วันที่ 31 สิงหาคม 2550
วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ 17 นับถอยหลังไปก็จะคงเหลือ 75 วันแล้ว พรุ่งนี้ขึ้นเดือนใหม่ ย้ายตารางการทำงานใหม่ ผมก็ยังต้องอยู่กับอาร์ลีนเหมือนเดิม เพียงแต่ย้ายไปดูคนไข้มี class ขึ้นมาหน่อย นั่นคือกลุ่มคนที่จ่ายเงินสูง (เจ็บหัวใจอีกแล้ว) หัวหน้าสายคืออาร์เธอ หมอและพยาบาลที่นี่มักจะบอกผมเสมอว่า คนสิงคโปร์นี่ไม่เหมือนที่อื่น (เขาหมายถึงย่านเอเชียเราครับ) จู้จี้ ขี้บ่น อยากจ่ายน้อยแต่ได้บริการที่เริดหรู หากมีปัญหาต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ประเภทที่ว่าหมอต้องขอโทษเขาในทุกประเด็นนั่นแหละจึงจะยอมความกันได้ ด้วยเหตุนี้หมอจึงต้องทำประกันความเสี่ยงทุกคน ผมก็ต้องทำเช่นกันครับ จ่ายเงินไป 245 เหรียญแน่ะวันนี้ไม่มีคลินิกเพราะครูไม่อยู่ ไม่มีผ่าตัดเพราะคนไข้มีแค่คนเดียว และขอเลื่อนออกไป ตอนแรกว่าจะกลับที่พักเลย ไม่นานนักดันดีและนาตาลีก็โทรมาชวนให้ไปนั่งกินน้ำชาที่ Kopitium และยังมีอาร์เธอนั่งคุยอยู่ด้วยกัน ผมบอกนาตาลีว่าวันนี้ JJ เลี้ยงพวกผม เธอโวยวายใหญ่บอกว่าจะพาไปดื่มเบียร์ด้วยกัน เลยบอกว่า 4 ทุ่มน่าจะไปด้วยกันได้ เพราะว่าเราน่าจะเลิกกันแล้ว จากนั้นผมไปนั่งทำงานอยู่ที่ภาควิชา เขียนบทความเพื่อส่งไปยัง Medical time จนเสร็จเรียบร้อย งานนี้ดีอย่างหนึ่งคือ เขียนเป็นภาษาไทย (ไม่ต้องรบกวนพี่โอ๋)
ตอนเที่ยงพาดันดีไปกินส้มตำที่ Bugis จากนั้นก็แยกย้าย เขาไปละหมาดที่ Sultan Mosque ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันแล้วจะกลับไปตรวจคนไข้กับครูรอนต่อไป ส่วนผมก็กลับที่พักตามระเบียบ ได้มีโอกาสหลับกลางวันงีบเล็กๆ และตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวประมาณ 4 โมง นั่งทำงานพักหนึ่ง ราว 5 โมงก็ออกจากห้องโดยหอบเอากล้องถ่ายรูปไปด้วย ผมตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นถ่ายรูปถนน Orchard นั่นคือนั่งรถบัสไปลงที่ Dhoby Ghaut ซึ่งเป็นต้นถนนเลย เดินผ่านทางเข้า Istana ซึ่งเป็นที่พักของประธานาธิบดีรวมถึงเป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองของเขาด้วย เดินตามทางต้นไม้ร่มรื่น ได้มีโอกาสเห็นคูระบายน้ำใหญ่ ซึ่งผมเดาเองว่าน่าจะเป็นลำธารสายหนึ่งสมัยที่ Orchard ยังคงเป็นสวนผลไม้อยู่ ตามทางเดินเขามีโลหะทองเหลืองพิมพ์เป็นรูปผลไม้ชนิดต่างๆ เว้นระยะๆไปตลอดทาง ผมไปจบการเดินทางที่ห้าง Heeren เพื่อเข้าไปในร้าน HMV อยากจะใช้เวลาในนี้นานหน่อย ผมนัดเจอดันดีเวลาทุ่มหนึ่งเพื่อขึ้น shuttle bus ที่หน้าห้าง Teng ไปยัง Great World City ดูเวลาตอนนี้ก็ 6 โมง ผมเดินดู CD ที่มีมากมายในนี้อย่างไม่มีจุดหมาย ที่จริงก็มีนั่นแหละ เพราะอยากขึ้นไปที่ชั้น 3 เพื่อดูมุมเพลงคลาสสิก แต่ก็มาติดใจเพลงบรรเลงไวโอลินของ David Garrett ยืนฟังอยู่นานจนตัดสินใจเลือกซื้อในราคา 18.95 เหรียญ จากนั้นก็ขึ้นไปบนชั้น 2 เดินไปสะดุดตรงที่มุมเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่ว่าสะดุดตาก็เพราะเจอกลุ่ม CD ของ Ennio Morricone นักประพันธ์เพลงในดวงใจ ที่ชอบเพลงของเขานั้นก็ครั้งหนึ่งเคยซื้อ CD ของ Yo Yo Ma ที่เล่นเพลงที่ Ennio ประพันธ์เอาไว้แล้วชอบมากๆ ผมเคยนำเพลงนี้ไปให้พี่กุญ หัวหน้าหน่วยสิทธิประโยชน์นำไปประกอบ VDO เรื่องมรณานุสติ (เขียนถูกไหมหนอ) ที่สัมภาษณ์คนไข้อนาถาของผมก่อนที่เธอจะเสียชีวิต VDO ชุดนั้นประทับใจผมมาก ทำให้ผมได้รับรู้เรื่องราวในงานของหน่วยสิทธิประโยชน์ของโรงพยาบาลตัวเองมากขึ้นอีกเยอะครับ
แต่ทว่ามันแพงเหลือเกิน ราคามีตั้งแต่ 20 กว่าไปจนถึง 50 เหรียญ ผมก็เลือกแบบรวมเพลงไปในราคาที่ถูก (ของเขา) ที่จริงอยากได้แบบที่ Ennio คุมวงออเคสตราแต่ว่าแพงจัง คราวหน้าก็แล้วกันนะ
ออกจาก HMV ก็เกือบทุ่ม ผมตรงไปยังห้าง Teng ตอนนี้ดันดี SMS มาบอกว่าเขาไปขึ้นรถที่ City hall ผมจึงไปคนเดียว ไม่นานก็ถึง Great World City ผมก็ตรงไปยังร้าน Sudanese ซึ่งเป็นร้านอาหารอินโดนีเซีย ร้านนี้ผมเคยมากินเมื่อวันที่ 7 เดือนพฤษภาคมไงเล่า วันที่ 2 ในสิงคโปร์ Jessica เป็นคนพามา วันนี้เขาเลี้ยงส่งพี่โต้งและเลี้ยงรับหมอที่มาจากอินโดอีกคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันหน่วยงานพี่โต้งก็มาเลี้ยงด้วยเช่นกัน เราจึงมี 2 โต๊ะใหญ่ อาหารอินโดรสชาติเหมือนอาหารบ้านเราครับ มีน้ำพริกกะปิด้วย เราคุยกันออกรสดีครับ เพราะส่วนหนึ่งก็รู้จักเพื่อนๆชาติอื่นบ้างแล้ว งานนี้ผมได้สนิทกับ Yan อ่านว่าคุณหมอยานจากอินโด เขาเป็นหมอผ่าตัดหัวใจและทรวงอก เป็นคนสนุกร่าเริง พวกเรามานั่งสังเกตว่า Fellow กลุ่มเรานี้เป็นชายล้วนครับ
เสร็จจากงานเลี้ยง นาตาลีก็ SMS เข้ามาหาว่า จะพาผมกับดันดีไปดื่มเบียร์แถวๆ Boat Quay
นาตาลีเธอเป็น MO ครับ เธออยู่หน่วยเราครบ 1 เดือนแล้ว (ต้องหมุนเวียนทุก 3 เดือน) เธอแต่งงานกับวิศวกรเพื่อนเธอเอง ซึ่งเขาดูแลเธอดีมากในความรู้สึกของผม เพราะนาตาลีชอบเที่ยวกับเพื่อน ชอบดื่มเบียร์ด้วย ส่วนสามีเธอชอบดูบอล ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนของเธอ แต่จะขับรถมาส่ง มารับกลับทุกครั้ง แม้ว่าบอลนัดนั้นจะสำคัญมากแค่ไหนก็ไม่บ่น บ้านเธออยู่ไกลโพ้นครับ Pasir Ris ที่ผมเรียกว่าปารีสยังไงเล่า เธอยังไม่อยากมีลูก ฮ่า ฮ่า
ที่นี่ผมเลยได้มีโอกาสเจอเพื่อเธออีก 3 คน เป็นชายล้วน ทุกคนเป็น MO คนหนึ่งกำลังเรียนสาขาตา อีก 2 คนกำลังเรียนสาขาอุบัติเหตุฉุกเฉิน และทั้ง 3 คนไม่ใช่คนสิงคโปร์เลย คนหนึ่งเป็นคนศรีลังกา คุยสนุกเสียงดังฟังไม่ชัด (ประสาหูผมนั่นแหละ เขาไปจบมาจากไอร์แลนด์ มีแสลงเยอะมาก) อีก 2 คนเป็นจีนมาเลย์ ผมดื่มเบียร์อยู่คนเดียว คนที่เหลือเป็นคอกเทลเข้มข้น ส่วนดันดีดื่มน้ำผลไม้ เพราะเขาเป็นมุสลิมครับ งานนี้เขาไม่ให้ผมจ่ายเงิน เพราะว่าเราเป็นพวกรายได้น้อย
กว่าจะได้กลับก็เที่ยงกว่าครึ่งไปแล้ว หมดรถรถหมด สามีนาตาลีมารับและผมให้หย่อนผมลงที่ Bugis และเดินกลับบ้านเอง 10 นาทีก็ถึงแล้ว งานนี้ไม่เมาครับ เบียร์ดำที่ดื่มนั้นแทบไม่มีรสขมเลย นุ่มดี เอิ๊ก..
เปลี่ยนรูปใหม่เกือบจำไม่ได้ค่ะ
ผมเข้ามาเยี่ยมครับ - - -ชมรูปใหม่ด้วย
เหลือเพียง 75 วัน - -หลังจาก 75 วันแล้ว จะได้อ่านเรื่องราวสิงค์โปร์มั้ยน้อ..
สวัสดีครับอาจารย์
อีกไม่นานผมก็คงต้องไปใช้ชีวิตต่างแดนเหมือนอาจารย์ครับ แต่คงไปไม่นานประมาณ สามเดือน
แวะมาเยี่ยมเยียนครับ
สวัสดีครับคุณอุบล รูปใหม่
พี่แดง ครับ
สวัสดีครับคุณเอก
อาจารย์จารุวัจน์ ครับ
สวัสดีครับคุณหมอแป๊ะ ธนพันธ์ ชูบุญ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับพี่สมนึก
สวัสดีครับอาจารย์ขจิต
ที่ไหนมีคนไทย ที่นั่นมีส้มตำครับ
จริงๆส้มตำน่าจะเป็นอาหารประจำชาติ มากกว่าต้มยำกุ้ง ผัดไทย หรือแกงเขียวหวานไก่นะครับ
สวัสดรครับคุณจิรตนา
ขอบคุณครับ แต่ภาพที่เห็นน่ะอะไรครับ
"นาตาลี" เหมือนพี่สมนึกที่พี่สมนึกเห็นรึเปล่าครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ พูดไปแล้วอาจารย์น่าจะเป็นนักเขียนได้ดีนะค่ะ อิอิอิ
เอารูปมาฝากค่ะ [url=http://www.uppic.net/showpic.php?picid=cc49fffe72f12350ab5eb336b9980cd9][img]http://www.uppic.net/iu/339untitled2.jpg[/img][/url]
แต่ไม่แน่ใจว่าโค๊ตรูปอันนี้จะใช้ได้กับตรงนี้หรือเปล่า รูปนี้ตั้งใจถ่ายหน้าเหมือนกันค่ะ ...
ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับคำตอบในเมล์ อ่านแล้วก็ขำกับคำตอบบางข้อ อิอิอิ
อืม แสดงว่าโค๊ตรูปมันใช้กับตรงนี้ไม่ได้ ยังไงก้อขอโทษอาจารย์ด้วยน่ะค่ะที่รบกวนพื้นที่ ส่วนการเป็นสมาชิก ที่นี่เป็นบลีอแกคนทำงาน คนที่ไม่งานอย่างหนูมันไม่กล้าสมัครค่ะ อิอิอิ..
กลับมาแก้คำค่ะ กลัวโดนดุพอดีรีบไปหน่อยค่ะ
จะบอกอาจารย์ว่าเรื่องที่แนะนำให้หนูมาสมัครเป็นสมาชิกที่นี่นะค่ะ ตรงนี้เป็นบล๊อกของคนทำงานน่ะ คะ คนว่างงานอย่างหนูไม่กล้าสมัครหรอกค่ะ...
อ่านแล้วบรรยากาศน่าสนุกดี เพื่อนเยอะดีคะ
สวัสดีค่ะ
คุณหมอไม่เหงานะคะ เพื่อนเยอะค่ะ ดีค่ะ บันทึกอย่างละเอียด ไม่มีข้อสงสัยค่ะ
สวัสดียามสายครับคุณ คุณ (บ้านผมเร็วกว่าที่เมืองไทย 1 ชั่วโมง)
เพื่อนเยอะครับ ยิ่งถ้าไม่ปิดตัวเองก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เพื่อนใหม่ๆ และยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางวิชาชีพได้อย่างดี
ไม่มีหมอคนไหนเก่งไปทุกเรื่องหรอกครับ
วันก่อนเพื่อนของพ่อดันดี (เพื่อน fellow ของผม) มีหลอดเลือดในสมองแตก รักษาตัวที่สิงคโปร์ พ่อเขาโทรมาให้ดันดีอำนวยความสะดวกให้
ดันดีก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร เพราะเราต่างก็เป็นบ้านนอกพอๆกัน พอดีที่นึกถึงครูรอย เลยได้วานให้ท่านช่วยเหลือให้ นี่ก็เป็นตัวอย่างของการมีเพื่อนหลายคนครับ