สวัสดีครับพี่บ่าว
จ๊ะเอ๋ พี่เม้ง
ก็แวะมาทักทายในบล๊อคนี้นะค่ะ โลกร้อนก็เพราะน้ำมือของมนุษย์เนี่ยแหละค่ะ ถ้าอยากให้โลกเย็น ก็ต้องแก้ไขโดยน้ำมือของมนุษย์เช่นกัน มาช่วยกันทำให้โลกเย็นกันเถอะ " เอาโลกมาใส่ไว้ในตู้เย็น " คือ พยายามช่วยกันควบคุมความประพฤติและพฤติกรรมของเรากันหน่อย ปลูกต้นไม้เยอะๆ เหมือนหยิบโลกของเราไปแช่ไว้ในตู้เย็น (คิดไปได้น้อเรา)
เอาเป็นว่าภาวะโลกร้อน ไม่เป็นไร อย่าทำใจของเราให้ร้อนตามโลกไปด้วยเลยนะค่ะ
สวัสดีครับ
มุดไปมุดมาจะหาที่เย็นๆพักผ่อนสักหน่อย ดันมาโผล่ที่ร้อนๆ เอาไงดีครับ ...................ไปหาที่เย็นๆก่อนแล้วค่อยมาดีกว่า ............................เฮ้อ !!!!!!
สุดยอดครับ น้องบ่าว สุดยอด !
โลกร้อน จะมาแก้ด้วยใจเย็นไม่ได้แล้วครับ ต้องเร่งรีบแบบร้อนๆ แล้วร่วมกันแก้ครับ
สวัสดีครับน้องจิ
สวัสดีครับพี่เหลียง
สวัสดีครับพี่บ่าว
ผลกระทบโลกร้อน จากที่สังเกต น่าจะเริ่มวิกฤตมาตั้งแต่ซึนามิ จากนั้นภาวะของโลกก็แปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ข่าวเกี่ยวกับ อุทกภัย วาตะภัย แผ่นดินไหว ไฟป่า มีให้เห็นกันทุกวัน กลายเป็นสิ่งปกติ
ขอย้ำว่า สิ่งที่วิกฤต ยิ่งกว่าโลกร้อนคือ การที่มองว่าเป็นสิ่งปกติ เรามองความไม่ปกติ เป็นความปกติ เนื่องจากเกิดขึ้นบ่อยจนชิน จนทำให้ไม่วิตกต่อวิกฤต
สวัสดีครับเพื่อนรัก
สวัสดีครับพี่อัมพร
สวัสดีครับคุณมนูล
สวัสดีครับน้องเลี่ยม
ขอบคุณมากครับผม สำหรับความเห็นเด็ดๆ ครับ
สวัสดีครับพี่อัมพร
ขอบคุณมากครับ ที่นำสาเหตุมาบอกเล่ากันนะครับ ใช่ไหมครับ ทำไมร้อนมันก็คงต้องมีเหตุซักอย่างใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเหตุจากภายในหรือภายนอก ก็เป็นเหตุได้ทั้งนั้นเนอะพี่เนอะ
หากลมร้อนพัดมาหาเราให้เราดมกลิ่นควันร้อน เราก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกันเอาไว้ป้องกันครับ ให้ภูมิคุ้มกันบ้านเราไปสู้กับภัยจากบ้านเค้าครับ เพราะเราบังคับไม่ให้เค้าเผาไม่ได้ครับ ไม่ว่าเค้าจะเผาด้วยธรรมชาติ หรือด้วยเจตนาก็ตามครับ
เหมือนที่เราโดนหมอกควันทางเหนือนั่นหล่ะครับ กรรมก็สนองในพื้นที่เราก่อนแล้วค่อยพัดไปที่อื่น ทางอินโดก็คงทำนองเดียวกันครับ
ยังไงก็รักษาสุขภาพนะครับ สร้างภูมิเอาไว้ครับ ว่าแต่พี่เอาทอลซิลออกไปแล้วก็ต้องหาภูมิอย่างอื่นมาสร้างแทนนะครับ ส่วนอะไรนั้นข้าน้อยไม่ทราบครับผม
ขอบคุณมากครับ