อาศิรวาท ถวายพระพรแด่พ่อหลวงของปวงไทย


 

อาศิรวาท ถวายพระพรแด่พ่อหลวงของปวงไทย

 

 

.............................................................................................................

ด้วยความห่วงใยในพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เสด็จพระราชดำเนิน ณ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้คณะแพทย์ถวายการรักษาพระอาการผิดปกติ  อ่อนพระวรกายด้านขวา เนื่องด้วยผิวพระสมองขาดเลือด

จึงขอเชิญชวนปวงพสกนิกรชาวไทย ได้ร่วมใจถวายพระพรแด่พระองค์ให้ทรงหายจากอาการพระประชวรครั้งนี้

........................................................................................................... 

แถลงการสำนักพระราชวัง ฉบับที่ 1   

เช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง แพทย์ประจำพระองค์จึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อถวายตรวจพระสมองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พบว่ามีผิวพระสมองด้านซ้ายขาดเลือดเล็กน้อย คณะแพทย์จึงขอพระราชทานให้ประทับที่โรงพยาบาลเพื่อถวายพระโอสถรักษาและสังเกตพระอาการ หลังจากถวายการรักษาประมาณ 8 ชั่วโมง ปรากฎว่าพระอาการอ่อนแรงของพระเพรา (ขา) ดีขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

............................................................................................................

 

                เชิญพระไตรรัตน์อ้าง           อิทธิคุณ   ยิ่งแฮ

ดลช่วยพระทรงบุญ                             ยิ่งแล้ว

ปวงเทพฤทธิอดุลย์                             แผ่ปก       ปักเฮย

ทรงเลิศสุขภาพแพร้ว                         ผ่องพร้อมหทัยสราญ

               ยินข่าวพระประชวร     ใจปั่นป่วนห่วงใย      ขอเทพไท้บันดาล     พระภูบาลสบาย     ห่างหายพระโรคา    พยาธิพินาศ    ปราศจากมวลทุกข์      หทัยทำนุกแข็งแรง      กายแกร่งพระดำเนิน    ขออัญเชิญพระไตรรัตน์     ดลเป่าปัดพระเคราะห์      เสดาะพระชะตา    พระชนมายั่งยืน    ทรงคืนเป็นโพธิ์แก้ว    เลิศแล้วพระสุขภาพ   ขอทรงทราบมวลประชา   พระกรุณาปกเกล้า   เหล่านิกรจึ่งสุข   ทรงงานชุกเพื่อราษฏร์   เพื่อชาติสยามพอเพียง   เพื่อเลี้ยงตนเลี้ยงตัว    ร่มเย็นทั่วแผ่นดิน    หมดสิ้นทุกข์ใดใด    ก็ด้วย้นำพระทัยในหลวง   ที่ทรงห่วงทุกยาม    ทุกคามจึ่งวิตก   เมื่อพระชนกแผ่นดิน   ยินพระยศประชวร  จึงปั่นป่วนในใจ   ขอเทพไท้ศักดิ์สิทธิ์   ทุกสารทิศพิภพ   จบตรีโลกเลิศหล้า    ดลพระยศมิ่งฟ้า   เจริญชนม์แก่กล้า  เกียรติก้องยืนนาน ยิ่งเทอญ

                  ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า นายกรเพชร  เพชรรุ่ง  พร้อมด้วยครอบครัว  ขอแสดงความจงรักภักดีห่วงใย ถวายพระพรแด่พระองค์ทรงหายจากอาการพระประชวรในครั้งนี้ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่ปวงข้าพระพุทธเจ้า และพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน  พระพุทธเจ้าข้า  ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณา ฯ    

หมายเลขบันทึก: 138366เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2007 12:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 19:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (53)
ขอร่วม ถวายพระพรแด่พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากอาการพระประชวรในครั้งนี้โดยเร็วค่ะ

คุณP

          เป็นหน้าที่และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพ่อหลวงของพวกเราชาวไทยทุกคนครับ

สวัสดีคะอาจารย์

ขอร่วม ถวายพระพรแด่พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระองค์ทรงหายจากอาการพระประชวรในครั้งนี้โดยเร็วคะ

สวัสดีครับท่าน อ.กรเพชร

ผมขอร่วมร้อยดวงใจถวายพระพรแด่พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยผ่านบันทึกของอาจารย์นะครับ

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล โปรดประทานพรให้พระองค์ทรงหายจากการประชวรโดยเร็ววัน

  • ได้ยินข่าวครั้งแรกนั่งสวดมนต์เลยค่ะ
  • ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย  หลวงพ่อพระพุทธชินราช  สิ่งศักดิ์ทั้งปวงช่วยดลบันดาลให้พระองค์หายจากการประชวรในเร็ววันค่ะ

สวัสดีค่ะ

  วันนี้ทั้งวัน สอบถามแต่อาการของพระองค์ และก็ตั้งใจทำหน้าที่ชักชวนชาวบ้าน ทำความดีถวายพ่อหลวง อย่างเต็มกำลัง ขอให้พ่อหลวงของข้าพระพุทธเจ้า หายจากพระอาการประชวรโดยเร็วพลัน

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ขอให้ "พ่อ" ทรงหายประชวรในเร็ววัน เพราะพ่อเป็นดวงใจของทุกคนค่ะ

   http://www.tlcthai.com/tlc_clip/mv/pic.wmv

" เป็นรูปที่มีทุกบ้าน จะรวยหรือจนหรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ "

สวัสดีค่ะท่าน อ.กรเพชร

ครูอ้อยขอร่วมร้อยดวงใจถวายพระพรแด่พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยผ่านบันทึกของอาจารย์นะคะ

ขอร่วมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยคนครับ

ทราบว่าพระอาการของพระองค์ท่านดีขึ้นเป็นนลำดับก็ดีใจครับ

ขอให้พระองค์หายจากอาการประชวรโดยเร็วครับ

รักพ่อหลวงครับ

แถลงการณ์ฉบับที่3 ระบุว่า ผิวพระสมองได้กลับสู่สภาพปกติแล้ว ประทับพระเก้าอี้เสวยพระกระยาหารได้ แพทย์เผยทรงพระสำราญ พสกนิกรเปล่งเสียงไชโยดีใจน้ำตาซึม สภาวิจัยทูลเกล้าฯพระราชสามัญ'พระบิดาวิจัย' เขียนคำถวายพระพรลงโปสการ์ด ส่งตู้ปณ.80 ฟรี

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 15 ตุลาคม สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ความว่า

 "วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ได้ถวายตรวจพระวรกายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรากฏผลว่า ผิวพระสมองที่ขาดเลือดเล็กน้อย ระบบประสาทที่ตรวจพบความผิดปรกติ ได้กลับสู่สภาพปรกติแล้ว และพระวรกายด้านขวาที่อ่อนแรงลง กล่าวคือ พระกล้ามเนื้อ พระเพลา (ขา) พระพาหา (แขนตั้งแต่ไหล่ถึงข้อศอก) และพระกร (แขนตั้งแต่ข้อศอกถึงข้อมือ) มีแรงมากขึ้นจนเกือบถึงระดับปรกติ สามารถประทับพระเก้าอี้เสวยพระกระยาหารได้ และทรงพระสำราญดี

 จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 15 ตุลาคม พุทธศักราช 2550"

นายมีชัยกล่าวถึงกรณีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชว่า คิดว่าเมื่อประชาชนได้ทราบข่าวนี้ ทุกคนรวมถึงตนตกใจ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงสวดมนต์ เพื่อขอพรพระให้คุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนี้ตนและประชาชนควรที่จะทำความดีไว้ เพราะความดีนั้นจะตอบสนอง และจะได้ส่งผลดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 4 คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถวายตรวจพระโลหิตในวันนี้ปรากฎผลเป็นที่น่าพอใจ และได้รายงานผลการเฝ้าสังเกตติดตามพระอาการว่า พระอาการทั่วไปยังคงเหมือนเมื่อวานนี้ อนึ่ง คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ฯ ได้ขอพระราชทานให้ทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถบ่อยขึ้น เพื่อช่วยให้พระกล้ามเนื้อแข็งแรง

จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
16 ตุลาคม พุทธศักราช 2550

เวลา 18.00 น. สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 5 ความว่า วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระอาการทั่วไปดี พระวรกายด้านขวามีแรงมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะพระกล้ามเนื้อที่พระเพลา (ขา) มีแรงมากขึ้นจนทรงยืนโดยใช้เครื่องช่วยพยุงได้  

อนึ่ง คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาฯ ได้รายงานว่าติ่งเนื้อเยื่อขนาดเล็กที่ผนังของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ซึ่งตรวจพบเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พุทธศักราช 2542 ตามที่ได้แถลงการณ์ให้ทราบในครั้งนั้นแล้ว มาบัดนี้ทรงมีพระอาการเจ็บบริเวณเหนือบั้นพระองค์ด้านขวา และทรงมีพระปรอท (ไข้) จึงได้ถวายการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ช่องพระนาภี พบว่าติ่งเนื้อเยื่อมีการอักเสบจึงได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ ปรากฏว่าพระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน 

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 6 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงยืนได้เป็นระยะเวลานานขึ้น ด้วยการใช้เครื่องช่วยพยุง พระอาการไข้ลดลงจนเป็นปกติแล้ว พระอาการอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ดีขึ้น พระอาการเจ็บบริเวณเหนือบั้นพระองค์ด้านขวาทุเลา และทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถในท่าต่างๆ ได้คล่องขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 18 ตุลาคม 2550 (18.00 น.

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 7 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รายงานพระอาการ ว่า อุณหภูมิพระวรกายเป็นปกติเหมือนเมื่อวานนี้ ผลของการตรวจพระโลหิต แสดงว่า การอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ลดน้อยลงอีก ทรงบริหารพระวรกายเพื่อเพิ่มพระกำลังกล้ามเนื้อ และเสวยได้มากขึ้น พระอาการทั่วไปดี จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 19 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (18.15 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 8 ระบุว่า

วันนี้ แพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานพระอาการว่าการอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ดีขึ้น จึงขอพระราชทานลดพระโอสถปฏิชีวนะลงเหลือ 1 ขนาน อนึ่ง ตามที่แถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2550 ว่า พระกล้ามเนื้อของพระพาหา (แขนตั้งแต่ไหล่ถึงข้อศอก) และพระกร (แขนตั้งแต่ข้อศอกถึงข้อมือ) มีแรงมากขึ้นจนเกือบถึงระดับปกตินั้น บัดนี้ เป็นปกติแล้ว จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน 20 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (18.35 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 9 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รายงานว่า พระอาการโดยทั่วไปดีขึ้น เป็นที่น่าพอใจของคณะแพทย์ เสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 21 ตุลาคม 2550 (18.35 น.)

 

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 10 ระบุว่า  

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานผลการตรวจพระสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ว่า พระสมองไม่มีการขาดเลือด ไม่มีการสูญเสียเนื้อสมอง ไม่พบหลอดพระโลหิตตีบหรืออุดตัน แสดงว่าพระโลหิตเลี้ยงพระสมองไม่เพียงพอเป็นภาวะชั่วคราว สำหรับผลการตรวจพระนาภี (ท้อง) ด้วยเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า พระอันตะ หรือลำไส้ใหญ่ มีเนื้อเยื่อเป็นติ่งถุงอักเสบนั้น การอักเสบเหลือน้อยมากจนเกือบเป็นปกติ พระอาการทั่วไปดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 22 ตุลาคม 2550 (18.15 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 11 ระบุว่า  

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รายงานพระอาการว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบริหารพระวรกายทำให้พระกล้ามเนื้อที่พระเพลา (ขา) ข้างขวาแข็งแรงขึ้นอีก จนทรงพระดำเนินได้โดยใช้เครื่องช่วยพยุง พระอาการทั่วไปเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ และเสวยพระกระยาหารได้มากขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 23 ตุลาคม 2550 (17.55 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 12 ระบุว่า
 
วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานผลของการตรวจพระโลหิตว่า การอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ทุเลาลงอีก คณะแพทย์จึงขอพระราชทานให้เสวยพระกระยาหารได้หลากหลายชนิดขึ้น พระอาการทั่วไปดี จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (17.55 น.)
 

 

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 13 ระบุว่า

'' วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่าพระอาการทั่วไปดี คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานให้ทรงบริหารพระวรกายมากขึ้น พระอาการเจ็บเหนือบริเวณบั้นพระองค์ด้านขวา บรรเทาลงมาก จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน '' สำนักพระราชวัง 25 ตุลาคม พุทธศักราช 2550  (18.00น.)

 

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 14 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบริหารพระวรกายได้มากขึ้น เสวยพระกายาหารได้ดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (18.10น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 15 ระบุว่า

วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินได้เป็นระยะเวลานานขึ้น โดยใช้เครื่องช่วยพยุง พระอาการทั่วไปดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 27 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (17.40 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 16 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หัว รายงานว่า พระอาการอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ได้กลับคืนสู่สภาพปรกติแล้ว จึงสามารถ หยุดถวายการรักษาด้วยพระโอสถปฏิชีวนะได้ตั้งแต่วันนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกำลังพระวรกายเพิ่มขึ้นอีก จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 28 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (18.40 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 17 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถวายตรวจทดสอบกำลังพระกล้ามเนื้อพระวรกาย กล่าวคือ พระกร (แขน) พระเพลา (ขา) และพระบาท ปรากฏว่า ทรงมีพระกำลังมากขึ้นอีก มีผลให้ทรงยืนโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงได้เป็นบางช่วง และทรงบริหารพระวรกายได้นานขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 29 ตุลาคม พุทธศักราช (20.10 น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 18 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า ในการตรวจพระโลหิตเพื่อติดตามเกี่ยวกับการอักเสบของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) แสดงว่าพระอันตะ หายจากการอักเสบเป็นปกติดี และผลการตรวจพระโลหิตทาง ชีวเคมีอยู่ในเกณฑ์ปกติ พระอาการทั่วไปดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 30 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (18.28น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 19 ระบุว่า

วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนพระราชอิริยาบถได้ดีตามพระราชประสงค์ ทรงพระดำเนินโดยใช้เครื่องช่วยพยุงได้ไกลขึ้น และเสวย พระกระยาหารได้ดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 31 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 (18.35น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 20 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบริหารพระวรกาย เพื่อเพิ่มพละกำลัง และพระอาการทั่วไปดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน  สำนักพระราชวัง 1 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550 (18.30น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 21 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงบริหารพระวรกายเพื่อเพิ่มพละกำลัง เสวยพระกระยาหารได้ดี และบรรทมได้ดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 2 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550 (18.56น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 22 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า ผลของการถวายตรวจพระโลหิตด้านโลหิตวิทยาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทรงพระดำเนินโดยใช้เครื่องช่วยพยุงได้คล่องขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 3 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 23 ระบุว่า

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบริหารพระวรกายเพิ่มพละกำลัง ทรงยืนได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงในบางช่วงได้มั่นคงขึ้น จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 4 พฤศจิกายน 2550

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 24 ระบุว่า 

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบริหารพระวรกายเพิ่มพระพละกำลังเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ พระอาการทั่วไปดี จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง 5 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550 (18.42น.)

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 24 ระบุว่า 

วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ทรงบริหารพระวรกาย พระกำลังพระวรกายแข็งแรงขึ้น และทรงพระดำเนินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงในระยะใกล้ได้ เสวยพระกระยาหารได้เป็นปรกติ

   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับจากการถวายรักษาพระอาการประชวรแล้ว  ข้าพระพุทธเจ้ามีคามปลาบปลื้มยิ่ง ขอถวายพระพรให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไป 

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

                  P

 .............................................................................

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต หลังจากทรงเข้ารับการถวายการรักษาพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง เนื่องจากภาวะขาดพระโลหิตไปเลี้ยงพระสมองด้านซ้ายชั่วคราว และพระอาการเจ็บบั้นพระองค์ด้านขวา จากติ่งถุงเนื้อเยื่อของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) อักเสบ ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เวลา 10.47 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติ ด้วยฉลองพระองค์สีเหลืองลายดอกไม้สีฟ้า ทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้กับพสกนิกรที่มาเข้าเฝ้าฯ จากนั้นทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ เพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ฉลองพระองค์สีชมพู - พระพักตร์สดใส

เวลา 11.35 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถเข็นพระที่นั่งไฟฟ้า เสด็จฯ ลงจากห้องประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ในฉลองพระองค์เชิ้ตคอจีนสีชมพูอ่อน ทับด้วยฉลองพระองค์สูทสีชมพู ทรงติดเข็มกลัดพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ที่ปกฉลองพระองค์สูทด้านซ้าย พระสนับเพลาสีดำ ทรงวางกล้องถ่ายรูปไว้บนพระเพลา ทรงมีพระพักตร์สดใส และแย้มพระสรวลให้กับประชาชนที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์สูทสีชมพู เนื่องจาก 'เสื้อชมพู' เป็นเสื้อสีประจำพระชนมายุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามโหราศาสตร์ทักษาพยากรณ์ ว่า เป็นตำแหน่งพระชนมายุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งนำไปใช้เป็นสีของแพรแถบบอกชื่อตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 รวมทั้งเป็นสีเสื้อของร้านภูฟ้าด้วย โดยนายสุเมธ พุฒพวง นักวิชาการช่างศิลป์ 7 งานศิลปประยุกต์ กลุ่มจิตรกรรมศิลปประยุกต์และลายรดน้ำ ผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์พิธีเฉลิมฉลองทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา เคยให้สัมภาษณ์ว่า สีชมพูเป็นสีประจำอายุตามหลักโหราศาสตร์ไทย หมายถึง การมีสุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์

ทรงปฏิสันถาร 'นายกฯ-เปรม' - แย้มพระสรวลให้พสกนิกร

จากนั้น รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์หัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่งห้องโถงอาคารเฉลิมพระเกียรติ ได้เข็นรถพระที่นั่งมายังบริเวณห้องโถงอาคารเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารกับบุคคลสำคัญที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ อาทิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาศิริราช 100 ปี โดยตลอดตลอดเส้นทางการเสด็จฯ ตั้งแต่ใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ กระทั่งถึงศาลาศิริราช 100 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน เข็นรถเข็นพระที่นั่งอย่างช้าๆ โดยทอดพระเนตรพสกนิกรชาวไทยที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จด้วยพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนเป็นระยะ และทรงแย้มพระสรวลให้กับประชาชนสองข้างทางตลอดเวลา ยังความปลาบปลื้มให้กับพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึงศาลาศิริราช 100 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปฏิสันถารกับ ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาธร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่ง ศ.คลินิก นพ.ปิยะสกลได้ถวายรายงานแนะนำ ศ.คลินิก นพ.ธีระวัฒน์ กุลทนันทน์ ว่าที่คณบดีคณะแพทยศาสตร์คนใหม่ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 9 ธันวาคม 2550 โดยมีรับสั่งว่า 'นักเรียนใหม่ ต้องตั้งใจทำงาน'

ทรงฉายภาพประชาชน

ที่ศาลาศิริราช 100 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลุกขึ้นและใช้เครื่องช่วยพยุง ทรงสักการะวางพวงมาลัยพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จากนั้นทรงยกกล้องขึ้นฉายภาพประชาชนที่มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างเนืองแน่น ก่อนที่จะทรงใช้เครื่องช่วยพยุง เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสักการะวางพวงมาลัยที่พระรูป พร้อมทั้งฉายภาพพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทร์ ขณะที่ประชาชนที่เฝ้าฯ รับเสด็จต่างกรูกันเข้ามาบริเวณลานด้านหน้าศาลา 100 ปี เพื่อชื่นชมพระบารมี

ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำเนินด้วยเครื่องช่วยพยุงจากอาคารศิริราช 100 ปี ไปตามเส้นทางเสด็จฯ ระยะหนึ่ง ก่อนประทับรถเข็นพระที่นั่งไฟฟ้าไปยังรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต

ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน นอกจากประชาชนจะเปล่งเสียง 'ทรงพระเจริญ' ดังกึกก้อง แล้วยังพร้อมใจกันร้องเพลง อาทิ พ่อแห่งแผ่นดิน สดุดีมหาราชา และสรรเสริญพระบารมี ต่อเนื่องกัน หลายคนเมื่อเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯผ่านถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ได้ ร้องไห้ออกมาด้วยปลื้มปีติ

พสกนิกรเนืองแน่นตลอดเส้นทางสู่วัง

จากนั้นรถยนต์พระที่นั่งได้เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช ผ่านถ.อรุณอมรินทร์ ขึ้นสะพานพระราม 8 ลงถนนวิสุทธิกษัตริย์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่แยก จปร. เข้าถนนราชดำเนินนอก เลี้ยวขวาผ่านแยกวัดเบญจมบพิตร เข้าถนนพระราม 5 จนถึงพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต  

ตลอดเส้นทางที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนขบวนผ่าน ได้มีข้าราชการ ประชาชนที่อาศัยหรือทำงานในบริเวณดังกล่าว ตลอดจนพ่อค้า แม่ค้า มาจับจองพื้นที่เพื่อเฝ้าฯรับเสด็จเนืองแน่นสองข้างทาง โดยระหว่างที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านเส้นทางเสด็จฯ พสกนิกรที่ต่างโบกธงชาติไทยและธงตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พร้อมทั้งชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขึ้นเหนือศีรษะ และชูป้ายผ้า 'ทรงพระเจริญ' พร้อมกับส่งเสียง'ทรงพระเจริญ' ตลอดเส้นทาง

ข่าวจาก นสพ.มติชน 7 พ.ย.50

โครงการอันเนื่องมาจากแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกโครงการที่มีอยู่เกือบ 3,000 โครงการ เป็นที่ยอมรับของประชาชน จนสามารถดำเนินการได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งนี้เนื่องมาจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกแนวพระราชดำริให้ประชาชนยอมรับ และนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยให้วงจรการพัฒนาดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ ด้วยการให้ประชาชนรับรู้ในสิ่งที่ควรรู้ จนสามารถนำไปปฏิบัติด้วยตนเองได้

พระบารมี และพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แผ่ปกคลุมพระสกนิกรชาวไทย

โครงการศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตร ซึ่งทุกคนน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง

..ขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปใช้นะคะ

http://www.oknation.net/blog/mingmai/2008/12/05/entry-1/

..ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

เราอยากเป็นไทด้วยความภาคภูมิใจ จงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์

พระสถิตในใจไทยทั้งชาติ พระภัทรมหาราชแห่งสยาม

เราจะตั้งใจทำงานเพื่อถวายนายหลวง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทาง ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ในหลวงพระองค์ทรงหลั่งหยาดเหงื่อเพื่อคนไทย ให้มีความผาสุก

ขอจงทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

พระองค์ทรงเป็นพระมหาบพิตรที่สถิตในดวงใจของปวงประชา

รักพ่อควรรักสามัคคี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความละเอียดรอบคอบ ทรงคิดหาแนวทางพัฒนาเพื่อมุ่งประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด

รักพอมากไม่อยากให้พ่อต้องเหนื่อย

รักพอมากไม่อยากให้พ่อต้องเหนื่อย

จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไปในทุกๆเรื่อง

โครงการพระราชดำริ ทุกโครงการเป็นโครงการที่ขจัดความเดือดร้อนและนำความผาสุกมาสู่ปวงชน

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

ในหลวง ท่านทรงทำเพื่อ พวกเราตั้งมากมาย

แล้วเราหล่ะ ทำอะไรเพื่อพระองค์ท่าน...บ้างหรือยัง ???

หน่วยสัสดีอำเภอป่าโมก

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

จะเป็นคนดีของชาติต้องรักเคารพยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ

กษัตริย์ ผู้ทรงธรรม พระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าฯ ชาวไทย

ทรงเป็นทุกลมหายใจ ของปวงประชาราษฎร ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

รวมใจภักดิ์ รัก ในหลวง

ทรงยึดหลักศาสนา ทรงศึกษาสรรพวิทยา ทรงนำมาปฏิบัติ ทรงขจัดปัญหาด้วยการพัฒนาโครงการพระราชดำริ ทรงเตือนสติด้วยการปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง ทรงสร้างค่านิยม ทรงห่วงใยประชาราษฎร์ทุกเมื่อ ทรงสละหยาดพระเสโท เพื่อประชาชนและประเทศไทยอย่างแท้จริง ทรงเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในโลก

พระมหากษัตริย์ ที่พรั่งพร้อมด้วย ทศพิธราชธรรม

จากความแห้งแล้งกลับกลายมาชุ่มชื้น จากผืนทรายกลับกลายเป็นดิน ด้วยพระบารมีของทั้ง สองพระองค์

ในหลวงพระองค์ทรงงาน หนักและเหนื่อย เพื่อราษฎรของพระองค์ให้เป็นสุข

Bart3 จ.ส.อ.สนั่น ศรีโสดาพล และครอบครัว

เราพี่น้อง ผองไทย ภูมิใจยิ่ง พ่อเป็นมิ่ง ขวัญชาติ ปราชญ์ยิ่งใหญ่ ลูกขอกราบ แทบบาทด้วย อวยพรชัย เทพทั่วไทย โปรดคุ้มครอง พ่อของเรา ขอให้พ่อ แข็งแรง แกร่งดังผา ไร้โรคา ภยันตราย และไกลเศร้า อายุยืน หมื่นปี ที่นานเนาว์ ทุกค่ำเช้า เกษมสำราญ ชั่วกาลเทอญ

Bart3 จ.ส.อ.มานะ วิลาวรรณ์ และครอบครัว

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย และสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เกษมสำราญ ยิ่งยืนนาน

Bart3 นายทรงวุฒิ ศรีโสดาพล

พระองค์ ทรงเป็น พระผู้ทรงพระอัฉริยะ ในทุกด้าน พระองค์ ทรงเป็น พระผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยเมตตา พระองค์ ทรงเป็น พระผู้ที่ปวงข้าพระพุธเจ้าตราตรึงไว้ในใจ ตลอดไป

Bart3 พ.ท.ปิยะพณห์ ฐิตวัฒนานนท์ และครอบครัว

ธ ทรงดั่งเทพไท้ จอมราชันย์ ธ ดั่งชลไหลมา ดับทุกข์ มนุษย์ล้วนเทวา ชูเชิด ประชาไทยเกษมสุข ทั่วหล้าสดุดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท