โลกร้อน (3) : โลกร้อนด้วยมือเรา ทำอย่างไรกันดี


สวัสดีครับทุกท่าน

         นำ เรื่องร้อนๆ กับโลกร้อนๆ ของร้อนๆ มาฝากครับ จาก ดร.วัฒนา กันบัว ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเล กรมอุตุนิยมวิทยามาฝากครับ

-----------------------------------------------------------------------------------

โลกร้อนด้วยมือเรา ทำอย่างไรกันดี

ภาวะโลกร้อนนับว่าเป็นกระแสที่ร้อนแรงเพราะมันคือความจริงที่เกิดขึ้น ในอดีตมีการตั้งข้อสังเกตว่าโลกร้อนจากการกระทำของธรรมชาติเองซึ่งมีพลังมหาศาล หรือมนุษย์ตัวเล็กๆที่คิดเปลี่ยนโลกด้วยสติปัญญา

จริงๆแล้วภาวะโลกร้อนเกิดมาจากสาเหตุทั้ง 2 อย่างคือจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ และน้ำมือมนุษย์

ในกรณีของน้ำมือมนุษย์ เริ่มจากในอดีตมนุษย์อยู่กับธรรมชาติแบบแฝงตัว ไม่รังแกธรรมชาติ เกรงกลัวป่าไม้ เคารพธรรมชาติ เพราะเชื่อว่ามีสิ่งศักสิทธิ์ การทำกิจกรรมใดๆจากน้ำมือมนุษย์ เช่นการกสิกรรม อุตสาหกรรมครัวเรือน ซึ่งต้องมีการเผ่าไหม้ ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ป่าไม้ก็สามารถดูดซับได้ เพราะมีป่าไม้มากเพียงพอ ต่อมามีประชากรมากขึ้นมีความเจริญมากขึ้น และผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์พบว่าไม่มีสิ่งศักสิทธิ์ ทำให้เกิดการทำลายป่าไม้อย่างมาก ทั้งเพื่อที่ทำกิน เพื่อที่อยู่อาศัย รวมไปถึงทำเป็นอุตสาหกรรม จนมีป่าไม้เหลือน้อยมาก และพื้นที่ป่าไม้จำนวนน้อยนิดไม่สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ปล่อยออกมาได้ จนเกิดเป็นภาวะโลกร้อน

ความจริงอีกข้อหนึ่งก็คือสิ่งแวดล้อมในทุกๆที่บนโลกเปลี่ยน พื้นดิน พื้นหญ้า กลายเป็นพื้นปูนซีเมนต์ ทำให้การซึมของน้ำเป็นไปได้ยาก สิ่งเหล่านี้เกิดมาจาก การเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมโลก ซึ่งจำแนกออกเป็นคลื่น ได้แก่

คลื่นลูกที่หนึ่ง สังคมเกษตรกรรม เครื่องชี้วัดความยิ่งใหญ่หรือความเจริญก้าวหน้าของสังคมคือ การมีอาณาเขตใหญ่โตกว้างขวาง มี พื้นที่สำหรับเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และทำการเกษตรจำนวนมาก

คลื่นลูกที่สอง สังคมอุตสาหกรรม เครื่องชี้วัดความยิ่งใหญ่และมั่งคั่งของประเทศคือความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ จำนวนแหล่งแร่ธาตุวัตถุดิบที่มีอยู่ และในสมัยต่อมาเครื่องชี้วัด คือ "ทุน" จำนวนมาก

คลื่นลูกที่สาม สังคมแห่งเทคโนโลยี เครื่องชี้วัดความยิ่งใหญ่และมั่งคั่งของประเทศคือความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศ และอำนาจในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร

คลื่นลูกที่สี่ สังคมความรู้ เครื่องชี้วัดความยิ่งใหญ่และมั่งคั่งของประเทศคือการศึกษา การตีความความและแยกแยะจำแนกข้อมูลข่าวสารจนกลายเป็น "ความรู้" และการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้จริง

คลื่นลูกที่ห้า ปราชญสังคม เครื่องชี้วัดความเจริญรุ่งเรืองระยะยาวของสังคม ความสำเร็จยั่งยืนแท้จริงและมีคุณค่า จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มี ปัญญาด้วย เพราะมีคำพังเพยที่ว่า "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" ยังเป็นคำพูดเตือนใจเราได้อย่างดี เราต้องตระหนักให้แน่ชัดว่า "ความรู้" ไม่ใช่ "ปัญญา" จนกว่าจะรู้จักประยุกต์ให้เหมาะสมถูกที่ ถูกเวลา ถูกโอกาส ถูกสถานการณ์ ถูกบริบท และถูกระบบแวดล้อม ฯลฯ

จากที่กล่าวมาข้างต้น ความเจริญทางด้านวัตถุ โดยขาดการใช้ปัญญา ทำให้เกิดผลเสียต่อโลก ความเร่งที่พัฒนาประเทศทั่วโลกจนเกินเหตุ ก่อให้เกิดมลภาวะ และทำลายสังคมชนบทที่สวยงาม ตีค่าทุกๆสิ่งเป็นเงิน ไม่คำนึงถึงจิตใจ และคุณค่าความเป็นมนุษย์

การรับมือกับภาวะโลกร้อนเราคงได้ลำบาก เพราะต้นเหตุใหญ่มาจากประเทศมหาอำนาจ ที่มีอัตราการผลิตสูงมาก ต้องใช้การเจรจาในเชิงการฑูตซึ่งใช้เวลานาน การแข่งขันเป็นสาเหตุของการหยุดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ประเทศที่มีสังคมแบบคลื่นลูกที่สาม มีเงินทุนเยอะมากๆๆ ก็ไปลงทุนในประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนา ทำให้มลภาวะที่ออกมาไม่ได้เกิดในประเทศผู้ให้ทุน ซึ่งปัจจุบันประเทศกำลังพัฒนาเป็นฐานการผลิตของโลก และปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลกไปแล้ว เพราะประเทศพัฒนาแล้วอยู่ในสังคมคลื่นลูกที่ห้า

 
ส่วนประเทศของเราคงต้องอนุรักษ์ธรรมชาติกันขนานใหญ่ และจัดขบวนทัศน์สู้กับกลุ่มทุนที่จะมาสร้างโรงงานแบบสะเปะสะปะ ต้องมีนิคมรองรับและปรับภูมิทัศน์ให้เป็นพื้นที่สีเขียวโดยใช้หลักวิศวกรรมชีวภาพ

ยึดหลักความพอเพียงของในหลวง รวมไปถึงส่งเสริมคนดีมีน้ำใจ มากกว่าคนรวย ความสุขควรจะมาจากใจ ไม่ใช่วัตถุ การช่วยเหลือแบ่งปันคือความสวยงามของชีวิต

วิกฤตภาวะโลกร้อนเป็นประโยชน์กับกลุ่มคนที่ต้องการหารายได้จากแหล่งทุนต่างๆ นักวิชาการบางคนไม่เคยทำงานด้านนี้ คือไม่มีผลงานวิจัย หรือเกี่ยวข้องกับมลภาวะ หรือการตรวจอากาศมาก่อน อยู่ดีๆพอเกิดวิกฤตภาวะโลกร้อนก็ออกมาแสดงตัว ออกสื่อและสัมภาษณ์แบบน่ากลัว นำข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีทั้งจริงและเท็จ ไม่ได้ผ่านการกรอง โดยทำวิจัยโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ บางคนก็ใช้ "I think model." ผมคิดว่าโมเดล รวมไปถึงพูดเอามัน ทำให้ประชาชนผู้บริโภคข่าวสารต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก   

แหล่งอ้างอิงจาก http://weather.nakhonthai.net/webboard/index.php?topic=29.0

----------------------------------------------------------------------------------

บทความโลกร้อนที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้

ขอบคุณมากครับ

เม้ง สมพร ช่วยอารีย์

หมายเลขบันทึก: 108612เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2007 17:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 20:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
  • ค่อนข้างวิตกเหมือนกัน
  • พยายามให้ทุกๆท่านปลูกต้นไม้
  • ถ้ามีต้นไม้มากๆๆคงช่วยได้เนอะ
  • ขอบคุณครับ
P

สวัสดีครับพี่บ่าว

  • ขอบคุณมากครับ บายดีหม้ายครับ
  • มีต้นไม้เยอะๆ ดีครับ เพราะเป็นผู้ผลิตและเป็นผู้ให้ ช่องโหว่ที่เกิดในชั้นโอโซน คงชุนด้วยเข็มไม่ได้ครับ แต่อาจจะต้องลดความร้อนด้วยการชุนพื้นโลกด้วยป่าไม้
  • มีป่าไม้ แม่ว่าจะยับยั้งภาวะโลกร้อนไม่ได้ แต่คนในป่าไม้จะร่มเย็นกาย เย็นใจเป็นแน่แท้
  • ปลูกป่าเริ่มกันที่ใจ ปลูกต่อเนื่องไว้ในใจ มีหิริ โอตัปปะ ทุกครั้งที่จะโค่นต้นไม้
  • ลองเปลี่ยนแนวคิดของพระพุทธศาสนา หรือศีลข้อที่ 1 จากการห้ามฆ่าสัตว์ เป็นการ การห้ามฆ่าสัตว์และต้นไม้ดูครับ หรือห้ามทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นบาป
  • พูดง่ายๆ ใส่คำว่าต้นไม้ลงไปทุกข้อเลยครับ ต้นไม้ป่าไม้ ธรรมชาติ
  • เพราะเรามัวแยกระหว่างสัตว์กับต้นไม้ พืช ออกจากกัน มันเลยไม่รู้สึกการเอาใจเขามาใส่ใจเรา เลยถางป่ากันราบคาบ เพื่อจะเอาพืชเศรษฐกิจลงไปอย่างเดียว เอาแต่ให้ได้เงินมาอย่างเดียว ผลกระทบอื่นๆ ทางตรงทางอ้อม ฉันไม่เกี่ยว แบบนี้ ก็เละหมดครับ
  • ขอบคุณมากครับ

จ๊ะเอ๋ พี่เม้ง

        ก็แวะมาทักทายในบล๊อคนี้นะค่ะ โลกร้อนก็เพราะน้ำมือของมนุษย์เนี่ยแหละค่ะ ถ้าอยากให้โลกเย็น ก็ต้องแก้ไขโดยน้ำมือของมนุษย์เช่นกัน มาช่วยกันทำให้โลกเย็นกันเถอะ    " เอาโลกมาใส่ไว้ในตู้เย็น " คือ  พยายามช่วยกันควบคุมความประพฤติและพฤติกรรมของเรากันหน่อย  ปลูกต้นไม้เยอะๆ เหมือนหยิบโลกของเราไปแช่ไว้ในตู้เย็น (คิดไปได้น้อเรา) 

             เอาเป็นว่าภาวะโลกร้อน  ไม่เป็นไร  อย่าทำใจของเราให้ร้อนตามโลกไปด้วยเลยนะค่ะ 

สวัสดีครับ

P

มุดไปมุดมาจะหาที่เย็นๆพักผ่อนสักหน่อย ดันมาโผล่ที่ร้อนๆ   เอาไงดีครับ   ...................ไปหาที่เย็นๆก่อนแล้วค่อยมาดีกว่า ............................เฮ้อ !!!!!!

 

สุดยอดครับ น้องบ่าว สุดยอด !

  • พี่บ่าวเคย คิด พูด เขียน ไว้บ้าง แต่ม่เบ็ดเสร็จแบบนี้ .. ขอ Copy ไปบอกต่อนะ .. ให้ไม่ให้ก็จะเอา .. บังคับเอาเลย .. อำนาจนิยม .. อิ อิ อิ
  • คิดถึงนะ .. งานเยอะจัด  แต่ยังไม่เบื่อ แม้จะพบหลุมดำมากมาย ทั้งหลุมเล็ก หลุมใหญ่
  • พูดถึงเมืองไทยเรา มีอะไรน่าสงสารมากนะ เหมือนขอนลอยน้ำ แกว่งไปตามกระแสคลื่น เรื่อยมา .. ตั้งแต่ NIC .. NAC อะไรนั่น .. จนอยากเป็นเสือตัวที่ 5 ที่ 11 ที่ 500 อะไรก็ไม่รู้ เชื่อมั้ยว่ามี คนบ้า ไม่น้อย เคยเรียกปรากฏการณ์ ที่เห็น อิฐ ปูน และโรงงานเป็นร้อย เป็นพัน แข่งกันพ่นพิษ พ่นควัน ใส่บรรยากาศบริสุทธิ์ของเรา ว่า... "ความเจริญ" ขำจนอยากร้องให้มาจนบัดนี้ครับ
  • อย่าลืมไปอ่าน ท้ายบันทึกนี้ มีคนกล่าวพาดพิง
  • สวัสดีครับ

โลกร้อน จะมาแก้ด้วยใจเย็นไม่ได้แล้วครับ ต้องเร่งรีบแบบร้อนๆ แล้วร่วมกันแก้ครับ

  • พี่มีความคิดเห็นว่าคลื่นลูกที่ห้า น่ากลัวที่ซู๊ด........ด
  • ปัจจุบันอากาศร้อนมาก ที่ทางใต้ปกติช่วงนี้ย่างเข้าหน้าฝน แต่ 2 วันที่ผ่านมาทุกคนบ่นว่าร้อนไปหมด
  • เมื่อวานพี่มีประชุมกับนักศึกษาตอน 6 โมงเย็น(ให้นักศึกษาเสร็จภารกิจการเรียนก่อน) ร้อนจนต้องกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วกลับไปประชุมใหม่ที่ม.อ หากบ้านอยู่ไกลที่ทำงานแย่เลย
  • ตอนโลกเกิดใหม่ๆร้อนกว่านี้นะ...ตอนนี้เย็นกว่ามาก
  • ถ้ามันจะร้อนขึ้นกว่านี้อย่าตกใจไป...โลกมันก็อยู่ของมันได้...
  • โลกมันปรับตัวเองได้ครับ...สำคัญว่าคนบนโลกปรับตัวเองได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง...
  • เราอาจไม่ต้องทำอะไรเลยก็เป็นได้...น่าจะคิดว่าโลกจะแตกเป็นชิ้นๆแล้วเราจะทำยังไงกันดี หุหุ เราจะอยู่ได้อย่างไร เราจะรักษาโลกนี้ไว้ได้อย่างไร
  • ประเด็นคือเราจะรักษาสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ หรือจะรักษาโลกนี้เอาไว้
  • อาจเป็นวัฏจักรให้เราได้ตายกันหมดแล้วกำเนิดชีวิตใหม่เริ่มต้นกันใหม่ทำดีกันใหม่ปรับปรุงกันใหม่ได้ศึกษาปัญหา(เก่า)กันใหม่ ก็เป็นไปได้
  • จนกว่าเราจะรู้จักใช้ชีวิต...ตามวิถี...ธรรมชาติ
  • อะไรก็เป็นไปได้เสมอ...
P

สวัสดีครับน้องจิ

  • เนอะ น่าจะตีมือมนุษย์เนอะ ทำให้โลกร้อนขึ้นมาได้
  • ตะลึงตึงๆ กับ เอาโลกมาใส่ไว้ในตู้เย็น อิๆ หรือว่าเราเอาตู้เย็นมาห่อโลกดีครับ ตู้เย็นธรรมชาติ ป่าไม้
  • ต้องช่วยกันดูแล และเอาใจใส่ครับ ก่อนที่จะสายไป จริงๆ โลกปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลาครับ ซึ่งจะส่งผลเสียหรือผลดีกับคนเรานั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ ดังนั้นเราต้องรู้เท่าทันหากคิดว่าชีวิตเราสำคัญ
  • หากให้ความสำคัญกับชีวิตเรา เราก็ต้องให้ความสำคัญกับชีวิตอื่นด้วยครับ ไม่ว่าจะต้นไม้หรือสัตว์ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมธรรมชาติครับ
P

สวัสดีครับพี่เหลียง

  • จะอยู่ในที่ร้อนต้องเราใจเย็นสู้ จะอยู่ที่เย็นก็ทำตัวสบายๆ โดยไม่เพิ่มความร้อนเนอะพี่เนอะ...
  • แต่ว่ากันว่าคนเราหากไม่มีความร้อน คนเราก็ตายครับ เช่นนอนหลับกลางคืนหน้าบ้านตกดึกอากาศหนาว กองไฟที่ก่อไว้มอดพร้อมหลับไหล ส่งผลให้ตายได้ครับ...
  • ขอบคุณมากครับ
P
Handy 
 

สวัสดีครับพี่บ่าว

  • ขอบคุณมากครับ 
  • หากทำบ้านเราร่มเย็น เราจะได้รับความเย็นก่อนเพื่อนบ้านเสมอครับ ดังนั้น ไม่ว่าจะทำในระดับ ตัวเอง ครอบครัว ละแวกบ้าน ชุมชน ยันไปถึงระบบจักรวาลครับ...
  • เย็นในระดับพื้นที่ ส่งผลในการเย็นโดยรวมด้วยครับ การเย็นโดยรวมจะส่งผลต่อพื้นที่ร้อนในระดับพื้นที่ด้วยครับ
  • ลมร้อนอายเย็นถ่ายเท ลมร้อนสู่อายเย็น ที่เย็นจะร้อน ที่ร้อนจะเย็น แปรเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงจนสมดุล โลกจะพยายามปรับให้เราแต่จะช้าหรือเร็ว ก็ยังช้ากว่าใจเรา
  • หากอีสานร่มเย็น มีป่าเพียบ เหนือมีป่าเพียง ออกตกใต้ มีป่าเพียบ กทม. ก็จะเย็นขึ้น
  • กทม.ไร้ป่า ไร้ปอดสาธารณะ เหนือเผาป่า อีสานไร้ต้นไม้ ใต้ภูเขาหัวโล้น กทม.จะร้อนต่อไป
  • ระเบิดในสมองให้กับคน กทม. ในความคิด แล้วทำต่อสู่การขยายพลังปอดอย่างที่ กทม.เคยเห็น ปรับพื้นที่สีเขียวให้กระจาย กทม. สร้างอากาศให้ปลาในคลองได้หายใจ อย่างน้อยคน กทม.ก็เห็นตัวปลาในคลองว่ายไปมาอยู่ไหวๆ ช่วยให้ใจรุ่มร้อนเย็นลง ส่งความหมาย
  • NAC+  NIC = NAIC ประเทศอุตสากรรมการเกษตรใหม่ ใช้เทคโนทางการเกษตร วิทยาศาสตร์ชุมชน วิจัยพื้นบ้าน บูรณาการปราชญ์เชิงญาติมิตร คิดแก้ปัญหากัน พันเป็นเกลียงเศรษฐกิจพอเพียง แล้วจะไม่ยังยืนให้มันรู้ไปครับ
  • ไม่ต้องเข้าใจว่าจะปลูกป่าอย่างไร ให้เริ่มที่มอง การเจริญของต้นหญ้าให้เข้าใจก่อน แล้วจะเชื่อมไปถึงผืนป่าได้ทั้งผืน เพราะมันคือเรื่องเดียวกัน เอาหญ้ามาสอนคน...
  • จริงๆ เราไม่ต้องเป็นเสือหรือมุดสัง(มูสัง) หรือ มดสังแหย้ว เลยครับ เป็นแค่นกก็พอครับ อยู่อย่างนก มองอย่างนก คิดอย่างนก นกมองไกล มองกว้าง กว่าคน ไม่เชื่อลองวิเคราะห์โครงสร้างทางร่างกายดูนะครับ หากใครจะเถียงเรื่องนกเค้าแมว นกเค้าแมวนี้สุดยอดกว่าคนนะครับ ด้วยโครงสร้างแล้ว....
  • ไหงวิ่งมาออกนกเค้าแม้วได้ครับ ว่าด้วยโลกร้อน.... อิๆๆๆ เอาเป็นว่า สะตอ กับปลาทู คือเรื่องเดียวกันครับ
  • ส่วนบทความ เอาไปใช้ได้ครับ หากเกิดประโยชน์ให้กับสังคมแห่งนี้และแห่งไหนๆ นะครับ
  • ขอบคุณมากครับ

        ผลกระทบโลกร้อน จากที่สังเกต น่าจะเริ่มวิกฤตมาตั้งแต่ซึนามิ จากนั้นภาวะของโลกก็แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ข่าวเกี่ยวกับ อุทกภัย วาตะภัย แผ่นดินไหว ไฟป่า มีให้เห็นกันทุกวัน กลายเป็นสิ่งปกติ

        ขอย้ำว่า สิ่งที่วิกฤต ยิ่งกว่าโลกร้อนคือ การที่มองว่าเป็นสิ่งปกติ เรามองความไม่ปกติ เป็นความปกติ เนื่องจากเกิดขึ้นบ่อยจนชิน จนทำให้ไม่วิตกต่อวิกฤต

        

P

สวัสดีครับเพื่อนรัก

  • สบายดีไหมครับ
  • ปัญหาหลักคือ เราไม่สามารถสร้างสิ่งสีเขียวได้ภายในใจเนรมิตรครับ
  • แต่เราออกกฏหมายให้จริงๆ ใช้ให้จังๆ แล้วจะดีครับ ใครทำผิดพลาดก็ลงโทษให้ปลูกต้นไม้หนึ่งแสนไร่ ดีไหมครับ หากไม่มีที่ปลูกแล้ว องค์กรไหนทำผิด คนไหนทำผิด ก็เอาไปบำรุงดูแลต้นไม้
  • ขอบคุณมากๆ คับ
P

สวัสดีครับพี่อัมพร

  • ขอบคุณมากครับ
  • ปราชญ์สังคม....อิๆ น่ากลัวมากไหมครับพี่
  • ดินต่างจากทะเลครับ รับความร้อนมาก็พร้อมจะสะท้อนทันที ส่วนทะเลเก็บเอาไว้ก่อน ไว้ค่อยปล่อยในช่วงกลางคืน กลางวันเก็บสะสมพลังงาน
  • ส่วนดินตกกระทบก็พร้อมจะคายพลังงาน หากไร้ป่าไม้ ต้นไม้จะมาช่วยปกคลุมพื้นโลก ก็คงจินตนาการได้กับ ขับรถบนถนนเอเชียนั่นหล่ะครับ มีไอร้อนตามที่เราเห็นภาพครับ
  • ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ อยู่ที่ว่าเรามองเห็นสิ่งเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นหรือเปล่า
  • ผมหวังว่าคนเราจะมองเห็นก่อนจะสาย หากโลกนี้ไร้คน คนก็ไม่รู้สึกเป็นทุกร้อนอะไรครับเพราะไม่ได้รับสิ่งสัมผัสเดือดร้อนนั้น แต่พอคนได้รับรู้สัมผัสเดือดร้อนนั้น คนก็จะร้อนตามและรู้ว่าตัวเองได้รับปัญหาครับ
  • หากเราเอาใจโลกมาใส่ใจเรา เราก็คงได้คำตอบเช่นเดียวกัน...โลกก็คงคิดเช่นเดียวกันครับ
  • พี่เพิ่งได้สัจจธรรมเมื่อดูข่าวพบว่าที่ใครๆบ่นว่าร้อนมากมา 2- 3 วันเนื่องจากมีการเผาป่าที่อินโดฯ รัฐกลันตันโดนหนักกว่าใคร ที่เมืองไทยสตูลก็เช่นกัน หาดใหญก็รับส่วนนี้เข้าเต็มปา
  • พี่มีระบบท่อหายใจที่ไม่ดี ตัดทอลซิลไปตั้งแต่เด็ก เป็นภูแพ้อากาศชื้น เมื่อมีหมอกควันมากจึงรับรู้ก่อนใครอื่น (อย่างนี้จะเรียกว่าดีหรือเปล่าน๊า)
P

สวัสดีครับคุณมนูล

  • ขอบคุณมากๆ เลยครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน รับน้ำเย็นๆ ดับกระหายซักแก้วก่อนนะครับ (ตอบช้าไปหน่อย อิๆๆ)
  • จริงๆ ก็ถูกของคุณมนูลครับ เมื่อก่อนมันคงร้อนกว่านี้ หากคิดตอนที่ยังไม่มีไลเค่น มอส
  • และผมว่าในอดีตก็คงร่มเย็นกว่าตอนนี้ด้วยครับ คงอาจจะพูดได้ว่าโลกคงผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายแล้วครับ และโลกก็คงปรับตัวและรู้วิธีการปรับตัวอยู่อย่างโชกโชนแล้วครับ
  • แต่ที่น่าคิดคือ ในอดีตที่โลกผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ไม่แน่ใจว่าชั้นโอโซนเคยถูกทำลายมาก่อนหรือเปล่าครับ หรือเคยเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกมาก่อนหรือเปล่าหนอ...หากยังไม่เคยเกิดครั้งนี้ก็คงเกิดแล้วครับ แล้วจะกลับไปได้อย่างเก่าหรือเปล่า...ชีวิตคนเราสั้นนักใช่ไหมครับ
  • ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าเรากำลังปีนขึ้นภูเขาหรือว่ากำลังลงภูเขากันแน่ครับ หากยอดเขาเป็นความสงบ ความดี ความสมบูรณ์
  • อิๆๆ คิดกันต่อและทำกันต่อไปนะครับ ขอบคุณมากครับ
P

สวัสดีครับน้องเลี่ยม

ขอบคุณมากครับผม สำหรับความเห็นเด็ดๆ ครับ

  • จริงๆ แล้ว สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตมีการปลดปล่อยและนำเข้าอยู่ตลอดเวลาในระบบของมัน และต้องการจะปรับตัวเพื่อหาจุดสมดุล
  • การเกิดสึนามิก็คือการปรับตัวของโลกอย่างหนึ่ง การเกิดพายุก็เช่นกัน หากตรงอื่นคนทำและสร้างความร้อนมากๆ โลกก็ต้องละลายน้ำแข็งเอาไปจุนเจือความร้อนที่คนสร้างขึ้นด้วยครับ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นความปกติของโลกที่จะพยายามปรับตัว แต่โลกเองปรับตัวเพื่อให้โลกอยู่ได้นะครับ ส่วนการที่โลกจะปรับตัวนั้นคนหรือสิ่งมีชีวิติจะอยู่ได้หรือเปล่าโลกคงไม่สนใจนะครับ เพราะโลกใหญ่กว่าเรามองระบบโดนรวม
  • ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า เราจะอยู่บนโลกอย่างเข้าใจโลกได้หรือเปล่า หากอยู่แบบเห็นแก่ตัว เอาให้ข้าได้ไว้ก่อน พฤติกรรมนี้ก็จะเป็นตัวนำเข้าให้กับปัจจัยของโลกที่โลกจะต้องปรับตัวกันต่อไปครับ ส่วนผลของการปรับตัวของโลกคนและสิ่งบนโลกก็ต้องรับผลกรรมกันไปครับ
  • ดังนั้น กรรมสนองกรรมครับ จะอยู่กันอย่างตัวคนเดียวคงไม่ได้แล้ว เพราะคนหนึ่งก่อหลายคนรับกรรม ดังนั้นหากคุณเห็นคนอื่นก่อกรรมเลว มันก็คือหน้าที่ของคุณเช่นเดียวกันที่จะต้องดับกรรมนั้น ก่อนกรรมนั้นจะคืนสนอง ดังที่หลายๆ คนช่วยกันทำ แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง
  • อิๆๆๆ ใช่แล้วครับ หากเรามองสิ่งที่ทำกันอยู่ที่ส่งผลเสียให้เป็นความปกติเมื่อไหร่ เราก็จะวอดวายร่วมกันครับ
  • ขอบคุณมากครับ
P

สวัสดีครับพี่อัมพร

ขอบคุณมากครับ ที่นำสาเหตุมาบอกเล่ากันนะครับ ใช่ไหมครับ ทำไมร้อนมันก็คงต้องมีเหตุซักอย่างใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเหตุจากภายในหรือภายนอก ก็เป็นเหตุได้ทั้งนั้นเนอะพี่เนอะ

หากลมร้อนพัดมาหาเราให้เราดมกลิ่นควันร้อน เราก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกันเอาไว้ป้องกันครับ ให้ภูมิคุ้มกันบ้านเราไปสู้กับภัยจากบ้านเค้าครับ เพราะเราบังคับไม่ให้เค้าเผาไม่ได้ครับ ไม่ว่าเค้าจะเผาด้วยธรรมชาติ หรือด้วยเจตนาก็ตามครับ

เหมือนที่เราโดนหมอกควันทางเหนือนั่นหล่ะครับ กรรมก็สนองในพื้นที่เราก่อนแล้วค่อยพัดไปที่อื่น ทางอินโดก็คงทำนองเดียวกันครับ

ยังไงก็รักษาสุขภาพนะครับ สร้างภูมิเอาไว้ครับ ว่าแต่พี่เอาทอลซิลออกไปแล้วก็ต้องหาภูมิอย่างอื่นมาสร้างแทนนะครับ ส่วนอะไรนั้นข้าน้อยไม่ทราบครับผม

ขอบคุณมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท