คนมีความรู้แค่หางอึ่งอย่างผมนี่นะ เวลาจะทำอะไรที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง จะหันหีหันขวางเหมือนหมาไปหลงอยู่บนทางด่วน ไม่รู้ที่จะออกไปทางไหน ทุกแง่ทุกมุมมันมึนตึบไปหมด ครั้นจะไปถามใครปรึกษาใคร กว่าจะเจอตัวเจอคนที่จะให้ข้อมูลได้ก็เล่นเอาเสียเวลา เล่นซ่อนหากับปัญหาของตัวเอง ไม่ใช่ระดับมอญซ่อนผ้าตุ๊กตาอยู่ข้างหลังนะครับ มันเป็นอะไรกว่านั้น มันเหมือนกับมานั่งเป่าหยิงฉุบอยู่คนเดียวไม่มีฝ่ายตรงกันข้าม แสดงเครื่องหมายมืออยู่ฝ่ายเดียว
ยามบ้านเมืองเกิดวิกฤติ การยกร่างนโยบายเรื่องโน้นเรื่องนี้ เขาก็จะเชิญผู้นำชาวบ้านไปเล่าให้ข้าราชการระดับซี 9-11 ฟัง ผมนึกสงสัยว่า เอ๊ะบุคลากรของรัฐที่ผ่านร้อนผ่านหนาวขึ้นมาถึงตรงจุดนี้ ทำไมไม่มีความชัดเจนในเรื่องบทบาทหน้าที่ของตนเอง ทำไมต้องกลิ้งไปเรื่อยตามสถานการณ์ หลักการของกระทรวง หลักการของผู้บริหาร และแผนแม่บทที่ควรยึดถือเป็นลายแทง เพื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงต่อยอดงานให้เป็นขั้นเป็นตอนอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่จะเรื้อแล้วก็ทำใหม่ในเรื่องเก่าๆ จัดประชุมเพื่อให้ได้ประชุม ประเทศไทยเสียเงินกับราชการไม่เตรียมตนเองให้พร้อม กลไกการบริหารจึงย่อหย่อน อึดเป็นเรือเกลือที่ไม่มีหางเสือ
เมื่อคืนนี้มีข้าราชการผู้ใหญ่ระดับสูงกระทรวงเกษตรฯ แวะมาขอนอนคุยด้วย เกี่ยวกับเรื่องการตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง 40 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อต้องการให้เป็นสถานีหลักในภาคชุมชน ทำหน้าที่ถ่ายทอดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ตามวิถีที่สถานีนั้นๆดำเนินการให้กว้างขวางออกไป
แต่กว่าจะเริ่มตรงนี้ได้ จะต้องไปประชุมแสดงความคิดเห็นให้ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงฯฟัง และความเห็นนั้นก็ควรจะตรงกับโจทย์ในใจของราชการด้วย ควรทำงานในกรอบวัฒนธรรมราชการ อพิโธเอ๋ย.. อนิจจัง กาลมัง คัดฉามิ
ในวัฒนธรรมราชการมีส่วนดีอยู่มาก แต่กฎระเบียบบางอย่างที่กำหนดไว้มัดแข้งมัดขาไม่ให้ใครทำอะไรได้นั้นก็สุดแสนสาหัส เป็นกฎเหล็กที่หลายเรื่องดูซื่อจนเซ่อ จะปรับจะแก้อะไรก็ยาก เต็มไปด้วยพิธีรีตอง ผมเคยไปเป็นวิทยากรให้สถาบันระดับสูงแห่งหนึ่ง แอบฟังเขาคุยกันเรื่องจะทำเสื้อทำหมวกทำเครื่องหมายประจำรุ่น เวลาลงพื้นที่จะได้ติดหน้าอกใส่ชุดที่เหมือนๆกัน เฉพาะคิดเรื่องแต่งองค์ทรงเครื่องนี่ก็หมดเวลาไปครึ่งวัน ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นพระเอกนางเอกลิเลสักกะหน่อย!หมดเวลาไปครึ่งค่อนวัน
..นี่ขนาดจะลงไปดูงานบ้านนอกนี่นะ ทำไมต้องโอ้เอ้วิหารรายขนาดนั้น ทำให้นึกถึงโฆษณาทางทีวีที่บอกว่า “จะไชโยทำไมต้องรอรีโอก่อน” เราไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่ควรเสีย หมดไปกับเรื่องไร้สาระแทบทั้งนั้น ต่างกับวัฒนธรรมของธุรกิจเอกชน เขารวบรัด รวดเร็ว เรียบร้อย เรื่องตรงประเด็น อ่านเพิ่มเติมที่ ดร.แสวง เขียนเรื่องอะไรคือการทำงานย้อนไปเล่าถึงข้าราชการผู้ใหญ่กระทรวงเกษตรฯ ท่านเล่าว่าได้รับเชิญให้ไปสอนวิธีเลี้ยงกุ้งแบบอินทรีย์ ท่านก็อ่านๆตำราค้นคว้ารอบด้านแล้วนำความรู้นั้นไปสอน พอมารุ่นที่ 2 เขามาเชิญอีก ท่านบอกว่าไม่รับเชิญหรอก เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ไปสอนนั้นท่านไม่ได้ลงมือปฏิบัติมาก่อน เป็นเพียงแต่จำความรู้คนอื่นไปสอน เกิดความตระหนักในตัวเองว่าไม่สมควร น่าจะให้ผู้ที่ผ่านการค้นคว้าอย่างเชี่ยวชาญไปสอน ท่านละอายตนเองที่จะไปสอน ผมว่าประเด็นนี้สำคัญมากในการที่จะไปถ่ายเทความรู้ เราไม่ได้เป็นพหูสูตที่จะรู้แจ้งแทงทะลุไปทุกเรื่อง ดังนั้นระดับความรู้ในตัวคนตามหลักการKM. จึงมีทั้งความเชี่ยวชาญ และระดับตั้งไข่ในตัวตนของเรา ปัญหามันขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ความรู้ในสถานะใดและเรื่องใด เรื่องนี้แก้ได้ด้วยการอย่ายึดถือกับความรู้ตัวเองมากนัก เวลาผ่านไปหนึ่งนาที ความรู้เราอาจจะล่าหลังตกรุ่นไป1นาทีก็ได้
ถ้าเรายอมรับตัวเองในเรื่องนี้ จะพาตนเข้าไปสู่สนามความรู้ ควรเรียนหลักการเรียนรู้แบบย้อนศรก็คือ “ช่วยบอกหน่อยเถอะ..ขอความรู้หน่อยเถอะ ขอข้อแนะนำหน่อยเถอะ..การขอความรู้เป็นการแสดงออกของผู้คงแก่เรียน พากเพียรที่จะเรียนให้รู้ “ ดังนั้นเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็อยากจะบอกมวลมิตรทั้งหลายว่า ช่วยบอก ช่วยเตือน ช่วยสงเคราะห์ความรู้ให้ผมหน่อยเถอะ ถึงผมจะแก่จวนจะเข้าโลง แต่มาลำดับอาวุโสแล้วเป็นน้องใหม่ ของการสมัครเข้ามาเป็นศิษย์สำนัก gotoknow เป็นน้องใหม่วัย 15 วัน ไม่ช่วยกันดูแลผมกระจองอแงไม่รู้ด้วยนะ เอ้อ ! ที่นี่เขามีพิธีต้อนรับน้องใหม่ไหมครับ รุ่นพี่ๆเคยคิดวิธีต้อนรับน้องใหม่ไว้อย่างไรบ้าง อย่าบอกว่าไม่รู้ นะ หยิกก้นเขียวจริงๆด้วย!
ท่านครูบาครับ
ภาพของ "หมาหลงบนทางด่วน" ผมเห็นภาพและรู้สึกอย่างชัดเจน
สำหรับหมาบ้านนอกแบบผม คงตื่นตระหนกน่าดู
สงเคราะห์บริจาคผมด้วยครับ
เรื่องรับน้องใหม่นี่ ช่วยกันคิดดังๆดีไหมครับ อาจจะหมุนเวียนกันไปทุก6เดือน แล้วสถาบันหนึ่งสถาบันใดรับเป็นเจ้าภาพ จัดพบปะวัน "บล็อกDay" ให้ญาติทำที่เป็นชาวบล็อกทั้งหลายได้มาพบปะกัน คุยกันต่อ ยอด
คุยต่อ ก๊อก 2
ม.นเรศวร ม.สงขลานครินทร์ ม.ขอนแก่น หรือหน่วยงานต่างๆ ขายความคิดนี้ให้ท่านอาจารย์ใหญ่สคส.เป็นเจ้าภาพ รูปแบบการขยับขยายตัวก็จะกว้างขาวงแบ่งภาระสำนักงานส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม ขยายเป็น สังคมส่งเสริมการจัดการความรู้ให้สังกันเอง อย่างนี้มันถึงจะเป็นตัวชี้วัดและประเมินบริบททางสังคม เพื่อนำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ยังไงละครับ!
อ.จตุพร ครับ
เราสังกัดฝูงเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะสายพันธุ์ ไปหลงทางด่วน มีแต่ตายกับตาย ตายเพราะความหลงนี่น่าเศร้านะครับ ไม่แน่นะ ต่อไปอาจจะมีคนตายเพราะหลงความรู้ก็ได้
เป็น blogger ใหม่ที่ JJ แนะนำครับ
เห็นด้วยกับท่านอาจารย์ทุกประการ
มีอาจารย์ด้วยกันที่อบรม weblog
ที่ ท่านอาจารย์ JJ จัดอบรมยังคง
ใช้เวลาในการเรียนรู้การทำ blog
ซึ่งกว่าจะได้นั่ง read and wirte
บางท่านอาจท้อไปก่อน
ถ้ามีการจัดรับน้อง พร้อมกับดึงคนมีร่วมฟัง
อาจจะปลุกให้คนยอมออกจากกรอบของตัวเองได้ครับ
บล็อกเป็นเครื่องมือของทุกคน ทุกสาขาอาชีพ
เพียงแต่เราใช้บล็อกให้เกิดประสิทธิภาพได้ไม่ถึง 5%
ถ้าครูบาอาจารย์ชี้นำให้ลูกศิษย์ทุกคนไปเรียนวิธีแสวงหาความรู้จากบล็อก เพิ่มเติมจากห้องสมุด ครูก็จะทำหน้าที่เป็นคุณอำนวยสมบูรณ์แบบ
ลดการสอน ลดใช้ปาก ลดใช้มือ
ปรับมาเป็นใช้บล็อกเป็นครูผู้ช่วย จะให้บล็อกทำหน้าที่คุณ"กิจ" "คุณอำนวย" นอกจากไม่ปฎิเสธแล้วยังไม่เกี่ยง หรืองอแงอีกด้วย สอนให้คนรู้วิธีค้นคว้าและแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง เข้ากับหลักการพึ่งตนเองด้วยวิธีแสวงหาความรู้ ครับผม
..ขออภัย ท่านอาจารย์ BallRx
ผมจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนอยู่เรื่อยๆ