ข่าวดังสะเทือนขวัญ The body in the car boot.
ช่วงนี้ข่าวที่ดังๆ นอกจาก
ข่าวออลแบล็กสไปแข่งที่ฝรั่งเศสแล้ว
คงจะเป็นข่าวนี้หล่ะค่ะคือข่าวที่พบเด็กผู้หญิงถูกทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟที่เมลเบอร์น ออสเตรเลีย เขาว่าเด็กคนนี้มาจากนิวซีแลนด์กับคนที่น่าจะเป็นพ่อ กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า เห็นผู้ชายท่าทางน่าจะเป็นพ่อของเธอเอง ทิ้งไว้ซะเฉยๆ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินต่อไปอเมริกา คนแบบไหนกันหนอ ทิ้งลูกสาวหน้าตาน่ารัก อายุแค่สามขวบเองได้ลงคอ เราดูข่าวกับป้าก้อคุยกันว่า ต้องเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้แน่ ผลเป็นตามที่เราคาดไว้ ตำรวจพบศพของแม่เด็กหมกอยู่ในรถที่จอดไว้หน้าบ้านที่ Auckland นั่นเอง เพื่อนบ้านบอกว่า ไม่พบแม่ของเด็กมาเกือบสิบวันแล้ว
Police looking for the mother of the abandoned toddler, dubbed Pumpkin, have made a grisly discovery.
ตำรวจออสซี่ตั้งชื่อเด็กที่ถูกทิ้งว่า น้อง พัมพ์กิ้น เนื่องจากเด็กยังบอกชื่อตัวเองไม่ได้ แต่ใส่เสื้อยี่ห้อ
พัมพ์กิ้น ส่วนตำรวจกีวีค้นไปค้นมาก็เจอศพท้ายรถ
ที่คาดว่าจะเป็นแม่ของเด็ก
Auckland Police have just announced they have found a body in the boot of a car parked outside the Mount Roskill house where Pumpkin and her mother An An Liu lived.
The last time An An was seen alive she was collecting her daughter from a childcare centre on Tuesday of last week.
The toddler is still in foster care in Australia after being abandoned by her father at a Melbourne railway station.
Police have revealed there was a history of domestic violence in the family, and that the child's father Nai Yin Xue was known to them.
Women's Refuge has revealed An An and her daughter spent a month at a refuge last year.
abandoned = ถูกทิ้ง
toddler = เด็กวัยหัดเดิน หลังวัยทารก
in the boot of a car = ในท้ายกระโปรงรถ
collect = ไปรับ ไปเก็บ
domestic violence = ความรุนแรงภายในครอบครัว
Women's Refuge = บ้านพัก (ลี้ภัย) เหมือนบ้านพักฉุกเฉินของเรา เป็นที่ที่ผู้หญิงและเด็กมาอยู่เพื่อหนีจากอันตราย สิ่งคุกคาม เพื่อรับการช่วยเหลือจากสังคมสงเคราะห์ฯ
เธอเคยหนีไปอยู่บ้านพักฉุกเฉินครั้งหนึ่งแล้วด้วย
ไม่น่ากลับไปเลย เธอกลับไปคราวนี้เลยกลายเป็นศพ ผู้หญิงจะไปไหนทำอะไรก็ลำบาก เป็นห่วงลูก การที่อยากจะให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า อยากทนอยู่เพื่อลูก บางทีก็ต้องเจอเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตขนาดนี้ ผู้ชายหรือจะคิดรับผิดชอบลูกเท่าผู้หญิง เราดูข่าวแล้วสลดใจจริงๆ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล ต้องมาจบชีวิตแบบนี้ ความรุนแรงในครอบครัวเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงเจ็บป่วยและตายมากกว่าอุบัติเหตุบนถนนหรือ
โรคมะเร็งเสียอีก
จะทำอย่างไรให้ลดความรุนแรงในครอบครัวได้นะ
ขอบพระคุณอาจารย์ขจิตมากค่ะ
ดิฉัน Hopeless เรื่องดอกไม้ค่ะ ฮือๆๆ ดอกอะไรคะ ดูหวานจัง สดชื่นดีค่ะ ขอบคุณมากๆ เฉลยหน่อยสิคะ
ขอขอบพระคุณอาจารย์อ้อม...
กราบขอบพระคุณคุณหมอวัลลภค่ะ
การลดความรุนแรงในครอบครัวในบ้านเราท่าจะยังไม่มีการกำหนดนิยามที่แน่ชัดนะครับเพราะการกระทำที่รุนแรงก็มักมีเหตุผลที่ว่าเพราะรัก หรือเพราะความถูกต้อง(ของผู้ลงโทษ)
ผมเห็นว่าเราจำเป็นต้องเพิ่มสิ่งเหล่านี้ลงในครอบครับ คือ...ความรัก (รักที่แท้นะครับไม่ใช่เลือกที่รักมักที่ชัง),....ความเมตตา,ความเสมอภาคในครอบครัว,และความเป็นเอกภาพ
หากครอบครัวเป็นสุข สังคมย่อมเป็นสุข
...แต่พูดง่ายทำยากครับอาจารย์