คนที่ต้องเล่าถึง (1) "อุทัย ศรีวาโย"


พร้อมเรียนรู้กับพวกเราลูกหลานต่อไปด้วยจิตสาธารณะ

     พี่อุทัย ศรีวาโย อดีตสาธารณสุขอำเภอหลายอำเภอ ในจังหวัดพัทลุง และเกษียณอายุราชการด้วยการครบวาระ 60 ปี ที่บางแก้ว เป็นผู้บังคับบัญชาผมเองที่มีระยะเวลานานที่สุด ท่านเป็นคนที่ทำให้ผ่านรสชาติชีวิตของคำว่าข้าราชการในหลากหลายรูปแบบ ทั้งหันหลังให้กันอย่างสุดขั้ว และจับมือกันทำงานอย่างเหนียวแน่น ท่านทำให้ผมเกร่งขึ้นมากในช่วงที่หันหลังให้กัน ผมอยู่สถานีอนามัย (สอ.) ท่านอยู่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ช่วงนั้นมันหนาวเหน็บที่สุดของชีวิต เขาว่ากันว่า "ผู้บริหารไม่ใช้ให้ลูกน้องทำงาน" เป็นบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดของการบริหารงาน 

     มันเจ็บปวดอย่างไร ได้เรียนรู้มาแล้ว เผอิญเลือกเรียนรู้ ไม่ได้เลือกที่หนาวเหน็บจนตาย ก็รอดมาได้ ช่วงนั้นเกิดโอกาสที่ได้จากภาวะวิกฤติ คือ "ชมรมผู้สูงอายุตำบลนาปะขอ" ที่พ่วงด้วยกิจกรรม "กตัญญูฌาปณกิจสงเคราะห์" ตอนที่เริ่มทำยังไม่มีแนวนโยบายอย่างทุกวันนี้ สมัยนั้นเขาเร่งโครงการส้วม 100% กัน ซึ่งทุกวันนี้ยังดำเนินงาน ขยายวง อยู่อย่างต่อเนื่อง อีกเรื่องคือ "การพัฒนาคุณภาพบริการของสถานีอนามัยในตำบลนาปะขอ 3 แห่ง" ที่จับมือกันพัฒนาคุณภาพบริการเพื่อชุมชน ไม่ใช่เพื่อสถานบริการ เป็นหลัง โครงการนี้เป็นโครงการดีเด่นในโครงการทศวรรษพัฒนาสถานีอนามัยด้วย แบบไม่รู้ตัว เพราะจังหวัดไม่รู้จะส่งโครงการอะไร เลยมาขอเอาที่ผมทำไปส่ง ผมยังจำได้ว่าวันที่ผมไปรับรางวัลคือวันที่ นพ.ปรากรม วุฒิพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นอดีตปลัดกระทรวงพอดี และอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ทั้งหมดจึงได้เพียงแต่ทัศนศึกษากันใน กทม.แทนที่จะไปเมืองนอก อย่างรุ่นก่อน ๆ

     จากพลังขับภายในที่ปลดปล่อยออกมาจนเกิดเป็นผลงานเชิงปรจักษ์ บวกกับโอกาสที่ฟรุ๊ค ๆ เข้า ทำให้เกิดการปรับทัศนคติต่อกัน และเริ่มหันมาพูดคุยกัน นำไปสู่การชักชวนให้มาเป็นนักวิชาการประจำ สสอ. การสมัครมาในตอนนั้นก็เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่ผมวางไว้ ด้วยเพราะยังไม่เชื่อใจ ซึ่งตรงนี้ได้ขอโทษท่านเป็นการส่วนตัวไปแล้ว คู่แข่งที่จะสมัครมาประจำอำเภอต่าง ๆ กันในตอนนั้นมีเยอะ ยกเว้นที่ผมไม่มีใครสมัครแข่งขันด้วย และผมก็ส่งใบสมัครเป็นคนหลังสุดก่อนหมดเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้วยเพราะลังเล เกรงจะไม่ได้ทำงานชุมชนอีก

     แต่หลังจากที่ได้มาอยู่ด้วยกัน ก็ยังมีอีกหลากหลายรสชาติที่ต้องเผชิญ แต่ทั้งหมดทั้งเพ ล้วนเข้าใจกันได้ง่าย เรียกว่าตอนเย็น ๆ ก็จะต้องเคลียร์และปรับกันเพื่อวันรุ่งขึ้น ตอนนั้นไม่รู้จัก AAR ประจำวัน แต่อยากจะบอกว่านั่นแหละใช่เลย ผมมองว่าจำเป็นมากที่ผู้บริหารกับนักวิชาการ ประจำสำนักงานจะต้อง AAR กัน หากเป็นไปได้ จพง.ที่อาวุโสสูงสุดด้วยก็ยิ่งดี แต่ที่ผมเอ่ยถึงท่านชอบอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานในหน้าที่ จึงต้องยกออกไป แต่ไม่ตัดออกจากวง ผมอยากสรุปแบบกระชับว่าพี่อุทัย ศรีวาโย ท่านให้เพียงแต่โอกาส เป็นโอกาสในทุกเรื่อง และให้โอกาสที่จะเรียนรู้จากท่าน ไม่ว่าเรื่องอะไร เรื่องไหนที่ผมรับไม่ได้ ก็จะบอกท่านตรง ๆ และบอกไม่เอาพร้อมเหตุผลประกอบ หากท่านจะยังเอาและเดินหน้าต่อนั่นหมายถึงว่าไม่มีผม และไม่คะยั้นคะยอกัน เวลาผมเสนออะไรต่อท่าน ผมก็มีหน้าที่เสนอให้ท่านรับหลักการ ไม่รับก็คุยกัน และจะลงมือทำก็ต่อเมื่อท่านเข้าใจและรับหลักการแล้วเท่านั้น ความสำคัญอีกประการเมื่อเอ่ยถึงเรื่องท่ากับผมในสมัยนั้น ใคร ๆ (สสอ. ต่างอำเภอ) ก็จะพยายามโน้มย้าวให้ท่านระวังผม ให้ระแวงประมาณนั้น (ธรรมชาติมั่งครับในระบบราชการ) ท่านบอกเพียงว่าพอแล้วเสียโอกาสไปตั้ง 4 ปีที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้พอแล้ว

     ตอนนี้ท่านเกษียณอายุราชการไปแล้ว ท่านก็มาช่วยงานที่ ศวพถ.อย่างต่อเนื่อง เป็นผู้ใหญ่ที่คอยให้คำชี้แนะ และคอยเชื่อมประสานกับภาคีต่าง ๆ ท่านยังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม ผมยังรำลึกเสมอว่าหากไม่ใช่ท่านแล้วผมก็ไม่ได้เรียนรู้ คงเป็นคนตามกระแสไปคนหนึ่ง และหากไม่ใช่ท่านอีกเหมือนกัน ใครเลยจะล้วงเอาคนที่หันหลังให้กันมาทำงานใกล้ชิดเป็นสมองให้กันอีก ท่านมีน้ำใจเปี่ยมมาก ทุกวันนี้ด้วยวัยเลย 60 แล้ว แต่ก็ยังพร้อมเรียนรู้กับพวกเราลูกหลานต่อไปด้วยจิตสาธารณะ

หมายเลขบันทึก: 105708เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2007 17:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อยากให้ผู้บริหารทุกคน เป็นแบบนี้นะคะ

อ่านแล้วชื่นชมการทำงานของคุณชายขอบ และ พี่อุทัย ศรีวาโย

ในระบบสาธารณสุขของไทย มีผลงานที่ดีๆของคนจำนวนมากมาย สะสม รวมอยู่

เราไม่ทราบหรอกค่ะ จนกระทั่งเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน ถึงจะทราบว่า

ที่เราดูว่าระบบ เรามีปัญหาอยู่เยอะนั้น มันได้รับการปรับปรุงแก้ไข เกลาให้เป็นรูป เป็นร่าง ดีเพียงใด

คนมาดูงานจาก พม่า ลาว อินเดีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ ฯลฯ อิจฉา ระบบสาธารณสุข ของเรานะคะ

บางคนบอกว่า ของเขาห่างเราเป็น 10 ปี อาจ 20 ปี

จนรู้สึกดีใจ ที่ได้ร่วมทำงานในระบบสาธารณสุข

ที่สร้างสุขให้เกิด แก่ สาธารณะ

เหมือนที่คุณชายขอบและ พี่อุทัย ศรีวาโย ทำ

เรียน หมอรวิวรรณ

     ขอบคุณครับ ตอนสมัยลาเรียต่อและต้องไปศึกษาดูงานแถบยุโรป ผมได้เคยทำรายงานเพื่อวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบระบบสาธารณสุข พบว่าเด่นด้อยต่างกันมาก แต่หากมองในมุม Humanize แล้วของเรากินขาดกว่าประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนาแล้วเยอะเหมือนกัน และ Humanize เป็นสิ่งที่มุษย์ทุกคนต้องการนะครับ

     อยากนำเรียนอีกเรื่องครับ ตอนเรียนนั้น รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นต้นแบบเรื่องคุณภาพบริการของพวกเราครับ รุ่นพี่ผมคือพี่หน่อย (พี่เสี่ยงผมเอง) ทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ และใช้ ้รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นที่เก็บข้อมูลครับ ผมว่าชื่อหมอคุ้น ๆ ที่พี่หน่อยกลับมาเล่าให้ฟังอยู่นะครับ

ขอเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยคน คงไม่ต้องแนะนำตัว พี่คงรู้จักผมดีอยู่แล้ว ก็ติดตามอ่าน blog มาอยู่เรื่อย ๆ ดีใจครับที่เห็นคนบางแก้วเราพัฒนา รู้จักในเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่บางคนบอกว่าเป็นของใกล้ตัว มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ชื่นชมครับ

ผมเองก็ชื่นชม น้าทัยของผมอยู่เหมือนกัน แกเป็นคนที่หัวเร็ว ทำงานเร็ว  และเป็นตัวอย่างของการทำงาให้กับคนในหมู่บ้านได้ดี

เรียน คุณเอกพงศ์

     ขออนุญาตเรียกชื่อนี้แทน "คลินิกเทคโนโลยี" นะครับ 

     ตอนแรกพออ่าน คห.ชักจะยังไง พอพลิกไปที่ประวัติก็ถึงบางอ้อ ลูกหลายเราชาวบางแก้วนี่เอง และก็ลูกหลานคนโปรดของน้าทัย ด้วยใช่ไหมครับ

      ขอบคุณนะครับที่เข้ามา ลปรร.กันไว้ อย่าลืมนะครับใกล้ถึงวันเลือกตั้งชุดบริหารเทศบาลบ้านเรา ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ 

สวัสดีครับพี่   เข้ามาอ่าน แล้วก็นึกถึงความหลัง ครั้งยังทำงานที่บางแก้ว

              ผมได้อะไรหลายๆ อย่างจากการทำงานที่นั้น  การที่เรายึดทางสายกลางบางครั้งก็อาจถูกชนได้เช่นกัน

             ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ซึ้ง ถึง การที่ผู้บริหารไม่ใช้ให้ลูกน้องทำงาน   ซึ่งพี่สามารถพลิกวิกฤตหรือเผชิญวิกฤต     มาเป็นโอกาสได้

           ส่วนผมเห็นจะเป็นคนที่หนีวิกฤต  เพื่อไปหาโอกาสข้างหน้า  ซึ่งผมก็พบโอกาสในการทำงานที่สนุก  ท้าทาย   แปลกใหม่    สถานการณ์ที่แตกต่างและอาจคล้ายคลึงที่เดิมบางส่วน  ผมก็คิดว่าสถานการณ์นั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมพบโอกาสนี้

          ส่อหน้าสุดท้ายค่อยพบกันฐานะลูกศิษย์(ผม)กับอาจารย์ ในวิชาตัวกำหนดและแนวโน้มปัญหาสุขภาพ นะครับ 

น้องจอมยุทธน้อย

     พี่ไม่รู้ทีนะว่าน้องเรียนอยู่ด้วย แล้วเจอกันครับ (ยังไม่ได้กำหนดชัดว่าไปสอนวันไหนนะครับ ขอเคลียร์...เวลานิดนึง)
     จุ๊ๆๆ พี่เข้าใจทุกอย่างครับ การเรียนรู้สำคัญที่สุด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท