เธอมาอีกแล้ว


“Thank you doctor Thanapan”

วันที่ 15 ตุลาคม 2550

วันนี้เป็นวันจันทร์ วันแรกของสัปดาห์ที่ 24 วันแรกที่การนับถอยหลังกลับไปพบว่าเหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนเต็มคือ 30 วันเท่านั้น

                สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมกลับบ้านครับ กลับไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ สัปดาห์ที่จะถึงนี้ไม่ได้กลับเพราะมีภารกิจต้องไปงานเลี้ยงของโรงพยาบาล ต้องไปครับ อ่านไม่ผิดหรอก ครูซื้อที่นั่งให้เราทุกคน ฉะนั้นต้องไป งานเลี้ยง D&D มีชื่อเต็มๆว่า dinner & dance party ปีนี้เขาเน้นให้ใส่ชุดนัดเรียนไปร่วมงาน (back to school) ผมวิตกมาตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้วแล้วครับ เพราะไม่รู้จะไปหามาจากไหน อีกทั้งบ้านเราชุดนักเรียนก็ต้องเสื้อขาว กางเกงขาสั้นและผมเกรียน (ฮา) ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องผมเกรียน สงสัยผมเกรียนแล้วทำให้เรียนเก่ง สมัยนั้นประเทศเราคุณครูมัวแต่มาดูผมนักเรียนจนไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว วันนี้ผมเดินไปทำงานตอนเช้าแล้วคิดเรื่องผมครับ คิดว่า ทำไมนะ เราจึงไม่ยอมให้เด็กไว้ผมตามใจเขา ระเบียบวินัยอยู่ที่ผมเท่านั้นหรือ ผมนี่เริ่มขวางคลองอีกแล้ว

                น้องจ้ามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นมาอีหน่อยคือ เธอร้องและฮัมเพลง “everything” ของ Buble ได้ครับ เฉพาะคำลงท้าย กับ ลา ลา ลา ฮาจริงๆลูกกระผม

                พี่แป้งต้อนรับผมด้วยการกอดจูบเช่นเคย เธอบอกว่า วันนี้ (วันเสาร์) จะไปกินสเต็กเนื้อแกะ เธอนัดพี่แตงกวา (ลูกอ.เปิ้ล)ไว้แล้ว ว่าไงครับ เดี๋ยวนี้เธอมีนัดแล้วนะ ผมโทรไปหาพี่เปิ้ลเพื่อสอบถาม เธอบอกว่า นั่นน่ะสิ แตงกวาก็บอกว่าน้องแป้งมานัดเอาไว้ ให้ไปกินในร้านที่เป็นตู้รถไฟ ผมนี่ถึงกับฮาลั่น

                วันเสาร์นี้แม่ผมมาจากสุราษฎร์ฯเพื่อมาตรวจเลือดดูว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ หลังจากรับแม่จากที่รถมาหย่อนลงไว้แล้ว ก็พาท่านเข้าบ้าน และเนื่องจากช่วงนี้แม่กินเจ จึงไม่ได้ออกไปกับเรา แม่หิ้วเอากับข้าวติดมาจากที่บ้านด้วย

                พูดถึงแม่แล้วผมค่อนข้างสบายใจ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ท่านมีสมาคมของท่านเอง เริ่มจากบรรดาอาๆของผมที่คอยมาดูแล อาที่กล่าวถึงนี่เป็นญาติทางฝ่ายพ่อผมครับ ไม่ใช่น้องแท้ๆของพ่อ แต่เขามาดูแลแม่ผมอย่างดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างดี แถมยังช่วยเติมเงินในกองทุนของผมด้วย เวลามีเทศกาลงานใดๆก็จะทำกับข้าวมาเผื่อแม่ผมออกจะบ่อย บางที่ก็เผื่อแผ่มายังหาดใหญ่ด้วย เมนูจานเด็ดที่ถูกใจผมก็คือจับฉ่ายเจ สมาคมต่อมาก็เพื่อนๆกลุ่มเชื้อสายจีนไหหลำ รำไท้เก็ก เขากลมเกลียวกันมาก นี่ก็ครบ 2 ปีที่รวมตัวกันแล้ว แม่บอกว่าสมาคมจะจัดงานเลี้ยงครบรอบ 2 ปีในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเกิดของแม่พอดี เลยถูกจับร้องเพลงคู่ งานนี้จะอัดวิดีโอมาให้ดูอีก สงสัยว่างานนี้จะมีคนฉี่เล็ดอีกหลายคน

                เช้าของการ round วันนี้มีเรื่องสนุกอีกหน วันนี้อาร์เธอมา round ด้วย เพราะเขาบอกว่าลุปน่าลาพักร้อน 1 สัปดาห์ เขาจะมาช่วย แต่ผมบอกว่าผมมีหว่องฟุกแล้วไม่เห็นเป็นไรเลย อีกอย่างหว่องฟุกก็มีอาวุโสกว่าลุปน่าเสียอีก เขาบอกว่า เขามาดูแลอีกขั้นหนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ งานนี้เล่นเอาหว่องฟุกเพื่อนผมเคือง ส่วนผมเฉยๆ เพราะยังไงก็ได้ แบบว่าเป็นจิ้งจกน่ะครับ เราดูคนไข้พักหนึ่งอาร์ลีนก็เดินขึ้นมาหา ผมแปลกใจเล็กน้อยว่าจะมาทำไม เพราะเธอต้องดูคนไข้ชั้น 4 นี่นา เธอมาบอกว่า ใครช่วยครูหาญผ่าตัดมดลูกและ TVT-O เมื่อพฤหัสที่ผ่านมา ผมตอบว่า ผม หว่องฟุก และลุปน่า เธอบอกว่า ไม่ได้เอาก๊อซออกจากช่องคลอด (ปกติเวลาเราผ่าตัด TVT-O นั้น คนไข้ส่วนใหญ่เราต้องเอาผ้าก๊อซจุกเข้าไปในช่องคลอดเพื่อช่วยระงับเลือดออกครับ ซึ่งจะเอาออกหลังผ่าตัด 1 วัน) พวกผมก็ตกใจตาค้าง เพราะว่าผมไม่เคยลืม (ก๊อก ก๊อก) ตั้งหลักได้พักหนึ่งผมก็ถามว่า คนไข้อยู่ชั้นไหน เธอตอบว่า ชั้น 4 เฮ้อ โล่งอก ไม่ใช่ผม อ้าว ก็เธอ round กับอาร์เธอไม่ใช่หรือ เธอถามผมว่าใครเขียนบันทึกการผ่าตัด หว่องฟุกบอกว่าเขาเขียน เขาไม่ได้เขียนว่ามีการใส่ก๊อซเข้าไป แต่เขาเขียนคำสั่งการรักษาไว้ว่าให้เอาก๊อซออกในวันรุ่งขึ้น อาร์เธอตกใจมาก ส่วนหนึ่งก็คือเขาเป็นคน round กับอาร์ลีนนั่นเอง เขาเลยเริ่มพูดกับหว่องฟุกว่า ทำไมไม่เขียนบันทึกการผ่าตัดให้เรียบร้อย เขาก็เถียงว่า ก็เขียนว่าให้เอาก๊อซออกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ช่วงนี้หว่องฟุกมองหน้าผมยิ้มๆ แล้วมาเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อวันเสาร์ตอนเย็นนั้นน่ะ พยาบาลรายงาน MO เวรว่า คนไข้ปัสสาวะลำบาก พยาบาลคนนั้นยังบอกอีกด้วยว่า คนไข้น่าจะยังไม่ได้เอาก๊อซออกจากช่องคลอด MO เลยตรวจแล้วพบว่ามีอยู่จริงจึงเอาออกให้ แล้วลงบันทึกการรักษา ตรงนี้นี่เองที่ทำให้เธอและอาร์เธอเดือดเนื้อร้อนใจ จนทำให้อาร์ลีนต้องรีบขึ้นมาถามผมว่า ใครช่วยผ่าตัด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมกับหว่องฟุกมองหน้ากันเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง

                หว่องฟุกบอกว่า เขามาดูคนไข้วันอาทิตย์กับอาร์ลีนนั่นแหละ และเขาก็ตรวจภายในซ้ำด้วย และเขาก็คิดว่ามันน่าจะจบไปตั้งแต่วันอาทิตย์นั่นแล้ว เพราะก๊อซในช่องคลอด 2 วันก็ไม่ใช่ปัญหา เรื่องน่าจะจบ แล้วนี่จะมาถามผมเพื่ออะไร ผมก็บอกว่า มิเป็นไร๊ร๊อก (ภาษาสิงกลิช) งานนี้ผมไม่เกี่ยว

                วันนี้ช่วงเช้าผมต้องตรวจคนไข้ที่คลินิกกับครูลี ก็มีเรื่องระทึกใจให้เจออีกจนได้ จำคนที่เธอป่วนผมเรื่องที่เธอกลัวว่าแม่จะกินยาที่ผมให้สอดช่องคลอดได้หรือไม่ครับ คนที่จะเจอแต่ครูลีเท่านั้นน่ะ วันนี้เธอมาอีกแล้ว เจ๊ลินดาก็เข้ามาหน้าตาตื่นอีก บอกผมว่า อย่างนี้ต้องหมอธนพันธ์ เล่นเอาผมนี่สุดจะเซ็ง เพราะเธอโผล่หน้าเข้ามาก็พูดว่า ฉันนึกว่าเป็นหมอลีไม่ใช่เหรอ ผมก็ตอบเธอไปว่า ไม่ใช่ครับ หมอธนพันธ์ต่างหาก เกิดอะไรขึ้นอาม่า” “แม่ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ เธอย้ำ ผมพูดไทยได้ ผมแหย่ จากนั้นน้องสาวของเธอก็เข้ามาด้วย แต่คนนี้สุภาพมาก เธอบอกว่าแม่ฉี่ไม่ออกเพราะว่ามดลูกมันโผล่ออกมาทั้งหมด ระหว่างนี้พี่สาวเจ้าปัญหาของเธอก็หยอดผมตลอดเลยว่า เห็นไหม บอกแล้วว่าต้องเป็นปัญหา ท้ายที่สุดผมก็ไม่พูดกับเธอ ผมอธิบายให้น้องสาวเธอฟังแทนว่าเกิดอะไรขึ้น

                จากการตรวจรายกายพบว่า การที่มดลูกโผล่ออกมาทั้งหมดนั้น ส่งผลให้ท่อปัสสาวะถูกพับจนยายฉี่ไม่ออก เลยฉี่ทั้งคืนและปวดท้องฉี่ตลอดเวลา ผมเลยจัดการสวนปัสสาวะให้ก็พบว่ามีฉี่คั่งอยู่ประมาณ 450 ซีซี ตรวจในช่องคลอดไม่พบรอยแผลแล้วจึงใส่ห่วงเข้าไปเพื่อค้ำมดลูกเอาไว้ แล้วไปรายงานครูลี ท่านเลยเข้ามาดู แล้วจึงได้บอกแนวทางการรักษาเหมือนกับที่ผมพูดไว้เปี๊ยบ แล้วบอกลูกสาวทั้ง 2 ว่า ให้ยายไปกินข้าวเที่ยงก่อน แล้วตอนบ่ายให้เรียกผมลงมาดูท่านว่าสามารถปัสสาวะได้หรือไม่หลังใส่ห่วงค้ำช่องคลอดไปแล้ว บ่ายนี้ผมว่าง จึงบอกเธอว่า จะมาดูให้ ก่อนครูลีออกไปเธอบอกลูกสาวของยายว่า หมอธนพันธ์คือคนที่เราไว้ใจมาก และผมก็ดูแลแม่เธออย่างดีตามที่รับปากไว้ ผมลงมาดูอีก 2 ครั้งก็พบว่ายายสามารถปัสสาวะออกได้เอง จึงไม่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้ ตลอดเวลายังต้องมีลูกล่อลูกหลอกมากมาย เนื่องจากป้าเจ้าปัญหาคนนี้เธอพยายามสร้างสถานการณ์ใหม่ๆให้ผมต้องตอบคำถามเธอเสมอ จนท้ายที่สุด ความกะล่อนของผมก็ปราบเธอได้สำเร็จ ก่อนจากกันป้าแกบอกผมว่า “Thank you doctor Thanapan” ยิ้มให้ด้วยเชียวนะ
หมายเลขบันทึก: 138860เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2007 19:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)
ยินดีด้วยค่ะ อ.หมอแป๊ะ :) คำขอบคุณของคนไข้และความไว้วางใจจากอาจารย์หมอลีที่มอบให้อาจารย์คุ้มค่าต่อการฝึกอย่างหนักในสิงคโปร์นะค่ะ :)
  • อีก 30 วันได้รับความสำเร็จ ดีใจด้วยนะครับ
  • และอีก 30 วัน บ้านเราก็จะมีหมอสูติฯ เก่งๆ มาทำงานช่วยเหลือสตรีอีกหนึ่งท่าน

 

สวัสดีครับคุณหมอ

  • ทำให้ผมนึกถึงคำว่าศาสตร์และศิลป์ 

สวัสดีครับคุณหมอ

ทำงานเหนื่อยยากขนาดไหน มาเจอคำลงท้าย “Thank you doctor Thanapan” แบบนี้ ก็หายเหนื่อยแล้วเก็บความสุขใจได้อีกหนึ่งกรณีเลยครับ

ขอให้มีความสุขอยู่กับงานที่ทำตลอดไปนะครับ 

สวัสดีครับอ.จัน P

รู้สึกเหมือนเรากำลัง chat กันกลายๆเลยนะครับ

คำขอบคุณของคนไข้ แสดงให้เห็นธาตุแท้ของผมครับ "ไอ้นี่มันกะล่อน" เพื่อนผมคนหนึ่งเคยพูดไว้ "._."

สวัสดีครับพี่สะมะ P

พรุ่งนี้เหลือ 29 วันเท่านั้นครับ ล้า ลา

จริงแล้วผมเป็นหมอสูติของคนไทยครับ ไม่ใช่คนสิงคโปร์ ฉะนั้นต้องบอกว่า ผมทำงานช่วยสตรีไทยมานานแล้วครับ

เมื่อก่อนช่วยบ้าง ทำลายบ้าง (ด้วยคำพูดครับ) แต่เมื่อเติบโตมาได้ระยะหนึ่ง ความคิดและจิตใจที่เปลี่ยนไปทำให้รอบคอบมากขึ้น มองคนได้หลายมุมขึ้น การทำร้ายด้วยวาจาจึงหดหายไปครับ

สวัสดีครับโสทร P ณ ห้วยยอด (รึเปล่า)

โสทรต่างหาก ที่ทำให้ผมนึกถึงศิลป์และศาสตร์ นายทำให้ผมรู้สึกว่า การเป็นเกษตรกรได้ถึงกึ๋นเป็นอย่างไร ผมได้อ่านหนังสือที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเกษตรกรที่เก่งๆ ความรู้แค่ป. 4 บ้าง เป็นบัณฑิตบ้าง ชาวนานอกคอกบ้าง

โสทรเองก็เป็นหนึ่งใน collection ในความทรงจำของผมครับ

โอ๊ยโย๋ รูปเปลี่ยนไป จำไม่ได้เลยค่ะ

แวะมาทักทาย

ไปนอนละ

^____^ 

ผมยังอยู่กรุงเทพฯครับ

ตามมาอ่านครับ

 

สวัสดีครับคุณเม้ง P

เอ๊ ภาษาเยอรมันเขาว่าไงนะครับ (วีเกสเอสอีเนน?)

อย่าถือสาผมนะครับ

ผมเป็นคนที่ตักตวงความสุขเก่งเกินปกติครับ นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ ทำงานได้ มีชีวิตได้ สบายดี

เรื่องการตักตวงความสุขนี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวเชียวครับ

ชีวิตคนเราก็แค่นี้ครับ คุณค่าของเราอยู่ที่ว่าเราทำประโยชน์ให้คนอื่นได้แค่ไหน ในหนทางของการทำดีนั้นย่อมมีอุปสรรคต่างๆนานาที่ทำให้เราย่อท้อได้ง่ายนัก

ฉะนั้น การตักตวงความสุขจากมุมเล็กๆระหว่างทางเดิน(ของชีวิต) จะทำให้เรามีแรงใจครับ

สวัสดีอีกรอบครับคุณหมอ

  •  นาโยง ครับ นาโยง ไม่ใช่ ห้วยยอด :)

สวัสดีครับคุณหมอ

ต้องบอกว่าได้ทั้งสาระและบันเทิง ผมก็เลยเพลินกับการอ่านครับ

โห คุณ IS ยังอุตส่าห์อ่านได้อีกนะครับ ท่าทางจะง่วงหนัก อย่าลืมทำขนมแล้วส่งมาให้ตาชิมอีกนะครับ

 

สวัสดีครับคุณเอก P บุรุษที่มีชีพจรอยู่ที่เท้า

เข้าบางกอกแล้วรู้สึกได้ใช่ไหมครับ ว่าไม่ใช่บ้านตน

ผมรู้สึกอย่างนี้เสมอเมื่อนั่งรถแท๊กซี่เข้าเมือง

 

สวัสดีครับคุณ P ข้ามสีทันดร
คงไม่ต้องอ่านไปอุดจมูกไป เพราะว่าเหม็นคาวเลือดนะครับ

 

ขอบคุณครับโส ณ นาโยง P

ต้องผ่านทุกทีที่เข้าตรัง สักวันคงได้เฮฮาศาสตร์นะครับ

  • ตามมาอ่าน series สิงคโปร์
  • คุณหมอ นี่ตลกดี นะ
  • ลื่น เจง ๆๆ
  • เอิ้ก ๆๆๆ

สวัสดีครับคุณกุ้งกาแฟไทย P

บางครั้งก็ตลกจนคนไข้ (คนไทย) ถามว่า นี่เป็นหมอเหรอ

ลื่น และ ไหลครับ เพราะบางครั้งสถานการณ์มันทำให้เราต้องตามน้ำ

แต่ยังไงเสียผมก็ไหลไม่ค่อยเก่งนัก เพราะว่ายังติดนิสัยขวางคลองอยู่บ้าง ขวางซะจนได้ไปหลายเรื่องเชียวครับ

เอิ๊ก (ด้วย) ผมมักจะเอิ๊กเป็นก็ตอนที่อยู่ในวงเบียร์นี่แหละ

  • การขวางซะบ้างเป็นการประกาศว่า
  • "Hey , I'm here ..Look at me , I am exist .
  • การลื่น เป็นการประกาศว่า
  • " Hey !!  You guys , I have gut"
  • เอิ้ก ๆๆๆ

P ครับ

I have gut ?!? ผมมีกึ๋น ที่ผมแปลผิดรึปล่าวครับ

ไอ้หยา gut นี่มันตั้งแต่ปากยันทวารหนักเลยนะครับ

แปลอีกอย่าง ผมมี (roo) ทวาร ไม่อาววววว

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์
  • อยากเอิ๊กบ้าง แต่ไม่ดื่มเบียร์
  • กะล่อน แบบ ให้คนอื่น สบายใจก็เป็นสิ่งที่น่าทำ
  • แต่ถ้ากะล่อน กับคนที่บ้าน ป้าแดง ไม่แนะนำค่ะ อุอุอุ

ตามมาอมยิ้มกับคุณหมอครับและมาช่วยนับถอยหลังด้วยครับ

สวัสดีค่ะ

แวะมาขอเก็บบล็อกอาจารย์เข้า แพลนเนต doctor in Thailand ค่ะ...

สวัสดีครับพี่แดง P

เรื่องเอิ๊กนี่ไม่ต้องดื่มเบียร์ก็ได้ครับ บางคนแค่ได้ดื่ม ดม อมกาแฟ ก็เอิ๊กได้แล้วครับ

 

สวัสดีครับคุณบัณฑูร-ทองตัน P

ยิ้มได้เลยครับ ไม่ต้องอม เดี๋ยวฟันผุ

ยี่ห้อธนพันธ์ นี่ต้องนับถอยหลังเลยนะครับ

ปล. นับถอยหลังไปอย่างมีความสุข ไม่ใช่นับเพราะทุกข์เสียหนักหนา

       นับถอยหลังเพื่อกลับไปหาลูกยา  ไม่ใช่นับเพราะว่าเบื่อทำงาน

สวัสดีครับอาจารย์จันทรรัตน์P

ถ้าอ่านให้ดีๆ อาารย์จะพบว่าบันทึกนี้สาระน้อยเชียวครับ แต่มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าผ่านสายตา ผ่านทางเดินรอยเท้าของชีวิตประจำวันของผมเองครับ

ขอบคุณอีกครั้งคร๊าบบบบ

คุณหมอใจเย็นมากเลยนะคะ เป็นบุญของคนไข้ที่ไม่ถือสา จริงๆ แล้วหมอก็เป็นคน คงมีอารมณ์โกรธบ้าง แต่ด้วยจรรยาบรรณทำให้บางครั้งก็ต้องทิ้งอารมณ์ไว้ข้างหลัง หน้าที่ต้องมาก่อน ถ้าเป็นซูซานล่ะก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง อาจจะแนะนำให้แกตัดมดลูกทิ้งจะได้ฉี่สะดวก 555 หมดปัญหา แก้ที่ต้นเหตุซะเลย โชคดีที่เรียนมาด้านอื่น ไม่งั้นติดคุกแหง

เห็นด้วยเรื่องทรงผม แอนตี้มากๆ ไร้สาระ มีครูที่โรงเรียนหลานสั่งให้ตัดผม ไม่งั้นจะไม่ให้เข้าห้องสอบ ทั้งๆ ที่ผมไม่เห็นจะยาวเลย ก็เลยไปถามเขาที่โรงเรียนว่ามีปัญหาอะไรกับแค่ทรงผมเด็ก สองวันก็จะปิดเทอมแล้ว จะตัดไปทำไม แล้วจะไม่ให้สอบจริงหรือ เขาก็บอกว่าไม่ได้ขู่เด็กขนาดนั้น แค่บอกเฉยๆ ว่าให้ไปตัดผม เราบอกว่าเราเชื่อเด็ก เด็กไม่โกหกหรอก เป็นครูทีหลังให้คิดเรื่องเหตุผลให้มากๆ อย่าเอาอำนาจนำหน้าเหตุผล ถ้าว่ากันด้วยเหตุผลจะทำตามโดยไม่มีปัญหาสักนิดเลย ดุไปไหมคะหมอแป๊ะ - - "

แวะมาอ่านบันทึกของหมอย้อนหลังไปหลายวันครับ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาภารกิจส่วนตัวเยอะมาก  เลยไม่ได้มาอ่านเป็นรายวัน

อีกไม่กี่วันก็หมดภาระกิจแล้วนะครับ 

สวัสดีครับคุณซูซาน P

ผมใจเริ่มเย็นลงก็เข้า 30 ไปแล้วครับ ก่อนหน้านั้นจุดติดไฟได้เลย

ผมเคยอ่านหนังสือของหมอผ่าตัดคนหนึ่ง เขาเขียนไว้ว่า "หมอผ่าตัดที่ดี ก็คือรู้ว่า เมื่อไหร่ไม่ควรผ่าตัดครับ"

ถ้าเขาเดินมา เราพาไปผ่าตัด แล้วตายเพราะภาวะแทรกซ้อนนี่ ไม่รู้จะว่ายังไงครับ

ส่วนเรื่องทรงผมนี่ ผมนี่เป็นเด็กในโอวาทอย่างแรงสมัยเป็นเด็กนักเรียน เรียกว่าเป็นเด็กที่ดีของครูก็ว่าได้ครับ แต่งตัวเรียบร้อยในทุกโอกาส ไม่เคยถูกตัดคะแนนเลย ไม่รู้ว่าความคิดขวางคลองนี้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่

สำหรับผมลูกนั้น ผมปล่อยให้เขาคิดเองว่าจะตัดหรือไม่ตัด สิ่งหนึ่งที่ผมว่าอาจจะเป็นความเสี่ยงของการมีผมยาวก็คือ หากเขาไปอยู่หลังพัดลมแล้วอาจจะถูกดูดเข้าไปในพัดลมได้ ผมเตือนลูกสาวเสมอ

พยายามจะให้เขาตัด แต่เขายังไม่ยอม

ปัญหาต่อมาก็คือ อาจจะติดเหาได้ครับ ฮ่า ฮ่า

เป็นโชคดีของผมจริงๆครับ ที่โรงเรียนนกฮูกเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย

สวัสดีครับอาจารย์จารุวัจน์ P

ภาระกิจผมก็เยอะมาก จนไม่สามารถเข้ามาอ่านได้ทุกคืนเหมือนกัน กลับบ้านดึกทุกคืนเชียว (ฮา)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท