ถ้าได้อ่านบันทึก “ใจหาย” ใน Hoikhong story อาจนึกภาพได้ต่อเนื่อง เพราะเหตุการณ์นี้มันเกิดในคืนเดียวกัน เมื่อคืนหาเจ้าหอยโข่งเจอตอน สองทุ่มกว่า ยายกาแฟกับลูกชายนายหอยโข่ง เราก็เข้าบ้านกันค่ะ
เสียงเพลงจากงาน sport night ยังสนั่นหวั่นไหว แต่เราก็อยู่กันเงียบ ๆ เพลงจากงานยังตามมาหลอน โทษฐานที่ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร ทำให้เสียงดังมาก รับรู้ได้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงาน ปิดหน้าต่าง ไม่ได้ช่วยเล้ย ..เสียงเพลงประเภทคาราโอเกะ ยายกาแฟแต่งตั้งให้เป็น “เครื่องทรมานแบบญี่ปุ่น” คือ สุข ผู้ร้อง คนร้องสนุก แต่คนฟัง เครียด!! แม้ไม่มีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง เจอแค่นักร้องเสียงประหลาด ก็แย่พอแล้ว มาเจอเจอเสียง ขี้เมาประหลาด แผดเสียงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เลยเป็นคืนที่ทรมานดีแท้ ดีที่ยายกาแฟมีอะไรให้ทำเรื่อย ๆ ยังไม่รีบนอน เสียงเพลง เงียบลงเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนกว่า ๆ จากนั้น ก็เป็นบรรดาคอสุรา คุยกันเสียงอ้อแอ้ แต่ไม่ได้มากมายนัก พอรับได้
เวลา ตีสองกว่า จู่ ๆ ยายกาแฟก็สะดุ้งพรวด กับเสียงเห่าของหอยโข่ง ก้องคืนมาในความเงียบ อารามเกรงใจ บ้านใกล้เรือนเคียง ลุกขึ้นไปตะโกนเรียกชื่อหอยโข่ง ซึ่งพอหอยโข่งเห็นยายกาแฟ ก็หยุดเห่านอนมองหน้าเฉย ๆ แต่พอ กลับมาที่ห้องนอน ก็เห่าอีก คราวนี้ต่อเนื่อง นานและ ดังขึ้น ให้เอะใจ ว่ามีอะไร จึงเดินลงไปชั้นล่าง เห็นหอยโข่งเห่าไปที่หน้าต่าง มองตามก็ใจหายวาบ เพราะเห็นเงาคนหลบวูบออกจากหน้าต่างติดเหล็กดัด ซึ่งเปิดไว้และพับชายผ้าม่านหน้าต่างม้วนพับขึ้นด้านบน เจ้าของเงาก็ไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่ได้แจ้งมูลเหตุแห่งการมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ
ใจเต้นโครมคราม รีบไปปิดม่านหน้าต่างลงมา ไม่กล้าแม้แต่จะปิดหน้าต่าง สำรวจประตูทุกบาน ว่าปิดสนิทหรือยัง ก็มาใจหายวาบกับบานด้านซ้ายมือ เพราะยายกาแฟ พึ่งงัด เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากลืมกุญแจไว้ในบ้าน (ประจำ) แล้วไม่ได้ติดเหล็กดัดกลับคืน เลยถอยกลับไปตั้งหลักในห้อง โทรหาน้องเจ้าหน้าที่เวร กรรมจริงๆ ไม่มีใครรับสาย หอยโข่งก็เห่า ถี่ ๆ เลยตัดสินใจโทรหาพี่ผู้ชายข้างบ้าน ถัดไปอีก 2 หลัง ละล่ำละลักบอก ว่ามีคนมายืนลับ ๆล่อ ๆ อยู่ข้างหน้าต่าง พี่ชายข้างบ้านก็ดีใจหาย ลุกเปิดประตูออกมาดู ไม่นานนักเราก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ ออกไปทางหน้า รพ. ก็คิดว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร คงไปแล้ว
อารามโล่งอก ไม่ได้เดินสำรวจให้มันรอบบ้าน ก็ขึ้นบ้านและ ล็อคบ้านทันที ปรากฏว่าทุกอย่างไม่ได้โชคดีปานนั้น พอแยกย้ายกันกลับไปไม่ถึง 10 นาที คราวนี้หอยโข่ง เห่าหนักขึ้น แรงขั้น ดังลั่น คราวนี้น่ากลัวหนักกว่าเดิมเพราะยายกาแฟได้ยินเสียงขยับลูกบิดหมุนกริ๊กเบา ๆ แต่ไม่น่าจะเปิดได้ เพราะล๊อคไว้แล้ว ที่หวั่นใจคือหน้าต่างบานนั้นที่เคยงัดทิ้งไว้ ไม่มีเหล็กดัด จะหมุนโทรศัพท์ไปหาพี่ชายข้างบ้านอีกทีก็ เพราะดูเวลา อีก 5 นาทีจะตีสาม เลยลองโทรหาน้องคนงานอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ติดและมีคนรับสาย กระซิบบอกน้องไปว่า ให้มาดูให้หน่อย มีคนมาป้วนเปี้ยน ๆ อยู่หน้าบ้าน น้องรับปาก ในระหว่างที่รอ ยังไม้ยินเสียง ดังกริ๊ก ๆ สลับกับเสียงเห่าอย่างไม่ลดละของหอยโข่ง
อีก 5 นาที ต่อมา น้องคนงานก็มายืนเรียกอยู่หน้าบ้าน น้ำเสียงร้อนรนปนตกใจ ยายกาแฟรู้สึกอุ่นใจ เลยรีบลงไปเปิดประตู น้องคนงานบอกว่า ตอนที่เดินเข้ามาเห็นเป็นผู้ชาย สวมเสื้อวอร์มสีแดง ยืนอยู่ที่ประตู พอคนนั้นเห็นน้องคนงานเดินมา คงตกใจ แล้ววิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซด์ที่จอดไว้ โคนต้นมะม่วง ห่างออกไปราว 20 เมตร แล้วขับออกไป ก็ยืนคุยกัน ว่าน่าจะเป็นใคร อะไร ยังไง สรุปว่าหาคำตอบไม่ได้ ยายกาแฟ ไม่อยากรู้หรอกว่าเป็นใคร แต่สงสัยว่าจำมาทำอะไรมากกว่า ที่รู้สึกกลัวเพราะว่า ขนาดหอยโข่งเห่าขนาดนั้นยังไม่ถอยเลย ไม่เข้าใจจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นใคร รู้จักหรือไม่ เวลาตีสาม แบบนี้คงไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะมาเยี่ยมกันฉันมิตร
ตีสามกว่า ก็แยกย้ายกับน้องคนงาน ขอบอกขอบใจเสร็จ ก็เปิดไฟสว่างโร่ ไปทั้งบ้าน ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน เข้ามานอน กว่าจะหลับตาลงก็พลิกไปพลิกมาหลายตลบล่ะค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงเห่า จากหอยโข่งอีกเลย
วันนี้ตื่นมา สายโด่ง กว่าทุกวัน ตื่นเพราะหอยโข่งเริ่มครางคงปวดฉี่แล้ว ยายกาแฟ รีบลงไปเปิดประตูบ้านให้ลูกชาย ขณะที่นั่งมองหอยโข่งฉลองอิสรภาพ ในใจก็ให้นึกขอบคุณลูกชาย 4 ขา นี่ถ้าคืนวานไม่มีเจ้าตัวเขื่องนี้ คงน่ากลัวกว่านี้เยอะ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าคนนั้นรู้ว่าหน้าต่างบานหนึ่งเข้ามาได้ ง่าย ๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่ได้สำเหนียกอะไรเลย ว่าจะมีใครบุกรุกเข้ามาโดยไม่ทราบเจตนา เสียงหอยโข่งอย่างน้อยก็ปลุกเราขึ้นมารับรู้ ถึงสัญญาณ อันตราย ถึงลูกชายจะไม่เป็นตัวอันตราย และ กระดิกหางให้กับมนุษย์ทุกคนที่เข้าใกล้ แต่ในภาวะ ที่อาจมีภัย กลับกลายเป็น ไว้ใจได้อย่างไม่เน่าเชื่อ
ขอบใจมาก ลูกรัก 4 ขา
