การประชุมเมื่อวานนี้เป็นการประชุมในวันที่สาม ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายเต็มไปด้วยการนำเสนอเรื่องที่น่าสนใจ และมีการนำเสนอจากประเทศไทยสามเรื่อง
เริ่มตั้งแต่เช้า มีการเสนอเรื่อง The importance of the Internet in Disaster Relief จากเนคเทคซึ่งได้เล่าให้ฟังถึงแนวโน้มการเติบโตของอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อการจัดการภัยพิบัติ เช่นระบบ donation matching system ระบบ missing persons tracking system (ญาติผู้ประสบภัยลงทะเบียนผู้สูญหาย) และระบบ I am alive (ตัวผู้ประสบภัยแจ้งต่อผู้อื่นว่าตนปลอดภัย) ทั้งสามระบบนี้เนคเทคทำร่วมกับสภากาชาดไทย จากนั้นก็เป็นระบบ OpenCARE ซึ่งเนคเทคให้การสนับสนุน
หลังจากนำเสนอเสร็จ มีเจ้าหน้าที่ของ UNDP เดินมาคุยด้วย บอกว่า ต้องการใช้ OpenCARE ที่เป็น XML exchange เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง UNDP กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในทันที
Paper ที่สองเป็นเรื่อง Mobile cellular for disaster warning and relief โดยบริษัท AIS มีการแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโหลดในช่วงที่เกิดสึนามิ พบว่าโหลดเพิ่มขึ้นเท่าตัว จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดเตรียม capacity เผื่อไว้หนึ่งเท่าตัว ดังนั้น AIS จึงเสนอกลยุทธ์การเสริม capacity สำหรับโหลดที่เพิ่มขึ้นโดยไม่คาดหมาย เหมาะกับกรณีภัยพิบัติ
ตอนบ่าย อาจจะเรียกได้ว่า เป็นช่วงไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้ทีเดียว ในช่วง session 8 นี้ มีการนำเสนอเรื่อง Emergency and Education Communication Vehicle (EECV) โดย สวทช. รถ EECV เป็นการต่อยอดจากงานวิจัย RWBA (Rural Wireless Broadband Access อ่านว่าเราบ้า) ที่ทำโดยเนคเทค เพื่อให้บริการทั้งเสียงและข้อมูลในพื้นที่ประสบภัย เพื่อผู้ประสบภัย และการจัดการการบรรเทาทุกข์
เว็บไซต์รวมงานที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อการจัดการภัยพิบัติของเนคเทค/สวทช. อยู่ที่ emergency.thai.net