปได้ดังนี้ การพัฒนาศักยภาพของคน สามารถดำเนินการได้ 4 มิติ คือ1 Body มองดูที่ร่างกาย รูปร่าง ท่าทาง2 Heart  มองดูที่สติปัญญา3 Mind มองดูที่จิตใจ อารมณ์4 Spirit มองดูที่จิตวิญญาณ หรือความมุ่งมั่นในการทำงาน 7 อุปนิสัยที่ใช้ในการพัฒนาศักยภาพของคน คือ  ระดับพึงพาผู้อื่น (Dependence)
1 Be Proactive   
ให้เราใช้สติ คิด แล้วเลือกการตอบสนอง เรียกว่า Proactive คือ ให้มีสติในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เผชิญอยู่นั่นเอง คนมักไปกังวลกับสิ่งที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น Proactive สอนให้เราทำในสิ่งที่เราเลือกทำได้ให้มากที่สุด ทำตัวเราที่ทำได้ให้ดีที่สุด  

2 Begin with the End in mind
ก่อนที่เราจะทำอะไรให้เราคิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายก่อน ว่าอยากให้เป็นอย่างไร แล้วจากผลลัพธ์ที่คิดในใจก็จะแปลเป็นวิธีการไปสู่จุดหมาย หากเราทำงานโดยที่ภาพสุดท้ายไม่ชัดเจน งานมันก็จะออกมาไม่ดี แต่ถ้าเรามีภาพสุดท้ายแล้ว ก็เหมือนมีเป้าหมายที่ชัดเจน เราจะรู้ว่าเราต้องเตรียมอะไรอย่างไรบ้าง

3 Put First Thing First
ก็คือ ทำสิ่งที่สำคัญก่อน ก็จะมีคำถามต่อว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญ เราต้องรู้บทบาทหน้าที่ของเราก่อน 1 คนมีได้หลายบทบาท เช่น พ่อ เพื่อน ลูก สามี ลูกจ้าง เจ้านาย พนักงาน ประชาชน ฯลฯ แล้วเราก็จะรู้ว่าในแต่ละบทบาทอะไรคือสิ่งสำคัญ แยกให้ออกระหว่าง สิ่งสำคัญ/ไม่สำคัญ งานเร่งด่วน/ไม่เร่งด่วน ถ้าเรารู้จักวางแผนดีๆ งานสำคัญไม่เร่งด่วนก็จะเยอะกว่างานด่วนและสำคัญ กับ งานด่วนแต่ไม่สำคัญ
ระดับพึงพาผู้ตนเอง (Independence)
4 Think win-win
ในการทำงาน/ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น คนส่วนใหญ่จะคิดแบบชนะหรือแพ้ ใครแพ้หรือชนะ จะเห็นได้ว่ามีความสูญเสียเกิดขึ้น ทัศนคติแบบ ชนะ-ชนะ บอกไว้ว่า เรามีทางเลือกเสมอ และมีทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย เป็นนิสัยสำหรับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

5 Seek first to
Understand then to be Understood   คือเข้าใจเขาก่อนที่จะให้เขาเข้าใจเรา   

6 Synergize
หรือ ผนึกพลังประสานความแตกต่าง คนเรามักไม่ยอมรับความเห็นของผู้อื่น ถ้าเราเปิดใจยอมรับความเห็นที่แตกต่างได้ นั่นย่อมนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง คนหนึ่งเลือก 1 คนหนึ่งเลือก 2 อาจจะมีทางเลือก 3 ที่ดีได้ เพราะการยอมรับในความแตกต่าง
ระดับพึงพาซึ่งกันและกัน  (Interdependence)
7 Sha
rpen the saw แปลง่ายๆ ว่า ลับเลื่อยให้คมเสมอ ก็คือหมั่นเติมพลังให้ชีวิต ทั้ง 4 มิติ ได้แก่ ด้านร่างกาย เช่น หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้พอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ด้านสติปัญญา เช่น การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  ด้านอารมณ์ และด้านจิตวิญญาณ   

 

ผมประทับใจ  และขอขอบคุณ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ที่อวยพรวันเกิดให้ผม  ถือว่าเป็นวันเกิดที่ผมมีความรู้สึกที่ดีมากในวันหนึ่งครับ  ซึ่งผมจะนำรูปที่ท่านอวยพรผม มาขึ้น Blog ด้วยครับ

 จีระ  หงส์ลดารมภ์

ผมเปิด Blog  ล่าสุด แล้วเริ่มมีความสุขที่เห็นผู้ส่ง Blog มา 10 กว่าคนแล้ว บางท่านเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ดี โดยเฉพาะคุณรวิวรรณ   

ะหว่างที่ไม่เจอกัน  4 วัน ผมอยากให้ทุกท่านนึกถึงว่าเราเรียนอะไรไปบ้าง และวันเสาร์อาทิตย์นี้ผมจะพาทีมงานไปปราจีนบุรี แต่รู้สึกไม่ Happy เท่าไหร่ เพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเรียน  แต่อย่างไรผมก็ไปช่วยเขา

 ส่วนอีกเรื่อง ในวันเสาร์อาทิตย์ปกติผมจะมีสอน MPA ที่สวนสุนันทา ผมลองเข้าไปดูใน go to know ปรากฎว่ามีคน Click กว่า 600 คน ถือเป็นการสร้าง Inspiration ที่ดีครับ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์จีระและเพื่อนๆทุกท่าน

 รู้สึกเป็นความผิดที่ควรจะรีบทำการบ้านก่อนใครอื่นในฐานะที่เป็นประธานรุ่น แต่กลับช้ากว่าเพื่อนๆต้องขออภัยด้วย เท่าที่ผ่านมา (2-7 กพ. 51) จากการอบรมหลักสูตรนี้ยังไม่มีวิชาใดที่รู้สึกไม่ชอบ รู้สึกสนุกในทุกวิชา เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยคุ้นเคย หลายๆเรื่องเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่นักวิทย์ไม่รู้ และเป็นแง่คิดจาก outside in ซึ่งตัวเองตั้งใจว่าจะนำมาปรับใช้เลย หลายๆสิ่งเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เราอาจไม่เคยเห็นตัวเอง การทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดที่ตัวเองยึดมาตลอด ขณะนี้คิดว่าผลงานหรือโครงการที่พวกเรา วศ.รุ่น 1 น่าจะช่วยกันทำสำหรับหลักสูตรนี้คือ การสร้าง brand image ของ วศ. เสนอผู้บริหารของกรม ไม่ทราบว่าเพื่อนๆคิดกันอย่างไร วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ

              สวัสดีคะ

สวัสดีคะท่านอาจารย์ พี่ๆ และเพื่อนดีใจมากที่ได้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรนี้ เห็นด้วยกับพี่จันทร์เพ็ญที่จะนำเรื่องการสร้าง Brand มาทำให้เป็นรูปธรรม ในส่วนตัวเองก็พยายามอย่างมากที่จะนำความรู้ที่อาจารย์ทุกท่านถ่ายทอดให้อย่างไม่ปกปิดไปพัฒนาตนเองและกลุ่มงาน

Sawasdee ka,

I am so poor printing in Thai, allow me to use English instead. I'd like to share ideas. So far I feel so lucky, having opportunity to attend the course. What I like most, are the method to evaluate leadership , HRD and 7 habits. These are not only something new(for) me but also the attraction of the speakers. I have one opinion to contribute, the speakers should know our background and nature of scientist, therefore can teach something straigth to the point. I do not believe that the same protocal is fit for every carreer.However, It does not mean that the course must be changed, just to tell what I think.

