แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจริงหรือ?
เท่าที่ใช้งาน Blog มาก็หลายหลากครับ แต่ที่น่าสงสัยว่า "แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจริงหรือ?"
ก็เพราะว่า ส่วนของ ข้อคิดเห็น ใน(0) เสมือนว่า การใช้ Blog เป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้น เหมือนกับว่า เป็นบ้านร้าง ไม่สมเจตนารมณ์ที่ผู้พัฒนาตั้งใจไว้เลย ดูแล้วส่วนมาก ไม่ค่อยมีการแลกเปลี่ยนกันครับ ส่วนคน post มีเยอะครับ ได้รางวัลก็เยอะ ส่วนคนที่จะร่วม ลป.รร. น้อยมาก
นี้เป็นข้อสังเกตุเท่านั้นครับ ไม่ได้มีอะไรมาก จะด้วยเพราะเหตุผลใด ความหวังคงต้องฝากชาว thaiukm ล่ะครับ
การเขียนบันทึก แล้วเปิดเผยลงบล็อก ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยน เป็นการให้แล้วครับ ถ้าเข้าไปเสนอความเห็นในบล็อกของคนอื่นก็ยิ่งเป็นการ ลปรร. ที่ดี บางคนคอยจับภาพรวม (สังเคราะห์) ให้เห็น (อย่าง beeman) ก็ยิ่งดี ผมชื่นใจกับการเกิดชุมชน Gotoknow มาก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์ KM ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ต้องขอบคุณ ดร. จันทวรรณ และ ดร. ธวัชชัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สร้าง "เวที" (เสมือน) นี้ขึ้น
วิจารณ์ พานิช
ดิฉันเขียนตอบคุณวิชิตไว้ที่นี่นะคะ http://gotoknow.org/archive/2006/02/19/11/02/59/e16052
ขอบคุณคะสำหรับ Feedback ดีๆ อย่างนี้ :)
ผมรู้สึกว่า blog ให้บรรยากาศที่เป็นขุมความรู้
มากกว่าเวบบอร์ดซึ่งเด่นเรื่องการสื่อสารระหว่างกัน
เนื่องจากผมมีเวบไซต์ ที่บันทึกขุมความรู้ของผมเอง
จึงไม่ค่อยได้เขียน blog ส่วนเวบบอร์ดผมมีไว้เพื่อ
เป็นช่องทางสื่อสารกระตุ้นบรรยากาศชุมชนให้ตื่นตัว
แต่ถ้าเป็นผู้ไม่มีเวบไซต์เป็นของตนเอง ผมจะแนะนำให้
มาเขียน blog เพราะสามารถบันทึกเป็นทั้งขุมความรู้
และยังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผ่านทางความคิดเห็นได้ด้วยครับ
--วิภัทร
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
การได้อ่านงานของคนอื่น การได้พบรู้จักกันต่างภาค ต่างชุมชนก็เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดีแล้วครับ
khajit's bolg
การเริ่มเรียนรู้ที่จะเขียน blog อาจจะเป็นขั้นแรกๆของการเรียนรู้ก็เป็นได้นะคะ
ต้องใช้ความกล้าหาญ และอาศัยเวลา ที่จะยอม share สิ่งต่างๆ กับคนอื่น
แอนคิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ แค่เริ่มเขียนก็ดีแล้ว
บางทีเข้าไปอ่าน แม้จะไม่ได้มีข้อ คิดเห็นตอบโต้มากมาย แต่ก็เป็นวิธีที่จะได้ทราบว่า คนอื่นเค้าสนใจอะไร มองโลกอย่างไร และแสดงตัวตนที่ต้องการให้คนอื่นได้รับรู้ออกมาอย่างไร
น่าจะมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีนะคะ ขอให้เป็นเช่นนั้น
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในปีเดียวจริงๆด้วย ปลูกถั่วงอกยังใช้เวลาเป็นวันๆเลยค่ะ
ในมุมมองที่ว่า
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้จริงหรือ
ผมไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องราวของการตรวจสอบ ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเท่าไร อาจจะแค่วัดจากความรู้สึกและความเข้าใจโดยส่วนตัว
ผมพบว่า โลกในอนาคต มีทิศทางของการแลกเปลี่ยน ต่อรอง ช่วงชิง นำเสนอ อธิบาย ถกเถียง และอีกมากมายของข้อมูลการสื่อสาร แต่กลับมีทิศทางบางอย่างที่ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า โลกในอนาคต ต่างเรียนรู้ที่จะค้นพบ ช่องว่างของเทคโนโลยีการสื่อสารที่มีอำนาจมหาศาล ที่นักคิดกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า ทำให้โลกแคบลง นักคิดอีกกลุ่ม ก็เชื่อว่า ทำให้มนุษย์สื่อสารกันมากขึ้น หรือกระทั่งว่า มีรอยแยกที่ทำให้เราแต่ละคน ไม่มีโอกาสสัมพันธ์กันในโลกของความเป็นจริง
แต่จะเป็นทิศทางใดก็ตาม
ผมกลับเห็น ปรากฎการณ์บางอย่าง ไม่ว่าจะมุมมองของสถาปัตยกรรมในโลกสมัยใหม่ ของแนวคิดการต่อบล็อค การประกอบชิ้นส่วนของพื้นที่ การเรียบเรียงลำดับความต้องการของคนที่ใช้พื้นที่
สถาปัตยกรรมของสเปน ฝรั่งเศส และเยอรมัน สมัยใหม่ มักประกอบอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เราฉุกคิดถึง รถสิบล้อโครงไม้ในบ้านเราได้ หรือกระทั่ง เห็นจอมปลวก รังมด รวงผึ้ง ที่ประกอบขึ้นจากพื้นที่เล็กๆ จนกลายเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่
คนขับรถในบ้านเรา เท่าที่เราจะมีโอกาสสังเกตุ เราจะพบว่า เค้าเหล่านั้น ช่างเป็นมนุษย์ที่งดงาม
เขารู้จักตนเอง รู้จักความต้องการ และเค้าแต่ละคน ก็ต่างดัดแปลงพื้นที่ของเขา ให้เราได้มีโอกาสเห็น ได้มีโอกาสมอง มุมมองการสร้างสรรค์ของเค้าแต่ละคน
รถในระบบอุตสาหกรรม ประกอบขึ้นจากความเหมือนกัน และมีระบบการผลิตที่ไม่แตกต่างกัน ตรวจสอบ ชั่งตวงวัดมาตรฐานได้
แต่เมื่อมาอยู่ร่วมกับมนุษย์ คุณจะพบสติกเกอร์ พระเครื่อง พวงมาลัย รูปคนรัก และอีกมากมายของสิ่งละอันพันละน้อย ที่ประดับให้เราเข้าใจได้ว่า เขาเลือกสรร ออกแบบ และทำให้เราเห็นพื้นที่ของชีวิตผู้คน
ผมว่า มุมมองแบบนี้ คือสิ่งที่เรียกว่า การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เท่ากับที่เราได้เห็นคนมากมาย ตั้งคำถาม ตอบคำถาม ถามไถ่ พยายามอ่านสิ่งที่คนอื่นเขียน พยายามเขียนให้คนอื่นได้อ่าน หรือแค่ลำพัง พูดสิ่งที่อยู่ในใจ ผมว่าอย่างน้อย พื้นที่แบบนี้ ก็มีทิศทางของโอกาสแห่งอนาคตได้ไม่ยาก
อีกอย่างที่ผมเห็นว่า คล้ายคลึง ในมุมมองของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก็คือ
กรอบในการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ การสร้างพจนานุกรม สารานุกรรมความรู้ในโลกอินเตอร์เนต และแนวโน้มในการออกแบบโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม ที่สร้างให้เกิดการงอก ต่อเติม และปรับแต่ง ตามพื้นที่ และตามปริมาณขององค์ความรู้ ที่ผู้คนในชุมชน และในพื้นที่จะสามารถร่วมกันสร้างสรรค์ได้
อย่างน้อย ผมก็เชื่อว่า ชุมชนแห่งนี้
มีธรรมชาติของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่เป็นความหวัง และเป็นอนาคต ให้กับพวกเรา และให้กับโอกาส ที่จะได้แลเห็น
ด้วยรอยยิ้ม และอมยิ้ม ที่จะได้อ่านงานเขียน และข้อเขียนดีๆ ในแต่ละวัน ผมก็ว่า เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้มากขึ้นแล้วครับ
จริงๆแล้วเป็นการฝึกนิสัย ขัดเกลาจิตตนเอง เอาชนะความเคยชินที่จะหวงความรู้ หรือ หวงวิชา มาเป็น ลลปร. ไงครับ
ไม่ใช่ว่าจะต้องเห็นผมทันตาอะไร แต่ที่ทำไป มันจะวิ่งไปชนคนที่สนใจ ตามคีย์เวิร์ดเอง
ต้องขอร้องให้ท่านใจเย็นนิดนึง เพราะการเรียนรู้และการขัดเกลากันทางสังคมต้องใช้เวลาพอสมควรครับ
เชื่อว่าวันนึง จะเข้าใจ เข้าถึง และจึงนำไอเดียที่ได้ไปพัฒนาต่อครับผม
การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง
หลายท่านเขียนถึงเรื่องนี้ รวมทั้งบันทึกนี้ http://gotoknow.org/blog/periphery/109725 ของคุณ Conductor ด้วยค่ะ ดิฉันได้แสดงความคิดเห็นไว้ที่นั่นด้วยค่ะ ลองอ่านดูนะค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ...สายน้ำแห่งความคิด
ขอบคุณค่ะ