ตั้งแต่ผมทำงานด้านการจัดการความรู้มาหลายปี มีทั้งประสพความสำเร็จมากบ้าง น้อยบ้าง
ประเด็นหนึ่งที่ผมพบว่าเป็นปัญหาของความล้มเหลว ก็คือ สภาวะความเป็น “ทองไม่รู้ร้อน”ของคนบางกลุ่ม ที่บอกกันเท่าไหร่ว่าให้ทำโน่น ทำนี่ ตามแผนงานที่วางไว้ ท่านก็เป็นแบบ “ทองไม่รู้ร้อน” ผมเอาไฟลนเท่าไหร่ก็เฉย เอาไม้จิ้มตาก็แล้ว เอาค้อนทุบหัวก็ยังยิ้มและมอง เฉยๆ
สรุปว่า ผมทำไม่ค่อยสำเร็จจริงๆ..
ผมไม่แน่ใจว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับวิธีคิดของกลุ่มคนเหล่านี้ ทั้งๆ ที่ผมอธิบายว่า การทำงานต่างๆ นั้นมีประโยชน์อย่างไร กับทั้งตัวเขาเอง และผู้อื่น และเขาก็ยังมีหน้าที่ที่จะต้องทำอย่างนั้นซะด้วย แต่พอสรุปออกมา ก็ยังไม่ทำเหมือนเดิม
เช่น ผมอธิบายให้คนที่จำเป็นต้องเขียนบล็อก รู้ถึงวิธีการเขียน แนวทางการเขียน และแสดงตัวอย่างให้ดูด้วยซ้ำไป ว่าเขียนบล็อกอย่างไรจึงจะเกิดการจัดการความรู้ที่แท้จริง เขียนอย่างไรจึงจะทำให้คนอื่นมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เราไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากหรอกครับ แต่ขอให้รู้จักโยนคำถามและตอบคำถามผู้อื่นตามเหตุตามผลที่ควรจะเป็น เท่านี้ blogger ทั้งหลาย ก็ใจดีพอที่จะตอบคำถามหรือโยนคำถามให้ท่านแล้ว
แล้วในที่สุด ก็จะเกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้อย่างไม่ยากนักกรณีนี้ อาจจะไม่ใช่ความจำเป็นของคนบางกลุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงาน สคส.ในปัจจุบัน แต่จำเป็นสำหรับผู้ที่จะทำงานกับ สคส.ทั้งในเชิงนักวิจัยและนักศึกษา ที่จะต้องแสดงพลัง แสดงศักยภาพให้เขาเห็นว่า เราทำได้ และได้ทำแล้ว อย่างที่ผมแสดงให้เห็นในบล็อกทุกวันนี้แหล่ะครับ
แต่ทำไมครับ ผมยิ่งบอก เหมือนยิ่งบ่น ผมยิ่งแนะนำ เหมือนการไปดุด่าว่า ทำไมมองไม่เห็นความหวังดีของผมครับ ผมหวังร้ายกับท่านตรงไหนครับ หรือท่านเป็นเพียง “ทองไม่รู้ร้อน” เท่านั้นเอง
เอ๊ะ! ทำไมท่านเป็น ทองไม่รู้ร้อน ไปได้ ผมเอาไฟลนขนาดไหน ท่านก็ยังไม่ร้อนอีก สงสัยท่านจะมีฉนวนหุ้มที่หนามาก มันอยู่ตรงไหนครับ..ผมจะได้ไปแกะออก หรือหาที่ลน ที่ไม่โดนฉนวน แต่โดนท่านตรงๆ บอกผมหน่อยได้ไหมครับ หรือท่านไม่ใช่ทอง ก็เลยไม่รู้ร้อน
อันนี้ผมสงสัยนะครับ ว่า