Note : วันนี้เห็นลูกชาย 4 ขา ยกขาฉี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ แปลกใจ ระคนดีใจ ลูกชายจะกลายเป็นหนุ่มแล้ว อิอิอิ
Note : วันนี้เห็นลูกชาย 4 ขา ยกขาฉี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ แปลกใจ ระคนดีใจ ลูกชายจะกลายเป็นหนุ่มแล้ว อิอิอิ
อ่านแล้วลุ้นระทึก น่ากลัวจริงๆค่ะ การมีน้องหมานั้นช่วยให้อุ่นใจจริงๆ ที่บ้านก็ใช้หลักการเดียวกันค่ะ ให้นอนในทาว์นเฮ้าส์มุงจากอยู่บนตลิ่ง คือกะให้เขาช่วยเห่าเตือนสิ่งผิดปกติที่มาทางน้ำ
งานบันเทิงสติแตก ที่มีการรวมตัวมั่วสุมกินเหล้านั้นนำภัยมาสู่ผู้คนในละแวกที่จัดงาน ตำรวจควรจะมาแสดงตัวให้คนคิดไม่มีไม่กล้าลงมือนะคะ
ขออย่าให้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกเลยค่ะ บุญรักษานะคะ
ทุกทีก็ติดตามอ่านอย่างเริงรื่นเงียบๆ ค่ะ
แต่บันทึกนี้ทำให้รู้สึกหลายอย่าง
1 ในโรงพยาบาลไม่ใช่โซนปลอดภัยเสมอไป....ซึ่งจริงๆแล้วเขตโรงพยาบาลมักจะไม่ใช่โซนไม่ปลอดภัยโดยเฉพาะเวลาวิกาล...ด้วยว่ามีคนเข้าออกและมีคนแปลกหน้าตลอดเวลา....แต่คนทั่วไปจะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยเพราะเห็นเป็นโรงพยาบาล....ขอแนะนำว่าต้องเพิ่มระบบหรือเสริมความปลอดภัยนะคะ
2 นึกห่วงอันตรายกับหอยโข่ง....เคยมีคนร้ายไม่กลัวเสียงหมาเห่า เพราะว่าเมื่อเข้าบ้านได้จะโยนฟักต้มร้อนๆ ใส่พอหมางับปุ๊บก็จะปากพอง คนร้ายก็จะทำอะไรก็ได้ และวิธีที่คนร้ายที่เคยดูลาดเลาจะชอบใช้คือวางยาหมาก่อน
3 ขอชมยายกาแฟแม่หอยโข่งที่มีสติโทรตามคนมาช่วย....อย่าลืมแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยและขอทางหน่วยหรือตำรวจติดตั้งตู้ลงเวลาตรวจในบริเวณบ้านพักด้วยนะคะ....
วันก่อนตำรวจที่รู้จักกันเตือนว่า ขโมยคงชุมมากขึ้นในสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงนี้....
ขอให้โชคดีปลอดภัยจากอันตรายนะคะ
สวัสดีครับกุ้ง
To น้องโข่ง
From พี่ฮัน
สวัสดีครับ
ได้กลิ่นเหล้าไหมครับ ถ้าได้กลิ่นเหล้า แปลว่าผู้มาเยือนกินเหล้า อิๆ
ต่อไปคงต้องระวังแล้วล่ะ แล้วหน้าต่างก็จัดการให้เรียบร้อย เอาอะไรไปโรยหน้าบ้าน เวลามีคนเดินจะได้ยินสียง ติดวงจรปิดก็ได้ กล้องเวบแคมราคาไม่แพง ฯลฯ จะได้นอนสบายใจ
สวัสดีค่ะ คุณ ธ วั ช ชั ย
แหม
อ่านแล้วน่าเป็นห่วงนะครับพี่ จริงๆปางมะผ้า ไม่น่าจะมีแบบนี้ แต่เราไว้ใจยากกับสถานการณ์ปัจจุบัน
คงต้องระมัดระวังมากขึ้นครับ
----------------------------------------
หวัดดีน้องกุ้ง
ผมว่าคนที่เข้ามาต้องเป็นคนในแถวนั้น ต้องรู้ว่าบ้านพักหมอกุ้งเป็นอย่างไร เพราะขนาดหอยโข่งเห่าแล้วไม่กลัว แสดงว่าต้องรู้อะไรดีๆ ลองฟังเสียงมอเตอร์ไซค์ดูว่ามีคันไหนเสียงคล้ายเมื่อคืนบ้าง จับตามองเป็นพิเศษ และคงต้องดูแลความเรียบร้อยของบ้านทุกจุดอีกครั้ง ขอให้ปลอดภัยนะครับ