สืบเนื่องจาก การเสวนาจัดการเครือข่ายความรู้ระหว่างมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 11 ของอาจารย์ขจิต และ KM ในมหาชีวาลัยอีสาน » นักวิชาการกับชุมชน มาเป็นหุ้นส่วนความรู้กันดีไหม ของท่านครูบาสุทธินันท์ ผู้บันทึกจึงขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในหัวข้อเรื่อง “การเชื่อมโยงวิชาการกับชุมชน” ที่ มมส.กำลังจะจัดเสวนาขึ้นในวันที่ 23-24 สิงหาคมนี้ เนื่องจากผู้บันทึกลองใช้มุมมองในฐานะคนทำงานกับชุมชน ซึ่งอาจจะแตกต่างจากมุมมองอื่นๆ หากเป็นประโยชน์บ้างก็ใคร่เสนอไว้ในที่สาธารณะนี้ดังต่อไปนี้
มีสาระอย่างน้อย 5 เรื่อง(Key word) ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ กล่าวคือ วิชาการอะไร / ใครเป็นผู้เชื่อมโยง / เครื่องมืออะไรที่จะเอาความรู้ไปเชื่อม / เชื่อมด้วยการบวนการอะไร / ใครคือชุมชนที่เป็นเป้าหมาย เพราะหัวข้อนี้น่าสนใจมาก และเป็นเจตนาที่ดีของสถาบันที่จะดำเนินการ จึงใคร่เสนอความคิดเห็นเป็นเชิงประเด็นคำถาม หรือประเด็นอภิปราย ต่อไปนี้
วิชาการอะไร: ที่จะเอาไปเชื่อมกับชุมชน อาจมองได้สองส่วนคือ
แต่ทั้งหมดต้องเน้นว่าชุมชนได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งเรานิยมมองแบบเอาชุมชนเป็นตัวตั้งหลัก แล้วจัดวิชาการไปให้สอดคล้อง ซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาเสมอว่าวิชาการไม่เหมาะสมกับชุมชน อาจจะไม่ได้ย่อยให้ง่าย และหรือ วิชาการนี้เหมาะกับชุมชนนี้ แต่อาจจะไม่เหมาะกับชุมชนอื่นๆ ฯลฯ
ใครเป็นผู้เชื่อมโยง: หากจะเข้าใจไม่ผิดจะหมายถึงมหาวิทยาลัย หรือเรียกรวมๆก็คือ สถาบันการศึกษา องค์ความรู้ของสถาบันมีมากมายก่ายกอง แต่ผู้เชื่อมมีทักษะ ความจัดเจนแค่ไหนถึงจะเชื่อมกันติด เชื่อมแล้วเกิดประโยชน์ต่อเนื่อง ยั่งยืน หรือเพียงแต่เบื้องต้น แล้วก็จางหายไปในเบื้องกลางและเบื้องปลาย ฯลฯ
มีเครื่องมืออะไรเชื่อมโยง: เราเคยเห็นที่อ่านหนังสือพิมพ์ในหมู่บ้านที่ล้มครืน เราเคยเห็นที่พักเกษตรตำบลในหมู่บ้านร้าง ผุ พัง ทั่วประเทศ ไม่มีเจ้าหน้าที่อาศัยอยู่ เราเคยเห็นหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านที่ยังคงทำงานเพียงไม่กี่แห่งจากทั่วประเทศ เรากำลังเห็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีตำบลรกร้าง ว่างเปล่าฝุ่นจับหนังสือ ตำราเกรอะไปหมด เรากำลังเห็นศูนย์คอมพิวเตอร์ที่อบต.เป็นที่เล่นเกมส์ของเจ้าหน้าที่ ฯลฯ
มีกระบวนการอะไรในการเชื่อม: ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อบต. และผู้แทนกลุ่มองค์กรชาวบ้านต่างๆในวันพิธีเปิด ใช่หรือไม่ มีการประชุมทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนบ้าง แต่เนื้อหาสาระยังห่างไกลจากวิถีชีวิตของเขาหรือเปล่า หรือวิธีการอะไรในการเชื่อม มีความต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไร จัดทำที่ไหน ช่วงไหนของฤดูกาล สอดคล้องกับวิถีชีวิตเขาแค่ไหน ? ฯลฯ
ใครคือชุมชนที่เป็นเป้าหมาย: ชุมชนในเมืองกับชนบท ต่างกัน ชุมชนชนบทที่มหาสารคามกับที่ดงหลวง ต่างกัน ทั้งในแง่ระบบภูมินิเวศน์วัฒนธรรม และวิถีชีวิต และลักษณะเฉพาะของชนเผ่า ต่างกันมาก เมื่อชุมชนต่างกัน ทุกเรื่องข้างต้นที่กล่าวมาแล้วสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะนี้อย่างไร? ฯลฯ
ผู้บันทึกเพียงตั้งประเด็นให้ทุกท่านที่จะเข้าร่วมสัมมนาได้นำไปถกต่อ แล้วนำผลมาเล่าสู่กันฟังด้วยครับ ทั้งหมดนี้ผู้บันทึกอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนก็ได้ ต่อสาระ ต้องขออภัยล่วงหน้าก่อน แต่หากไม่คลาดเคลื่อน ลองอภิปรายประเด็นดังกล่าวซิครับ ??
สวัสดีครับ น้อง TAFS
สวัสดีครับครูบาครับ
ว่าจะเข้านอนแล้ว เห็นบันทึกพี่บางทรายมาแหย่ไว้ ก็เลยมาแจมสักนิด
-
สวัสดีครับน้อง ยอดดอย
สวัสดีครับน้องสิงห์ สิงห์ป่าสัก
สวัสดีครับพี่บางทราย
ขอบคุณมากครับ สำหรับหนังสือดี ๆ " เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุย: เวียดนาม"
เท่าที่สังเกตุการทำงานของหลาย ๆ หน่วยงานหรือหลายชุมชน
พี่บางทรายยกสาระสำคัญ ๕ ประเด็นได้ชัดเจน ดีมาก ไม่เพียงนักพัฒนา นักวิชาการมืออาชีพเท่านั้นที่ควรตระหนักถึงประเด็นเหล่านี้ คิดว่าขณะนี้เรากำลังมีนักศึกษาทั้งปริญญาโทและเอก จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องการศึกษาในแนวพัฒนาชุมชน ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง อาจารย์ที่ปรึกษาควรจะเคี่ยวลูกศิษย์ให้นำประเด็นเหล่านี้มาคิดในงานวิจัยด้วย จะได้เกิดประโยชน์จริงๆไม่ใช่แค่จบได้ปริญญา
ได้ข้อคิดจากคุณ Tafs น้องยอดดอย อาจารย์ภูคา และคุณสิห์ป่าสักมาเติม ยิ่งเข้มข้น ได้ความรู้มากเลยค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์ ภูคา
สวัสดีครับคุณนายคุณนายดอกเตอร์