ตอนนี้แอ๊ะมานั่งทำรายงานในห้องสมุดของ law school เหมือนปกติ แต่ว่าตอนเดินเข้าก็เห็นประกาศว่าห้องสมุดกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุง อาจจะมีเสียงรบกวนซึ่งเกิดจากการก่อสร้างประมาณนั้น พอได้ที่นั่งปุ๊บ จิก็จัดการเอาหูฟังมาเสียบหูเพื่อเป็นการลดเสียงดังที่เจ้าหน้าที่ประกาศ (แม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย) หลังจากนั่งได้ซักพัก ก็มีเสียงดังขึ้นมา แอ๊ะก็นั่งหาข้อมูลต่อ แต่ในใจก็คิดว่าเสียงเครื่องจักรที่นี่แปลกจัง ดังมาก แถมเหมือนสัญญาณอะไรซักอย่าง
--- @@@@---
อีกประมาณ 5 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่สวมชุดแบบกันไฟ (แต่ดูแล้วเหมือนชุดชูชีพบนเครื่องบินมากกว่า) เดินมาที่แอ๊ะบอกว่าสัญญาณไฟไหม้ดัง ให้ไปรวมกันที่ parking lot แอ๊ะก็เฮ้ย..ทำไงดีล่ะ สัมภาระเต็มโต๊ะเลยทั้ง mp3 player, talking dic, cell phone, notebook ช่วงเวลานั้นก็คิดว่าอยากเก็บคอมไปด้วย (ก็เพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือนเลยน้าา) แต่มองหน้าเจ้าหน้าที่แล้วก็กลัวเค้าจะว่า เด็กแม้วนี่ออกเป็นคนสุดท้ายแล้วยังจะห่วงของอีก ก็เลยหันไปถามด้วยความเคารพว่าชั้นไม่จำเป็นต้องเอาของออกไปใช่มั้ย เค้าก็บอกไม่ต้อง แต่จิก็ขอหันไปคว้ากระเป๋าตังค์ก่อนออกไปจากห้องสมุด อย่างน้อยก็มีตังค์ กับกุญเเจรถกลับบ้าน
---@@@@---
อิๆ ออกไปคนยืนเต็มที่จอดรถเลย (อ๊าย..อาย) แต่ก็เดินทำหน้าเฉยๆ ประมาณว่าก็ชั้นไม่กลัวนิ ประมาณ 10 นาทีเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่มีอะไร กลับเข้าไปได้...จบ
---@@@@---
เรื่องเล่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
1. เมื่อภาวะฉุกเฉินควรคิดเรื่องความปลอดภัยก่อนทรัพย์สิน เพราะสิ่งของหามาใหม่ตอนไหนก็ได้แต่ชีวิตสร้างใหม่ไม่ได้แล้วนะจ๊ะ
2. เมื่ออยู่ในที่สาธารณะอย่าใช้หูฟังฟังเพลงด้วยเสียงที่ดังมากนัก เพราะมันจะทำให้แยกไม่ออกว่าเสียงเครื่องจักรกับสัญญาณเตือนภัยต่างกันยังไง ...hahaha...
3. การนิ่งเฉยจะทำให้คนอื่นดูไม่ออกว่าเราอาย
4. กลับบ้านดีกว่าเพราะหิวข้าวแล้ว (อ้าว..ไม่เกี่ยวกันเหรอ ^.^ )
--- ดีใจกับอ.ไปรท์ที่สามารถเข้ามาก่อนอ.ขจิตได้ แอ๊ะหวังว่าวันนึง แอ๊ะคงจะประสบความสำเร็จในการนี้เช่นกัน อิๆ---
--- แอ๊ะก็นึกออกว่าน้องปลื้มเรียบร้อยขนาดไหน แต่ตอนนี้น้องคงโตและก็ไม่ซนเท่าไหร่แล้วใช่มั้ยคะ ---
--- น้องปลื้มเก่งนะคะ ไม่ตกใจ และก็ยังมาบอกความจริงกับอ. ---
--- ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ส่วนนึงคงเป็นเพราะใส่แว๊บๆ ไปด้วยมั่งคะ เทคนิคหลอกตาค่ะอาจารย์ ---
--- อ. หน้ามืดไปคุยกะฟ้า ระวังนะคะ ---
--- ไม่ยักกะรู้ว่าฟ้าก็มีแนวทางเหมือนแอ๊ะเลย นี่แหละถึงไม่ไปห้องสมุดรวม แต่ไปของ law แทน (ล้อเล่นนนนนนนนนนน) ---
สวัสดีค่ะ
เพลงเพราะมากๆ ชอบจังเลย
คุณขจิตแนะนำมาค่ะ
อารมณ์อย่างนี้ คงชอบทานอะไรอร่อยๆนะคะ
http://gotoknow.org/blog/goodliving/101283
หรือดอกไม้สวยๆค่ะ
แวะเข้ามายินดีต้อนรับชาว UTCC ทุกท่านนะครับ ตามเทียบเชิญท่านอาจารย์ขจิต ฝอยทอง
กัมปนาท อาชา
MSUสอนให้รู้ว่า กลับบ้านดีกว่า
เป็นเหตุผลที่เหมาะสมมากเลยครับ
หิวเป็นเหตุผลเหนืออื่นใด
..
แวะมาทักทายครับ อ.ขจิตแนะนำมาครับ
เราจะฟ้องคณบดีว่าอ.อรพินนินทา
เห็นด้วยว่าสอนเป็นงานอดิเรกเพราะเราไม่ได้เตรียมสอนเลยมัวแต่คุยกับพวกเธอ+1ชาย(ถ้าไม่มีอ.ขจิตพวกเราคงเหงาเนอะมีแต่ผู้หญิงคุยกัน ทำไมสามีเราไม่คุยอย่างงี้บ้างนะ แอ๊ะกับฟ้าหาให้ได้อย่างนี้นะจ๊ะ)
อาจารย์หลายท่านอยากให้เรียนต่อไม่รวมอ.Yingนะเพราะอยากให้หาอย่างว่าที่เราคุยกันให้ได้ก่อน เรากลัวดอกไม้เหี่ยวคาต้นเสียดาย ของสวยๆอย่างนี้ ขนาดเราไม่สวยเราไปประเทศไหนเราfall in loveทุกที ทำให้เราไม่เหงา มีคนพาเที่ยวฟรีด้วยล่ะ (คิดถึงอดีตจังเลย) ตักตวงความสุขมากๆนะ กลับมาทำงานจะไม่มีเวลาอย่างนั้นแน่
spite เป็นคนดีมาก กล้ารับว่าลูกตัวเองทำ นึกถึงเรากับอ.จันทร์เจ้า ลูกเรา2คนเล่นกันทำกระถางต้นไม้ตกที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แม่ทั้ง2คนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ประหนึ่งว่าไม่ใช่ลูกฉัน อ.พงศ์สัญจึงลุกขึ้นไปกู้สถานการณ์โดยแกล้งตะโกนว่า ลูกใครวะ ซนจริงๆ ไปไกลๆเลย พ่อแมไม่สั่งสอนหรือไง!!!!!!!!
ถ้าอ.YING เป็นแอ๊ะคงทำเหมือนแอ๊ะแหละ ห่วงของตัวเอง แต่อาจจะมีบางคนห่วงของคนอื่นด้วยเอาไปเก็บไว้ล่ะสิ แล้วลืมคืน ฉันคงแย่แน่ๆเลย
ขอใช้สิทธิ์พลาดพิงครับ
อาจารย์ท่านได้กล่าวชื่อผมอะ
ผมงงมากครับ
สวัสดีครับ อาจารย์หญิง
สันเองครับ
555
(พูดซะเห็นภาพเลยนะครับ)