ช่วงบ่ายวันนี้เรา(อ.นลินรัตน์ และทีมงาน)ได้หาลือกันว่าในการจัดงาน UKM11 ของวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ จะจัดขึ้นที่โรงแรมตักสิลา ในช่วงเย็นทางเราจะพาเยื่ยมชม มรภ. มหาสารคาม และนำสมาชิกมาโฮมกันเพื่อกินข้าวแลง(รับประทานอาหารเย็น) และชมการแสดงพื้นเมืองของอีสาน
เช้าวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐ ลปรร AAR ณ ชุมชนเชื่อมโยงนักวิชาการในจังหวัดมหาสารคาม
(ขอให้สมาชิก UKM ช่วยกันแสดงความคิดเห็น)
ชุมชน มรภ. มหาสารคาม ดร. พิสุทธา ได้นำเสนอแนวคิด UKM-11 ในประเด็น ลปรร. ช่วงบ่าย ของวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ ว่าน่าจะใช้ประเด็นการบริการสู่ชุมชน ดังนี้
เป้าหมาย เพื่อได้ทราบแนวทางหรือรูปแบบกระบวนการบริการวิชาการสู่ชุมชนของแต่ละมหาวิทยาลัยว่าเป็นอย่างไร
การจัดกลุ่ม ควรจัดตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย โดยให้สอดคล้องกับหน่วยงาน/คณะ/ศูนย์/สำนัก เช่น
1. จัดตามคณะ เช่น คณะวิทยาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ และคณะวิทยาการจัดการ เป็นต้น เนื่องจากแต่ละคณะก็จะมีแนวทางที่แตกต่างกันไป
2. จัดตามหน่วยงานที่ให้บริการในแต่ละด้าน เช่น สำนักศิลปวัฒธรรม สำนักวิจัย สำนักวิทยบริการ สำนักคอมพิวเตอร์และภาษา และสำนักกิจการนักศึกษา เป็นต้น
ทั้งนี้แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีแนวทางการให้บริการของแต่ละหน่วยงานที่แตกต่างกันไปในแต่ละหน่วยงาน หรือในแต่ละพันธกิจ
- ผมขอให้ความคิดเห็นเรื่องการแบ่งกลุ่ม เพื่อนำไปสู่การจัดตั้ง “ชมรม (CoP) นักเชื่อมโยงวิชาการกับชุมชน” โดยเน้นที่ learning mode ระหว่างนักวิชาการจาก UKM หรือ สถาบันฯ กับ ชุมชน โดยอาจจะแยกกลุ่มตาม แนวที่มีการร่วมมือระหว่างสถาบัน (การศึกษา) ต่าง ๆ กับชุมชนอยู่แล้ว เช่น
- กลุ่ม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือ การท่องเที่ยวโดยชุมชน
- กลุ่ม การเกษตรผสมประสาน หรือ เกษตรทฤษกีใหม่ หรือ เกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
- กลุ่ม หมอชุมชน หมอพื้นบ้าน สมุนไพร หรือ สุขภาพ ฯลฯ
- แทนการแยกตามคณะ ศูนย์ สถาบัน เพราะแต่ละที่แบ่งแตกต่างกันพอสมควร
- เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ
คมมีความเห็นว่าไม่ควรนำเสนอเป็นรายคณะครับ ควรนำเสนอแบบเอาชุมชน / ท้องถิ่น เป็นฐาน คือเสนอว่าไป ลปรร. กับชุมชนไหน เรื่องอะไร ใครไปบ้าง ไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง กิจกรรมนั้นชาวบ้านทำอะไร นักวิชาการทำอะไร เกิดผลอะไรต่อชาวบ้าน เกิดผลอะไรต่อนักวิชาการ / มหาวิทยาลัย ควรทำอะไรต่อไปอีก ถ้าจะไปทำกิจกรรมทำนองนี้อีก ควรปรับปรุงอย่างไร
เรื่องที่นำมาเล่า ถ้ามีนักวิชาการจากหลายคณะ/หน่วยงาน ไปร่วมกัน จะงดงามมาก การบริการวิชาการแก่ชุมชนที่ดีจริงๆ ไม่ใช่กิจกรรมเฉพาะสาขาวิชาเดียว จึงไม่ควรนำเสนอเป็นรายคณะ
การนำเสนอเป็นรายคณะเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมต่อ KM เพราะมันจะทำให้ความรู้เป็นส่วนเสี้ยว (fragmented)
วิจารณ์ พานิช
ผมเห็นด้วยกับความเห็นของคุณหมอวิจารณ์ว่าเราควรเอาประเด็นชุมชนหรือพื้นที่เป็นตัวตั้งในการจัดกลุ่มครับ โดยผมเห็นว่าในการแบ่งกลุ่มนั้น ควรนำกระบวนการที่ดำเนินการจริงในพื้นที่ที่เราได้เรียนรู้มาเป็นตัวกำหนดกลุ่มหรือแนวทางในการพูดคุย ลองยกตัวอย่างที่พอนึกได้เร็วๆ เช่น 1) โจทย์ร่วมของพื้นที่คืออะไร อะไรคือประเด็นปัญหาของชุมชนในมุมของชาวบ้านและอะไรคือประเด็นในมุมของนักวิชาการ 2) กระบวนการที่เราใช้หรือ approach หลักในการทำงานร่วมกับชุมชน เครื่องมือ วิธีการ 3) ปัญหาและอุปสรรคที่พบ การแก้ปัญหา การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น 4) ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในด้านของชุมชน 5) การเปลี่ยนแปลงหรือการเรียนรู้ในด้านของนักวิชาการ 6)ผลที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่เป็นรูปธรรม การเรียนรู้ร่วม และ outcome ที่สืบเนื่อง เช่น ผลต่อการเรียนรู้ ผู้คนที่เกี่ยวข้อง (นศ. stakeholders อื่นๆ)
ทั้งนี้ เห็นว่า เราควรให้แต่ละมหาวิทยาลัยจัดทำเป็นเอกสารสรุปย่อส่งให้ผู้จัดก่อน เพื่อให้ facilitator ได้วิเคราะห์ล่วงหน้า และสามารถในการอำนวยการประชุมได้อย่างชัดเจนขึ้น ด้วยวิธีนี้ จะเป็นการบังคับโดยอ้อมให้แต่ละมหาวิทยาลัยเตรียมคน (BAR) มาก่อนอย่างแท้จริง จะได้ทราบบทบาทของตนเองในการเข้าร่วม
อนึ่ง หากมีคนที่อยากจะให้เข้ามาเรียนรู้ คนให้เป็นผู้สังเกตการณ์ไปก่อนครับ
อนุชาติ พวงสำลี
เมื่อ พฤ. 09 ส.ค. 2550 @ 08:38 [344081] [ลบ]
ผมขอทบทวนข้อเสนอแนะจากสมาชิก UKM ที่เกี่ยวกับ UKM 11 ดังบันทึกต่าง ๆ ข้างล่างนี้ และจะเป็นการดีมากเลยถ้าทีมเจ้าภาพ UKM 11 จะช่วยออกมาหาข้อสรุปและชี้แจงให้ผู้เข้าร่วมได้รับทราบ จะได้เตรียมการกันถูกน่ะครับ ขอบคุณครับ