ท่านเป็น “ทองแท้” หรือเปล่า เพราะเท่าที่ผมเห็นในร้านทองนั้น เวลาเขาไฟเผาในกองขยะที่ร้านทอง ผมเห็นน้ำทองไหลออกมาเป็นหยดๆ ครับ แต่ส่วนที่ไม่เป็นทองนั้น โดนไหม้เป็นจุล หรือเป็นสีดำมืดอยู่กับที่ตรงนั้นเอง
นั่นแหล่ะครับ เขาเรียกว่า “ทองรู้ร้อน” เลยรีบไหลออกมาเป็นหยดๆ แต่ส่วนที่ไม่ใช่ทองก็อยู่ที่เดิมนั่นแหล่ะครับ พอพูดอย่างนี้ ผมเริ่มสับสนว่า ท่านเป็นทองจริงหรือเปล่า
เห็นได้ข่าวว่า ครูบาสุทธินันท์ จะรับซื้อแต่ทองครับ ไม่เอาอิฐ หิน ปูน ทราย เพราะท่านมีเยอะแล้ว
ฉะนั้น
ระวังหน่อยนะครับ ครูบาท่านไม่ได้ใจดีตลอดนะครับ
ถึงบทร้ายขึ้นมา ท่านไม่แค่เตะตกคันนาหรอกครับ ท่านจะเตะลงบ่อ แล้วฝังกลบเลยครับ
รีบๆ หน่อยนะครับ เป็นทองรู้ร้อนหน่อย ฉนวนกันร้อนทั้งหลายรีบแกะออกซะ
แล้วก็อย่าทำตัวเป็นทองปลอม
เพราะเราจะเริ่มโยนทิ้งแล้วครับ เราเก็บไว้แต่ทองแท้เท่านั้นครับ..
เพราะงานของเราหนักหนาสาหัสเปรียบเหมือนไฟ
และเราต้องการกลุ่ม “ทองแท้ไม่กลัวไฟ” ครับ
ใครไม่ใช่ “ทอง” กรุณาถอยไปห่างๆ นะครับ ก่อนจะโดนครูบาเตะลงบ่อครับ
ตอนนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ
แต่ผมเอาจริงครับ
สวัสดีครับ...
เรียน ท่าน ดร.แสว รวยสูงเนิน
อยากเป็นทองที่ท่านว่า คือ ทองรู้ร้อน แต่สิ่งที่ไม่อยากเป็น คือ วัยทอง เพราะศึกษาข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์ เขาบอกว่า มันหนาว ๆ ร้อน ๆ หงุดหงิด เหมือนจะเข้าสู่อีกวัย อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ
เอ...ไม่รู้เหมือนกันว่า คนอื่น ๆ ที่จะเข้าสู่วัยนี้ ร้อนตัวหรือเปล่า ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
สวัสดีครับ ดร.แสวง
ดร.แสวง ครับ
รูปใหม่ของอาจารย์ดูหล่อ หนุ่มขึ้นนะครับ
ครูนงครับ
เป็นการตอบสนองนโยบายของ สคส ครับที่ให้เปลี่ยนรูปบ่อยๆ เดี๋ยวจะเปลี่ยนวันละ ๓ เวลาครับ
บันทึกนี้เน้นให้นักศึกษาของมหาชีวาลัยอีสานอ่านครับ
ครูบาบอกว่าเราต้องใช้มาตรการเสียบหัวประจานแล้วครับ
ผมก็ลองดูครับ
คื้อบ่คับ ซิได่ผลจังได๋ คอยซ่อมเบิ่งจักหน่อยเด้อคับ
ท่านสิงห์ป่าสัก ครับ
ท่านเฮ็ดได่ผลดีปั๋นได๋ครับ เว่าให่ฟังจั๊กหน่อยแน้คับ ซิได่เฮ็ดน่ำ
ขอบใจหลายๆ ที่มาย้ามหม่องพี่
ขอบคุณครับ
คนโคราชก็พูดภาษาลาวเป็นเหนาะ
ไม่กล้ารับด้อก คนเก่งขนาดนี่แล่ว
มาเป็นอาจารย์ช่วยกันจิคือกั่วเน้อ
พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกเน้อ