ช่วงนี้ผมได้รับการติดต่อจากนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางเข้ามาเที่ยวที่ปายและแม่ฮ่องสอน กระหน่ำราวเป็นศูนย์ข้อมูลของจังหวัด แต่ก็ดีใจครับ ว่าส่วนหนึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวทางเลือก การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ผมได้มิตรใหม่ผ่านการสื่อสารทางนี้เยอะมากครับ หลายท่านSearch สถานที่ท่องเที่ยว ความรู้วิชาการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ก็มักเจอผม
ปัญหาและความต้องในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจังหวัด อำเภอที่มีการขยายตัวของการท่องเที่ยวสูง กำลังทำลายชุมชนอย่างหนัก ...เราขาดนักพัฒนา และนักจัดการท่องเที่ยวที่เข้าใจ ปล่อยให้ผลประโยชน์ครอบงำนักธุรกิจ บางครั้งคนพื้นที่ก็อยากร้องขอเหลือเกิน ว่า "เงินนั้นอยากได้ แต่อย่าทำลายชุมชน"
แปลกใจครับที่เมืองไทย หลักสูตรการเรียนการสอนด้านการท่องเที่ยวเตาะแตะ ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่มีอยู่ก็เหมือนๆกันคือแตะงาน Ecotourism เพียงเสี้ยว นี่เป็นเรื่องน่าแปลกมากครับ
หลักสูตรปริญญาตรี ส่วนใหญ่ก็เป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สร้างนักศึกษาเพื่อรับใช้การท่องเที่ยวกระแสหลัก ผลิตบุคลากรให้กับโรงแรม รีสอร์ท เห็นว่าหลักสูตรนี้ขายดี เปิดรับสมัครนักศึกษากันไม่หวาดไม่ไหว ผมทราบมาว่าบางมหาวิทยาลัย มี นักศึกษาปีหนึ่งเฉพาะสาขานี้เกือบพันคนเลยทีเดียว เป็นการผลิตที่ได้ปริมาณมากจริงๆ รายได้จากการผลิตนักศึกษาก็ดีไปด้วย
หลักสูตรปริญญาโททาง alternative tourism ก็ไม่ค่อยเห็นครับ จะมีก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ หรือเป็นหน่วยกระบวนวิชาในสาขาการท่องเที่ยว ซึ่งก็ไม่ค่อยตอบสนองความต้องการของประเทศเราเท่าไหร่
หลักสูตรปริญญาเอก มีน้อยครับ ที่ผมสนใจเป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเล็กๆทางอีสานแห่งหนึ่งมีการเปิดการเรียนการสอนก็น่าสนใจครับ อาจเป็นการเริ่มต้น ผมเห็นคำว่าการท่องเที่ยวทางเลือกในกระบวนวิชาหลักสูตรด้วย
ผมมองว่า การท่องเที่ยวทางเลือก เป็นแนวโน้มที่น่าสนใจ มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ๆมาเอเซียมากขึ้น ส่วนคนไทยกลุ่มคนทำงานเองก็สนใจการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้มากขึ้น
ความต้องการเกิด แต่สถาบันการศึกษาผลิตออกมาไม่ได้ แต่สาขาใหม่ๆเปิดกันมากมาย.. สาขาการท่องเที่ยวกลับนิ่งๆ เพื่อนผมที่รู้จักหลายท่านที่สนใจเนื้อหาการท่องเที่ยวทางเลือก ก็ออกไปเรียนต่างประเทศกันทั้งหมด...ผมคิดว่าเรียนการจัดการท่องเที่ยวเราน่าจะเรียนที่บ้านเราดีกว่า เรียนไปเรียนรู้กับพื้นที่จริงไปดีกว่ากันเยอะเลย
ส่วนใหญ่ผู้ที่แลกเปลี่ยนประเด็นการท่องเที่ยวกับผมเชิงวิชาการก็เป็น นักศึกษาในประเทศที่ไม่รู้จะไปหาข้อมูลที่ไหน และส่วนหนึ่งเป็นนักศึกษาต่างประเทศที่สนใจประเด็นนี้ นับวันจะมีมากขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะที่ภาคเหนือ สถาบันการศึกษาที่มีอยู่ ไม่ได้ตอบสนองต่อ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เท่าไหร่เลย ทั้งๆที่ภาคเหนือเป็นภาคที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมาก และการท่องเที่ยวแบบนี้เองเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน เพื่อการอนุรักษ์ได้อย่างแยบยล...
ไม่รู้มหาวิทยาลัยกำลังคิดอะไรอยู่!!
ที่แน่ๆเราขาดอาจารย์ทางด้านการจัดการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการจัดการท่องเที่ยวทางเลือกแบบนี้...แต่ก็ไม่แน่ครับ เราจัดเวทีการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ภาคเหนือบ่อยครั้ง ไม่ค่อยเห็นสถาบันการศึกษาสนใจเข้ามาร่วมเรียนรู้...
อาจารย์ขาดแคลน หรือ ไม่สนใจเรียนรู้ ประเด็นนี้สำคัญที่ชวนคิด...
ผมอยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวโดยชุมชนมาระยะหนึ่งครับ...และได้คลุกคลีตีโมงกับชุมชนที่จัดการท่องเที่ยวมาโดยตลอด สามปีที่ผ่านมา เราจัดเวทีในภาคเหนือบ่อยครั้ง ก็สะท้อนปัญหาเรื่องสถาบันการศึกษาบ่อยๆ
น่าเสียดายครับ โอกาสในการสร้างคนเพื่อไปรับใช้ท้องถิ่น สถาบันน่าจะมองเห็นผลประโยชน์เพื่อชุมชนประเด็นดังกล่าว
เรื่องนี้ ต้องให้เครดิตชุมชนครับ....หลายๆชุมชนเป็นที่ศึกษาดูงานของต่างประเทศ เป็นที่ฝึกงานของนักศึกษา การก้าวของหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนด้านการท่องเที่ยว อาจไม่ยึดติดกับสถาบันการศึกษาที่เป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏ หรือ มหาวิทยาลัยแล้ว
เรากำลังขับเคลื่อน สถาบันการท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT.I ) ซึ่งสถาบันดังกล่าวกำลังก่อตั้ง มียุทธศาสตร์และการทำงานที่ชัดเจน มีการจัดการความรู้ที่มาจากผู้ปฏิบัติอย่างแท้จริง ฐานความรู้ส่วนหนึ่งมาจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และฐานการปฏิบัติมาจาก REST - โครงการฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ ที่มีประสบการณ์การจัดการชุมชนด้วยประเด็นการท่องเที่ยวโดยชุมชนมายาวนาน
น่าจับตามองครับ....กับการรุกของการจัดการเรียนรู้ด้วยชุมชน เช่น CBT . I