 

สวัสดีค่ะอาจารย์และน้องๆ

             เห็นด้วยกับประธานรุ่นโดยให้มีการสร้าง brand  image ของวศ.เสนอท่านอวศ.โดยรุ่นที่1 จงช่วย ช่วยกันนะ

              พรุ่งนี้เจอกันนะคะ

                                                    สวัสดี 

สวัสดีค่ะอาจารย์ พี่ ๆ  เพื่อน ๆ 

เรื่อง brand image เห็นด้วยแน่นอนค่ะ แต่เราก็ทำกันมานานแล้ว  ก็คงต้องทำต่อไป แน่นอนที่สุด  ทุกคนต้องช่วยกันอยู่แล้วค่ะ และทาง PT ทุุกคนพยายามทำดีที่สุดที่จะให้ วศ. เป็นที่รู้จักค่ะ  และพวกเรา รุ่น 1 ทุกคนด้วยค่ะ  สู้ค่ะ

อาจารย์จีระ ไปปราจีนบุรี เสาร์ อาทิตย์ ไม่ทราบพรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังหรือเปล่าค่ะ  ว่าสนุกไหมค่ะ

ส่วนพี่ ๆ  เพือน ๆ ที่เป็นหวัดตอนนี้หายหรือยังค่ะ  เรายังไม่หายดี  พรุ่งนี้เจอกันค่ะ  อย่างที่พี่ปิ๊กบอก

Ravi One

สวัสดีค่ะอาจารย์

สิ่งที่ได้รับและเป็นเรื่องสำคัญ คือ การได้รับการเรียนรู้วิธีการสรุปประเด็นสำคัญในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งอาจารย์ได้ให้วิธีคิด เกี่ยวกับการจับประเด็นสำคัญ เพื่อนำไปขยายผลและประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป เพราะสิ่งที่รู้ทุกเรื่อง ในบริบทที่ต่างกัน อาจใช้กันตรง ๆ ไม่ได้ทุกเรื่อง แต่ต้องประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบทนั้น ๆ จึงใคร่ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะ และจะพยายามนำสิ่งที่ได้รับเหล่านี้ไปขยายผลในการปฏิบัติงานค่ะ

---

จรรยา

 

ผมไปที่ปราจีนบุรีเพื่อไปจัดการเรียนรู้เรื่อง HR for Non HR ให้กับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล  ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับการเรียนรู้ประมาณกว่า 80 คน เป็นตัวแทนมาจากหลาย ๆ ฝ่าย โดยเน้นให้แต่ละบุคคลเข้าใจถึงศักยภาพในการพัฒนาคน และเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ว่ามีความสำคัญในทุก ๆ ส่วนขององค์กร ไม่เฉพาะด้าน HR เท่านั้น  ซึ่งโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ในส่วนแรกเป็นการเรียนรู้ที่ ปราจีนบุรี ณ โรงแรมทวาราวดี  มีการปฐมนิเทศ และบรรยายเรื่อง HR ในภาพรวม  และเรื่อง Change Management เพื่อให้เห็นมุมมองในภาพกว้าง  ส่วนที่สอง จะเป็นการเรียนรู้ในกรุงเทพฯ จำนวน  2 วัน เน้นเรื่อง การปรับกระบวนทัศน์ในการทำงาน การทำงานในยุคโลกาภิวัตน์ ที่เน้นเรื่อง การทำงานเป็นทีม การคิดนอกกรอบ  การเจรจาต่อรอง การทำงานเพื่อความสุข  และมีการทัศนศึกษาและดูงานที่ต่างจังหวัดอีก 1 วัน

ซึ่งหลังจากที่ผมได้ไปที่ปราจีนบุรีมานั้น ผมสังเกตว่า

1. เขาตั้งใจฟัง

2. จะมีโครงการต่อเนื่องอีก 3 วัน เป็นการสร้างความต่อเนื่อง

3. ได้รู้จักกันมากขึ้น

4. ได้สำรวจว่าเป้าหมายของ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คืออะไร

จีระ  หงส์ลดารมภ์

 

 สวัสดีค่ะ  อาจารย์จีระ  พี่ ๆ  เพื่อน ๆ           

        วันนี้ตอนเช้าได้เรียนเรื่อง การเงินสมัยใหม่และหลักการบริหารความเสี่ยง  ได้ความรู้ตั้งแต่การบริหารการเงินของตนเอง ตั้งแต่การใช้บัตรเครดิตอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด   การกู้เงินดีหรือไม่ดี  และอื่นๆ  ซึ่งใช้ในชีวิตประจำวันได้  จนถึงการบริหารการเงินขององค์กร  ซึ่งสิ่งต่าง ๆ  เหล่านี้  พวกเรานักวิทยาศาสตร์ไม่รู้มาก่อน  แต่มีบางท่าน ก็บริหารการเงินเก่งอยู่แล้ว และมีประสบการณ์         ส่วนตอนบ่าย เป็นเรื่อง การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก  ทำให้เราเรียนรู้การเปิดใจกว้าง  คิดทางบวก    ให้คิดก่อนจะพูด         อาจารย์ทั้งสองท่านมีวิธีและมีเทคนิคการสอนที่ไม่เบื่อ  สนุกสนานค่ะ       ต้องขอบคุณอาจารย์จีระ  และทีมงานที่เชิญอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาสอนพวกเราค่ะ  ก่อนจะจบ เพื่อหันไปดูละคร จำเลยรักต่อ  ขอฝากถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ  ว่าใครหยิบ hand out ของเราติดไปบ้าง เพราะจด note ของอาจารย์ กุศยา ไว้  ขอคืนด้วยค่ะ

 Ravi One

12 Feb 2008

สวัสดีค่ะอาจารย์ และเพื่อนๆ

  ดิฉันได้จัดทำสรุป ของวันที่ 7/02/2008 ภาคบ่าย ของ ดร. เฉลิมพล ต่อจากของคุณศิริวรรณ  อย่าลืมอ่านทั้ง 2 ส่วนน่ะค่ะ

 

โลกาภิวัตน์-ผลกระทบ และการเตรียมพร้อมเชิงรุกและรับ  ดร.เฉลิมพล เกิดมณี ผู้บรรยาย หัวข้อ โลกาภิวัตน์-ผลกระทบ และการเตรียมพร้อมเชิงรุกและรับ ได้กล่าวถึง กระแสโลกาภิวัตน์ และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ ทำอย่างไรมนุษย์จึงสามารถอยู่รอดได้บนกระแสโลกาภิวัตน์ และอยู่รอดบนสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความสุข  ·        วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามลำดับ คือ Green revolution, IT technology, Biotechnology และ Nanotechnology วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงเป็นพลังขับดันทุกสิ่งทุกอย่าง  ·        การอยู่รอดบนกระแสโลกาภิวัตน์โดยการพัฒนากระบวนการคิดบนสังคมองค์ความรู้ กระบวนการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล จะสามารถช่วยให้เผชิญกับสภาวะสังคมที่เสียสมดุลได้อย่างเข้มแข็ง 

การใช้ประสาทสัมผัส อยากรู้อยากเห็น เปรียบเทียบความเหมือนความต่าง -ช่างซักถาม-การจัดกลุ่ม เชื่อมโยง เหตุและผล -วิเคราะห์สังเคราะห์-จัดลำดับความสำคัญ-วางแผน -ความคิดสร้างสรรค์-ประดิษฐ-ความคิดเชิงนวัตกรรม-การคิดแบบกลยุทธ์
  ·        ผู้อยู่รอดบนสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลง อยู่อย่างไรจึงจะมีความสุข  การคิดเชิงนวัตกรรม1.     สามารถสร้างความอิสระทางความคิด2.     โดยเปรียบเทียบของสองสิ่ง ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน 3.     การอุปมาอุปมัยคุณสมบัติของผู้ใช้4.     อุปมาอุปมัยเชิงเพ้อฝัน ด้วยแรงปรารถนาอย่างไรก็ได้5.     การทำปัญหาที่แปลกให้คุ้นเคย สรุปจากบทเรียน  โลกาภิวัตน์ที่สำคัญ คือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นพลังขับดันทุกสิ่งทุกอย่างของโลกให้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและให้อยู่รอดบนกระแสโลกาภิวัตน์อย่างมีความสุข จำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยสร้างกระบวนการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล การเข้าถึงความรู้และเทคโนโลยี และการคิดเชิงนวัตกรรม

 

สวัสดีคะ

 ก่อนอื่นใคร่ขอขอบคุณอาจารย์ที่จัดโตรงการดีๆให้พวกเราชาว วศ.  วิทยากรทุกคนมีความเชี่ยวชาญ บรรยายสนุก ไม่เบื่อควบคู่กับการให้ความรู้   เห็นด้วยกับประธานรุ่นเรื่อง brand image คะ

อารี

สวัสดีค่ะทุกๆท่าน

                          ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านที่สอนพวกเราเมื่อวานนี้ มีประโยชน์มากค่ะ คิดว่าจะนำที่อาจารย์สอนมาใช้ให้มากที่สุด ขอบพระคุณท่านอวศ.และท่านอาจารย์จีระมากค่ะที่ให้พวกเรามีโอกาสได้รับความรู้ดีๆเช่นนี้

                            ขอตอบคุณระวิวรรณหน่อยนะคะว่าขณะนี้หายจากไข้หวัดเรียบร้อยแล้วค่ะเพราะไม่อยากเสียโอกาสการเรียนวิชาที่มีประโยชน์ที่อาจารย์จีระท่านจัดมาให้เรียน  วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยทานยา(ที่หมอให้) และนอนพักมากๆ ตอนนี้สบายดีแล้ว เตรียมตัวไปเรียนในวันพรุ่งนี้ แล้วเจอกันนะคะ

                                                                      สวัสดี

 ส่งความรักให้ทุกคนแทนดอกไม้คะ  happy valentine day คะ

อารี

Sawasdee ka Ajarn Chira and my friends

 

            It is now group 5’s turn to summarise what we have learned today for Executive Development Program organized by Chira Academy. Today is the second week for the course in Bangkok. Since today we finished the class late as the organiser who looks after the study trip has given us an hour brief for what we should prepare and what we are going to do for the entire trip.  For this reason, I can not finish summarizing what we have learned today to add to the blog but will do tomorrow.

            However, I will share my idea about what I have learned today. So far, we have 12 facilitators (or speakers), each has his/her own highlight. I would say I have impressed the speaker in the morning session (I apologise for not being able to write his name in English but his name in Thai is คุณมนูญ อรดีดลเชษฐ์) since he has given us to think about how ICT helps to improve business innovation. There are several highlights that he has pointed out to us and has showed us that with the modernization of the internet technology for this century has resulted in the revolution of the lifestyle of people.  Although I can say that I am the person who is using internet more often than another people at my age, but there are still a lot more that I have not known about internet until today after listening to his 3 hour lecture.

            About the afternoon class from Ajarn Dr. Chira, I will have to write tomorrow since it is almost my bed time. I am sure all my friends have a nice Valentine Day, and I am ready to get sharing response from you about what we have learned from this course.

            To be continued tomorrow.

Ravi One

14 Feb 2008

 

เป็นโอกาศดีที่เราได้ practice  Eng. from DR.Ravione   ขอร่วมแสดงความเห็นด้วยว่า จากที่ได้รับฟังเรื่อง " IT  กับการทำงานยุคใหม่และการสร้างมูลค่าเพิ่ม " ทำให้ได้ทราบสัจจธรรมมากกว่าเดิมและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น    จากความคิดที่จะอ้างว่า ITจะดีได้ด้วยเพราะโครงสร้างพื้นฐานดี ทำให้สามารถทำอะไร ๆ ได้มาก มาก ขึ้น แต่ในมุมกลับกันคนไม่ใช้  IT จะมีโครงสร้างพื้นฐานดีเพียงใดไม่ใช้ IT เป็นเครื่องมือ ก็ไม่มีอะไร ดีขึ้น

และอีกสิ่งหนึ่ง คือ Business Model Innovation รูปแบบการทำธุรกรรมทำให้ได้เห็น ได้ยินตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมมาก ๆ

ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์  เป็นสิ่งหนึ่งที่ดิฉันได้ยินมานานและมีภาพของเรื่องนี้ที่ติดลบ ว่าเป็นอะไรที่คนอื่นสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมต่อได้น่าจะง่าย แต่มาฟังอาจารย์เฉลยคำตอบทำให้ทราบว่าเป็นอะไรที่ยากกว่าการทำลายเซ็น ปลอมเสียอีก ฮือ ฮือ น่าทึ่งจริงๆ

หลังจากได้ฟังทีมงานที่จัด  พาไปชมสถานที่พัก อาหารของเกาหลี สถานที่ชอปปิ้ง  ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นคะ ว่า

       จากกำหนดการ     ใคร่จะขอไปดูงานที่เป็น knowledge Management  Center  จะเพิ่มเติมในองค์กรที่พาไปดูได้หรือไม่  เพราะที่จัดให้นั้นพบว่ามีน้อยมาก   ใคร่รบกวนอาจารย์ผู้จัด TRIP ว่าประสงค์ไปศึกษาเกี่ยวกับการจัดการความรู้ขององค์กรนั้นด้วย จะเป็นอะไรที่ดีเยี่ยม และสมบูรณ์ ระดับ chiraacademy  ที่เดียว

         ขอความอนุเคราะห์ น่ะคะ สนใจที่จะได้เรียนรู้ KM ขององค์กรต่างประเทศคะ ระดับดร. จิระ  ท่านลุยทางได้ใช่ไหมคะ

          ขอบพระคุณล่วงหน้าคะ

เห็นด้วยว่าการศึกษาดูงาน อย่างน้อยครึ่งหนึ่งน่าจะเป็นประโยชน์เกี่ยวกับโครงการที่ฝึกอบรมมา เพื่อความคุ้มค่าและนำมาพัฒนาองค์กรต่อไป

Sawasdee ka Ajarn Chira and my friends,   

       

        I would like to continue sharing idea what we have gained from the course on Feb 14. The topic for the afternoon lecture was Happiness, Social and Talented Capital Powerful Concepts Application to the DSS by Dr.Chira. For me, the whole concept is to lead us to reach happiness at work. Nothing is better than working in the happiness environment which includes no stress, surrounding with nice people, be healthy, sharing ideal knowledge among colleagues, challenging work.  I strongly agree with him, same as happiness at home. He also pointed out to us to build up networking, we also had done workshop on what are the weak points for us to build up networking. I think we all now realize what we should do to step forward for networking and just leave his/her own (too) strong self confidence behind (in some case), may be this way will make our lives much more easier.

            All my friends, be happy, be together and be strong to help to push the DSS to reach what we are aiming to.

            See you

            Ravi One

            16 Feb 2008

เรียนอาจารย์จีระ  พี่ ๆ เพื่อน ๆ

รวิวรรณ เป็นตัวแทนกลุ่ม  5 ขอสรุปที่เราได้เรียนมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 ภาคบ่าย  ส่วนภาคเช้า ต้องรอให้เพื่อนร่วมทีมสรุปให้ค่ะ  ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะค่ะ  comment ได้ค่ะ ถ้าสรุปไม่ถูก

 

Happiness, Social and Talented Capital Powerful Concepts Application to กรมวิทยาศาสตร์บริการ

ทฤษฏี 8K’s หรือ ทฤษฏีทุน 8 ประการเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  ได้แก่

  • Human Capital ทุนมนุษย์
  • Intellecture Capital ทุนทางปัญญา
  • Ethical Capital  ทุนทางจริยธรรม
  • Happiness Capital ทุนแห่งความสุข
  • Social Capital ทุนทางสังคม
  • Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน
  • Digital Capital ทุนทาง IT
  • Talented Capital ทุนทาง Knowledge, Skill และ Mindset

โดยอาจารย์จะเน้นที่ 3 K คือ  Human Capital, Happiness Capital และ Social Capital

            Happiness จะมุ่งเน้นที่ Happiness at work ที่จะทำให้เพิ่ม productivity ในการทำงาน   ให้พวกเราค้นหาตัวเองว่า  เรามีความสุขในการเพราะอะไร 

  • การทำงานไม่เครียด
  • มีเพื่อนร่วมงานที่ดี
  • มีสุขภาพกายและสุขภาพใจดี
  • มีการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันตลอดเวลา
  • มีงานที่ท้าทายทำ  และได้งานใหม่ ๆ
  • มี passion ในการทำงาน
  • งานที่ทำไปสู่ความฝัน
  • งานมีจุดมุ่งหมาย  มีความหมาย  ไม่ขัดแย้งกับครอบครัง
  • มีการเตรียมพร้อม 
  • มีความสามารถที่จะทำงานให้สำเร็จ 
  • เป็นงานที่ท้าทาง 
Social Capital คือ Networking 

ทำอย่างไรถึงจะสร้าง Networking เพื่อ value added   ต้องไม่รีบร้อนหาผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น  แต่ต้อง share ผลประโยชน์   ต้องมีเวลาสร้างความสัมพันธ์ที่ดี  ให้มีการเสียสละก่อน  และได้ทีหลัง  และมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี แล้วจึงหาผลประโยชน์ร่วมกัน

Talented Capital

Talent น่าจะอยู่ที่ความสามารถของการเป็นผู้บริหารและผู้นำที่มีศักภาพ  แต่ศักยภาพอาจแตกต่างกัน  ซึ่ง talent นี้เป็นสิ่งที่สร้างได้    และขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กร    การพัฒนาคนรุ่นใหม่ในองค์กร เพื่อให้เป็นผู้นำในอนาคต  ซึ่งก็มีวิธีต่าง  ๆ กัน 

 มีการทำ workshop  3 เรื่องคือ

1.      เสนอกิจกรรม  3 เรื่องที่ปฏิบัติเพื่อเพิ่มความสุขในการทำงาน

2.      บอกจุดอ่อนของการสร้าง Social Capital ของกรมมา 2 เรื่อง  และเสนอโครงการที่แก้จุดอ่อน

3.      เสนอ Step  3  ขั้นตอนที่จะสร้าง Talent 1 ในกรมให้ได้ผล

รวิวรรณ

กลุ่ม 5

16 กุมภาพันธ์ 2551

Sawasdee ka,

I would like to support the idea of Korea trip, if possible please add more academic visits in the program.

สรุปการบรรยายในวันอังคารที่ 12 ก.พ. 2551

เรื่อง การเงินสมัยใหม่และหลักการบริหารความเสี่ยง..สิ่งที่นักบริหารมืออาชีพต้องเรียนรู้

โดย ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์

การบริหารการเงินสมัยใหม่ มี 4 อย่าง คือ

1 . Introduction ประกอบด้วย

     -  ตลาดการเงิน ได้แก่ ตลาดการเงินในระบบ เป็นการลงทุนในตราสารระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี  ตลาดทุนในระบบ เป็นการลงทุนในตราสารระยะยาวเกิน 1 ปี ตลาดส่งมอบทันที  คือการซื้อของจ่ายเงินแล้วได้ของเลย ตลาดซื้อขายล่วงหน้า เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงของค่าเงินบาทที่จะอ่อนตัวหรือแข็งค่าขึ้น (ตลาดการเงินนอกระบบ  อาจารย์ไม่บรรยาย)

     -  สถาบันการเงินที่เป็นธนาคาร (Bank) ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์, Bank ชาติ  และสถาบันการเงินทีไม่ใช่ธนาคาร  (Non Bank) เช่น สหกรณ์  Eon

 -  ตลาดทุน ได้แก่ ตลาดแรก (Primary Market) /ตลาดหลักทรัพย์ออกใหม่ และ  ตลาดรอง

(Secondary Market) /ตลาดซื้อขายหลักทรัพย์

 -  การลงทุน (Investment) ได้แก่ การลงทุนโดยตรง เช่น การลงทุนขายของ ความเสียงจะสูงการลงทุนทางอ้อม เช่น การซื้อหุ้น  ฝากเงิน ความเสี่ยงจะน้อย แหล่งเงินทุน  ผลตอบแทนจากการลงทุน คิดในรูปของตัวเงินหรือร้อยละ

- การบริหารเงินทุนหมุนเวียน   ได้แก่ เงินสด ลูกหนี้การค้า หนี้สินระยะสั้น (แหล่งเงินกู้ระยะสั้น)

- การหาแหล่งเงินทุนและการจัดสรรเงิน ส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับส่วนราชการ เพราะบางโครงการเวลาของบประมาณทำไมจึงขอไม่ค่อยได้  ฉะนั้นเวลาขอให้สรุปประเด็นที่สำคัญและจำเป็นไว้ภายใน 1 หน้ากระดาษ แล้วมีข้อมูลาสนับสนุนแนบประกอบการพิจารณา

2. Basic Concept เป็นเรื่องของหลักการบัญชี มี 2 หลัก คือ

- หลักเงินสด ได้แก่ เงินสดรับ เงินสดจ่าย

- หลักค้างรับค้างจ่าย/หลักคงค้าง

3. Basic Terms ได้แก่ Sales , Revenues (รายได้ส่วนราชการมาจากงบประมาณ) } Cost of good sold (ต้นทุนสินค้าที่ขาย), Expenses (ค่าใช้จ่าย),  Net incomes/Net profit (กำไรสุทธิ)

4. Financial Statements and Reports ประกอบด้วย

 - งบดุล  จะบอกถึง ฐานะทางการเงินว่ามี สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของเจ้าของ เท่าไร

- งบกำไรขาดทุน แสดงถึงผลประกอบการในรอบปีนั้น ๆ มีกำไรหรือขาดทุนเท่าไร

- งบแสดงกระแสเงินสด แสดงถึงการเคลื่อนไหวการรับจ่ายของตัวเงินที่เป็นทั้งเงินสดและเงินฝาก

การบริหารความเสี่ยง  (Risk Management)

- ความเสี่ยง  เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ (Business risk) การเงินขาดสภาพคล่อง (Financial risk) และอื่น ๆ เช่น ภัยธรรมชาติ นอกเหนือการควบคุม
               - ปัจจัยภายใน (ควบคุมได้) และปัจจัยภายนอก (ควบคุมไม่ได้)

- จุดแข็งจุดอ่อน งบประมาณ วิเคราะห์งบการเงิน อื่น ๆ

รู้สึกดีที่ วศ. เห็นความสำคัญของงานบริหาร    จึงมีความหวังว่าสาระจากการอบรมและประสพการณ์จากการดูงานจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กรอย่างแท้จริง    การเยี่ยมชมของจริง  เช่นการจัดการองค์กรของประเทศที่พัฒนากว่าเราไม่ได้เป็นเรื่องง่าย  จึงหวังไว้มากว่าจะมีโอกาสในครั้งนี้   ความหวังเหล่านี้จะเป็นจริงได้ต้องอาศัยทั้งลูกศิษย์และอาจารย์ช่วยกันผลักดันแล้ว

สมจิตต์ บวรวัฒนาโสภณ
สรุปการฟังการบรรยาย ในวันที่ 12 ก.พ.2551 ของกลุ่ม 4 ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์สมจิตต์ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก โดยอาจารย์รัศมี  ธันยธร 

ความสำเร็จของคน  ประกอบไปด้วย 3 ปัจจัย คือ

              1. ความรู้

              2. ความคิด

              3. คน                              

               แต่ปัจจัยที่สำคัญคือความคิด  เพราะ
               -   ความคิดนำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหา
               -   ความคิดเป็นต้นทางของการพูดและการกระทำ
               -   ความคิดสร้างสรรค์ คือ การคิดตามจุดหมายที่ตั้งไว้ 

 

               การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก
              1. ไม่เอามาตรฐานของตนเองไปวิจารณ์คนอื่น
              2. ยอมรับคนอื่นอย่างที่เขาเป็น
              3. พยายามเข้าใจกันทั้งๆที่ไม่ค่อยเข้าใจ
              4. พยายามมองข้อดีของคนอื่นมากกว่าค้นหาข้อบกพร่อง 
          อุปสรรคของการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก คือ นิวรณ์ 5 (ความเสื่อม)
             1.    อารมณ์เป็นใหญ่ (รักเกิน)
             2.   ไม่พอใจ โมโหหงุดหงิด (ชังเกิน)
             3.    ขี้เกียจ ง่วงนอน ซึมเศร้า (อ่อนแอเกิน)
             4.    คิดมาก ฟุ้งซ่าน กังวล (ฉลาดเกิน)
             5.    สงสัย ลังเล ไม่เชื่อ (โง่เกิน) 
                 ความคิดเชิงบวกคือการยอมรับตัวตนของตัวเอง  และต้องให้อภัยตัวเองในเรื่องต่อไปนี้                
             1. ความไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น               
             2. ตำหนิติเตียนตัวเอง               
             3. กลัว (วิตกกังวล)               
             4. ความรู้สึกผิด 
       ธรรมชาติของสมองคน  มีลักษณะเหมือน
           -    ฝนตกลงมาน้ำไหลเป็นทาง  นานๆเข้าจะเกิดเป็นร่องลึกทำให้เกิดความเคยชินและจะอยู่ในกรอบความคิดแคบๆไม่สามารถพัฒนาความคิดริเริ่มใหม่ๆหรือเชื่อมโยงกรอบความรู้อื่นได้ 
      การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงบวก
           -     ต้องเดินเร็วขึ้น 25%
           -      กล้าแสดงความคิดเห็น
           -      ยิ้มให้กว้าง
           -      รู้จักให้อภัย                                               

สรุปประเด็นเรื่อง"เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกกับทิศทางของนักบริหารมืออาชีพ " ในวันที่19 กพ.51 มีประเด็นที่น่าสนใจ ดังรายการที่จะนำเสนอต่อไป

 และขอประเมินการฟังบรรยายในวิชานี้ โดยประมวลจากเพื่อนร่วมห้องว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐิจของไทยและเศรษฐกิจของโลกดีขึ้นจากอดีตมาก มากค่ะ ทำให้เป็นคนที่มีแนวคิดด้านเศรษฐศาสตร์ และรู้เท่าทันเศรษฐ์กิจของประเทศได้มากขึ้น  ทั้งนี้เริ่มจากมองภาพความเติบโตของ GDP ได้ว่าตั้งแต่ปี 1980-2007 สภาพเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างไรและปัจจัยที่ทำให้มีผลกระทบกับ
เศรษฐกิจของไทยนั้นอิงกับเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะประเทศสรอ. อย่างมาก  ปัญหาของ Subprime ระบบการปล่อยเงินกู้ การนำอสังหาริมทรัพย์ไปจำนอง การบริหารงานของนักบริหารฯลฯ มีผลอย่างมาก ซึ่งประเทศไทยมีตัวอย่างของกรณีสถานการณ์นี้แล้ว 

  ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับทราบเกี่ยวกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก  ความเข้าใจเกี่ยวกับ Demand Supply  ที่เป็นเครื่องชี้ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของไทย   ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และเสถียรภาพตลาดการเงินของประเทศ

  สรุปว่าเศรษฐกิจของประเทศจะไปได้ดีเพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านต่างๆ ดังนี้

   1.  ภาคการเกษตร  2. ภาคการส่งออกของประเทส 3. ภาคการท่องเที่ยวและสุดท้ายคืออสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย

สุดท้ายถือว่าเป็นประเด็นหลักของธุรกิจไทย คือ 

 1. การชะลอตัวของเศรษฐกิจของสรอ.

2. การฟื้นตัวของการการใช้จ่ายในประเทศรวมทั้งบทบาทของนโยบายการคลัง

3. นโยบายการเงินของรัฐมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อ

4.ความผันผวนทางเงิน

นี่คือภาคเช้าน่ะคะ ขอขอบพระคุณอาจารย์ดร.บัณฑิตฯ อย่างมากทำให้นักวิทยาศาสตร์ไทยได้รับความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ขึ้น

 

 

ศิริวรรณ ศิลป์สกุลสุข
ยุทธศาสตร์การพัฒนาและบริหารประสิทธิภาพของคนในองค์กร (โดย อจ.ศิริลักษณ์ เมฆสังข์)          
                     การพัฒนาคนเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องผลักดันให้เกิดขึ้น โดยสร้างคนให้รู้จักใฝ่หาความรู้  ซึ่งไม่จำป็นที่จะได้จากห้องเรียนอย่างเดียว  อาจได้มาจากการประชุม   เมื่อคนเกิดการเรียนรู้จะเอาความรู้ต่างๆที่ได้ไปใช้  และก็จะเกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมตามมา จะเกิดเป็นวัฏจักรขึ้น           
                          สิ่งที่เป็นอุปสรรคการพัฒนาคน          
1.Safe facing การรักษาหน้า              
 2.การเกรงใจ          
3.การหลีกเลี่ยง          
 4.วัฒนธรรมที่สอน ห้ามเถียง รอคำสั่ง จึงทำให้ไม่เกิดการพัฒนาคนเพราะไม่ต้องคิด          
 5.ผู้นำไม่ได้เปิดใจให้คนแสดงความคิดเห็น        
        เทคนิค SRWR           
                เป็นหนึ่งกระบวนการ Action learning  ด้วยตนเองและคนรอบข้าง  โดยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้จากของจริง  จะทำให้ได้ความคิดเห็นที่หลากหลาย ได้มุมมองใหม่ ให้คนมีโอกาสพูด จึงทำให้คนมีโอกาสพัฒนาตนเอง  ซึ่งประกอบด้วย                      
                 1.    Stop ในการทำงานเป็นทีม ต้องมีการหยุดและฟัง
                 2.      Reflect ให้เราสะท้อนความคิดเห็นของตนเอง ฉันต้องการอะไร
                 3.      Write ให้ทำการบันทึก
                 4.        Report  รายงานเช่น เมื่อทำงานเสร็จต้องนำมาสรุปว่าเราทำอะไรได้ดี เราทำอย่างไรงานถึงประสบความสำเร็จและมีข้อผิดพลาดอะไร เมื่อย้อนกลับไปได้เราจะทำอะไร   
              Potential Matrix     เป็นตารางซึ่งมีข้อมูลที่ผู้บริหารสามารถทราบได้ว่าใครมีความสามารถอย่างไร โดย Plot ระหว่างผลปฏิบัติงาน กับ ขีดความสามารถ ( ขีดความสามารถหลัก  ขีดความสามารถตามสายงาน ขีดความสามารถผู้นำ)ซึ่งการเก็บข้อมูลอย่างน้อย 3 ปี เนื่องจากต้องการดู Consistency จากภาพจะแบ่งคนออกเป็น 5 กลุ่ม
          1.        Super star  พวกที่มีความสามารถสูงและผลปฏิบัติงานสูง
           2.        working horse เป็นกลุ่มที่มีขีดความสามารถดีผลงานก็ดีกลุ่มนี้จะเป็น Core ขององค์กร
          3.        เป็นกลุ่มที่มีขีดความสามารถต่ำแต่ผลงานดี คนกลุ่มนี้สามารถพัฒนาได้
          4.        problem child เป็นกลุ่มที่มีขีดความสามารถสูงแต่ไม่มีผลงานต้องค้นหาสาเหตุเพราะเหตุใด5.        Dead wood เป็นกลุ่มที่มีขีดความสามารถต่ำและผลงานต่ำ จากภาพ Potential Matrix  เราสามารถทราบคนในองค์กรของเราเป็นอย่างไร  เราจะสามารถพัฒนาคนในองค์กรให้ได้ตามความต้องการของแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสุดท้ายเป้าหมายเราก็จะได้คนแบบ working horse 
            HRD จะสามารถช่วยพนักงานในองค์กรได้อย่างไร
           1.ทำให้เขารู้ว่าบทบาทหน้าที่เขาคืออะไร
           2.ใช้ IT ในการบริหารข้อมูล
           3.คนทำงานต่ำกว่ามาตรฐานได้พัฒนาขึ้น
          4.คนทำงานไม่ทันเวลาได้ปรับปรุง
          5.เกิความผิดพลาดหรือเสียหายน้อยลง
          6.เกิดขวัญกำลังใจในการทำงาน
          7.ยืดหยุ่น
          8.จะมีความรู้สึกร่วมกัน
          9.หน้าที่ความรับผิดชอบจะชัดเจนขึ้น
         10.ความสัมพันธ์ของคนที่ไม่ดีก็จะดีขึ้น
         11.ช่วยผู้บริหารที่มักทำงานด้วยตนเองหรือไม่ทำงานอะไร 
 โลกาภิวัตน์-ผลกระทบและการเตรียมพร้อมเชิงรุกและรับ(ดร.เฉลิมพล เกิดมณี)           
          ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงจนสามารถอธิบายในสิ่งที่ไม่เคยอธิบายได้ ดังนั้นการอยู่รอดบนกระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพื่อภาคผลิต/บริการสามารถแข่งขัน   สามารถในการบริหารจัดการตนเองของชุมชน   และความสมดุลของสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม      สิ่งสำคัญเราต้องทำให้คนของเราสร้างงานเองได้ บริหารงานเองได้
 การขับเคลื่อนให้องค์กรมีการเปลี่ยนแปลงมีหลาย step       
1.ลดต้นทุน       
 2.คุณภาพ       
3. การสร้าง Brand จะทำให้องค์กรเป็นที่รู้จัก       
4.นวัตกรรม        
5.Emotion เป็นการลงทุนไม่มากแต่ผลตอบกลับแรงมากโดยสร้างคุณภาพจิตใจของพนักงานและ              สะท้อนกลับสู่ลูกค้านวัตกรรม       นวัตกรรมเป็นสิ่งที่มีความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการและสามารถขายได้การคิดเชิงนวัตกรรม การคิดเพื่อให้ได้นวัตกรรม โดยแตกสิ่งที่มีอยู่อย่างละเอียด จนมาพบสมบัติที่ตรงกันกับสิ่งที่ต้องการ                                                     
ระดับของการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมมี 3 ระดับ       
 1.ปรับปรุง (Improvement )      
2. พัฒนา(Development )      
 3.ปฏิวัติรูปแบบ(Revolution)

สวัสดีครับ

มาช้าดีกว่าไม่มานะครับ โดยส่วนตัวจะสนใจหัวข้ออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับคน คน คน เพราะเป็นคน(ที่คิดว่า)มีปัญหากับคนมากที่สุด แล้วก็สมหวังที่หลักสูตรนี้ได้เน้นเรื่องคน เช่น การคิดเชิงบวก, Seven Habits, HR management, Risk mngt. และ การาทำงานอย่างมีความสุข และอีนๆ

จากการที่อบรมบ่มนิสัยมา 3 สัปดาห์ จะเห็นการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะตัวผมเอง (และเพื่อนๆ)ได้คิดนอกกรอบ มากขึ้น และมีมุมมองที่กว้าง ไม่ลึก ลึก ลึก ดังที่เคยเป็น

เห็นด้วยกับประธานที่เราควรจะพัฒนา Brand Image  ซึ่งคนเป็นปัจจัยที่จะทำเลยขอเสนอให้มี following program เมื่อเราเรียนจบหลักสูตรนี้ อาจจะมี workshop เกี่ยวกับ ฝนตกลงมา น้ำไหลเป็นทาง และที่อยากให้มีคือ Seven Habits workshop เพราะคิดว่าเรายังได้แค่ 1/2  habit เอง

ย้อนกับมา การสร้าง Image คิดว่าเราคงต้องมีโค๊ช หรือ ผู้ช่วย หรือ Image maker มืออาชีพมาช่วยสานฝัน เพราะ หากพวกเราทำเอง แฮ่ แฮ่ อาจจะดี แต่ผลสัมฤทธิ์ อาจจะไม่น่าพอใจ จำได้ว่าก่อนที่ รมว. มิ่งขวัญ จะทำงานให้โตโยต้า ก็เคยทำงานเป็น Image maker ให้ดารา นาย/นางแบบ  นักร้อง หลายคนประสบผลสำเร็จมาแล้ว  อันนี้เสนอเป็น Idea นะครับ

อยากเขียนเป็น English เหมือน Dr.RaviOne แต่ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ภาษาเลยไม่สบาย และไม่แข็งแรง

ขอขอบคุณ อาจารย์ ดร.จีระฯ และอาจารย์ที่มาบรรยายทุกท่านที่ได้ช่วยทำให้โลกทัศน์ของกระผมและพี่ๆชาว วศ. ได้เปิดกว้างมากขึ้น ขอขอบคุณท่านอธิบดีปฐมฯ ที่ได้เห็นความสำคัญของบุคลากรและอนุมัติหลักสูตรให้พวกเราได้เรียน ขอขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังการจัดอบรมหลักสูตรนี้ทุกท่าน ทั้งชาว วศ และ ชาว Chiraacademy หากไม่มีการทำงานเป็นทีมจากทุกท่าน เราคงไม่มีวันที่ทุกคนมีแรงบันดาลใจที่จะกลับไปทำงานได้อย่างมีความสุข เช่นนี้ อีกเลย

สุขสันต์วันศุกร์หลังวันมาฆะบูชา

เทพวิทูรย์

 

Sawasdee ka Ajarn Chira and my friends

We only have one more week before the course finishes. I hope we all make the best of the remaining 2 full days next week as it will be the only time that we are together in big group sharing ideas among us and with experience instructors. I think for the past 4 weeks we (30 DSS senior staff) have been together, although we have known each other for years but this time we have known each other more and I hope we can communicate better and we can work better together in the real life at the department. Not only what we have learned from the instructors but also the group workshops have sharpened up our brains to work more effectively and have made us to work more cooperative ways.

Lastly, I would like to thank again, the director of the DSS, Ajarn Chira, and Chira academy's staff for their efforts to assist us throughout the course, and thank to my boss (Khun Kasem to allow me to attend the course), also thank my PT friends who have worked for me while I am attending the workshop, and thank to Pi Pi and friends (30 people) in the course for your friendships.

See you next week and the overseas trip.

Ravi One

23 Feb 2008

สวัสดีคะ

    ได้รับมอบหมายให้สรุปในเรื่อง จากแนวคิดของการตลาดสู่การปรับใช้กับการทำงานของกรมวิทยาศาสตร์บริการ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยคะ

    Stakeholder  (ผู้มีส่วนได้เสียหรือลูกค้า) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำการตลาด  stakeholder มี 7 กลุ่ม คือ

1. รัฐบาล ทำตามนโยบายของรัฐ หรือเป็นแหล่งสนับสนุนเงินให้หน่วยงาน

2. คนไทย ทําอย่างใดให้คนไทยทั่วประเทศรู้จักหน่วยงานของเรา

3. สื่อ ทําอย่างไรให้ข่าวของหน่วยงานเป็นที่สนใจของสื่อ

4. แหล่งเงินนอกระบบ  ต้องรู้จักหารายได้เข้าหน่วยงาน

5. กลุ่ม NGO (interested group) อาจเป็นมิตรหรือศัตรูก็ได้

6. คนกันเอง (กรมอื่นหรือหน่วยงานคู่แข่ง) คนที่วางแผนการทํางานจะทํางานได้ดีกว่าคนที่ไม่วางแผนการทํางาน

7. คนใน (ภายในกรมเดียวกัน) ต้องเป็นคนที่มีประสิทธิภาพและร่วมกันทํางานเป็นที่ม ทําให้หน่วยงานประสบความสำเร็จ

     การตลาดโดยภาพรวมเกิดจากความสมดุลขององค์ 5 คือ

1. ขายเป็น ตามความต้องการของมวลชน

2. ผลิตเป็น ต้องดูความต้องการของผู้บริโภค

3. เงิน ต้องบริหารจัดการเงินให้เป็น

4. คน ต้องบริหารจัดการคนให้เป็น

5. องค์ประกอบอื่น เช่น

   - Information หรือ knowledge management

   - Infra - structure 

   - R&D

   แนวคิดการนำการตลาดสู่การปรับใช้กับการทำงานของ วศ. คือ การหาข้อมูล เช่น Cash, product, people ในช่วง yesterday, today, tomorrow และ question mark ให้จัดทำข้อมูลดังกล่าวในระยะเวลา 5 ปี เพื่อจะได้ทราบข้อมูลการเงิน ผลิตภัณฑ์ คน ในหน่วยงานทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และสิ่งที่ไม่สามารถจะใส่ในช่องทั้ง 3 ได้ จะอยู่ในช่อง question mark  ซึ่งในช่อง question mark อาจทำประโยชน์ให้หน่วยงานได้ จากช่องสี่เหลี่ยม 4 ช่องดังกล่าว ทำให้หน่วยงานมองภาพรวมการตลาดได้ ว่าควรผลิตอะไร ขายอะไร ใช้เงินและคนอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด ทำให้หน่วยงานประสบความสำเร็จในด้านการตลาดทั้งในปัจจุบันและอนาคต

      ท้ายนี้ขอขอบคุณ ท่านศาสตราภิชาน ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ อีกครั้ง ที่ให้ความรู้กับพวกเรา ตลอดเวลาที่ท่านบรรยายเรารับฟังอย่างสนุกสนาน ไม่เบื่อ แถมยังได้รับความรู้อย่างเต็มๆ แล้วใครจะรับอาสาแต่งชุดบิกินีบ้างละ คงต้องบอกว่า วศ. สู้ สู้ สู้ สู้ตายนะคะ

     อารี

 

 

ขอบคุณค่ะ สำหรับน้องปุ๊ที่ได้ถ่ายทอดย้ำความรู้ ความเข้าใจที่พวกเราได้รับ ทำให้ชาววศ.ได้มีสติปัญญาเพิ่มขึ้นว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย Steakholders  นั่นคือใครบ้าง 7 กล่ม แทนที่จะเป็น 3-4 กลุ่มซ้ำซากว่าหน่วยงานภาครัฐ สถาบันอุดมศึกษา  ภาคเอกชน (ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ) ประชาชาชน  เราได้เพิ่มอีกว่า  มีกลุ่มคนกันเอง ( หน่วยงานภายใต้สังกัดต่างๆ ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย) กลุ่มแหล่งเงินนอกระบบ ในที่นี้หมายถึง หน่วยงานที่ไม่ใช่รัฐบาล /ราชการ กลุ่ม NGO องค์กรต่าง ๆที่ไม่ค้ากำไร กลุ่มสุดท้าย คือ คนในหน่วยงาน มีความสำคัญมากเหมือนกันเช่นเดียวกับวศ.หน่วยงานย่อย: สำนัก /โครงการ /กอง ยังไม่รู้ว่า DSS มี one stop shop แล้ว 

    ใครรู้บ้างช่วบบอกหน่อย เราจะหาของที่ระลึกจากสท.ให้ 1 ชิ้น

ภายในเวลาจำกัด 28 กพ.51

 สวัสดีค่ะ

                 ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องทำอันดับแรก  คือ  ขอขอบพระคุณท่าน อวศ. ที่ให้โอกาสพวกเราทุกคนเข้าอบรมหลักสูตรดี ๆ ที่    อ.จีระ จัดให้     ซึ่งนับเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง  (ทุกคนคงไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน) เพราะหลักสูตรนี้ เราได้เรียนเกี่ยวกับการพัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารมืออาชีพ   ครอบคลุมเกือบทุกเรื่องอย่างกว้าง  ๆ ที่ผู้บริหารส่วนใหญ่ควรรู้   เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรับการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึง  แม้องค์กรใหม่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาปรับเปลี่ยนก็ตาม     แต่เราควรเริ่มปรับจากตัวเราก่อน    พวกเราคงต้องการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น   เพราะมีงานท้าทายรออยู่ข้างหน้า   เพื่อให้สมกับความคาดหวังของท่าน อวศ.ที่มีให้แก่พวกเรา

                                                          วนิดา

พี่ๆ เพื่อนๆและน้องๆที่รัก

อย่าลืมเปิดเมล์ และช่วยคิด เติมแต่ง ด้วยนะค่ะ หากได้ข้อมูลเพิ่มจะรวบรวมส่งเมล์ให้ทราบ อีกอย่างซี 8 ที่ยังใช้ yahoo หรือhotmail รีบเปลี่ยนนะคะ เพราะเป็นระเบียบออกมาแล้ว

           จันทร์เพ็ญ

ตอนนี้ Blog ของเรามีขึ้นมามากกว่าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว  ขอแสดงความยินดีด้วยครับ  ผมได้อ่านของทุกคนด้วยความสนใจอย่างมาก

จีระ  หงส์ลดารมภ์

25 ปีก่อนผมกับเพื่อนๆ 3-4 คน ต้องไปยืนรอที่หน้าตึก NB 7 ม.รามฯ  เพื่อรอเข้าแย่งชิงเก้าอี้ในการเรียนวิชา PS110 การเมืองและการปกครองไทย สอนโดย อ.สุขม นวลสกุล ทั้งๆที่วิชานี้มีหลาย section และมีอาจารย์สอนหลายคน  แต่นักศึกษาก็เลือกที่จะไปเรียนกับอาจารย์ทำให้เกิดการแข่งขันแย่งเก้าอี้ที่ไม่ใช่ดนตรีกันอย่างเคร่งเครียดและไม่สนุก ซึ่งอาจเป็นความนัยของอาจารย์ก็ได้ว่า หนูน้อยเอ๋ยในโลกแห่งการทำงานการแข่งขันมันมากกว่านี้หลายเท่านัก เจ้าจงอดทนและเข้มแข็ง

    แต่เมื่อคืนนี้ 26 ก.พ.2551 อาจารย์ สุขุม เดินทางมาบรรยายให้ถึงห้องเรียนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การบริหารความขัดแย้ง การเจรจาต่อรอง และเทคนิคการตัดสินใจของผู้บริหารมืออาชีพ ที่กระผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นและอยากจะมี(ฮิ ฮิ ไม่อายที่จะบอกว่าตัวเองมีความยาก..)  เวลาอาจจะน้อยไปสำหรับการบรรยายแต่สิ่งที่ตัวเองได้และคิดว่าสำคัญและต้องนำไปปฏิบัติคือหลักหรือสิ่งที่ต้องยึดคิดก่อนการกระทำ เพื่อให้ฝนตกลงมา น้ำไหลเป็นทาง   หรือนิสัยที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ต้องมีเหตุผลอธิบายได้ การเอาใจเขามาใส่ใจเราเพื่อเกิดการประสานงานที่ดีในอนาคต การเลือกใช้หลักรัฐศาสตร์ หรือนิติศาสตร์ เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ถูกใจ และถูกจังหวะ การหาข้อมูลและแหล่งที่มาของข้อมูลเพื่อการปรับปรุงมิใช่การปรักปรำ และที่สำคัญสำหรับข้าราชการคือการแม่นในกฏระเบียบ มิฉะนั้นอาจไม่ได้บำนาญนะจ๊ะ จะบอกให้

    ตอนเช้า ดร.สมภพได้เน้นว่าผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้าง ที่ไกล ที่ลึก และไว ก่อนใคร ตอนบ่าย Mr.JP (ทีแรกนึกถึงชื่อโรงแรม) ได้นำ Boston Model มาสร้างกระแส  ย้ำการมีวิสัยทัศน์ทั้ง 4 ด้าน โดยการวิเคราะห์เชิง 3 มิติ และปิดท้ายด้วยงาน future step party เรียกว่าวันเดียวได้ทุกรส ครบเครื่อง คุ้มยิ่งกว่าซื้อแฟลตปลาทอง อีกแน่ะ

    เห็นเพื่อนๆ(ความจริงต้องพี่ๆ เพราะเราน้องน้อยสุด ฮิฮิ) หลายคนกังวลใจกับความหนาวที่จะต้องไปผจญที่เกาหลี อยากจะขอให้คลายกังวลเถอะว่าพวกเราไปกันเป็นกลุ่มน่ะตั้ง35 คนหรือมากกว่ามิใช่หรือ คงไม่มีใครใจไม้ใส้ระกำปล่อยให้เพื่อนๆหนาวตายหรอกนะจะบอกให้ ถ้าหนาวมากๆเราก็เอาอย่างหมู่นกเพนกวินเป็น role model ดีไหม คือมันจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มและก็กอดหรือเบียดตัวใกล้ชิดกันเพื่อถ่ายเทความอบอุ่นให้กันและกัน ผมว่าน่าจะดีนะ กินกิมจิไป กอดกันไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อละลายพฤติกรรม และการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม การสร้างเครือข่ายที่ใกล้คิด และการลดความขัดแย้งระหว่างบุคคลกับบุคคล และบุคคลกับองค์การ เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรอง และสร้าง  brand image ที่ประธานอยากได้ และในที่สุดเราจะได้สุดยอดแห่งความปรารถนาคือ การมีความสุขในการทำงาน ไงครับ

  สุขสันต์วันทำงานวันพุธ

เทพวิทูรย์

Dear Friends

I like Dr.Tep said about the talk yesterday from Dr. Sukum and JP. For JP although we had only 2 hrs with him but the workshop has helped us to think more about all activities we are doing. Since for the past, we have been working out to look at ourselves and to see which activity we should keep and which we should slow down or remove, every time after discussing (for the management team, I guess) we ended up with keep all activities since we all love each other so much. This time after learning from JP, we have all realised that we should put budget on the activities that are potential in term of business growth and market demand where as the activities that fell into "dogs" after analysing should be turning to outsourcing. We should be able to work out together when we get back to work, and may be it a tool for us to use it when the DSS is going to privatise.

A short message response to Dr. Tep, do you mean the cold weather at the place we are going next week, will be compensate by the 35 people cuddle up together, that will be fun for us. But you may get no response from someone (:-)  ( I am joking).

Bye every one,

R

สวัสดีคะ

    ในที่สุดเราทุกคนก็เรียนจบหลักสูตรและได้รับประกาศนียบัตรเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรางวัลที่จะได้รับคือไปเกาหลีในวันที่ 3 มีนาคมนี้ ตอนได้รับโปรแกรมใหม่ๆมีความรู้สึกว่าทำไมเวลาที่อบรมมากเหลือเกิน แต่พอถึงวันจบมีความรู้สึกว่าจบแล้วหรือ ทำไมเร็วจัง เพราะตลอดเวลาที่เราอยู่ในหลักสูตรไม่รู้สึกเบื่อเลย ทำให้เวลาผ่านไปเร็วมาก พวกเราได้พบกับวิทยากรมืออาชีพทุกคน ที่ประทับใจมากที่สุดมีอยู่หลายคน ขอยกตัวอย่าง เช่น ท่านศาตราภิชาน ไกรฤทธิ์ ท่านพูดเรือง การตลาดให้เราเข้าใจง่ายมาก ขึ้นอยู่กับ stakeholder และองค์ ๕ ท่านรศ. อ.สุขุม เป็นวิทยากรที่พออ่านโปรแกรมการอบรมเห็นชื่อ อ. ก็รอคอยที่จะให้ถึงวันที่จะฟังอ.บรรยาย เพราะชอบอาจารย์จากรายการวิเคราะห์การเมืองในทีวีตั้งนานมากแล้ว และเราก็ไม่ผิดหวัง เพราะอ.นำเสนอการขัดแย้งที่ดีที่ควรจะมีในที่ประชุมเพราะจะได้มีความคิดหลากหลายในที่ประชุม และการตัดสินใจของผู้นำ ต้องถูกต้อง แต่จะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ไม่เป็นไร เมื่อไรที่ไม่ถูกใจต้องถูกจังหวะ อ.กุศยา ก็ทำให้เราทราบว่าควรจะบริหารจัดการเงินอย่างไร อ.ลักขณาก็ทำให้พวกเราอยากมี brand image กัน อ. มนตรี เกียวกับการทำงานร่วมกันโดยเฉพาะเกมส์หลอดกาแฟของอ. ถ้าไม่วางแผนและร่วมมือกันทำไม่มีวันสำเร็จ และอ.ร้องเพลงเพราะมากคะ ส่วนวิทยากรคนอื่นก็ดีทุกคนคะ  ถ้าเขียนทุกคน 10 หน้ากระดาษคงไม่พอคะ และบุคคลสำคัญที่เราจะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้คะ ท่านอ.จิระ และท่านอวศ. ที่ทำให้มีหลักสูตรดีๆอย่างนี้คะและหวังว่าพวกเราจะมีหลักสูตรที่ดีอย่างนี้อีกในอนาคต

    พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิคะ

                                  อารี

 

ผมเป็นคณะทำงานหมวด 3 ของ PMQA ว่าด้วยเรื่อง stakeholder และลูกค้าในอนาคต ผมสนใจการวิเคราะห์โดย BCG Matrix ของแต่ละกลุ่มเพื่อประกอบการพิจารณาลูกค้าในอนาคต จึงใคร่ขอความกรุณา (ใช่คำพูดตามที่ รศ.สุขุม สอน) สมาชิกในแต่ละกลุ่มที่จำผลการ workshop ของกลุ่มของตนเองได้ช่วยสงเคราะห์ด้วยครับ จักขอบคุณยิ่ง  

 

 สิ่งที่ได้จากการอบรมนอกจากประทับใจในความสามารถของวิทยากรทื่มาบรรยายและถ่ายทอดประสบการณ์ให้พวกเราแล้ว  หลายคนคงจะประทับใจหนังสือในมุมหนังสือดีๆที่ทีมงานอาจารย์จิระจัดแสดงและให้เพวกรายืมไปอ่าน   เพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจในมุมมองของผู้รู้ชั้นของโลก  ดูได้จากรายชื่อหนังสือที่มีการยืมไปอ่าน  แต่ในช่วงเวลาอันน้อยนิดนี้พวกเราคงจะอ่านได้ไม่กี่เล่ม   จึงใคร่ขอความกรุณาจากทีมงานอาจารย์จิระ ช่วยจัดทำรายชื่อหนังสือดีๆดังกล่าว เพื่อสำนักหอสมุดฯจะได้จัดหามาบริการกลุ่มนักบริหารให้ได้อ่านกันได้ ทั่วถึง  จะได้ช่วยให้ชาว วศ.เป็นผู้บริหารที่เก่งและประสบความสำเร็จและมีความสุข   และเป็นมืออาชีพกับเยอะๆ  และขอขอบพระคุณ ท่านอวศ ปฐม  ท่านรองธิดา และท่านผู้บริหาร   ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรเตรียมรองรับการเปลี่ยนแปลงของ วศ.  ขอบพระคุณอาจารย์จิระที่ให้กำลังใจพวกเราและพยายามให้มีนวัตกรรมของวศ. จากกลุ่มนักบริหารน้อย    เห็นด้วยกับที่ดร.เทพวิทูรย์ เสนอค่ะ


สวัสดีชาว Blog ทุกท่าน

วันนี้เป็นวันแรกที่ผู้เข้าอบรมหลักสูตร Executive Development Program: 1 ของกรมวิทยาศาสตร์บริการได้เดินทางมาทัศนศึกษาดูงาน ณ ประเทศเกาหลีใต้ เราออกเดินทางจากท่านอากาศยานสุวรรณภูมิเวลาประมาณเกือบจะ 1.00 น ของวันอังคารที่ 4 มีนาคม 51 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. คณะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เวลาประมาณ 7.00 น. หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว คณะก็เดินทางมุ่งหน้าไปเมือง แทจอน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชม. จากสนามบิน วันนี้ที่เกาหลีใต้อากาศหนาวพอสมควรแต่ยังโชคดีที่มีแดดออกอยู่บ้าง

เมือง แทจอน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศเกาหลีใต้ เป็นเมืองที่มีทำการเกษตร ปลูกข้าวเป็นส่วนใหญ่นอกจากนั้นก็ยังมีปลูกพืชอื่นด้วย ในช่วงเวลานี่ยังเป็นหน้าหนาวเกษตรกรมีการทำเกษตรกรรมแบบ Green House และยังเป็นเมืองใหม่ที่เป็นแหล่งรวมของส่วนราชการต่างๆในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อถึงแทจอนคณะได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน พูโกกิ เป็นอาหารประจำชาติเกาหลีมื้อแรก และก่อนที่คณะจะเดินทางไปดูงานได้เข้า Check in ที่โรงแรม ยูซอง ซึ่งอยู่กลางเมืองแทจอน จากนั้นได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเดินทางไปดูงานที่ KRISS (Korea Research Institute of Standards and Science) เป็นสถาบันมาตรวิทยาของประเทศเกาหลีใต้

เมื่อคณะเดินทางถึง KRISS ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายที่แบ่งเป็น 3 ช่วง ซึ่งในช่วงแรกเป็นการกล่าวต้อนรับและแนะนำสถาบันโดย Dr.Gun-Woong Bahng (Director, Office of Global Partnership of KRISS) ช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายเรื่อง Metrology in Chemistry โดย Dr.Hun Young So (Division of Quality of Life และช่วงสุดท้ายเป็นการบรรยายเรื่อง Materials Testing at KRISS พอฟังการบรรยายเสร็จมีผู้เข้าอบรมหลายท่านได้แลกเปลี่ยนความรู้กับวิทยากร ออกจากห้องบรรยายก็เข้าดูสถานที่ปฏิบัติงานจริง

เมื่อได้รับความรู้กันเต็มที่แล้วก็เดินทางต่อไปที่ศูนย์จัดงานกลางแจ้ง เอ็กซ์โป แต่น่าเสียดายที่คณะไปถึงช้าจึงไม่ได้เข้าชม อุทยานวิทยาศาสตร์ แต่ได้เข้าไปในส่วนของส่วนสนุกแทน

 หลังจากนั้นก็เดินทางกลับโรงแรมแต่ก่อนที่จะแยกย้ายกลับเข้าที่พัก คณะได้ร่วมรับประทานอาหารเย็นเป็นอาหารเกาหลีเรียกว่า ชาบู ชาบู พอทุกท่านอิ่มความรู้ อิ่มท้องก็แยกย้ายกันเข้าโรงแรมพักผ่อนตามอัธยาศัยเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปกรุงโซลพรุ่งนี้

                                       ทีมงาน Chira Academy

     สวัสดีค่ะทุกๆท่าน

                    หลังจากทัศนศึกษาและดูงานที่ต่างประเทศเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนคงจะเหนื่อยกัน ขอให้หายเหนื่ยนเร็วๆนะ

                     ขอเป็นกำลังใจให้ท่านประธานหายจากข้อมือขวาหักเร็วๆนะคะ

                      ดร.จีระ หายจากไม่สบายหรือยังคะ ขอให้หายเร็วๆเช่นกันนะคะ แต่ตอนนี้ท่านอวศ.สงสัยจะติดหวัดจากดร.จีระ ขอให้ท่านหายเร็วๆด้วยนะคะ

                                                    ปิ๊ก

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พี่ ๆ เพื่อน ๆ รุ่น 1 ทุกท่านคงได้รับบันทึกเรื่องการประเมินผลการฝึกอบรม ค.พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารมือ
อาชีพของวศ. โดยจะต้องส่งแบบคืนให้ ฝ่ายจ.ท.วศ.ภายใน วันที่20 มีค.51 และคืนกลับให้ดร.จีระ ฯ ทราบผลการประเมินโครงการว่าเป็นอย่างไรบ้าง   พวกเราต้องรีบ ๆส่งคืนน่ะคะ เพื่อทีมวศ. ก้าวไกลรุ่นแรก

   ส่วนรายงานภายในประเทศที่จะต้องส่งรายงานเรามีแหล่งข้อมูลแล้วสำหรับทบทวนความทรงจำ คือ บล็อก gotoknow นั่นเอง

และท่านประธานจันทร์เพ็ญ ฯ ใคร่จะนัดประชุมอาทิตย์หน้าเพื่อการเตรียมงานใหญ่ในการทำโครงการหลังจากจบหลักสูตรนี้   ขอให้เพื่อน ๆ ติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ http://siweb.dss.go.th/lo  อย่าพลาด เชิญร่วมลปรร.ได้ที่คอลัมน์เวทีสาธารณะแห่งการเรียนรู้  ในเว็บ 

                                        ข่าวโดย benjaphat  ,BSTI ,DSS.

ค.พัฒนาภาวะผู้นำวศ.รุ่นที่1 กลับมาทำงานอย่างเป็นรูปธรรม คือ มีคณะทำงานประธาน (มีอยู่แล้ว) ผอ.จันทร์เพ็ญ ฯ คณะเลขา ฯ คุณวนิดา ฯ นำทีม และผู้ทำกิจกรรม ( คณะทำงานทั้งหมด)

งานที่1 คือ ปรับปรุงบรรยากาศของวศ.ตกแต่งต้นไม้ให้สดชื่น สร้างสีสรรวศ.

งานที่2 มีแหล่งของคณะทำงานที่เป็นหลักแหล่ง คือ ตึกพศ.ชั้น 3 ถ้าจำไม่ผิด มีการประชุมทุกวันพุธของสัปดาห์ 15.00-16.00น.

งานที่ 3 มีการตั้งโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้เผยแพร่สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แก่ประชาชน ที่จ.อ่างทอง

ชาววศ.คงได้เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมที่มีผลกระทบกับชาววศ.โดยตรง เป็นแน่แท้ ขอให้จับตามองใหห้ดี ๆน่ะค่ะ ห้ามกระพริบตา

เรากำลังจะสร้างวศ.ให้เป็นที่รู้จัก DSS Brand Name

มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา“ปัจจัยท้าทายประเทศไทยปี 2553 อยู่รอดหรือยั่งยืน?”

วันที่ 8 ธันวาคม 2552

ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด แคมปัสพระรามเก้า 

มีรายละเอียดในลิ้งค์นี้

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/317427

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท