ความรู้สึกที่จี๊ด โทสะ ความกังวล ความไม่สบายใจ


นี้เจ้าความรู้สึกตัวกู-- ของกู ปนๆโทสะ ก็เข้ามาเยี่ยมเราอย่างรวดเร็วทันที ในช่วงแรก เป็นเหมือนพายุ จิตหลุดไปสู่สภาวะหนึ่งคือความรู้สึกทุกเวทนาทางใจ จากการได้ยินและการปรุงแต่ง จนนำไปสู่เวทนา..

หลายครั้งในชีวิตประจำวันของเรา   ที่จะต้องพบพานกับเจ้าความรู้สึกในด้านลบต่างๆมากมาย  

เมื่อก่อนนี้บางครั้งเราก็ไม่ทันรู้อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้   แต่อาจจะถูกทำร้าย  ถูกพัดพาไป  เกิดทุกขเวทนาต่างๆตามมา

 

      วันนี้ตั้งแต่เช้า  ชีวิตที่เป็นปกติประจำวัน  ตื่นมาด้วยความรู้สึกที่ดี่ๆ  ไม่มีความกังวล  สดชื่นกับชีวิตวันใหม่  ต้อนรับวันใหม่ด้วยการเจริญสติและ  นั่งสมาธิ  ต่อมาก็กำหนดรู้ในอิริยาบทต่างๆที่เราต้องทำ  ตั้งแต่การลุก  เดิน   ไปประตู  เข้าทำกิจวัตร การแปรงฟัน  การอาบน้ำ  และสุดท้ายคือแต่งตัว  ทานอาหาร  และเดินไปทำงาน  

 

             ความคิดตั้งมั่นวันนี้คือ  พยามรู้สึกตัว  รู้ตัวในทุกๆการกระทำ  คำพูด  และความคิด  รวมทั้งความรู้สึกต่างๆทั้งดีใจ  เสียใจ

     ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี  เรายังคงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตัว มีสติในขั้นที่มากสูงสุดที่เราสามารถมีได้ในชีวิตของวันนั้นๆ

 

  และเมื่อเริ่มทำงานทุกอย่างก็ไปด้วยดี....

 เรื่องจี๊ดที่หนึ่ง

                     แต่เมื่อเวลาล่วงเข้า 10 .00 น  ก็เกิดความคิด  ความรู้สึกมารบกวน  คือทำไมคนอื่นยังไม่มานะ    ท่านอาจารย์พิชัยได้ให้คำสอนไว้ว่า  เจ้าความคิดเช่นนนี้เรียกว่าทิฐิมานะ  ถือเป็นผู้ก่อการร้ายที่คอยทำลายสติปัญญา  และกุศลจิต  แม้จะทราบว่าส่วนใหญ่ทุกคนก็ทำงานและติดภาระกิจ

                 เมื่อตามดูก็เห็นว่า  ผู้ก่อการร้ายในจิตใจของเราตอนนี้มันมีกำลังมากพอสมควร  ทำให้กังวล  ขาดสติ  ขาดสมาธิไป  คือตกต่ำลงกว่าเมื่อช่วงตื่นนอนใหม่ๆมาก

                        ขณะที่ตามดูเจ้าผู้ก่อการร้ายตนนี้  ก็พยามดึงสติมาอยู่ในงานข้างหน้าเราและไม่ให้เกิดการปรุงแต่งไปต่างๆนาๆตามที่เจ้าทิฐินี้ผลักดัน

เมื่อเริ่มมีท่านอื่นมาตรวจ  มันจึงค่อยๆเริ่มสงบลง

เรื่องจี๊ดวันนี้เรื่องที่หนึ่ง    ไม่รู้เหมือนกันว่าเราทำได้ดีขนดไหน  แต่ก็พยามตามดู  ตามรู้  และเป็นผู้ดู

 

เรื่องจี๊ดที่สอง

     คือวันนี้คนไข้ส่วนมากเป็นของจริงทั้งนั้นเลย  คือหนักถึงขั้นต้องนอนรพหลายคน    วันนี้ประมาณ10 คนที่ผมต้องรับไว้      เป็นจำนวนมากต่อคนในระดับ รพ ชุมชน       และก็มีคนไข้ข้างในที่อาการยังไม่คงที่นัก  ต้องเข้าๆออก  เพื่อไปดูแลข้างในด้วย

         พยามรู้และรู้  คิดตั้งมั่นกับเรื่องที่กำลังทำอยู่เท่านั้น         แต่ก็มีตัวกวนแว่วมาบ้าง  เช่นวันนี้เหนื่อยจัง...  ทำไมคนไข้เยอะแบบนี้         ก็พยามรู้และดูว่าเขาจะมาอย่างไรบ้าง  เป็นการรู้สลับกับความคิดความรู้สึกที่เกิดขึ้น

   

 เรื่องจี๊ดที่สามคือ

             เรื่องของอัตตา  เมื่อหูได้ยินเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกว่า เอะ..ทำอย่างนี้ได้อย่างไร  ไม่ถูกต้องนะ   เอาละ...ที่นี้เจ้าความรู้สึกตัวกู--  ของกู  ปนๆโทสะ  ก็เข้ามาเยี่ยมเราอย่างรวดเร็วทันที  ในช่วงแรก เป็นเหมือนพายุ  จิตหลุดไปสู่สภาวะหนึ่งคือความรู้สึกทุกเวทนาทางใจ  จากการได้ยินและการปรุงแต่ง  จนนำไปสู่เวทนา..

         

            เมื่อไม่ทันก็พยามรู้ ดู จดจ่อที่ความรู้สึกอันนี้  เมื่อดูๆ  สลับกับความคิดปรุงแต่งหาทางออก  ที่พยามใช้สติมาคิดร่วมด้วย  ก็ได้ข้อสรุปว่า  มุมตรงข้ามเลย(ตรงข้ามกับสิ่งที่อยากทำตอนรับรู้ช่วงแรกๆ)  เราต้องขอบคุณเขาต่างหาก  และไม่ควรที่จะตำหนิ  กล่าวว่าใคร   สุดท้ายคือควรกล่าวว่าขอบคุณ  และไม่ทำตามโทสะ  ที่อยากจะทำอะไรๆ  ที่เกิดผลไม่จบสิ้นตามมา

 

เรื่องจี๊ดที่สี่

    ตอนเจาะเลือด  เข็มตำ(ทะลุจากปลอกตอนเก็บ)    เลือดก็ซึมออกมา  เกิดความรู้สึกเจ็บๆ  แต่เมื่อย้อนกลับไปทบทวนดูก็รู้สึกว่าตอนนั้น  ความรู้สึกที่เกิดขึ้น      คือนิ่งๆ  เฉยๆ  ไม่ได้ตกใจมากมาย            (มีน้อยกว่าที่คาด  หรือเมื่อก่อนมากๆ)  

                 ทั้งๆที่เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องใหญ่   และเมื่อผลเลือดผู้ป่วยออกมาว่าปกติ  และประวัติก็ไม่เสี่ยงอะไร   จิตก็สงบ   ไม่ได้ปรุงแต่งเพิ่มเติมว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  จนฟุ้งซ่านขาดสมาธิ 

         

      ตรงกันข้ามเรากลับพยามดูความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้น  และพยามไม่เป็นผู้ที่เป็น   แต่เป็นผู้ดู(ตามคำแนะนำท่านอาจารย์กมลวัลย์..อาจารย์ผมครับ..^_^***)  ความคิด  ความรู้สึกต่างๆ  ก็ระงับไปโดยใช้เวลาแม้จะหลายนาที 

 

 เรื่องจี๊ดที่ 5

     ต้องผ่าใส้ติ่งตอน 3 ทุ่ม  เมื่อเปิดเข้าไปก็เหมือนจะง่าย  แต่เมื่อทำไปก็รู้สึกว่าเริ่มจะยาก  เพราะว่าเห็นแต่โคน  แต่ว่าปลายม้วนลงไปด้านล่างของช่องท้อง    แถมยังโดนใส้และเยื่อบุมาล้อมรอบอย่างแน่หนา

     

              แต่ก็รู้สึกไม่ได้ตื่นตระหนกมาก   พยามทำไปเรื่อยๆ  ค่อยๆทำ  ค่อยๆเลาะ  จนในทีสุดก็เสร็จไปได้ด้วยดี  แม้จะไช้เวลานานกว่าปกติ  2เท่าก็ตาม   (ต้องขอขอบคุณพี่ๆพยาบาลที่มากด้วยประสบการณ์และความเมตตาครับ)

 

         จะเห็นว่าในหนึ่งๆวัน  เราต้องพบกับเรื่องราวที่มากมาย  อาจจะเป็นเรื่องที่เราดีใจ  เฉยๆ     หรือเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ  ความทุกข์ใจ  ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับเล็กน้อย ..... ปานกลาง.....  และรุนแรง....  จนทำให้เราต้องถึงกับเรียกว่าเสียสมดุลไปได้(หลุดไป  ขาดสติไปนาน)

       

         ทั้งหมดเป็นตัวอย่างของการฝึก  การเจริญสติ  ตลอดจนการนำมาฝึกใช้กับชีวิตประจำวัน(ของผม).    มีความรู้สึกว่ายิ่งฝึกฝนเราก็จะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลง   ยิ่งถ้ามีคนแนะนำด้วยก็จะยิ่งก้าวหน้าเร็ว      นำไปสู่การเรียนรู้ฝึกฝนในเรื่องที่พึงเรียนรู้หรือกระทำให้เจริญยิ่งๆขึ้นต่อไป

 

         เป็นการเล่าเรื่อง  อธิบายประสบการณ์ของการฝึกและเรียนรู้จริง  ของผู้กำลังเริ่มต้นครับ

 

          หากท่านอาจารย์หรือเพื่อนร่วมทางท่านใดจะมีคำชี้แนะ  คำสอนเพิ่มเติมก็จักเป็นความกรุณาและเมตตาอย่างยิ่งครับ...^_^..***

  สุพัฒน์...ปาย 

 

หมายเลขบันทึก: 123920เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2007 00:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 12:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

เป็นการดูจิตตัวเองที่รู้เท่าทันตลอดนะครับ เป็นการฝึกที่ล้ำเลิศ ก้าวที่ดีไปสู่ปัญญาที่ไพศาล

จิ๊ด บ่อยๆ และรู้บ่อยๆ ดีมากเลย ดีกว่าจิ๊ดแล้วหลุด ไปกระทบกับสิ่งรอบข้างด้วยโทสะ โมหะจริต เสียหายไปหมดทั้งเราและเขา...

แต่จิ๊ดที่สี่ ต้องระมัดระวังหน่อยนะครับ

//////////////////////////////////////////////////////////////////////

เป็นห่วงติดตามตลอดครับ หลังวันที่ ๑๐ ก.ย. ผมจะกลับบ้านเรานะครับ ช่วงนี้ภาระกิจผมยังหนาแน่น ขอทำหน้าที่ให้เต็มที่ลุล่วงไปก่อนครับ

รัก และ คิดถึงครับ

มาทักทายคุณหมอยามดึก

ต่างคนก็มีเรื่องจี๊ดต่างกันไป ส่วนตัวก็เจอไม่ค่อยจะซ้ำเรื่อง อย่างน้อยก็ดีตรงที่จี๊ดต่างกันไป ไม่งั้นคงเบื่อแย่ ได้ฝึกการควบคุมความจี๊ดที่หลากหลายดีค่ะ

วันนี้ก็จี๊ดๆ ที่หลังอีก อันนี้เป็นเรื่องความเจ็บป่วยไม่เกี่ยวกับคนอื่นค่า ^ ^

สวัสดีครับพี่เอก

  วันนี้เป็นวันที่คิดถึงพี่มากนะครับ

  โทรหาหลายครั้ง  แต่พี่คงยุ่ง

  ตอนนี้พี่มาทักทายคนแรกเลย  รู้สึกดีใจมากครับ

  ขอบคุณมากๆครับ

สวัสดีครับคุณ

P
   อืม...ดีใจมากครับที่ให้เกียรติเข้ามาเยี่ยมครับ
   ลปรร ประสบการ์ที่จี๊ดๆได้นะครับ
   ว่าแต่..จี๊ดที่หลัง  เป็นอะไรหรือเปล่าครับ 
   คัน  ปวด  หรือว่าชา ครับ   คงไม่ชานะครับ  เพราะว่ายังดูเด็กอยู่เลยนะครับ  ^_^
  ขอบคุณมากๆครับ
อ๋อ กล้ามเนื้ออักเสบน่ะค่ะ แต่เป็นมานานแล้ว ตอนนี้ค่อยๆ รักษาอยู่ ใช้งานหลังหนักเมื่อไหร่ก็กลับมาทันที หายเป็นพักๆ กำเริบหนักตอนไปที่เชียงใหม่เพราะนั่งนานไปหน่อย

ยินดีที่ได้เข้ามาพูดคุยด้วยค่ะ เข้ามาอ่านบล็อกคุณหมอบ่อยๆ เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้คอมเม้นท์ไว้ เดี๋ยวปีนี้ปลายๆ ปี หรือไม่ก็ต้นปีหน้าจะไปปายด้วยล่ะค่ะ ไปพักผ่อนส่วนตัวและไปเยี่ยมเพื่อน

สวัสดีค่ะ

    คงอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกัน คือกำลังฝึกสติ แต่ก็มีเรื่องแลกเปลี่ยนกับคุณหมอเหมือนกัน คือเมื่อ 2วันมานี้ มีเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีสุดๆ และเรื่องที่ตรงข้ามกัน เข้ามา ทำให้จิต ปรับตัว กำหนดรู้ไม่ทัน เหมือนกัน จะเป็นความรู้สึก อารมณ์ไหน เราต้องไม่ปล่อยให้สุดๆนะคะคุณหมอ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะน้องหมอ kmsabai

มองในแง่ดีต้องบอกว่าโชคดีที่มีจี๊ดมาให้ปฏิบัติในวันหนึ่งๆ เยอะมาก.. ได้พิินิจพิจารณาจิตของตน ไม่ให้แกว่งจนเกินไปตลอด.. จี๊ดที่ ๔ นั้นน่ากลัวอยู่ทีเดียว แต่ทำอย่างที่น้องทำน่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ.. เห็นได้ชัดเจนว่าน้องปฏิบัติไปได้ก้าวหน้ามากจริงๆ 

พี่ถือว่าเราเป็นเพื่อนร่วมทางกันนะคะ ไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์กัน เป็นพี่น้องสหธรรมมิกกันมากกว่า ^ ^  เพราะของอย่างนี้ อยู่ที่บุญบารมีที่สั่งสมมา และการปฏิบัติด้วย บางเรื่องเราก็ก้าวหน้าได้เร็ว บางเรื่องอาจจะช้า..แล้วแต่ปัญญาบารมีที่มีอยู่.. 

อ้อ...สมัยก่อนพี่เป็นจี๊ดแบบที่ ๑ ค่อนข้างมาก เรื่องทิฐฏิมานะยังเป็นเรื่องที่หนักอยู่เช่นเดิม เพราะมักจะคิดไปแล้ว เปรียบเทียบเราเขาไปแล้ว ถึงเพิ่งจะมานึกได้...  เรื่องนี้ก็คงยังต้องฝึกต่อไปค่ะ ^ ^  แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์กับคนที่เอาเปรียบสังคมแล้ว.. แต่ในจิตยังมีการคิดเปรียบเทียบความแตกต่างอยู่..เพียงแต่ไม่มีอารมณ์อื่นๆ ตามมาเท่าใดนักค่ะ  ...

เล่าสู่กันฟัง แลกเปลี่ยนค่ะ ...

ขอบคุณที่นำประสบการณ์ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันมาเล่าให้ฟังนะคะ..พี่เชื่อว่ามีผู้ได้ประโยชน์มากจากบันทึกลักษณะนี้ค่ะ ^ ^ 

 

สวัสดีค่ะคุณหมอ เป็นตัวอย่างของการเจริญสติในชีวิตประจำวันที่ดีมาก ยิ่งมีมากแสดงว่าเป็นคนละเอียด ได้ทำบททดสอบบ่อยๆนะคะ

การฝึกฝนการเจริญสติเป็นประจำเช่นนี้กัลยาณมิตรที่จะเป็นผู้คอยชี้แนะหรือให้กำลังใจมีคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนกว่าการมีโยนิโสมนสิการ และความสามารถในการตามดู ตามรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างเท่าทันเวลา และเท่าทันกิเลสค่ะ

ตัวเองก็พยายามทำให้การเจริญสติเป็นสิ่งปกติธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ค่อยๆสะสมหน่วยกิตเหมือนกันค่ะ

อ่านดุแล้ว รู้ว่าวันหนึ่ง ๆ ทำงานได้ช่างมากมายจริง ๆ  คนที่ต้องทำงานมากมายในแต่วัน  ก็จะเจอเรื่องแบบที่เราเจอนี่แหละครับ  ดีกว่าคนที่ในแต่ละวันไม่มีเรื่องราวอะไรเลย

 

แต่เวลาผ่านไป เราก็จะแกร่งขึ้นด้วย  เพราะเราถูกทุบด้วยเรื่อง จี๊ด ๆ อย่างนี้มาเยอะ  เรากำลังถูกหล่อหลอม มันจะมีผลต่อเราน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง เราหวังว่ามันจะไม่มีผลกับเราอีกเลย

สวัสดีครับพี่หมอจิ้น

  ขอบคุณมากๆครับ

ข้อคิดของพี่ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น  และรู้สึกว่ากำลังเดินบนเส้นทางที่ไม่สูญเปล่าครับ

ถ้าเหนื่อย  แต่ได้เรียนรู้และมีพัฒนาการ  ผมก็คิดว่ามันคุ้มค่าครับ

ขอบคุณพี่หมอมากๆนะครับ  ^_^ 

สวัสดีค่ะคุณหมอ

ตอนที่ทำงานเยอะมากๆ มีจี๊ดแบบคุณหมอวันละหลายครั้งค่ะ บางทีควบคุมยากมาก  บางทีพอควบคุมได้

ส่วนตัวใช้วิธีหลีกออกมาจากต้นเหตุชั่วคราวค่ะ อาจจะสักครึ่ง ช.ม. จะสงบลงระดับหนึ่ง

ต่อมาก็ค่อยพิจารณาดูว่า ทำไมเราเป็นอย่างนี้ พอเจออะไรมากระทบแล้ว ให้กระเพื่อมไปหมด

พอใจนิ่งแล้ว เราจะเข้าใจว่า ปัญหามาจากไหน ต่อไป ความจี๊ดทั้งหลาย จะค่อยๆเบาบางลง เพราะเราจะมีประสบการณ์การแก้ปัญหาไปเรื่อยๆค่ะ

คุณหมอคะ เข็มตำนี่อันตรายมากค่ะ กลัวแทนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท