ด้วยวันนี้เป็นคล้ายวันเกิดพระสอนพระพุทธศาสนาในโรงเรียน ( ท่านมหาวราคม เจ้าอาวาสวัดบ้านวาก ) ท่านเชิญชวนคณะครู-นักเรียน ช่วยกันขนทรายเพื่อนำไปสร้างทางขึ้น ที่ประดิษฐ์สถาน พระเจ้าทันใจ เดิมสร้างมานานแล้ว ( ไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน แต่พอรู้ว่า ใครอยากได้อะไร ให้ขึ้นไปนมัสการอย่าง ก็จะได้สิ่งนั้นสมประสงค์อย่างรวดเร็ว ทันตา ทันใจ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาถ้ำเมืองออน มีคณะครูและนักเรียนชั้น ป.4-ป.6 เดินทางขึ้นไป ซึ่งการไปครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งครั้งแรกครูเอมีธุระไม่ได้ไปกับเขาด้วย ครั้งนี้...ต้องไปให้ได้ ....เมื่อไปถึงก็เดินขึ้นไป พร้อมกับหอบหิ้วถุงบรรจุทราย ( ใช้ถุงหิ้ว ) ตอนแรกก็คิดว่าทำไม ...เขาตักทรายน้อยจัง พอเดินขึ้นเรื่อยๆๆ บันไดนาคที่คดโค้ง ขั้นบันไดสั้นและแคบ ( ขนาดสองคนเดินสวนกัน ) พวกเราเดินขึ้นไปสักพัก...เริ่มหยุด ....เพราะเหนื่อย นานๆจะขึ้นบันไดแบบนี้ ขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ได้สำหรับทางบันไดนาค พอขึ้นพ้นบันไดนาคก็จะเป็นศาลา มีพระพุทธรูปประดิษฐ์ เมื่อกราบพระแล้ว
ครูเอก็ชวนนักเรียนขึ้นไปนมัสการพระเจ้าทันใจ ต้องเดินขึ้นไปอีกไกลพอสมควร ระหว่างทางเดินจากจุดตรงนี้กลายเป็นทางที่โรยด้วยหินที่ถูกทุบเป็นก้อน บางก้อน หากหกล้ม เป็นแผลแน่ หนทาง..ค่อนข้างอันตราย ด้วยจิตมุ่งมั่น ต้องไปให้ถึง ทั้งครูและเด็กเดินตามกันขึ้นมา
โอ้...พระเจ้า ทางยากแบบนี้ คนที่มีจิตศรัธทาจริงๆเท่านั้น จึงขอทุกอย่างได้สมดังใจ ต้องไต่ตามซอกหินขึ้นไป ช้าๆ แต่พอขึ้นไปถึงแล้ว ไม่อยากลงมาเลย เพราะข้างบน สงบมาก เย็น มีศาลาพระพุทธรูป ด้วยคนมีจิตศรัธทาสร้างไว้ ทำด้วยไม้ โล่งๆ สำหรับนั่งสมาธิ มีลมโกรก เบา มองเห็วิวทิวทัศน์เมืองออนแสงงดงาม มองเห็แอ่งน้ำ เย็นสบายตา ทั้งๆที่ขึ้นไปบนนั้นน่าจะร้อน แต่กลับไม่ร้อนเลย เจ้ากล้องที่หอบขึ้นมา ดันทรยศ แบตเตอรีหมดพอดี อดดูรูปสวยๆเลย
ขากลับ เหลือบไปเห็นเด็กๆที่เขาขึ้นมาด้วย ประมาณ12-15 คน พากันนั่งสมาธิเรียงกันเป็นแถวเป็นแนวที่ศาลานั่น โดยครูไม่ได้บอก ครูเอแอบหยุดดูเขาเงียบๆ มีความสุข เมื่อพบเห็นค่ะ เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ภาพสวยมากค่ะ พอเขาเลิกทำก็ถามว่า เธอรู้สึกอย่างไรกันบ้าง บางคนก็ตอบว่า เย็นครับ บางคนตอบว่า สงบ เป็นคำตอบที่ครูต้องการ และสิ่งที่จะตามมาคือ..ความสุข...มันไม่เหมือนกับสุขจากการได้ ดู ได้เห็น และกินนะ สุขจากความสงบ ไม่รู้ว่าเด็กจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน จบการสนทนา พวกเราก็ลงมา ระหว่างทางเด็กบางคน ก็ร้องเพลงไปด้วย ส่งเสียเจียวเจ๊ากันตลอด ทางลงบางแห่งก็ชัน แต่สรุปว่าง่ายกว่าตอนขึ้น เฮ้อ.....และพวกเราก็ลงมาเริ่มต้นขนทราย หิ้วถุงส่งกันเป็นทอดๆ เหมือนรางรถไฟ ดูแล้วได้ภาพที่งดงามมาก จนถึงจุดก่อสร้าง ซึ่งสร้างแล้วเกือบถึงครึ่งทางได้เฉพาะบันได แต่ยังไม่มีราวนะค่ะ ระหว่างทางขึ้นก็เดินสวนกับผู้กำกับลูกเสือของค่ายหนึ่ง ซึ่งท่านนำคณะลูกเสือมาทัสนศึกษาพอดี และมีโอกาสร่วมกันขนทรายช่วยกัน ท่านสอบถามว่า หนักไหม ก็ตอบท่าน ไปว่า ไม่หนักค่ะ แต่ได้บุญนัก ( มาก )แล้วท่านก็ยิ้ม เดินลงไป
เด็กมาฟ้องว่า ครูค่ะ บางคนไม่ช่วย ได้แต่ยืนมอง ก็เลยบอกเด็กไปว่า บุญ...หนูทำมาก..หนูก็จะได้มาก ..การที่พวกเราช่วยกันขนทรายเท่ากับการสร้างบุญกุศล อย่างหนึ่ง ที่เราได้มีโอกาสทำ
..วันนี้กลับถึงบ้านคงต้องเข้านอน แต่หัววันแล้วค่ะ ตอนลงขายังสั่นไม่หาย....ยิ่งกว่าเต้นเอโรบิคเสียอีก ....
สวัสดีครับครูเอ...
ครูเอ...ก่อนนอนอาบน้ำก่อนนะครับ...ขนทรายมาทั้งวัน...อิอิ
สาธุสร้างบุญได้บุญครับ
ขอบคุณ นายช่างใหญ่ มากค่ะ
กลับถึงบ้านก็อาบน้ำเลยค่ะ นั่งไปก็ง่วงไป
*ก็อธิษฐานขอให้ มีความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่ ก็พอแล้วค่ะ
สวัสดีครับ ครูเอ
ขออนุโมทนา สาธุ ! ครับ
ขอบคุณค่ะ อ.Wasawat
คำตอบให้เด็กน้อย...บุญ...ก็คือ...สิ่งที่ตอบแทน เมื่อหนูทำความดีงัยค่ะ เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ บุญจะรักษาผู้ประพฤติดี ก่อกรรมดี คิดว่าอย่างนี้นะคะ
เอ ...หรือจะมีท่านผู้รู้ช่วยแนะนำ....เพิ่มเติมด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
การเป็นคนดีนี้ ยากหนักหนา
มิน่า ..คนส่วนใหญ่ ไม่สนใจว่า คนที่เรารู้จักจะเป็นคนดีหรือไม่
..แต่ ..ใส่ใจว่า เขาเป็น...คนมี...หรือไม่..เฮอ.....เศร้า...
ขอบคุณค่ะ อ.Wasawat
ขอให้บุญรักษาค่ะ
เอารูปมาลงให้ดูค่ะ ใครมีโอกาสแวะไปช่วยขนทราย เพี่อทำบุญนะค่ะ
มีโอกาสได้กลับไปทำบุญที่ถ้ำเมืองออนอีกครั้ง แต่น่าเสียดายไม่มีรูปค่ะ
ใครมีโอกาสแวะผ่านมาช่วยทำบุญด้วยนะค่ะ แค่ขนทรายก็ได้ค่ะ
สวัสดีครับครูเอ
ก็สบายดีบ้างแล้วค่ะ
แต่ ไอมาเป็น 2 อาทิตย์แล้ว
ขออนุโมทนาสาธุในการขนทรายครั้งนี้ด้วยคนนะครับ
ขอบคุณ คุณคนพลัดถิ่นค่ะ
ขอให้ได้บุญเช่นกันค่ะ