ช่วงนี้ฉันมีโอกาสได้ไปร่วมขบวนกับพี่ๆ หัวหน้าพยาบาล ไปทริป สร้างสุขภาพ ที่ชัยภูมิ วันที่ 3-4 สิงหาคม ซึ่งฉันได้พบกับความสุข ความประทับใจทั้งในสถานที่และบุคคลผู้ร่วมเดินทาง จนเป็นเหตุ ให้สัญญา และจิตคิดทำงานต่อเนื่องมาตลอดหลังจบการเดินทาง ...จึงตัดสินใจ ..จะพาเพื่อนกัลยาณมิตร ทาง Blog ไปร่วมขบวนด้วย ถ้าท่านใดที่ยุ่งกับงานและยังไม่เคยได้ไปที่นี่มาก่อน ฉันก็ถือโอกาสพาเที่ยวซะเลย...ไปนะ..ไปกัน...เพื่อความสุขสบายใจ อันจะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงกายที่เราควรดูแลกันค่ะ...และถ้าจะให้เสมือนไปเที่ยวกับฉันจริงๆ ก็ต้องรู้รายละเอียดเสมือนไปด้วยกัน ....อีกอย่างนึงนะ..ความสุขไม่ได้อยู่ที่ธรรมชาติอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่คนที่ไปกับเราอีกครึ่งนึงเลยหล่ะ...
วันที่ 23 ก.ค. ฉันได้รับข่าวจากพี่ตุ้ย
หัวหน้าพยาบาลให้ไปร่วมกิจกรรมโครงการสร้างสุขภาพกาย-ใจ
กลุ่มเป้าหมายคือหัวหน้าพยาบาลและผู้ช่วย
ตามงบประมาณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสร้างสุขภาพ
อันมีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้ประสานงานหลัก
...ฉันยังง่วนๆ กับงานประจำอยู่ ก็ตอบ OK ค่ะ
โดยมิได้ถามรายละเอียดอันใด จวบจนอีก 1 วันจะไป
พี่ตุ้ยโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้ให้เตรียมชุดวอร์มและรองเท้าผ้าใบไปด้วย 1
ชุด ฉันก็ตระเตรียมข้าวของ แบบเร่งด่วน
ในคืนนั้นนั่นเองพร้อมหยูกยาที่ต้องมีติดกระเป๋า สำคัญคือ
ยาป้องกันอาการเมารถ, ยาโรคกระเพาะ, ยาแก้แพ้, ยาแก้คออักเสบ
,ยาแก้ปวดศีรษะ ฯลฯ
ฉันตื่นตี 4
เตรียมของขึ้นรถ ออกจาก รพ.
05.00 น. ไปถึง สสจ. เวลา 06.00 น. รอพี่ๆ จากอำเภออื่นๆ อีก 15
อำเภอ เดินทางโดยรถบัส แผนการออกรถที่กำหนดคือ
06.30 น. จากเดิมฉันทราบว่า 06.00 น. แต่ก็ดี
ทำให้ฉันได้ไปซื้ออาหารเบรคประเภท ขนมปังไส้ถั่วแดง, ไส้สังขยา,
ไส้เผือก, น้ำนมข้าวโพด เป็นเสบียงในการเดินทาง
และก็รู้ว่า พี่ๆ ที่จัดการงานนี้เขาเตรียมข้าวเหนียวและหมูนุ่มๆ
ร้อนๆ เจ้าอร่อยไว้ให้คนละกล่องในรถ
เลยซื้อผ้าเย็นไว้เช็ดมือด้วยหลังทานอาหาร (เริ่มหิวเลยหละ
เมื่อเห็นกล่องบรรจุและมีคนพูดให้ฟัง) เมื่อรถบัส สีเขียวสดใส มาจอด
พวกเราที่รอก็เลือกที่นั่งกันตามใจชอบ
เวลา 06.30 น. ทุกคนมากันครบ ปรากฏว่าที่นั่งไม่พอ คราวนี้แหละที่ฉันเริ่มเห็นปัญหา แต่กลับรู้สึกซาบซึ้งใจในทริปนี้ เพราะว่าพี่หัวหน้าพยาบาล มีน้ำใจและ สปิริท มากๆ อาทิเช่น พี่ตุ้ยของฉันก็ยอมสละที่นั่งให้น้องอีก รพ.หนึ่งก่อน พี่ๆอีกหลายๆคน และทีมประสานของ สสจ.ก็ช่วยกันคิด และจัดระบบ โดยมีครอบครัวคุณแจ๊ค อาสาขับรถส่วนตัวไปเอง ทุกคนจึงมีที่นั่งเรียบร้อย โดยพี่ตุ้ยลงไปนั่งที่ชั้นล่าง ส่วนฉันนั่งกับพี่อีก รพ. หนึ่ง ฉันทานยาแก้เมารถเพิ่มอีก ¼ เม็ด แล้วเริ่มทานข้าวเหนียวกับหมูทอด...อย่างเอร็ดอร่อย พร้อมๆกับที่รถบัสเริ่มออกเดินทาง ฉันมีความสุขกับอาหารตรงหน้า และอาหารใจคือ ความมีน้ำใจของพี่ๆ ที่เป็นแบบอย่างๆให้น้อง และนี่คือจุดเริ่มของความสุขและความปลาบปลื้มใจ...
เริ่มการเดินทางบนท้องถนน
ก็เริ่มการเดินทางของพี่หญิง ในหน้าที่วิทยากร ประจำทริป
แม้ฉันจะง่วงจากการที่ทานยาเข้าไป แต่สติฉันก็รับรู้ว่า พี่หญิงทำหน้าที่ได้ดีอย่าง “ยอดเยี่ยม”
(สำหรับความคิดของฉัน ในรายการสร้างสุขครั้งนี้.. )
ด้วยการพูดทั้งมวลล้วนก่อให้เกิดรอยยิ้ม
เสียงหัวเราะ...ฉันได้รับรู้เรื่องราวที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง...จากพี่หญิง
และพี่ๆ ที่ได้รับๆไมค์ไปถือ
ทุกคนทำหน้าที่เหมือนกับว่าได้ถูกซักซ้อมมาเป็นอย่างดีเพื่อความสุขและเสียงหัวเราะของทุกผู้คน
ถือเป็น เวที KM เวทีหนึ่ง
ที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันด้วยวิชาสร้างเสียงหัวเราะ
...และนี้คือความสุข ความประทับใจในช่วงบนรถบัส
ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตลอดการเดินทาง
ถึงที่หมายปลายทาง
ที่บ้านไร่อิงดอย
จังหวัดชัยภูมิ บ้านพักที่นี่สีสันสดใส สีขาวบ้าง
ฟ้าบ้าง มีเต็นท์หลากสี ตั้งไว้ที่สนามหญ้าสำหรับบริการ
แต่ที่ฉันอยู่เป็นตึก 2 ชั้น สีภายนอก สีชมพูเข้ม อันมีนามของห้องว่า
“สายหมอก 2” ฉันและพี่ตุ้ยเอาสัมภาระไปเก็บ
ด้วยความเพลียเล็กน้อย และหิวอาหารกลางวันพอควร ห้องพัก
ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเราทราบในรถมาแล้ว แต่มิได้กังวลใจใดๆ
เพราะคาดว่าอากาศต้องดีแน่ๆ
เขาจึงไม่ติดแอร์และพวกเราก็มีอุดมการณ์กันแล้วเพื่อประหยัดพลังงาน...ช่วยชาติ
ห้องพักที่นี่จัดแบบเรียบง่าย
มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็น พร้อมทีวี
และเครื่องทำน้ำอุ่น
แต่ที่ฉันรู้สึกไม่สะดวกเล็กน้อยตามประสาคนที่ยังสนใจกับรูปอันเป็นขันธ์
5 นี้อยู่ คือ “ที่นี่ไม่มีกระจกในห้องเลย”
แต่มีกระจกในห้องน้ำตามปกติ... ยังไม่ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน
พี่ตุ้ยขอพักงีบเนื่องจากมิได้หลับในรถ
ต้องคอยทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกับพี่ๆ ส่วนฉัน “อิ่มหลับในรถ”
เลยสำรวจอาณาบริเวณพร้อมกล้องคู่ใจ...ตามประสา...
สวนที่นี่ก็สวยพอควร
มีดอกไม้ให้ฉันได้สนใจถ่ายรูป เช่น
ดอกบานชื่น ดาวกระจาย ดอกกระเจียวใหญ่ (พึ่งรู้จัก)
รวมถึงผลไม้ ให้ได้เด็ดกิน
พร้อมถ่ายรูปได้อย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งลำใย และที่ถูกใจมาก ก็คือ
ลูกเชอร์รี่..ที่มีลูกสีแดง ส้ม อยู่เต็มต้น
จนหล่นลงดินเกลื่อนกลาด ฉันถ่ายรูปไป เด็ดกินไป
ได้อารมณ์กระจ่าง ด้วยรสชาติ ที่เรารู้จักกันดี
ทำให้ย้อนกลับไปนึกถึงวันวัยเด็กที่ชอบปีนต้นไม้
หรือเก็บผลไม้ทั้งในบ้าน ในสวน และข้างทาง กินเล่นอยู่เป็นประจำ
...ป้วนเปี้ยนอยู่ที่ต้นเชอร์รี่ อยู่นาน
พี่ๆเดินผ่านมาใกล้ๆก็เรียกเข้ามาร่วมวงไพบูลย์ด้วยกัน (หาพวก)
และนี้ก็เป็นอีกความสุขทั้งทางตา
ทางใจ และทางลิ้นที่ชื่นชอบ จนสติตามรู้ได้น้อยมากๆ
จากการยั่วยุของเหยื่อล่อกิเลสครั้งนี้..
จิตไหลไปเคล้าเคลียกับความสุขรอบนอก และสุขภายใน ส่วนจิตตามรู้
ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนครั้งละน้าน..นาน..น....
อาหารกลางวันที่นี่ บางคนบอกว่าไม่ค่อยถูกปาก แต่สำหรับฉันผู้ทานน้อย ก็เหลือเฟือ และทานได้เป็นอย่างดี.. (อาหารขึ้นชื่อที่นี่คือ สเต๊กหมู ขาหมู และราดหน้าเส้นหมี่(ทอด) ฉันเริ่มได้ยินการพูดคุยของกลุ่ม ในด้านความอึดอัดใจของทีมผู้จัดบ้าง ซึ่งจัดโครงการนี้แบบรีบด่วน และมิได้ survey สถานที่พักก่อน อีกทั้งปัญหาเรื่องที่นั่งในรถบัสไม่พอในช่วงแรก ซึ่งเกรงว่าจะทำให้ผู้ร่วมเดินทางไม่พึงพอใจ ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจในทีมทำงาน ว่าพวกเขาต้องเหน็ดเหนื่อย เสียสละเวลาตนเอง จัดให้คนอื่นๆ เพื่อความสุขกาย-สุขใจของผู้อื่น ทั้งที่เป็นพี่ๆ ที่อายุก็มากขึ้นทุกที ๆ แต่ก็แสดงไฟในตนเอง จนเป็นที่น่าเคารพ และสมควรยึดเป็นแบบอย่างของคำว่า “การให้” หรือ “เสียสละ” “ การใส่ใจและดูแลผู้อื่นทั้งกายและใจ” ทำให้ตอกย้ำคำว่า “ทริป สร้างสุขภาพ” สำหรับฉันจริงๆ และก็เลย ขอบคุณพี่ๆ เขาอยู่ในใจ โดยจะไม่พยายามทำตัวให้เป็นที่ก่อเกิดความไม่สะดวกของกิจกรรมนี้ ด้วยความร่วมมือ และตรงเวลา
ช่วงบ่าย
กิจกรรมของทีมคือการไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสร้างสุขภาพกาย-ใจ
ที่บ้านดิน
อันเป็นโครงการของชาวบ้าน ภายในบ้านดินไม่ร้อนเลย
ด้านนอกมีพื้นที่ปลูกต้น “ แก่นตะวัน” (พี่เขาบอกอย่างนั้น)
มันคล้ายดอกดาวกระจายแต่ก็ไม่เหมือนนะ
ฉันพึ่งรู้จักเป็นครั้งแรก
ทีมงานให้ทุกคนได้ชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ และถ่ายรูปกันก่อน
แล้วจึงเรียกรวมเข้าภายในอาคารที่ทำจากดิน
มีรูปปั้นดินอยู่เป็นระยะให้ฉันกับพี่ตุ้ยไปถ่ายรูปด้วย
พี่หญิง สงสัยว่าหน้าพี่หญิงกับดอกทานตะวัน อะไรจะใหญ่กว่ากัน
พวกเรารวมตัวด้วยความขมีขมันเนื่องจากวิทยากรหลักคือพี่หญิง
มีบุคลิก ขมีขมัน สุข สดชื่น มี Activity
และเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา พี่หญิงทำหน้าที่ วิทยากรและ Facilitator
ในการนำคนอื่นๆ มาแลกเปลี่ยนกิจกรรมการสร้างสุขกายและใจ หลายๆ
รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ ... “น้องแหวว” พี่หญิงเรียกฉัน
เพื่อให้ฉันไปนำเรื่องการผ่อนคลายร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางของพวกเรา
ฉันงงแป๊บหนึ่ง แต่ก็รับได้ทัน และเลยหา Model มาช่วยอีก 2 คน
เพื่อให้ทำเป็นตัวอย่างให้ทุกคนดู (ความจริงแล้วฉันต้องการตัวช่วย
เพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อน เลยหาพี่ที่ท่าทางจะช่วยได้ดีมากๆ
จากอีกโรงพยาบาลหนึ่งมาช่วย) ฉันให้ทุกคนจับคู่และผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า
ท้ายทอย ไหล่ หลัง กันและกัน (ผู้หญิงทั้งนั้น มีผู้ชายมา 3 คน
ก็มากับครอบครัวน่า..) การยิ้มและหัวเราะด้วยความสุข
การนวดใบหน้า ติ่งหู ต้นคอ ไหล่ หลัง
ก็เป็นกิจกรรมการผ่อนคลายเพื่อสร้างสุข
(ที่สำคัญคือคนข้างๆกันได้ยิ้มและให้สัมผัสที่ดีแก่กัน โดยเน้นว่า
นวดด้วยหัวใจของความหวังดี)
น้อง"ซุนฟา" (สายใยแห่งรัก) ลูกสาวคุณแจ๊ค ที่น่ารักและร่าเริงมากๆ
จากนั้นก็มีพี่ๆ จาก รพ.อื่น ได้มาให้ความรู้เรื่อง สมุนไพร เรื่องเล่าต่างๆที่ทำให้พวกเราสุขใจ และประทับใจไม่รู้ลืม พี่หญิงยังให้พวกเรานั่งสมาธิ และขอบคุณอวัยวะสำคัญๆในร่างกาย และเซลทุกเซลของเรา (อันนี้ฉันทำบ่อยอยู่แล้วเวลาแผ่เมตตาให้ตนเอง แต่ก็ได้ไปทำช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกับคนอื่นก็ดีเหมือนกัน) ต่อด้วยการออกกำลังกายประกอบเพลงจากน้องหนู นักกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนักสร้าง mind Mapping ตัวยงชนิดหาจับยาก
กลับจาก KM สร้างสุขที่ “บ้านดิน” ก็ เป็นเวลา เย็น (16.00น) ทีมงานเปิดโอกาสให้พวกเราขึ้นไปที่ทุ่งดอกกระเจียวเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดินที่หน้าผาสุดแผ่นดิน(สองภาค) ฉันคิดว่าคงลำบาก และรอนานกว่าพระอาทิตย์จะตก อีกทั้งการแต่งกายไม่เหมาะสม เนื่องจากฉันใส่รองเท้าส้นสูง เพียงแค่ขึ้นไปนั่งพักที่หน้าผา และถ่ายรูป ไม่รอพระอาทิตย์ตกดิน เพราะเมฆหมอกมาก ยังไงก็คงไม่เห็นพระอาทิตย์ลูกกลมๆ หล่นไปหลังเขาที่ละนิดๆ เป็นแน่ ก็เลยเพียงแต่ยืนรับอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นมากๆ แม้จะเป็นยามเย็น ถ่ายรูปหลายมุม ทีชื่นชม แต่ต้องคอยหลบผู้คนที่หวังขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศแบบเดียวกับเรา เมื่อยแล้ว ก็ลงมากันกลุ่มหนึ่งที่อุทยานป่าหินงาม เดินหาอาหารสำรอง ซึ่งมื้อนี้ได้ ไข่ปิ้ง ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อยอีกมื้อ คราวนี้มีเจ้ามือเป็นพี่หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลมหาราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลบ้านเก่าของฉัน (ขอให้เจ้าภาพจงเจริญๆ นะคะ)
ทานส้มตำกันอิ่มหนำสำราญ ก็ไปเดินดูดอกกระเจียวที่เขานำมาวางขาย ฉันไปเดินชมความงาม และถ่ายรูป เพราะสวยดี..ชอบ..และเลยไปที่ร้าน “โครงการหลวง” ซึ่งเจ้าของร้านรู้จักกับทีมประสานงานในครั้งนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ ที่ใจดี ด้วยท่าทาง และการบริการ โดยนำลำใยแสนอร่อย (ซึ่งปกติฉันไม่ชอบกินสักเท่าไหร่) มาให้ทุกคนกินไม่อั้น พร้อมของหวานซึ่งทำจากมะเขีอเทศ (อร่อยมาก) และบอกว่า พรุ่งนี้เช้า (เป็นวันเสาร์ที่พวกเราจะเดินทางกลับ) ให้มาที่ร้านนี้อีก (ซึ่งพวกเราจะมาแต่เช้าเพื่อชมทุ่งดอกกระเจียวอยู่แล้ว) โดยท่านจะเลี้ยงกาแฟ และอีกหลายๆ อย่าง ฉันสนใจกับต้นไม้ต้นหนึ่งหน้าร้าน ที่เลื้อยพันกับป้าย “โครงการหลวง” ลูกขนาดโตกว่าไข่เป็ด สีเขียว สวยดี เลยถามท่านว่าลูกอะไร? ได้รับคำตอบว่าเป็นลูกกระทกรก หรือเสาวรส ที่ฉันเคยเห็นตอนสุก และเคยดื่มน้ำที่เขาทำขาย ก็รู้สึกว่าอร่อยดี คราวนี้เจอลูกดิบๆไม่รู้จัก แต่ก็ถ่ายรูปมาเพราะ ชอบว่ามันสวยดีน่ะ
กลางคืน
มีงานเลี้ยงส่งพี่ๆ ที่เกษียณอายุราชการ 3 คน
ซึ่งเป็นพี่ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 1 คน รพ.อยุธยา 1 คน และ รพ.
เสนา อีก 1 คน งานนี้ สร้างความซึ้งใจ
ระคนความอาลัยอาวรณ์
อันเป็นสภาวจิตที่ไม่ต้องการจากพรากของคนและการงาน
น้ำตาของท่านผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพและนับถือไหลหลั่ง..ฉันได้สติทบทวนเรื่องของอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา...และได้นำดอกไม้ไปมอบให้กับท่านทั้ง
3
จากนั้นท่านก็ได้พูดความในใจ..ที่บางช่วงถึงกับร้องไห้จนพูดไม่ได้
...ณ
เวลานี้ดูเหมือนเราจะเข้าถึงธรรมะกันอีกสภาวะหนึ่งที่ต่างจากช่วงเวลากลางวัน...ธรรมชาติก็คือธรรมชาติอยู่ดี
ไม่มีใครบังคับหรือกำหนดได้ มีสุข สบาย ทุกข์ เสียใจ
สลับไปมาเป็นธรรมดา
ยิ่งทำให้ทบทวนถึงสิ่งที่ควรกระทำต่อกัน...จะสร้างทุกข์ต่อกันไปทำไม
เพราะทุกข์นั้นย่อมมีมาอยู่แล้ว สิ่งที่เราเลือกได้และสร้างได้
คือสัมพันธภาพอันดีงาม..เราจะทำให้มีอยู่เนืองๆ
ได้อย่างไร?...ฉันกลับไปนอนในเวลา 22.00 น. ด้วยมีอาการป่วย
เจ็บแสบคอ... อันควรไปทานยา พักผ่อน พร้อมๆกับ
คำถามที่ค้างคาสักครู่นี้...ในใจ
วันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดนี้
ฉันตื่นนอนเวลา 05.15 น. เตรียมตัว และแต่งกายด้วยกางเกงวอร์ม
และรองเท้าผ้าใบ น้ำ 1 ขวด และขนมปังไส้ถั่วแดง
ป้องกันการหิวระหว่างทาง (เสียดายรู้ข้อมูลน้อย
มิเช่นนั้นคงพกเป้มาด้วย) พวกเรานัดกันพร้อมที่รถเวลา 06.00 น.
