ขุนนางแก่ขุนนางหนุ่ม


ค่านิยมในชีวิต

สอนคุณธรรมอย่างไรให้มีความพอเพียง

อันดับที่ 10 คุณธรรมแห่งค่านิยมในชีวิต

วัตถุประสงค์ เพื่อรู้รัก และฝึกฝนจนเคยชิน

นิทานคติ ขุนนางแก่ขุนนางหนุ่ม

ณ เมืองท่าริมทะเลแห่งหนึ่ง เมืองแห่งนี้มีความรุ่งเรืองในด้านการค้าขาย เป็นจุดแวะพัก พระราชาผู้ปกครองเป็นผู้มีเมตตา และปกครองบ้านเมืองอย่างยุติธรรม พระราชามักจะเรียกประชุมขุนนางทุก 2-3 วันเพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในราชกิจต่างๆ ในการประชุมวันหนึ่ง ขุนนางหนุ่มผู้หนึ่งเสนอให้เก็บภาษีท่าเรือเพิ่มขึ้น เพื่อนำเงินมาซ่อมแซมพระราชวังที่เริ่มจะทรุดโทรม ขุนนางหนุ่มกล่าวในที่ประชุมว่า

ข้าแต่พระราชาผู้ทรงอำนาจเกรียงไกร อันภาษีที่เรียกเก็บจากการจอดเรือนั้น บัดนี้ถือเป็นอัตราที่ต่ำมาก ทำให้ได้เงินเข้าพระคลังเพียงน้อยนิด หากทว่า พระราชวังแห่งองค์พระราชาผู้เกรียงไกรนั้นกลับทรุดโทรมลงด้วยกาลเวลา จำต้องใช้เงินพระคลังเพื่อบูรณะจำนวนมาก ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่าควรที่พระองค์ผู้ทรงอำนาจจะเพิ่มภาษีขึ้นเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการนี้ พระเจ้าค่ะ

พระราชาได้ฟังก็คิดตาม เห็นว่าเป็นจริงจึงพยักหน้า ขุนนางหนุ่มเห็นว่าคำกล่าวของตนได้รับการยอมรับ รู้สึกมั่นใจขึ้นอีก จึงรีบกล่าวต่อว่า

ข้าแต่พระราชาผู้ทรงอำนาจเกรียงไกร อันภาษีนั้นหากแม้เรียกเก็บเพิ่มอีกเท่าตัว ก็มิทำให้บรรดาพ่อค้าเรือสำเภาทั้งหลายเดือนร้อน ด้วยพวกมันต่างมีกำไรมาก ขอพระองค์ทรงตัดสินพระทัย พระเจ้าค่ะ

พระราชานิ่งคิดเล็กน้อย จากนั้นมองไปยังขุนนางเฒ่าผู้เป็นที่ปรึกษาเอกแห่งพระองค์ ขุนนางเฒ่ารู้ว่าข้อเสนอของขุนนางหนุ่มน้อยผู้นี้ เย้ายวนใจต่อพระราชายิ่ง หากแต่ถ้าทำตามจริงจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการค้าขายของเมืองไปด้วย แต่การจะหักล้างกลางที่ประชุม ย่อมไม่เป็นการดี เพราะอีกฝ่ายคงหวังได้รับการยอมรับในความฉลาดของตน และคงถือทิฐิ ไม่ต้องการเสียหน้าเป็นแน่แท้ ดังนั้นขุนนางเฒ่า จึงตัดสินใจ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า

ข้าแต่พระราชาผู้ทรงเมตตา ข้าพระพุทธเจ้าเห็นเช่นเดียวกันพระเจ้าค่า แต่การดำเนินการควรที่ต้องปรึกษาให้รอบคอบ ขอให้ขุนนางผู้เสนอได้ชี้ข้ออธิบายให้ยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อที่จะได้ทรงตัดสินพระทัย พระเจ้าค่ะ

ขุนนางหนุ่มได้ยินก็ยิ่งยินดี ด้วยขุนนางเฒ่านี้มีอิทธิพลอำนาจมาก หากได้รับการเห็นด้วย มันจะได้รับการยอมรับจากที่ประชุม และพระราชาย่อมต้องยึดถือมันเป็นขุนนางเอกผู้หนึ่งทีเดียว ดังนั้นจึงรีบนำเสนอข้อปฏิบัติต่างๆ หลายสิบข้อ ขุนนางเฒ่ารับฟังด้วยทีท่าตั้งใจ พลางพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายเน้นหนักในบางข้อปฏิบัติ ขุนนางหนุ่มเห็นขุนนางเฒ่าพยักหน้ารับ ก็ยึดถือว่าอีกฝ่ายเห็นด้วย ก็ยิ่งพูดจารื่นไหลยิ่งขึ้น เสียงพูดยิ่งมายิ่งดัง และทุกครั้งที่ขุนนางเฒ่าพยักหน้า เสียงพูดก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก ขุนนางหนุ่มเสนอข้อปฏิบัติต่างๆ นานนับชั่วโมง ทำให้ขุนนางอื่นที่จะเสนอในเรื่องต่างๆ เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย พากันบ่นพึมพำ เลิกที่จะสนใจฟังขุนนางหนุมอีก หากแต่ขุนนางเฒ่ายังคงแสดงท่าทีสนใจฟัง และยังคงพยักหน้ารับเป็นครั้งๆ ไป

พระราชาเองก็สงสัยยิ่งนัก เนื่องจากฟังไปฟังไปพบว่าข้อปฏิบัติของขุนนางหนุ่ม ยิ่งมา ยิ่งยุ่งยาก ซับซ้อน และส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ มากขึ้นด้วย ทำไมขุนนางเฒ่าจึงยังสนใจที่จะฟัง พระราชาจึงหันพระพักตร์ไปทางขุนนางเฒ่า ขุนนางเฒ่ามองตอบ จากนั้นรอจนขุนนางหนุ่มกล่าวจบประโยค ก็ลุกขึ้นพลางทูลต่อพระราชาว่า

ข้าแต่พระราชาผู้ทรงเมตตา ข้อปฏิบัติของขุนนางท่านนี้น่าสนใจยิ่ง ทั้งยังซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายด้าน จึงควรที่จะศึกษา และอภิปรายต่อในภายหลัง แล้วจึงนำเสนอต่อพระองค์อีกครั้งเพื่อตัดสินพระทัย วันนี้เวลาประชุมก็ได้ล่วงมาพอสมควร ข้าพระพุทธเจ้าจะรับเรื่องนี้ไว้เพื่อปรึกษากัน พระองค์ทรงมีพระภารกิจอีกมาก ไว้ประชุมครั้งหน้าจึงนำเรื่องอื่นๆ มาพิจารณาต่อดีกว่า พระเจ้าค่ะ

พระราชาได้ฟัง ก็ทรงเข้าใจ แล้วเลิกประชุมไป หากทรงเรียกขุนนางเฒ่าเข้าพบเป็นการส่วนตัว ทรงถามว่า

ในที่ประชุมวันนี้ ท่านเล่นอะไรหรือ

ขุนนางเฒ่ายิ้มรับ จากนั้นบอกต่อพระราชาว่า

ขุนนางหนุ่มที่เสนอเรื่องในวันนี้ เป็นผู้มีความฉลาด หากแต่อยากแสดงออกว่าตนฉลาด ต้องการการยอมรับจากที่ประชุมและพระองค์ คนเช่นนี้อาจตัดสินใจบางสิ่งเกินเลยไปได้ และง่ายต่อการประจบสอพลอ ข้าพระองค์ได้ทดสอบด้วยการแสดงท่าทีตั้งใจฟัง พระองค์ก็ทรงเห็นว่ายิ่งพูดเสียงก็ยิ่งดัง แสดงว่าหลงตนได้ง่าย การนี้แล้วแต่พระองค์ผู้ทรงพระเมตตาจะทรงตัดสิน พระเจ้าค่ะ

พระราชาได้ฟัง ก็นึกถึงเหตุการณ์ในการประชุม ทรงพยักหน้าเห็นด้วย จึงทรงตัดสินพระทัยบางอย่างไว้แล้ว หลังการประชุม เหล่าขุนนางต่างๆ พากันไปรุมล้อมขุนนางหนุ่ม ตอนแรกขุนนางหนุ่มรู้สึกจิตใจพองตัวที่ได้นำเสนอในที่ประชุม และได้รับความสนใจจากทั้งพระราชาและขุนนางเฒ่า จึงคิดว่าเหล่าขุนนางอื่นจะเข้ามายินดีกับตน หากแต่ขุนนางที่มากลับพากันต่อว่าขุนนางหนุ่มว่าพูดจายืดเยื้อ ทำให้ขุนนางคนอื่นๆ ไม่ได้นำเสนอข้อราชการ บางเรื่องรีบร้อนจำเป็น ก็ต้องล่าช้าไป ขุนนางหนุ่มรู้สึกสับสนยิ่ง ไม่ทราบว่าตนเองทำผิดในที่ใด

หลังจากนั้นในการประชุมครั้งต่อไปอีกหลายครั้ง ก็ยังไม่มีการนำข้อเสนอของขุนนางหนุ่มขึ้นมาพูดอีก เนื่องจากมีข้อราชการจำนวนมากเข้ามาในที่ประชุม ขุนนางหนุ่มรู้สึกว่าตนเอง ด้อยค่า ไม่มีความสำคัญ จึงเพียงนั่งนิ่ง ไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุมเลย ผ่านไปอีกหลายเดือน ขุนนางเฒ่าซึ่งคอยสังเกตขุนนางหนุ่มผู้นี้มาโดยตลอดจึงได้เรียกขุนนางหนุ่มไปหา จากนั้นจึงได้พูดว่า

เจ้ายังอ่อนวัย ยึดมั่น และทิฐิ ทะนงตนว่าเฉลียวฉลาด ต้องการให้ทุกคนยอมรับ แต่บัดนี้เจ้าคงได้คิด การเป็นที่ยอมรับของผู้อื่นมิใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องมองให้ออก ทำในสิ่งที่เขาชอบ แต่ต้องถูกต้อง เหมาะสม และถูกกาลเทศะ ตอนนี้เจ้าน่าจะรู้ได้ด้วยตนเอง ข้าจะให้เจ้าออกไปดูแลเขตเล็กๆ ที่ทางตะวันออก วันใดเจ้าคิดได้และปฏิบัติได้ เจ้าจึงจะได้กลับมายังเมืองหลวงนี้

ขุนนางเฒ่าตัดสินใจส่งขุนนางหนุ่มผู้นี้ไปปรับปรุงตัวในเขตแดนที่ค่อนข้างทุรกันดาร เพื่อให้เขาได้ปรับปรุงตน เมื่อหลายเดือนก่อนพระราชาทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่ใช้คนเช่นนี้ เพราะจะทำให้กิจการบ้านเมืองวุ่นวายได้ แต่ขุนนางเฒ่าทูลขอโอกาสให้แก่ขุนนางหนุ่ม

หลายปีผ่านไป ขุนนางหนุ่มได้ไปดูแลเขตที่ทุรกันดาร ได้พัฒนาท้องที่ให้อุดมสมบูรณ์ขึ้น ทั้งยังลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน จนเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นขุนนางผู้ไม่ถือตัว ขุนนางเฒ่าเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด จึงได้นำเรื่องทูลพระราชา พระราชาจึงได้เรียกขุนนางหนุ่มกลับเข้ามาในเมืองหลวง และได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไป ขุนนางหนุ่มได้ข้อคิดจากขุนนางเฒ่า จึงได้ประพฤติตนอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้อื่นยอมรับตนอย่างถูกต้อง และได้รับการยอมรับจากชาวเมืองอย่างแท้จริง


ช่วยกันขยายความ

1)ช่วยหาคติพจน์ สุภาษิตที่ส่งเสริมค่านิยมในชีวิตที่ดี

2)ให้ช่วยหาคำสอนของศาสนาต่างๆ ที่ส่งเสริมค่านิยมในชีวิตที่ดี

ในทั้งสองกรณี ให้มีอาสาสมัคร รวบรวมบันทึกไว้ เพื่อทำเอกสารแจก ให้เก็บไว้เป็นที่ระลึกโดยลงวันที่ไว้ด้วย

ฝึกความประพฤติให้เป็นคุณธรรม

ฝึกให้รู้รอบ : เรื่องขุนนางแก่ขุนนางหนุ่ม เหมาะสำหรับสอนเรื่องค่านิยมในชีวิตหรือไม่ เพียงใด

ฝึกให้เข้มแข็ง : เราจะช่วยแนะนำคนอื่นอย่างไรให้ใช้คุณธรรมแห่งค่านิยมในชีวิตที่ดี ในการดำเนินชีวิตและการทำงานอย่างไร

ฝึกให้พอเพียง : ค่านิยมในชีวิตอย่างไรจึงเรียกว่าพอเพียง

- ความมีคุณค่าในชีวิตอย่างไรที่เรียกว่าเกินพอเพียง ?

- ความมีคุณค่าในชีวิตอย่างไรที่เรียกว่าขาด ?

ฝึกให้ยุติธรรม : ยกตัวอย่างและเหตุผลของค่านิยมในชีวิตที่ไม่ยุติธรรมในสังคม


กิจกรรมสันทนาการ ให้อาสาสมัครออกมาล้อมเป็นวงกลม แล้วให้คนหนึ่งมายืนตรงกลางวง ใช้ผ้าผูกตาไว้ จากนั้นให้เพื่อนที่อยู่รอบๆ ผลักคนที่อยู่ตรงกลาง ประมาณ 3 นาที จากนั้นให้เปิดผ้าผูกตา แล้วให้เปลี่ยนคนมายืนตรงกลาง ให้คนที่อยู่รอบๆ ผลักอีก เปลี่ยนให้ทุกคนมาเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง เมื่อครบทุกคน ให้แต่ละคนออกมาเล่าความรู้สึกที่มีระหว่างที่ถูกผลัก

เอกสารคุณธรรมและจริยธรรมของสภานิติบัญญัต 2549-51 ปรับจากหนังสือ Discovering the real me, Universal Peace Federation Edition

โดย นายเอนก สุวรรณบัณฑิต

คำสำคัญ (Tags): #ค่านิยม#คุณธรรม
หมายเลขบันทึก: 128287เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2007 11:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2016 12:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท