การปฏิบัติตัวหากถูกต้องก็มีผลต่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และความสุขสบายของผู้หญิงในขณะตรวจและหลังตรวจลองคิดต่อว่า แล้วข้อมูลตรงๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์รับการตรวจแมมโมแกรมล่ะ จะเป็นอย่างไร
มะเร็งเต้านม เป็นอุบัติการณ์ที่พบมากขึ้นในประเทศไทยนะคะ งานสำรวจที่มีใน Thailand health Profile 2000-2004 ให้ข้อมูลว่า แนวโน้มของการเป็นมะเร็งเต้านมในผู้หญิงสูงขึ้น เมื่อเทียบอุบัติการณ์จากปี 1990 (พ.ศ 2533) พบเพียง 13.5 ใน 100,000 ราย ขณะที่ ในปี 1999 (2542) พบอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 19.9 ในประชากรผู้หญิง 100,000 ราย นอกจากนั้นพบสถิติมะเร็งเต้านมสูงสุดที่เขตกรุงเทพมหานคร และผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปจะมีอุบัติการณ์ได้สูงกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงไทยก็ยังมีข่าวดีกว่าผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาค่ะ เพราะถ้าเปรียบเทียบระหว่างผู้หญิงของสองประเทศ ที่อายุ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปนั้น จะพบว่า ผู้หญิงสหรัฐ พบมะเร็งเต้านมมากกว่า ผู้หญิงไทย แต่ก็น่าเสียใจสำหรับผู้หญิงไทยอยู่บ้าง ตรงที่มักจะค้นพบมะเร็งเมื่อมันลุกลามไประดับที่รุนแรงกว่า
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิงไปไม่น้อย เช่นในประเทศอังกฤษนั้น dailymail.co.uk รายงานว่ามีผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมปีละ 40,000 รายและเสียชีวิตมากกว่า 12,400 รายต่อปี (www.dailymail.co.uk)
การรณรงค์ความรู้เพื่อการป้องกันและการดูแลตัวเองต่อภาวะมะเร็งเต้านมมีความจำเป็นมากแน่นอนค่ะ สังเกตได้จากจำนวนบทความต่างๆที่เพิ่มขึ้น ลำพังเฉพาะใน gotoknow.org เมื่อลองค้นคำว่า “มะเร็งเต้านม” จะพบถึง 432 ลิ้งค์ (25 มิ.ย 2550) ซึ่งรวมทั้งเรื่องการป้องกัน การดูแลตัวเอง การดูแลผู้ป่วยด้วยเคมีบำบัด ฯลฯ (ตัวอย่างจากบล็อกของ อาจารย์วัลลภ พรเรืองวงค์ บ้านสุขภาพ และ CoP เคมีบำบัด ของชุมชนคณะแพทย์ขอนแก่น)
การตรวจหามะเร็งตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความจำเป็นต้องรณรงค์เช่นกันค่ะ รวมทั้งการให้ความรู้อย่างถูกต้องถึงการตรวจพิเศษเช่น แมมโมแกรม (mammogram) ซึ่งจะช่วยให้สามารถค้นพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะแรกก็เป็นสิ่งที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจด้วย
เมื่อลองค้นหาคำว่า แมมโมแกรม ใน gotoknow.org จะพบเพียง 3 ลิ้งค์ (หนึ่งในนั้นเป็นของนายแพทย์นิพัธ กิตติมานนท์ และท่านมีบันทึกที่อยากแนะนำด้วยคือ ตั้งชมรม "ท่าทองรวมใจต้านภัยมะเร็งสตรี") และถ้าลองหาจาก google.com คำว่า “แมมโมแกรม” พบ 795 ลิ้งค์ และคำว่า “Mamogram” พบ 40,000 ลิ้งค์ค่ะ
ที่นำเสนอจำนวนลิงค์ไว้ตรงนี้ (25 มิ.ย 2550 เวลา 16.42 น) ก็เพื่อจะให้เห็นว่า ปัจจุบันนี้มะเร็งเต้านมเป็นเรื่องที่ไม่ลึกลับอีกต่อไป มีบทความที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเรื่องของแมมโมแกรม แต่น่าแปลกใจอยู่บ้างเมื่อลองค้นหาต่อ ด้วยคำว่า “แมมโนแกรม การปฏิบัติตัว” ไม่พบคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้หญิงที่ต้องเตรียมตัวเองเพื่อการปฏิบัติในการรับการตรวจวินิจฉัยค่ะ การปฏิบัติตัวหากถูกต้องก็มีผลต่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ และความสุขสบายของผู้หญิงในขณะตรวจและหลังตรวจด้วย ลองคิดต่อว่า แล้วข้อมูลตรงๆ จากผู้ที่มีประสบการณ์รับการตรวจแมมโมแกรมล่ะ จะเป็นอย่างไร ที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นมุมมองจากประสบการณ์ตรงและจากการสอบถามจากผู้หญิงท่านอื่นๆ ที่เคยเข้ารับการตรวจแมมโมแกรมมาก่อนเพื่อจะเป็นแนวคิด แนวศึกษาสำหรับผู้ที่จะเข้ารับการตรวจด้วยแมมโมแกรมค่ะ
1. อย่าทาแป้งและโรลออนก่อนไปตรวจ
น้องคนหนึ่งบอกว่า “คราวก่อนไปตรวจต้องถ่ายเอกเรย์ตั้งสามครั้งแน่ะ หมอบอกว่าได้ผลไม่ชัด ดูไม่ออก บีบไปบีบมาหมอถามว่า ทาแป้งมาหรือเปล่า ถึงได้รู้ว่าอย่าทาแป้งหน้าอกไปนะ ....ความจริงคืออะไรไม่รู้ แต่คิดว่าแป้งคงมีโลหะหนักทำให้ผลเอกซเรย์มันไม่ชัด..หมอบอกว่าโรลออนก็ไม่ควรใช้....มันคงไปเคลือบผิวหนังมั้งเลยดูผลยาก”
2. อย่าไปตรวจระยะก่อนมีประจำเดือน
พี่คนหนึ่งแนะนำว่า “อย่าไปตอนก่อนมีประจำเดือนนะ แหมมันเจ็บจนน้ำตาเล็ด ตอนนั้นเต้านมมันก็ตึงๆคัดๆ อยู่แล้ว ถูกบีบเลยเจ็บมาก..เวลาที่เขานัดก็ต้องนับวันว่าจะเป็นช่วงประจำเดือนใกล้จะมาหรือเปล่า.เพราะเรานับวันเราก็ต้องรู้ของเราเองแล้วเราก็ขอเลือกคิวทำหลังจากเมนส์มาแล้วนั้น ถ้าได้ช่วงอาทิตย์แรกหลังประจำเดือนมาล่ะจะดี”
3. อย่าเกร็งขณะทำ
พี่อีกคนก็แนะนำว่า “เวลาเขาจะทำเขาจะจัดท่าให้เราก่อน ทำตัวอ่อนๆ ผ่อนๆ อย่าไปเกร็ง เจ้าหน้าที่เขาจัดท่ายากเขาก็จะโกยนมเรา โกยๆๆ และจัดท่าเรายาก ตอนที่เขาพยายามจัดท่าน่ะ ถ้าช้ามันเมื่อยคอนะ เพราะว่ามันต้องบิดคอแนบกับตัวเครื่อง ที่จริงเขาก็จะบอกอย่าเกร็งๆ แต่เราก็อาจจะเกร็งไม่รู้ตัว .....เขาไม่บอกหรอกว่าอย่าเกร็งทำอย่างไร เราก็นึกได้ว่าให้หายใจเข้าออกช้าๆ ผ่อนลมหายใจ และพี่จะสวดมนต์ด้วย นึกบทไหนก็สวดไป เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ”
4. อย่ากลัวผล
น้องผู้หญิงอีกคนก็บอกเล่าเรื่องของเธอ “เวลาไปทำ คนส่วนใหญ่จะกลัวก็จะเครียด แหมมันภาวะไม่แน่ไม่นอน ตอนรอใจตุ๊บๆต๊อมๆ ไม่รู้ว่าจะเจออะไรต่อ ครั้งแรกที่น้องไปทำ ไม่หิวข้าวไม่หิวน้ำเลย แต่จริงๆไม่ต้องกลัวผลหรอก ถ้าหมอเขาไม่แน่ใจเขาก็จะทำอัลตราซาวน์ต่อ บางทีก็เจาะไปตรวจดู และถ้าว่าผลมันเป็นมะเร็งจริงๆ หมอเขาก็จะให้คำแนะนำว่าควรไปหาใครและทำอะไรต่อ มีคนที่เป็นและรักษาหายเยอะแยะ”
5. ทำเสร็จแล้วดื่มน้ำเยอะๆ
อีกท่านหนึ่งให้ความเห็นเรื่องของการสะสมพิษจากเอกซเรย์และการป้องกัน “เอกซเรย์มันก็เป็นพิษเหมือนกันนะ ใครๆว่าไม่มีผลอะไร แต่พี่คิดว่าดื่มน้ำเยอะๆ ขับๆ พิษถ้ามันมีนะ ให้มันออกไปเร็วๆ เคยอ่านที่ไหนจำไม่ได้แล้ว เขาว่าทำแมมโมแกรมอาจจะไปกระตุ้นให้เป็นมะเร็งก็ได้ พี่ก็ฟังหูไว้หู คิดเหมือนกันว่าตอนที่เขาบีบๆเค้นๆ จัดท่าตอนทำ เซลล์ร่างกายเรามันก็ชอกช้ำได้ เจอเอกซเรย์เข้าไปก็อาจจะมีส่วน ก็ดื่มน้ำเยอะๆก็แล้วกันนะ”
การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์มาก่อนและกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์การตรวจด้วยแมมโมแกรม เป็นมุมมองที่อาจจะแตกต่างหรือเหมือนมุมมองของผู้ให้บริการ และอาจจะแตกต่างจากผู้ที่ไปตรวจและพบผลการตรวจว่าเป็นมะเร็งก็ได้ค่ะ เพราะกลุ่มที่ได้คุยกันก็คือคนที่ไปตรวจเป็นประจำทุกปีและได้ผลว่าปกติไม่เป็นมะเร็ง
ก็หวังว่าสำหรับผู้หญิงๆ ด้วยกันแล้ว ความรู้เล็กๆน้อยๆเหล่านี้คงมีประโยชน์บ้างค่ะ
คุณละคะ เคยรับการตรวจด้วยแมมโมแกรมหรือยังคะ คุณมีประสบการณ์อย่างไรบ้าง..ชวนเล่าสู่กันฟังค่ะ