สืบเนื่องจากบันทึก ตัดหางปล่อยวัด gotoknow การคิดก่อนปล่อยหรือปล่อยให้คิดเอง ของท่านลุงเอกที่ได้ช่วยกรุณาจุดประกายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงอนาคตของ GotoKnow ว่าจะเป็นอย่างไรหลังจากหมดทุนสนับสนุนจาก สคส. ในเดือนหน้านี้
ก่อนอื่นผมต้องเรียนขออภัยทุกท่านที่ผมและทีมงานได้สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ต่อเนื่องและเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ผ่านมา ดร.จันทวรรณ และผมได้ห่างไปจากระบบอย่างมากเนื่องจากเอาเวลาไปดูแลการคลอดของเจ้าต้นไม้ ทั้งมะปรางและกล้าก็ต้องเดินทาง เลยยิ่งทำให้การสื่อสารยิ่งขาดช่วงไปอีกครับ
ในขณะเดียวกัน สคส. ก็ไม่ได้สื่อสารข้อมูลออกมาเช่นกัน ทั้งนี้ด้วยภาระของการจัดงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 4 และการเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ สคส. ที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้านี้เช่นกัน
การสื่อสารที่ขาดช่วงนี้ไม่ได้หมายความว่าเราทอดทิ้ง GotoKnow แต่สาเหตุหนึ่งนอกจากความยุ่งแล้ว ก็เป็นเพราะเราไม่ได้กังวลกับอนาคตของ GotoKnow ครับ
เพราะทั้ง สคส. และ UsableLabs มั่นใจว่า GotoKnow จะอยู่ได้อย่างแน่นอน และจะอยู่คู่สังคมไทยไปได้นานกว่าเว็บอื่นๆ ในประเทศไทยด้วยครับ
ผมจะขออธิบายในบันทึกนี้ว่าทำไมเราถึงมั่นใจเช่นนั้นครับ
เริ่มต้นจากการที่ สคส. "ไม่เป็นเจ้าของ" GotoKnow นั้น หากดูเผินๆ จะเหมือนการทอดทิ้ง GotoKnow แต่ที่จริงแล้วเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและรอบคอบมากครับ
ที่ผ่านมา สคส. เป็นหน่วยงานชั่วคราวที่อยู่ภายใต้ สกว. และรับทุนสนับสนุนจาก สสส. แต่เนื่องจากมุมมองบางประการของ สสส. ทำให้ สสส. เล็งเห็นว่างานของ สคส. นั้นไม่ได้สนับสนุน "สุขภาพ" ของคนไทย ดังนั้น สสส. จึงยุติการสนับสนุน สคส. โดยจะสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2551 นี้ครับ (หมายเหตุ: เป็นความเข้าใจผิดของผมซึ่ง ดร.ประพนธ์ ได้มาให้ความกระจ่างแล้วในความเห็นด้านล่างนี้ว่าเป็นการสิ้นสุดโครงการตามปกติของโครงการที่รับทุนจาก สสส. ครับ)
ภายในเดือนมกราคม 2551 นี้ ไม่ใช่ สคส. ไม่ให้ทุนสนับสนุน GotoKnow ครับ แต่ สคส. ที่เรารู้จักกันนั้นจะไม่มีอีกแล้วครับ
แต่ สคส. เหมือนนกเพลิง (phoenix) ที่มีพลังครับ เมื่อสิ้นสุดวงจรชีวิตที่อยู่ภายใต้ลักษณะเดิมแล้วก็ไม่ได้ดิ้นรนที่จะอยู่ในร่างเดิมต่อไป แต่เผาตัวเองลงเป็นเถ้าเพื่อจะฟื้นชีวิตขึ้นใหม่ให้เข้มแข็งและสามารถดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ได้อย่างชัดเจนและไม่ต้องวอกแวกกับแนวทางที่พลิกผันของ สสส. อีกต่อไป
เดือนกุมภาพันธ์นี้ สคส. จะฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ภายใต้การนำของ ดร.ประพนธ์ ผาสุกยืด เป็น "มูลนิธิสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม"
ผมตั้งใจจะเสนอ สคส. ว่าน่าจะปรับโลโก้โดยเพิ่มนกเพลิงเข้าไปในกลางดวงอาทิตย์ด้วย เพื่อสื่อถือ สคส. "ใหม่" ที่มีพลังและพร้อมกางปีกปฎิบัติภารกิจโดยไม่อยู่ภายใต้กลไก "ดวงตะวัน" ของ สสส.
ก่อนหน้านี้ข้อมูลนี้เราก็ไม่ได้เปิดเผยมากนักด้วยเหตุบางประการ แต่ผมเชื่อว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องบอกให้แก่ทุกท่านเพื่อไม่ให้เข้าใจ สคส. และ GotoKnow ผิดครับ
ในช่วงแรกของการฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่นี้ สคส. ยังต้องพิสูจน์ตัวเองให้สังคมเห็น พร้อมทั้งพยายามเลี้ยงตัวเองให้ได้เพื่อสามารถทำงานบรรลุวัตถุประสงค์ของ สคส. ได้ งานนี้เป็นงานท้าทายอย่างยิ่งของ สคส.
ดังนั้น UsableLabs จึงตัดสินใจว่าเราจะไม่ให้ GotoKnow เป็นภาระของ สคส.
GotoKnow และ UsableLabs นั้นเหมือนลูกที่พ่อเลี้ยงให้เติบโต เมื่อยามที่พ่อเจออุปสรรค ไม่ใช่สิ่งที่ลูกจะต้องไปทับถมให้พ่อลำบากเพิ่มขึ้น แต่จะต้องช่วยเหลือให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้
UsableLabs จะเข้าไปช่วยเหลือ สคส. ดูแลทั้งเว็บไซต์และด้านเทคโนโลยีต่างๆ เท่าที่เป็นไปได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะเราไม่ใช่พันธ์มิตรทางธุรกิจ แต่เราคือพันธมิตรทางสังคม เราคือ "เพื่อน" ครับ
ส่วน GotoKnow นั้น เราเชื่อว่า GotoKnow จะอยู่รอดได้ และอยู่รอดได้อย่างดีด้วย เพราะ GotoKnow ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยเจตนาเพื่อรับทุนวิจัยหารายได้แก่ผู้ทำและเพื่อสร้างผลงานแก่ผู้ให้ทุน แต่ GotoKnow สร้างขึ้นเพื่อตอบสนอง "ความเชื่อ" ของทั้งผู้ทำและผู้ให้ทุนที่ตรงกันครับ
เป็น "ความเชื่อ" ว่าคนไทยนั้นมีความรู้ความสามารถมากมายนัก แต่ความรู้ความสามารถเหล่านี้ไม่ได้ถูกแลกเปลี่ยนแบ่งปันให้เป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอ่อนแอ ต้องพึ่ง "นาย" มาให้ความรู้อยู่ตลอดเวลา
สคส. และ UsableLabs "เชื่อ" ว่าเราต้องเปลี่ยนกติกาของ "ความรู้" ในประเทศไทยจากการ "สอนและสั่ง" มาเป็นการ "แลกเปลี่ยนเรียนรู้" ครับ
"ความเชื่อ" ของเรามีพลังมากนัก มากเพียงพอที่จะอยู่รอดก้าวข้ามปัญหาทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน
ลองมาดูสิครับว่าปัญหาเรามีอะไรบ้าง
ปัญหาแรกปัญหาทางเทคนิค
ที่จริงแล้วเรื่องทางเทคนิคนั้น ผมไม่อยากเรียกว่า "ปัญหา" เพราะเราไม่มีปัญหา
GotoKnow เป็นเว็บไซต์ที่มี "เทพ" คุ้มครองมากที่สุดในประเทศไทย
"เทพ" นี้เป็นศัพท์เทคนิค หมายถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีถึงขั้นขึ้นชั้นรู้จักกันในวงการครับ
ปัญหาทางเทคนิคทุกอย่างของ GotoKnow แก้ได้ภายในพริบตาด้วย "เทพ" ในด้านต่างๆ ที่จะช่วยดลบันดาลให้ครับ
"เทพ" เหล่านี้มาช่วยเหลือเราเพราะมี "ความเชื่อ" เช่นเดียวกับเราครับ ผมเชื่อว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เว็บสุดท้ายของไทยที่จะอยู่รอดนานกว่าเพื่อนคือ GotoKnow ครับ
อาทิเช่น สมมติว่ามีการปิดเว็บทั่วประเทศไทย GotoKnow จะเกิดขึ้นใหม่ในต่างประเทศภายในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงครับ
ในเรื่องเครื่องแม่ข่ายนั้น ตั้งแต่เราตัดสินใจว่า GotoKnow ต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้แล้ว "เทพ" ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทันทีครับ ด้วยมือระดับ "เทพ" ที่ช่วยกันมา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทุนมากมายในการซื้อเครื่องแม่ข่ายแพงๆ เราก็มีความสามารถรองรับผู้ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
ผมสามารถให้ความมั่นใจได้ว่าจากนี้ไป GotoKnow จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องแม่ข่ายอีกต่่อไปครับ
ยิ่งกว่านั้น ในบรรดาเว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย Ruby on Rails แล้ว GotoKnow มี traffic สูงที่สุดในประเทศไทย บริษัทที่ผลิตเครื่องแม่ข่ายต่างๆ ย่อมสนใจที่จะ "ทดลอง" ว่าเครื่องของตนมีศักยภาพรองรับ Ruby on Rails ใน traffic ขนาดนี้ได้หรือไม่
ในขณะที่ Ruby on Rails เป็น enterprise framework ไปแล้วเช่นนี้ ถ้าคุณไม่บริจาคเครื่องมาให้ GotoKnow ทดลองแล้ว คุณจะไปบอกลูกค้าคุณได้อย่างไรว่าเครื่องคุณทำงานรองรับ Ruby on Rails ได้อย่างแท้จริง
ก็ถือโอกาสนี้บอกไปเลยว่า บริษัทผู้ผลิตเครื่องแม่ข่ายทุกท่าน ผมยินดีรับบริจาคเครื่องแม่ข่ายครับ เชิญบริจาคได้โดยพลัน ใครมาก่อนผมรับก่อน มาหลังผมไม่รับ
ปัญหาต่อมาปัญหาเรื่องทุน
ปีที่ผ่านมา สคส. ให้งบสนับสนุน GotoKnow ประมาณหนึ่งล้านบาทต่อปี โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นค่าจ้างบุคลากรก็คือพวกเราสี่คนที่ UsableLabs และนักศึกษาที่มาช่วยงานครับ
ในตอนนี้ UsableLabs กำลังปรับตัวในเรื่องค่าจ้างเพื่อไม่ให้ต้องใช้งบประมาณจาก สคส. เป็นค่าใช้จ่ายอีกต่อไป หากพิจารณาจากแผนการทำงานของเราในปีหน้านี้นั้น ในที่สุดแล้ว UsableLabs จะอยู่ได้โดยอาศัยงบประมาณจากส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่มาจาก สคส. ครับ
ในตอนนี้เรามีโครงการที่กำลังทำอยู่หลายโครงการเพื่อให้เราเป็นอิสระจากการใช้งบประมาณจาก สคส. และที่ผ่านมาเราก็มีเงินหมุนจาก TRN อีกด้วย ดังนั้นเรื่องเงินที่จริงแล้วไม่ใช่เป็นปัญหาอย่างไรเลย
ในที่สุดแล้ว UsableLabs จะสามารถทำงานให้ GotoKnow ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ ดังนั้นด้วยเงินบริจาคที่ทุกท่านกรุณาให้แก่กองทุนบริหารจัดการ GotoKnow นั้น ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ "เพียงพอ" ครับ
สำหรับ GotoKnow แล้ว พวกเราสี่คนทำงานให้แบบ "เปิดหมวก" ครับ จะมากน้อยเท่าไหร่ ขอให้มาจากใจพวกเราก็พอใจที่สุดแล้วครับ
เราทำงานเพื่อตอบสนอง "ความเชื่อ" ที่ผมได้อธิบายตั้งแต่ต้น และเราเชื่อว่าความเชื่อนั้นเป็นจริง ดังนั้นเราไม่อดตายแน่นอนครับ
ปัญหาเรื่อง "ความยั่งยืน"
ด้วยการ "ไม่เป็นเจ้าของ GotoKnow" ของ สคส. และอุทิศ GotoKnow ให้แก่สังคมไทยนั้น ไม่ใช่การทอดทิ้ง GotoKnow แต่คือการวางรากฐานของความยั่งยืนให้แก่ GotoKnow ครับ
ถ้าพิจารณากันจริงๆ แล้ว ระบบบล็อกที่มีอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ไม่มีระบบใดเลยที่วางรากฐานเพื่อความยั่งยืนเช่น GotoKnow เพราะระบบเหล่านั้นมี "เจ้าของ" โดยองค์กรเพื่อแสวงหาผลกำไรทั้งสิ้น หมายความว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายใดๆ ของระบบเหล่านั้น เกิดขึ้นโดยการตัดสินใจของ "เจ้าของ" แต่ผู้เดียว ไม่ได้ให้ผู้ใช้เป็นใหญ่ครับ
ยิ่งกว่านั้นเนื้อหาที่ผู้ใช้เขียนเข้าไปในระบบก็กลายเป็นสิ่งที่ "เจ้าของ" นำไปหาผลประโยชน์ทางธุรกิจได้ สังเกตว่าไปอ่านบล็อกที่เขียนที่อื่นนั้น "เจ้าของ" ระบบได้โฆษณาในทุกหน้าไปครับ
เนื้อหาที่ผู้ใช้เขียนไปนั้น ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของระบบไม่ได้รับประกันว่าจะอยู่ตลอดไป วันหนึ่งธุรกิจเปลี่ยนไปเมื่อเนื้อหาเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์ทางการค้าอีกแล้ว ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของระบบจะลบทิ้งได้โดยไม่มีภาระผูกพันว่าต้องดูแลการดำรงอยู่ของเนื้อหานั้นแต่อย่างไร
แต่ GotoKnow ไม่ได้สร้างเพื่อวัตถุประสงค์เช่นนั้นครับ จุดมุ่งหมายใหญ่ที่สุดที่เรามีคือทุกสิ่งที่ผู้ใช้เขียนในระบบจะต้องจัดเก็บไว้เป็นจดหมายเหตุของประเทศไทย เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ศึกษาหลายร้อยปีหลังจากนี้ เหมือนที่พวกเราได้ศึกษาสิ่งที่บรรพบุรุษได้เขียนไว้ครับ
เราต้องการสร้าง digital archive ของภูมิปัญญาไทยในปัจจุบันเพื่อลูกหลานในอนาคต และนั่นคือสาเหตุที่ GotoKnow ต้องเป็นของสังคมไทยครับ
เราไม่รู้ว่า สคส. จะเป็นอย่างไรหลังจากเดือนกุมภาพันธ์นี้ UsableLabs คืออะไรก็ไม่แน่ใจในหลายต่อหลายปีจากนี้ แต่ GotoKnow และเนื้อหาทุกตัวอักษรใน GotoKnow จะยังอยู่ต่อไป เพราะเราสร้าง GotoKnow เพื่อความยั่งยืนครับ
ใครทิ้งใคร
จากบรรทัดต่อไปนี้จะเป็นความเห็นส่วนตัวของผมทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับใคร แต่ขอผมเขีียนหน่อยเถอะ ผมเก็บไว้ในใจนานแล้ว
ในเรื่องอนาคตของ สคส. และ GotoKnow นั้น มีคน "ทิ้ง" กันแน่นอนครับ แต่ไม่ใช่ สคส. ทิ้ง GotoKnow หรือ GotoKnow ทิ้ง สคส. ครับ งานนี้ผู้ที่ต้องตอบคำถามเรื่องนี้คือ สสส. ครับ
สสส. เป็นองค์กรที่ผมมีคำถามในใจมาตลอดเวลาว่า "คุณใช้เงิน 2,000 ล้านบาทต่อปีทำอะไรกันแน่"
ผมจำได้ว่าตอนผมไปขอทุน สคส. นั้น มีคณะบุคคลมาฟังการนำเสนอของผมด้วยหลายต่อหลายคน แล้วหลังจากนั้นก็มีคนได้ไปสร้างสิ่งที่คล้ายกับสิ่งที่ผมนำเสนอโดยใช้งบของ สสส. ผมบอกตรงๆ ว่าผมฉุนไม่น้อยเหมือนกัน
ด้วยสาเหตุนี้ทำให้เราใช้ชื่อ ThaiKM.org ที่เราตั้งใจไว้ไม่ได้ เพราะกลัวผู้ใช้สับสน ต้องใช้ชื่อ GotoKnow.org แทน
หนึ่งปีผ่านไป โครงการนั้นซึ่งไม่ได้มีผู้ใช้ก็ยุติ เหมือนโครงการอื่นๆ ที่ สสส. ให้ทุนสนับสนุน ซึ่งผมไม่แปลกใจ เพราะเป็นธรรมชาติของโครงการหลายโครงการของ สสส. และผมคิดว่าคณะบุคคลผู้ทำไม่ได้มีความเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาทำอะไร ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะทำสิ่งไหนต่อไปหลังจากหนึ่งปีผ่านไปแล้ว
สำหรับผมแล้ว สสส. เป็นองค์กรที่อยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่ทำงานเอง คอยให้ทุนอย่างฉาบฉวย ไม่ได้ทำงานเพื่อความต่อเนื่อง ไม่ได้ทำงานเพื่อความยั่งยืน ไม่ได้ทำงานอย่างมีจุดหมาย ไม่สมกับงบประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
ถ้า สสส. คิดว่าผมคิดผิด พิสูจน์สิครับ บอกผมมาหน่อยว่าโครงการอะไรของ สสส. ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน "จริงๆ" บ้าง
ไม่ต้องเรื่องอะไรครับ เอาแค่เรื่องเว็บไซต์ของ สสส. ก่อน ถ้า สสส. กล้าเปิดเผยงบประมาณที่ใช้ในการทำเว็บไซต์นั้นให้สังคมได้รับรู้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
มาดูกันสิว่าสังคมจะตอบรับอย่างไรถ้ารู้ถึงงบประมาณที่ สสส. ใช้ในการทำเว็บไซต์
หลังจากเดือนมกราคม 2551
ผมดีใจอย่างมากที่หลังจากเดือนมกราคม 2551 นี้ สคส. และ GotoKnow จะพ้นจากร่มเงาขององค์กรอย่าง สสส. แล้วครับ
ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า สคส. ภายใต้การนำของ ดร.ประพนธ์ จะอยู่ได้อย่างแน่นอน และจะอยู่เพื่อสร้างสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างที่ สคส. ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ ไม่ต้องพะวักพะวนกับแนวทางของ สสส.
ส่วน GotoKnow ก็จะอยู่ได้เช่นเดียวกัน เพราะ "ชาวบ้าน" สี่คนจากชุมพร นครศรีธรรมราช ยะลา และแม่ฮ่องสอน จะไม่ยอมให้ GotoKnow ล้มแน่ๆ เพราะเราเป็น "ชาวบ้าน" และเราเชื่อว่าเมื่อไหร่ "ชาวบ้าน" ซึ่งได้แก่คนทำงานจริงทั่วประเทศไทยได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นเครือข่ายเป็นกลุ่มก้อนกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องผ่าน "นาย" ประเทศไทยจะเจริญกว่านี้แน่
สังคมที่ดีต้องไม่มี "นาย" มาสั่งการ มีแต่ "เพื่อน" ร่วมกันทำงานครับ และการร่วมงานของ "เพื่อน" นี้จะอยู่ยืนยงคู่สังคมไทย เป็นจดหมายเหตุให้ลูกหลานได้เรียนรู้และศึกษาครับ
ดังนั้นทุกท่านที่ร่วมกันคิดร่วมกันสร้างหนทางแห่งความยั่งยืนของ GotoKnow ไม่ต้องกังวลครับ ปลายเดือนมกราคม 2551 นี้ ไม่ใช่ deadline ที่เราจะต้องได้ผลลัพธ์แน่นอน เรายังสามารถร่วมกันคิดต่อไปได้เพื่อสร้างรูปแบบที่เป็น best practice ที่เป็นต้นแบบให้แก่สื่อเพื่อสังคมอื่นๆ ได้ใช้ต่อไปครับ
สุดท้ายนี้ สคส. และ UsableLabs ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมช่วยกันสร้างสรรค์สังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เราสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุดเพื่อเป็นกำลังให้แก่ทุกท่านได้สร้างสังคมไทยที่ทุกคนร่วมเป็นเจ้าของได้อย่างแท้จริงครับ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ ดร.ธวัชชัย
ขอบคุณท่านอาจารย์มากค่ะที่นำข้อความข่าวดีนี้มาให้ทราบค่ะ
สวัสดีครับ ... อาจารย์ ดร.ธวัชชัย
ขอบคุณครับ อาจารย์ :)
และแล้ววันเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง
เรียนอาจารย์ธวัชชัยและอาจารย์จันทวรรณที่เคารพอย่างสูง
สิ่งที่อาจารย์ชี้แจงวันนี้พี่ๆ น้องๆ หลานๆ พ่อ เพื่อนๆ ใน gotoknow คงได้เฮ
ตั้งแต่พ่อครูบาตั้งปัญหาให้เราคิด เราได้ระดมพลังทางสมองกันหลายครั้งหลายเวที สุดท้ายมาจบที่ทีมงานหาดใหญ่ทุกที มาวันนี้อาจารย์ทำให้ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเปิดออกมาสว่างจ้า อาจารย์ได้ใจพวกเราใน gotoknow อย่างใหญ่หลวง จากทุกๆชีวิตที่มีจิตรักบล็อก
ผมดั้นด้นไปคุยแต่ละท่านๆ ไม่เคยได้คำเฉลยอย่างท่านอาจารย์พูด บอกตรงๆว่ามันชัด มันขาวสะอาดปราศจากสิ่งแปดเปื้อน
สิ่งที่เราค้นหาและอยากทราบจากอาจารย์ แต่ไม่กล้ากวนอาจารย์ด้วยหลานต้นไม้ที่ท่านอาจารย์ทั้งสองทุ่มเทกายใจให้ ทราบว่าเหน็ดเหนื่อยพอสมควร บอกตรงๆว่าพวกเราเป็นห่วงห้าชีวิตทั้งจากชุมพร นครศรีธรรมราช ยะลา แม่ฮ่องสอน และมิตรรักคนใหม่จากหาดใหญ่ครับ
มาวันนี้แม้เราหมดห่วงผมคิดว่าเรายิ่งมีกำลังใจที่จะสนับสนุนให้ gotoknow ท่านทั้งห้าได้สร้างไว้ให้คงอยู่คู่ไทยไปชั่วฟ้าดินสลาย
ยินดีจะช่วยเป็นกำลังให้ gotoknow ไปสู่จุดหมายอย่างที่อาจารย์ได้คิด
ขอกราบงามๆสักห้าครั้งครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
ขอบคุณมากมายค่ะ
ขอให้น้องต้นไม้ แข็งแรงๆๆๆเติบใหญ่เป็นคนดีของสังคมค่ะ
สวัสดีครับ อ.ดร.ธวัชชัย ครับ
ก่อนอื่น ขอ เฮ..ก่อน...เฮ....ตามท่านลุงเอกกล่าว
มาร่วมเฮ....ด้วยคนค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ไชโย้...Gotoknow !!
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอขอบคุณอาจารย์และทีมงานมากๆ ในการทำงานที่ทุ่มเทเพื่อสังคม และ G2K ค่ะ
ตอนนี้สิ่งที่กังวลอยู่ในใจของชาวบล็อกของ G2K ก็จะได้กระจ่างชัดเจน และสบายใจหลังจากที่เป็นกังวลและพยายามช่วยกันคิดหาทางออกกันมากมายหลายทาง ... เนื่องจากไม่ทราบอนาคตที่ชัดเจน...แต่ตอนนี้เข้าใจและสบายใจ รวมทั้งภาคภูมิใจที่ชาวบล็อกทุกคนจะได้มีส่วนช่วยให้ G2K ยั่งยืน และช่วยกันบันทึกประวัติศาสตร์ไว้ให้ลูกหลานศึกษากันต่อไปค่ะ
สุดท้ายขอขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองและทีมงานทุกท่านอีกครั้งค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์
บันทึกนี้ นับได้่ว่าเป็นบันทึกของขวัญปีใหม่ได้เลยทีเดียวครับ ชัดเจนดีครับผม
ขอให้อาจารย์มีความสุขตลอดไป และขอบคุณชาวบ้านทั้งห้าท่านด้วยครับผม
ขอบคุณมากครับ สวัสดีปีใหม่ครับ
ขอขอบพระคุณทุกท่านมากครับ GotoKnow จะพัฒนาต่อเนื่องแน่นอนครับ พวกเราที่ UsableLabs มีความสุขในการทำงานและดูแลระบบ GotoKnow มากครับ
มาเทใจให้ อ.ธวัชชัย และ อ.จันทวรรณ และทีมงานของโกทูโนค่ะ
ขอวางพวงหรีดสำหรับ สสส.ค่ะ
เมื่อเรื่องของสังคมแห่งความรู้มิใช่เรื่องของสุขภาพ
ประเทศไทยคงเป็นโปลิโอทางปัญญาล่ะค่ะ คราวนี้
เหมือนเคยได้ยินคำว่า "สุขภาพสังคม" แถวๆ สสส.นะคะ ความรู้ทำให้สังคมแข็งแรง สุขภาพดีนะคะ
ใครบางคนใน สสส.ที่คิดผิด คิดใหม่ได้นะคะ
ขอขอบคุณอาจารย์ธวัชชัยและทีมงานทุกท่านอย่างสูงครับที่นำข่าวดีมาบอกกันให้ได้...เฮ...ก่อนปีใหม่
ขอบพระคุณอีกครั้งในความทุ่มเททั้งกายใจ พยายามหาช่องทางขับเคลื่อนสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้...สู่สังคมอุดมปัญญา
พลัง gotoknow ช่างมีเหลือล้น เติมใจกันและกันตลอดไป
สัสดีค่ะ
ขอยกให้เป็นพี่เลี้ยงตัวจริง ในG2K นะคะ
สวัสดีครับ
จุใจ อิ่มใจ ที่ได้อ่านบันทึกนี้อย่างช้าๆ อ่านจบก็มีพลัง มีความสุข ชนิดที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
คุณพ่อน้องต้นไม้ ได้เขียนบันทึกนี้ เป็นของขวัญปีใหม่ให้พวกเราได้อย่างชนิดที่ บัตรอวยพรใดก็เทียบไม่ได้เลย
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาขอบคุณทีมงานชาวบ้านทั้ง ๔ ท่าน
และขอปรบมือให้ดังๆ เลยค่ะ ^ ^
อย่างไรก็ดี จะช่วยประหยัดอย่างที่คุณ conductor แนะนำโดยการใช้ gotoknow monitor ค่ะ
และแล้ววันเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง
ขอบคุณมากครับ
Quy Nhon City, Vietnam
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ GotoKnow ครับ
ฝากความระลึกถึงให้อาจารย์จันทวรรณด้วยนะครับ
KN
เยี่ยมยอดค่ะ ชัดเจน แจ่มแจ้งและตรงไปตรงมา
แนวร่วมทั้งหลายก็จะได้รู้จุดยืนที่แท้จริง ขอบคุณอ.ธวัชชัยที่สอนให้รู้ว่า ถึงเวลาที่สมควร เราก็สามารถที่จะ "เสนอ"สิ่งที่เราคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา ความจริงก็คือความจริง ถ้าเรามัวแต่กลัวที่จะแสดงความคิดเห็นและความจริงที่เรารู้ สังคมก็คงจะต้องอยู่แบบอึมครึม คลำทางกันไปเรื่อยๆแบบที่ผ่านมา
มาชื่นชมความกล้าหาญ จริงใจและทุ่มเทเพื่อเราคนไทยทั้งมวล ตราบใดที่เป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง คนกรุงเทพคนนี้ก็ขอร่วมก๊วนด้วยคนค่ะ
เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคน Gotoknow ที่ดีเยี่ยม
ขอบคุณอาจารย์ ธวัชชัยและทีมงานทุกท่านมากครับ สำหรับแรงกาย แรงใจ ในการทำงานเพื่อสังคม
ขอให้กำลังใจทุกท่านครับ
---------------------------------
กรณี สสส.นั้น หากถามในมุมมอง คนทำงานพื้นที่อย่างผมแล้ว มีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเยอะครับ :(
คงต้องปล่อยให้สังคมตั้งคำถาม...
โล่งอกครับ
ขอบคุณอาจารย์ธวัชชัยและทีมงานทุกท่านครับ ผมยืนยันร่วมมือร่วมใจกับ G2K เพื่อสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม ต่อไป ครับ
สวัสดีครับ
เรียนท่านอาจารย์ ดร.ธวัชชัย
G2K เป็นของพวกเรานักจัดการเรียนรู้ สคส. เขาบุกเบิกให้พวกเรา เมื่อเข้มแข็งแล้วเขาอาจถอนตัวกลับ เพื่อริเริ่มงานอื่นอีกต่อไป เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถามว่าขณะนี้ G2K ดูแลตัวเองได้ไหม คณะบริหารจัดการคงมีคำตอบอยู่ในใจ ผมใคร่ขอดเสนอกระบวนการบริหารจัดการในอนาคต ขอเสนอใช้กระบวนการสมาชิกพิจารย์ คือหมายความว่าขอความเห็นจากสมาชิกเมื่อประสบปัญหาด้านการบริหารจัดการ เช่น ขาดทุนทรัพย์ อาจขอบริจาคจากผู้ใจบุญ ผู้ที่เห็นคุณค่าของ KM หรือสุดท้ายก็อาจขอรับบริจาคจากสมาชิก คนละ 100-200 ต่อเดือน ผมคิดว่าสมาชิกส่วนใหญ่คงไม่ปฏิเสธ เพราะนี่คือแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ดที่สุดในยุคปัจจุบัน สำหรับผมยินดีเสมอขอให้ประกาศบอกมา
เป็นความคิดอย่างมีส่วนร่วมของผมเองนะครับ
อาจารย์เก
อ่านแล้วรู้สึกชื่นใจค่ะ รู้สึกขอบคุณและขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์และทีมงานทุก ๆ ท่านนะคะ
1 ล้านบาท ต่อปี
คงไม่แพงสำหรับการสร้างพื้นที่เรียนรู้สำหรับประเทศไทย หรือสังคมโลกนะคะ
ข้อเสียของกระดานข่าว ก็คือ เปิดโอกาสให้ "ไอ้โม่ง" มาพูดจาแบบไม่รับผิดชอบ กล้าแสดงความคิดเห็น แต่ไม่กล้าแสดงตัว
คำว่า "สภากาแฟ" มันคลุมเครือค่ะ สภากาแฟที่เป็นที่รวมของการสร้างชาติ ก็มีให้เห็น เป็นที่รวมของการทักทอความรู้
ที่ต้องระวังในกระบวนการแสดงความคิดเห็น ก็คือ คนที่มาโต้แย้งประชาคมโกทูโน ก็ต้องแสดงเหตุผลด้วยค่ะ แม้จะไม่กล้าแสดงตัวตน ต้องกล้าบอกเหตุผลที่ว่า ทำไมจึงไม่ควรให้ ๑ ล้านบาทในการสร้างประชาคมเรียนรู้แบบนี้
อยากเห็นความรับผิดชอบจาก "ไอ้โม่ง" จังค่ะ
เห็นด้วยกับ archanwell ค่ะว่า คุณ "คนไทย" ที่ไม่มีที่มา ซึ่งไม่ยอมแม้แต่จะเปิดเผยตัวเอง คงไม่เข้าใจหรอกว่า "สภากาแฟ"ในคำจำกัดความของเขานั้น ไม่ใช่สิ่งที่มีและเป็นอยู่ใน GotoKnow
บอกได้อีกอย่างว่า เหตุที่สังคมไทยไม่พัฒนาด้วยปัญญาอย่างโปร่งใส ก็เพราะคนที่คิดเห็นแตกต่าง ไม่เชื่อมั่นตัวเอง กล้าพูดแต่ไม่กล้าแสดงตัว ไม่แสดงความคิดเห็นอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา น่าละอายใจนะคะ น่าจะใช้นามแฝงอื่นจะเหมาะสมกว่า
ดิฉัน...เป็นคนไทยโดยเชื้อสายและโดยกำเนิด...
รัก...และภูมิใจต่อการเกิด...และการมีชีวิตอยู่นี้
รัก...และเชื่อมั่นในความดีงาม
สิ่งไหนไม่ดีไม่งาม...ก็ถอยตนเองออกมาไม่ไปยุ่งเกี่ยว...ทั้งบุคคล องค์กร และสังคม
ไม่เคยหวัง..ในลาภ ยศ สรรเสริญ...เยินยอใดใด...
....
ดิฉันได้รู้จัก...สคส. ได้รู้จัก...ดร.จันทวรรณ ดร.ธวัชชัย...ได้สบตา..ได้สัมผัสแห่งความเป็นผู้มีจิตกุศล...
ดิฉันจึงไม่เคยที่จะละถอย...หรือปล่อยวางออก...จาก..บ้านเสมือน...หลังนี้...
....
ร่วมก้าวเดินไปเงียบ เงียบ...ด้วยกำลังใจ อันเต็มเปี่ยม พร้อมร่วมถักทอความสวยงาม ต่อ...โลกที่ให้ได้อาศัยอยู่นี้...
เจตนารมย์ของ สคส. และ ผู้พัฒนาระบบ...ไม่เคยเกิดเป็นความคลอนแคลนในความคิดและจิตใจนี้...
.....
ขอร่วมเป็นกำลังใจและถักทอความสวยงามนี้ต่อไปนะคะ
(^______^)
กะปุ๋ม
สวัสดีครับอาจารย์ธวัชชัย
ขอบคุณที่ชาวบ้านทั้ง สี่คนมาก ๆ ครับ ผมพร้อมเป็นชาวบ้านอีกคนที่ร่วมมือกับทุกท่าน ทำหมู่บ้านให้ดีให้ได้ครับ
เป็นกำลังใจ กำลังทรัพย์ แรงกำลัง ให้ครับ
สสส.ไม่ใช่ "ไอ้โม่ง"
แต่ไม่ทราบว่า จะเห็นความสำคัญที่จะมาแลกเปลี่ยนกับพวกเราไหมนะ ?
ติดใจว่า "KM" ดังที่ดำเนินในโกทูโน ไม่ใช่เรื่องของสุขภาพ
บอกว่า ไม่มีเงิน ยังฟังขึ้นมากกว่าค่ะ
หวังอย่างยิ่งที่จะมีความอธิบายจาก สสส.
อ่านบันทึกของอาจารย์ธวัชชัยด้วยความประทับใจอย่างยิ่ง ดีใจที่เมืองไทยมีคนหนุ่มสาวที่มีความคิดและจิตใจดีงาม
สวัสดีครับ
ด้วยรักและขอบคุณ
สวัสดีค่ะ ดร.ธวัชชัย
ช่วงนี้ยุ่ง ๆ เรื่องเดินสายต่างจังหวัด เลยไม่ค่อยได้แวะเวียนมา g2k
ได้เห็นหลาย ๆ บันทึก เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งพาลไม่ให้อยากอ่าน บอกตรง ๆ ว่า กลัวเสียความรู้สึกค่ะ
ต้องขอบคุณพี่อึ่งอ๊อบ มากค่ะ ที่แนะนำให้มาอ่านบันทึกนี้ ยอมรับว่า อ่านไปขนลุกไปค่ะ
ขอบคุณสำหรับความกระจ่างอย่างเปิดอก
นี่และความจริงใจของชาวใต้
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีคะ ดร.ธวัชชัย
ขอบคุณสำหรับ "ของขวัญปีใหม่" ของชาว G2K นะคะ
เป็นกำลังใจทีมงานที่ทำงานด้วยใจกันทุกคนนะคะ
---^.^---
อ่านแล้วทำให้ผมต้องไปเขียนบันทึกไว้ใน beyondKM ที่ชื่อว่า . . . GotoKnow กับ สคส. “แยกกันเราอยู่ รวมกันตายหมู่” http://gotoknow.org/blog/beyondkm/154035
แต่ยังมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าหลายท่านอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ซึ่งก็คือเรื่องการจบโครงการของ สคส. ผมขอให้ข้อมูลเพื่อความชัดเจนว่า . . . แรกเริ่มเดิมที สคส. นั้นเป็นโครงการสามปีครับ จริงๆ แล้วเราต้องจบโครงการนี้ตั้งแต่สิ้นกุมภาปี 49 แต่เนื่องจาก สสส. เห็นถึงประโยชน์ของการขับเคลื่อน KM ในสังคมไทย จึงอนุมัติการขอขยายเวลาของโครงการไปอีกสองปีตามที่ สคส. ขอไป คือให้ไปจบเอาตอนกุมภาปีหน้านี้ครับ
โครงการเป็นสิ่งที่มีจุดเริ่มต้นและก็มีวันสิ้นสุด แต่ในเมื่อ สคส. ยังไม่ต้องการหยุดการส่งเสริมเรื่อง KM เราก็ทำต่อได้ เพียงแต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมที่ทำมา . . . ก็เท่านั้นครับ ไม่มีประเด็นที่พูดกันว่า . . . งานของ สคส. นั้นไม่ได้สนับสนุน "สุขภาพ" ของคนไทย ดังนั้น สสส. จึงยุติการสนับสนุน . . . แต่อย่างใดครับ
จากการสังเกตบรรยายกาศช่วงหลังๆ ใน GotoKnow ทำให้ผมเริ่มเข้าใจแล้วครับว่าทำไมการสมานฉันท์นั้นจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายเลย เพราะขนาดคนดีๆ กัน พูดกันไปพูดกันมาอาจจะพาให้เสียความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันไปได้โดยง่าย
หากจะหา “จำเลย” ในเรื่องนี้ ผมจับมาได้ตัวหนึ่งครับ พวกเรารู้จักมันในนามว่า “ความคิด” จริงๆ แล้วมันต้องมาเป็นผู้รับใช้ของเรา แต่มันดันกลับมาเป็นนายเรา เรื่องที่ตรงไปตรงมาจึงกลายเป็นว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อน มีเงื่อนงำ ทำให้ดูยุ่งสับสนจนหลายคนเริ่มจะ “ถอดใจ” พวกเราต้องอย่ายอมให้มันมาก่อความวุ่นวายในชีวิตเรานะครับ
ด้วยรักและปรารถนาดี อยากให้ชุมชนดีๆ เช่นนี้อยู่ไปนานๆผมขอขอบคุณ ดร.ประพนธ์ ที่กรุณาให้ข้อมูลครับ ด้วยความเคารพอาจารย์และอาจารย์หมอวิจารณ์อย่างสูง แต่ผมขออนุญาตมีความเห็นที่แตกต่างครับ
ผมขอเรียนอาจารย์ว่าข้อมูลที่อาจารย์ให้กลับมาเสริมความเข้าใจของผมที่เห็นว่า สสส. เป็นองค์กรให้ทุนที่ไม่ได้เล็งเห็นถึงการทำงานอย่างยั่งยืนจริงๆ ครับ
เราเห็นได้ชัดว่า "โครงการ" ที่รับทุนจาก สสส. นั้น แม้จะเป็นโครงการใหญ่ที่มีผลงานดีเด่นเช่น สคส. กลับมีอายุโครงการตามปกติเพียงแค่สามปีเท่านั้น ซึ่งแม้จะต่อไปที่สุดก็ได้เพียงห้าปี เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ากลไกการทำงานของ สสส. นั้นมีเรื่องที่น่าข้องใจในประเด็นของความยั่งยืนครับ
ยิ่งกว่านั้น การที่ สคส. มีความพร้อมและมีความมุ่งมั่นในการทำงานต่อเช่นนี้ แต่กลับต้องผันตัวเองเป็นมูลนิธิแล้วต้องต่อสู้พิสูจน์ตัวเองกันถึงขั้นว่าต้องลดเงินเดือนนั้น ยิ่งสะท้อนถึงมุมมองของ สสส. ที่น่ากังขาเป็นอย่างยิ่ง
ทำไมองค์กรที่ตั้งใจทำงานเพื่อความยั่งยืนกลับต้องทำงานด้วยความลำบาก ทั้งๆ ที่พิสูจน์การทำงานมาแล้วถึงห้าปี
แล้ว สสส. เอาเงินไปไหน?
จากข้อสรุปของผม ผมเชื่อว่า สสส. ยังต้องตอบสังคมว่า ใช้เงินปีละสองพันล้านบาทเพื่อทำอะไรครับ
ยิ่งกว่านั้น ผมพยายามค้นหาข้อมูลจากเว็บ สสส. แต่กลับไม่เจอข้อมูลที่จะเรียกได้ว่า สสส. เป็นองค์กรที่โปร่งใสที่เปิดเผยข้อมูลให้แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง
ในตอนนี้ผมไม่สงสัยในประเด็นระหว่าง สคส. และ สสส. แล้วครับ
แต่ผมยังข้องใจในฐานะคนไทยว่าเงินปีละสองพันล้านบาทนั้น สสส. ใช้ทำอะไรที่ยั่งยืนบ้างครับ
ตอนนี้ผมกลับมาเมืองไทยได้ห้าปี หาก สสส. มีงบประมาณปีละสองพันล้านบาทแล้ว การทำงานของ สสส. ในห้าปีนี้ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น หนึ่งหมื่นล้านบาท
ยิ่งคิดในลักษณะระยะเวลา long-term แล้ว ผมก็ยิ่งต้องการคำตอบว่าหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อห้าปีนั้น ได้ผลลัพธ์อะไรที่ยั่งยืนบ้างครับ
หนึ่งหมื่นล้านบาทต่อห้าปีนั้นเป็นเงินที่เยอะมากนะครับ มากเกินกว่าที่เราจะมองเป็นเรื่องเล็กๆ ได้
อาจารย์หมอวิจารณ์ได้บอกว่าให้เราต้องเห็นใจ สสส. ที่ถูกสังคมตรวจสอบ
แต่สำหรับองค์กรที่ใช้งบประมาณมากเช่นนี้ ในฐานะคนไทยในสังคมที่เห็นคนรอบตัวกินเหล้าและสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีนั้น เรื่องนี้เกินกว่าผมจะสามารถเห็นใจได้
ผมขอเป็นคนหนึ่งในสังคมที่ต้องการตรวจสอบ สสส. ครับ
ต้องขอเรียนว่าผมไม่ได้สงสัยว่าผู้บริหาร สสส. ใช้งบประมาณเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด ผมเชื่อว่าผู้บริหาร สสส. เป็นคนดีทุกท่าน และผมไม่ได้รู้จักท่านผู้บริหาร สสส. เป็นการส่วนตัวแม้แต่เพียงท่านเดียว
ผมต้องขอกราบขอโทษท่านผู้บริหาร สสส. ด้วยซ้ำ หากสิ่งที่ผมเขียนจะทำให้ท่านต้องลำบากใจ
แต่ในฐานะคนไทยที่เฝ้ามองประเทศไทยด้วยความเป็นห่วงมากขึ้นอยู่ทุกวัน จนบางครั้งมันอึดอัดล้นอยู่ในหัวใจ สิ่งที่ผมข้องใจคือ "ศักยภาพในการทำงานของ สสส. ต่องบประมาณที่ สสส. ได้รับ" ครับ
หลังจากเงียบหายไปนาน ผมขอร่วมแจมด้วยคน
มาให้กำลังใจ
เพื่อ GO to KNOW จะได้ยั่งยืนตลอดไปค่ะ
มาเป็นกำลังใจเช่นกันค่ะ
สงสัย ข้องใจและอยากได้รับความกระจ่างเกี่ยวกับการบริหารโครงการต่างๆของสสส.เหมือนกันค่ะ เข้าไปในเว็บไซต์เพื่อจะหาข้อมูล ก็อัดแน่นจนหาอะไรยากมาก ผลการดำเนินงานปี 49 ก็ดูเหมือนจะออกมาอย่างที่อ.ธวัชชัยว่า คือโครงการต่างๆทำแบบค่อนข้างหวือหวาฉาบฉวย มองให้เห็นความยั่งยืนยากมาก ทั้งๆที่หลายๆโครงการควรจะมีแผนระยะยาวมากๆ
บอกได้ว่าการบริหารจัดการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพด้วยวิธีที่ผ่านๆมา 5 ปีนั้น สสส.ยังเลือกทีี่่จะสนับสนุนโครงการต่างๆด้วยวิธีที่ไม่ยั่งยืน ให้ความสำคัญกับงานใหม่ๆไปเรื่อยๆ แทนที่จะส่งเสริมสนับสนุนสิ่งดีๆที่เริ่้มไปแล้วให้คงอยู่แข็งแรงต่อไป ระบบกระประเมินสถานการณ์น่าจะต้องแก้ไข โอ๊ย...อีกหลายเรื่องค่ะ
มาเป็นกำลังใจนก phoenix เช่นกันครับ
-ร่วมเป็นกำลังใจ ขอให้เจริญรุ่งเรืองชั่วนิรันดร์