ด้วยมอบหมายภาระกิจให้กับตัวเองในการเขียนโน๊ต บอกตัวเองให้เขียน บันทึกถอดบทเรียนการทำเวทีชุมชนที่โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ในช่วงปลายปีและช่วงรอยต่อของปี เพื่อเป็นการทบทวนตัวเองและให้ผู้สนใจแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
บ้านวัดจันทร์ อยู่ในเขตอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ ด้วยบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ยังคงธรรมชาติอุดมสมบูรณ์วัดจันทร์ เหมือนสาวชาวป่าที่สวย สะพรั่งของวัยสาว บริสุทธิ์ ผุดผ่อง น่ามอง ในขณะที่พี่สาว (ปาย) เป็นสาวทันสมัย เธอกร้านโลกเต็มที
เจ้าหน้าที่โครงการหลวงเชิญผมไปเป็นวิทยากรประเด็นการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งผมไม่ปฏิเสธ เพราะเหตุผลว่า ผมรู้สึกห่วงใย สถานที่แห่งนี้ เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างควบคุมไม่ได้ในอนาคต ใช่ครับ ผมอาจไม่ใช่ปัจจัยในการทำให้ที่ไม่เปลี่ยนแต่ขอเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆที่ช่วยฉุดรั้งแรกกระแทกนั้น
ผมได้ร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โครงการหลวง เพื่อจะนำมาวิเคราะห์ข้อมูล เตรียมออกแบบเวทีชุมชน และผมก็ได้ข้อมูลที่น้อยมากสำหรับการวางแผนออกแบบเวที และโจทย์นี้ยากมากขึ้นเมื่อทราบว่าผมเป็นวิทยากรเพียงคนเดียวที่ต้องทำกระบวนการในสองวัน
เอาละครับ ...ทำไงดี ก็ต้องลุยครับเพราะตกปากรับคำแล้ว ก็ต้องเดินหน้าทำให้ดีที่สุด นอกจากเป็นวิทยากรแล้วผมยังต้องเป็น commentator ให้กับโครงการหลวงวัดจันทร์ในกิจกรรม Count Down ๒๐๐๗ ด้วย งานนี้เรียกว่า ทำในหลายๆหน้าที่ บทบาทครับ
การดำเนินการพัฒนาชุมชนเพื่อเข้าสู่การเป็นชุมชนท่องเที่ยวนั้น ต้องมี Step การดำเนินงานที่ต่อเนื่องตามลำดับขั้น
ขั้นตอนแรกๆ เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับชุมชนก่อนตัดสินใจลงพื้นที่(Choosing a Distination) ในส่วนนี้ผมทราบว่าทางโครงการหลวงใด้พิจารณามาระดับหนึ่ง มีกิจกรรมเสริมความเข้าใจบ้าง และชุมชนเหล่านี้เข้าสู่ระบบการท่องเที่ยวโดยชุมชนอยู่แล้ว กิจกรรมนี้จึง "ผ่าน" ไปได้
หากมองใน มิติศักยภาพของชุมชน(Community Potential) ผมไม่ทราบข้อมูลมากนัก แต่ผมมองว่าชุมชนที่นี่เป็นชาวปกาเกอญอ ความเป็นนักอนุรักษ์ และสามัคคีสูง ในความรู้สึกผมนั้นผมคิดว่า"ใช้ได้"
ส่วน มิติของ แนวโน้มทางการตลาดของการท่องเที่ยวโดยชุมชน(Market Potential of CBT.)นั้น ผมวางใจเพราะโครงการหลวงมีหน่วยงานที่ทำการตลาดอยู่แล้ว อีกทั้งวัดจันทร์มี "Product" ที่มีคุณภาพ ถูกใจตลาดท่องเที่ยวอยู่แล้ว
ส่วน มิติของนโยบายของรัฐ และบทบาทของท้องถิ่นในการสนับสนุน CBT. (Goverment Policy) และ องค์กรพี่เลี้ยงและแหล่งทุนสนับสนุน (Facilitaing Organization and Funding) ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นพื้นที่โครงการหลวงเช่นกัน
ดังนั้นการทำเวทีชุมชนครั้งนี้ ผมจึงเข้าสู่ กระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกับชุมชน (Completing a Feasibility) เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่อจากกระบวนการดังกล่าวข้างต้น ก็ถือว่าย่นระยะทางมาบ้าง
การออกแบบเวที จำเป็นต้องมีข้อมูลพื้นฐานสำคัญ เช่น ข้อมูลชุมชน จำนวนผู้เข้าร่วม และข้อมูลพื้นฐานความรู้ของของคนที่เข้ามาร่วม ลักษณะนิสัย การศึกษา เวลา สถานที่ อื่นๆที่ผมต้องมานั่งวิเคราะห์กลุ่มเพื่อออกแบบเวทีให้เร็วที่สุด สำหรับการเตรียมข้อมูลการแลกเปลี่ยน คิดกิจกรรมที่สอดคล้อง งานนี้จึงมีข้อมูลน้อย แต่ก็คิดว่าไม่เป็นปัญหา ผมเองก็เป็นกลุ่มหาเช้ากินค่ำครับ ดัดแปลงเรื่อยๆได้ในเวที
เรามีเวลาสองวัน แต่เวลาที่มีอยู่เราต้องขึ้นอยู่กับชุมชนครับ เพราะมีกิจกรรมเข้าโบสถ์ของผู้เข้าร่วมเวที การจัดสรรเวลาจึงขึ้นอยู่กับชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่เป็น สิ่งสำคัญครับ สำหรับนักวิจัยหรือนักพัฒนาที่เข้าไปทำงานร่วมกับชุมชน...เมื่อเป็นแบบนี้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเราก็สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการเราได้เรื่อยๆ
เข้ากระบวนการเลยดีกว่าครับ
กิจกรรมแรก เป็นการแนะนำตัว หากกลุ่มคนไม่เยอะเราก็อาศัยการแนะนำตัวทุกคน อาจไม่ต้องใช้เวลานานมากนักพอให้รู้จัก ผมแนะนำตัว ผู้เข้าร่วมเวทีแนะนำตัว รู้จักฉัน รู้จักเธอ เรามาทำอะไรกัน? จากนั้นก็เริ่มต้นกระบวนการ
จริงๆกระบวนการแรกเลย ผมอาจต้องเริ่มด้วย "ต้นไม้แห่งความคาดหวัง" กิจกรรมนี้ ระดมความคิดความคาดหวังจากผู้เข้าร่วมเวทีไว้เป็นข้อมูล เพื่อปรับเปลี่ยนการนำเสนอของเรา ปรับเปลี่ยนกิจกรรมบางอย่าง กิจกรรมนี้ก็แล้วแต่วิทยากรครับ หากเห็นว่าไม่จำเป็นก็อาจใช้กระบวนการอื่นๆได้ตามเหมาะสม
วันนี้ผมใช้กิจกรรม ดูรูปแล้วแสดงความคิดเห็น กิจกรรมนี้สนุกสนาน ได้ลุ้นกันสนุกดีครับ เพราะรูปหนึ่งรูปมีความหมายแล้วแต่มุมมอง แน่นอนว่าผมได้เบื้องหลังความคิด (Underlying Ideas) ของผู้เข้าร่วมเวทีผ่านกิจกรรมนี้ ผมใช้การนำเสนอรูปผ่านโปรเจคเตอร์ครับ ง่ายๆและไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก
กิจกรรมง่ายๆนี้กระชับความสัมพันธ์ ระหว่างผมกับผู้เข้าร่วมได้ดีทีเดียว การวิพากษ์เป็นไปด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ ที่เกิดขึ้นประเมินความพึงพอใจได้
กิจกรรมต่อไป เป็นกิจกรรมที่ให้เห็น ความเข้าใจเรื่อง CBT. (Understanding CBT.)ของชุมชนครับเรียกกิจกรรมนี้ว่า "กิจกรรมดอกไม้ ใข่และหิน" มีอุปกรณ์ง่ายสามอย่างตามชื่อกิจกรรมครับ เป็นเครื่องมือในการจุดประกายความคิดเรื่องการท่องเที่ยว หากเปรียบการท่องเที่ยวเป็นของสามสิ่งนี้ คุณจะเลือกอะไร พร้อมอธิบายเหตุผล
ผมแบ่งกลุ่มออกเป็นสามกลุ่ม ตามของสามสิ่งที่มีอยู่ ให้สามกลุ่มนั้นระดมความคิดอย่างเสรี ลงในกระดาษปรู๊ฟ โดยตั้งโจทย์ว่า "หากเปรียบการท่องเที่ยวเหมือนสิ่งที่คุณมี คุณคิดอะไร" เมื่อให้เวลาระดมสมองกันเต็มที่แล้วให้ทุกกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอสิ่งที่คิด และวิทยากร(ผม) สรุปที่ทุกคนคิดลงในกระดาษแผ่นใหญ่ เพื่อสรุปความคิดอีกที
กิจกรรมนี้ก็สนุกสนาน เพราะการให้เสรีในการคิด กระตุ้นให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการคิด เสียงพูดคุย สนุกสนาน เสียงหัวเราะ ความคิดที่พรั่งพรูลงในกระดาษปรู๊ฟ ก็เป็นสิ่งที่ผมประเมินได้ถึงการมีส่วนร่วมแต่ละขณะ
กิจกรรมดังกล่าวเราก็ได้เห็นศักยภาพของการคิดของผู้เข้าร่วมเวทีได้เต็มที่ สามารถนำมาประเมินความคิด ความเข้าใจในการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนต่อไปได้ในอนาคต ผมก็มีหน้าที่เติมเต็มอีกบ้างเพื่อให้ความคิดทุกความคิดเชื่อมร้อยกัน
เสร็จกิจกรรมนี้ก็ได้ใช้เวลาร่วมครึ่งวัน...
ผมได้ข้อมูลพื้นฐานมากมายที่จะเชื่อมต่อกระบวนการต่อไปได้ ยังมีอีกครึ่งวันที่เหลือ ขอยกยอดกิจกรรมไปอีกบันทึกครับ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ครับผม
อ้ายเอก
สวัสดีครับเอก
ตามมาอ่านและการเริ่มต้นที่ดีที่บ้านจันทร์
เป็นการทำกลุ่มที่เยี่ยมและน่าจะมีความสุขมากของเอก(ไม่รู้ตามใครบางคนไปรึเปล่า ฮ่า ฮ่า ! )
สวัสดีครับ น้องออต และพี่หมอรอนMr. Kraton Pai
บันทึกนี้ผมเขียนขึ้นมาสองครั้ง ด้วยเหตุผลว่า ผมลบเนื้อหาที่ตนเองเขียนโดยไม่ตั้งใจ การเขียนครั้งที่สองเลยแตกต่างกับครั้งแรก แต่อารมณ์เดียวกัน :)
ด้วยความรีบเร่งด้วยส่วนหนึ่งครับ ผมเขียนงานที่ผมจะต้องทำไว้ทุกวันและการเขียนบันทึก ก็เขียนลงไปด้วยว่าผมควรจะนำเสนอเรื่องไหน เพราะอะไร
การถอดบทเรียน เป็นสิ่งที่สำคัญ การทำงานที่เราใช้กิจกรรมหลากหลาย หากได้เก็บมาเขียนก็จะเห็นภาพของการทำงานได้ รวมถึงเป็นวิทยาทานสำหรับผู้อื่นด้วย เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ผมหวังว่าการเขียนบันทึกนี้เมื่อรวมกับ Blog ทางเลือก แล้วคาดหวังให้ นศ.ป.โท ที่กำลังทำ วิทยานิพนธ์ที่ผมไปสอน - แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็น "งานวิจัยชุมชน" จะได้เห็นกระบวนการและเรียนรู้ไปพร้อมกับผมครับ
เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับผมที่วัดจันทร์ แต่ก็เฝ้าดูต่อไป ส่วนที่พี่รอนถามว่า ผมไปตามใครที่วัดจันทร์นั้น ผมตอบได้ว่าไปตามฝันตัวเองครับ :)
ครูเอ ครับ
ต้องขอออกตัวก่อนที่หลายท่านจะเข้าใจผิดครับ ผมไปทำงานที่โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ด้วยความตั้งใจไปครับ ไม่ได้ตามใครไปครับ :)
เป็นกระบวนการทำงานที่ผมตั้งใจถอดบทเรียนออกมาครับ ตามที่ผมตั้งใจไว้
พรุ่งนี้ผมไปแม่สอด และ ในสัปดาห์นี้ไปที่กำแพงเพชร และ พิษณุโลก เรียกว่าชีพจรลงเท้าเลยครับ
ขอบคุณครับผมสำหรับการมาเยี่ยมทักทายให้กำลังใจครับผม :)
ขอโทษ คุณเอกค่ะ
*ความจริงก็รู้ว่า..ไม่ใช่... แซวกันให้มีรอยยิ้ม ทราบว่าคุณเอกไปทำงาน ชีวิตมีแต่...งาน..ที่ทำให้มีความสุข ขออภัยด้วยทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ณ ที่นี้ แล้วเข้าใจคุณเอกผิดไป ต้องขอโทษอีกครั้งค่ะ
ครับ แซวๆครับ ครูเอครับ :)
ช่วงนี้อยู่นอกพื้นที่ครับผม เลยไม่ค่อยได้เข้ามาเขียน
กลับมาจะเล่าเรื่องราวไปเที่ยว ๑ สัปดาห์ให้อ่านกันครับ
สายลมครับ
กระบวนการที่น้องสายลมได้ทำนำเอามาเขียนด้วยครับ ถือว่าเรียนรู้ร่วมกันไปครับผม
ยินดีครับสำหรับการแลกเปลี่ยนครับ
คุณครูเอ
กลับจากการออกไปโบยบิน เป็นเวลา ๑ สัปดาห์เต็มๆครับ มีเรื่องราวที่แตกต่างหลากหลายมาเล่าให้ฟัง(อ่าน)ครับ
ตามจริงเรื่องไปทำงานนั้น หากตามใครไปสักคนก็ดีเหมือนกันนะครับ อย่างน้อยได้เป็นกำลังใจให้กันและกัน
ที่สำคัญก็คือ หาไม่ได้ครับผม :)
ขอบคุณครับทั้งสองท่านครับผม
สวัสดีครับครูเอ
สรุปของสรุปนะครับผม..."หาไม่ได้ครับ" ฮา
ส่วนใหญ่เป็นแบบ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ ครับ ผม อิอิ
ผมไปแอ่วแม่สอดมาครับ บันทึกเบาๆ ออกไร้สาระนิดหน่อยครับ ที่ชีวิตรอนแรมไปฟังเพลงยามค่ำคืนที่ "แม่สอด"