เพื่อขึ้นไปที่ทุ่งดอกกระเจียว โดยมีรถรับส่งที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
ซึ่งเราจะไปสัมผัสธรรมชาติ ของสายหมอก ป่าเขาลำเนาไพร
กับทุ่งดอกกระเจียว และ สวนหินงาม (ฉันเคยไปกับ 2
สหายและน้องอินเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว) รถพาขึ้นเขา ลมพัดหนาวเย็น
ถึงข้างบน ขึ้นไปบนผาสุดแผ่นดินอีกครั้ง คราวนี้ลมพัดหอบเอาเมฆหมอกมาด้วย
ฉันไม่มีเสื้อหนาๆ ใส่ เลยตัดสินใจไม่ไปยืนรับลมที่หน้าผา
เพราะว่าเมื่อวานเย็นได้สัมผัสบรรยากาศแล้ว
จึงเดินไปตามทางเพื่อชมทุ่งดอกกระเจียวแทน
โดยพี่ตุ้ยมีน้ำใจให้ใส่หมวกสีเหลืองของพี่ตุ้ย
เส้นทางเดินประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่
เถาวัลย์ อากาศชุ่มชื่น มีไอหมอกข้างทิวเขา และสายลมเย็นเบาๆ
พัดเล็ดลอดต้นไม้ใหญ่เข้ามา..การเดินทางแบบนี้มีความสุขจริงๆเลย
พักถ่ายรูปบริเวณก้อนหินบ้าง
ระหว่างต้นไม้ที่ขึ้นเป็นเหมือนซุ้มประตูให้เราเดินผ่านไปบ้าง
ความสุขข้างทางดึงดูดให้หยุดถ่ายรูปกันอยู่นั่นเอง จนคนอื่นๆ
เดินล่วงหน้าไปหมด
ถึงทุ่งดอกกระเจียวบาน
มีสะพานให้เราเดิน มาคราวนี้ต่างจากคราวที่แล้ว
ตรงที่วันนี้ไม่มีไอหมอก (อาจเป็นเพราะมาช้า และและช่วงแรกมีหมอกน้อย)
ผู้คนวันนี้ไม่มาก สามารถถ่ายรูปแบบไม่ให้ติดคนอื่นมาด้วยได้
ฉันกับพี่ตุ้ย ผลัดกันถ่ายรูป ได้ชื่นชมดอกโน้นดอกนี้
อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ เสร็จก็ออกมาปากทาง ขึ้นรถ 2 แถว
ไปที่สวนหินงาม
เดินสะพานและป่ายปีนเขาขึ้นไปถ่ายรูปกับหินงามอยู่หลายจุด ยังไม่ครบตามที่รู้ไว้ ก็เป็นอันหมดเวลา ....การออกกำลังกายวันนี้นับว่าได้ใช้พลังงานมาก นี่เป็นจุดประสงค์ของทริปนี้ ที่จะให้พวกเราได้มีการออกกำลังกายในที่ๆ สภาพแวดล้อมเป็นธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ การเดินขึ้นเขาในวันนี้ของฉันซึ่งเป็นเวลารวมทั้งสิ้น หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งรวมถึงการพักถ่ายรูปบ้าง บางครั้งก็ต้องหยุดและหายใจเข้า-ออก ลึกๆ ยาวๆ ช่วยเนื่องจากเหนื่อยหอบเล็กๆเหมือนกัน... หมดเวลาที่ 08.00 น. ถึงเวลานัดมารับเลี้ยงจากอาจารย์ที่โครงการหลวง อิ่มอร่อยกันมากมายกับข้าวกล้อง กาแฟ ข้าวโอ๊ต ลำใย ข้าวโพด พวกเราต่างซื้อของกลับบ้านอุดหนุนโครงการหลวงที่อร่อยและมีคุณภาพ ทีมงานหลายคนไปช่วยกันล้างภาชนะใส่อาหารที่พวกเราทานกัน บางคนก็กลายเป็นผู้ช่วยอาจารย์ เพราะไม่เช่นนั้น อาจารย์บริการพวกเรากันเองไม่ทันแน่ๆ ...ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งที่ดูแลพวกเราด้วยมิตรไมตรีอันดีแบบไม่รู้ลืมจริงๆ ค่ะ
ขากลับทานอาหารกลางวันที่
รพ.ชัยบาดาล จังหวัด
ลพบุรี ที่พี่ๆประสานงานไว้ ฉันประทับใจทีมงานของ รพ.ชัยบาดาลทุกคน
ด้วยไมตรีจิต จากกิริยาอาการและกิจกรรมต้อนรับที่งดงาม
พวงมาลัยที่เตรียมมามอบให้กับผู้เกษียณอายุราชการทั้ง 3 ท่าน
และหัวหน้าพยาบาลทุกคน บทกลอน และคำเอื้อนเอ่ยทักทาย
ที่ใส่ใจของพิธีกรซึ่งเป็นหัวหน้างานห้องคลอด
รวมถึงอาหารมื้อนี้ ซึ่งมีส้มตำ ลาบ ไก่ย่าง ซุปหน่อไม้ ผลไม้
โดยเฉพาะส้มตำนั้น พี่ๆตำให้เอง
มีวัตุถุดิบที่เตรียมให้อย่างดี..สามารถแสดงฝีมือกันเองได้
...อืม..ม..ช่างแซ่บหลาย..และประทับใจจริงๆ เจ้าค่ะ...
กลับถึงสำนักงานสาธารณสุข
ก็เย็นมากแล้ว ที่นี่ ณ ช่วงเวลาสุดท้ายของทริปนี้
ฉันก็ยังได้เห็นความงามในน้ำใจของพี่ใหญ่ทั้งหลาย ที่จะคอยดูแลให้คนอื่นๆ นำสัมภาระลงรถก่อน
และตนเองนำลงทีหลัง เป็นห่วงเป็นใย ส่งผู้คนกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม
และความมีคุณค่าภายในใจ
ฉันกลับมาพร้อมกับพี่ตุ้ยโดยมีเจ้าหน้าที่ ที่
รพ.ไปรับและมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลข้างเคียงมาด้วย ถึงบ้านเวลา เกือบ
18.00 น. ด้วยความสุขใจ แต่เหนื่อยกาย อันเป็นธรรมดา
ข้อสังเกตในครั้งนี้
ฉันได้ความสุขมาเต็มเพียบด้วยคุณค่าของมิตรภาพจากพี่ๆ
และความสุขสวยงามของธรรมชาติ
อันทำให้จิตใจหลงไปกับความสุขเป็นส่วนมาก
ตกกลางคืนก็มีความร่าเริงต่อธรรมชาติ อย่างไม่รู้ลืม
สัญญาความสุขต่างๆ มีมาต่อเนื่องทั้งหัวค่ำ และ ยามตื่น
และยามเล่นโยคะในวันอาทิตย์นี้....สติตามรู้น้อยมาก ซึ่งเสมือนเป็นขาลงเมื่อเทียบกับช่วงวันหยุดแห่งธรรมะบรรเจิดช่วงที่แล้ว...ก็ตามรู้ได้เท่านี้ดังหลักไตรลักษณ์จริงๆ
บังคับไม่ได้
ต้องขอบคุณ ทีมงานทั้งพี่ๆ
หัวหน้าพยาบาลทั้งหลายและทีมงานประสานงานของจังหวัด รวมถึงทีมงานจาก
สปสช. ที่ทำให้มีกิจกรรมสร้างสุขภาพกาย-ใจนี้ รวมถึงอะไรๆ
หลายอย่างในบรรยากาศที่ทำให้ฉันได้วิจัยธรรม
...ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก...การงานก็หนักและทุกข์มากพอควร...ถ้าเช่นนั้นเรามาสร้างสุขในการทำงานร่วมกันเถอะ...เพื่อดอกไม้จะได้บานในใจของเราทุกคน...ดอกกระเจียวในวันนี้จะได้ไม่เหี่ยวเฉา...ให้เราได้กลับมาย้อนระลึกเป็นกำลังใจในการทำงานของชีวิตต่อๆไปได้ทุกๆวัน
ขอบคุณทุกคนนะคะ...
SAWADEE คุณแหวว อ่านบล็อกแล้วเพลินไปเลย กับทริปนี้สงสัยอาจจะมีบางคนจัด ทริปย้อนรอยดูทุ่งดอกกระเจียว พักที่บ้านไร่อิงดอย ชัยภูมิ( ไม่รู้คุณแหววไปแอบรับค่าโฆษณามาหรือเปล่า เล่าซะเห็นภาพพจน์ชัดแจ๋ว )
เป็นการอ่านเรื่องการท่องเที่ยวที่แปลกประหลาดที่สุดตั้งแต่เคยอ่านและเคยไปมาทั้งที่ก็ไปเที่ยวมามากทั้งในและต่างประเทศแต่ไม่เคยได้สัมผัสกับประสบการณ์ทางจิตที่หล่อหลอมกับธรมมชาติเป็นหนึ่งเดียว ความงามของดอกไม้และธรรมชาติที่คุณแหววรู้สึกด้วยจิตวิญญาณความอ่อนโยนนั้น เป็นความงามที่ผมไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยนักและไม่ลึกซึ้งมากนัก เพราะแต่ละทริปที่เราไปเที่ยวเรามักจะมีจุดหมายที่การ พบเห็นสิ่งแปลกใหม่ สวยงามและต้องการคาดหวังว่าความงามนั้นๆต้องมากขึ้นเรื่อยด้วย จึงนับว้าเป็นความคิดที่เข้าท่าที่เดียวกับความสุขที่เกิดจากงาน ความสุขที่เกิดจากสิ่งเล็กๆ รอบตัว ความสุขที่เกิดจากจิตวิญญาญ ความสุขที่ได้รับจากคนรอบข้าง ความสุขจากการมองโลกในแง่ดี
ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพไม่ใช่เชิงปริมาณที่บางครั้งก่อให้เกิดทุกข์กับกายมากขึ้น
สุดท้ายอ่านจบแล้วพบว่า ดอกกระเจียวบานในหัวในของผมแล้วละ และเป็นประกายเล็กๆที่จะพยายามมองความงามรอบตัวให้ชัดเจนเป็นความสุขหล่อเลี้ยงกายและใจในการทริปในโอกาสต่อไป
หวัดดีค่ะ..คุณลมใต้ปีก
ยัยหนู i nn z
สวัสดีค่ะ คุณ แผ่นดิน
สวัสดีคร๊าบ......
แฮ่ๆๆ แวะมาเยี่ยมหลังจากกลับจากหนีเที่ยว... ต้องยกนิ้วให้เลย เขียนบรรยายได้เห็นภาพ..ทำให้คิดถึงสมัยเมื่อหลายปีก่อนที่ไปด้วยกันกับลูกอิน และ น้องไข่เจียว ตอนนี้ยังหารูปไม่เจออ่ะ....ถ้าหาเจอจะลองเอามาโพสต์ด้วย...อิอิ
อ้อ...ตอนนี้ขอปลอมตัวเป็นแมววววน้อยน่ารัก เก็บกระเป๋ารอแล้วเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางคร๊าบ.......(ไปไหนไปด้วย)
ถึง...น้องอิน....เฮ้อ ! ต้องอ่านอยู่ตั้งนาน กว่าจะเข้าจาย......ขอให้สอบได้เกรดเอๆนะจ๊ะ คิดถึงน้องอินเช่นกันจ่ะ
โคนันคุง
อารายกัน.. โคนัน คุง
สวัสดีครับ
มาเอาบรรยายกาศดีๆไปรวมในรวมตะกอนครับ ขอบคุณมากครับ http://gotoknow.org/blog/mrschuai/117622#
สวัสดีค่ะ
อ่านเรื่องทุกตัวอักษร สนุก และ สอดแทรกธรรมะด้วย รูปก็สวยมากค่ะ
หมู่นี้งานยุ่ง ขอฝากความคิดถึงคุณแหววมาด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณน้อง- อ.ขจิต
คิดถึงเช่นเดียวกันค่ะ..คุณพี่ sasinanda
สวัสดีค่ะน้อง.. พิชชา
หวัดดีค่ะ
ม่ามี้จัง
วันนี้วันแม่
นู๋อิน เสียดายจัง
ที่ม้ายด้ายอยู่กะแม่อ่ะ
อดกอด อดเห็นหน้าเลย
แต่ยังงัยนู๋อินก้อ. . ..
รักแม่น้าค่ะ
ที่สุดในโลกเลยอ่า
คิดถึงมากมาย
เมื่อคืนนอนคนเด๋วด้วย
เหงาจัง
สุขสันวันแม่น้าค่ะ
แด่แม่ทุก ๆ คน ( แม่แหวว แม่ใหญ่ แม่โหม่ง )
คืดถึงทุก ๆ คนที่อยุ่ที่ยุดยาน้า
บาย ๆ จุ๊บ ๆ
LOVE everybody
ขอคารวะทั่นพี่
หายไปนานจากเหตุขัดข้องบางประการ
ขอบคุณที่พาข้าน้อยไปเที่ยว (เหมียนได้ไปด้วยจริงๆ)
อยากจาบอกว่า ดอกไม้ย่อมมีวันร่วงโรย แต่ดอกไม้ในหัวจัยข้าน้อยยังเบ่งบานตลอด....อบอุ่นทุกครั้งที่ได้รู้ว่ายังมีสิ่งดี ดีอยู่ใกล้ๆตัว ขอให้ทั่นพี่มีความสุข สงบจาได้มีสิ่งดี ดี มาฝากกันอีกนะ
จะรอคอยตอนต่อไป 55555....
ลุกขึ้น... จั่นเจา
ได้เข้าไปชมทุ่งดอกกระเจียวแล้ว ขอบคุณน้องแหววมากๆที่นำไปเผยแพร่ ทำให้พี่หายเหนื่อย เมื่อรู้ว่าสิ่งที่พี่ได้ทำสร้างความสุขให้น้องๆได้บ้าง จะได้มีกำลังใจทำต่อไปจ้ะ
สวัสดีค่ะ..พี่อร