เด็กน้อยเมืองช้างเล่าเรื่อง : ปฏิบัติการแห่งจินตนาการใส ๆ ครั้งสำคัญแห่งปลายปากกาเด็กน้อยนักฝัน


ทุกครั้งที่ได้คลุกคลีกับเด็ก ผมถือว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับความบริสุทธิ์/งดงาม/ความจริงแท้ของโลก"

"เด็กน้อยนักฝัน" วาทกรรมแห่งจินตนาการที่ผมพบเจอด้วยท่วงท่าแห่งการสะดุดตา  ประทับใจจากปกหนังสือทำมือนาดพ็อคเก๊ตบุ๊คกระดาษ A 4 พับครึ่งเล่มบางที่ถูกส่งผ่านมาทางไปรษณีย์เป็นของขวัญวันปีใหม่จาก "เพื่อนครู" ชาวลุ่มน้ำมูล  แต่สัญจรไปเป็นครูบ้านนอก (เขาเรียกตนเองเช่นนั้น)    อยู่ที่เมืองช้าง..สุรินทร์ 

เพื่อนครูของผม ชื่อ วิชัย จันทร์สอน ชื่อเล่น "ปลา",  หลงรักงานวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจ   อยากเป็นนักเขียนพอ ๆ กับการอยากเป็นครู...เชื่อและศรัทธาอยู่อย่างแรงกล้าว่า  ศิลปะทุกแขนง  คือ  ผลผลิตอันยิ่งใหญ่ในเชิงวัฒนธรรมของมนุษย์ 

ชีวิตในแต่ละวันของเขา,  ไม่ต่างอะไรจากครูชนบททั่วไป คือ สอนหนังสือ  สั่งการบ้าน  ตรวจการบ้าน  หรือแม้แต่ทำหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชาจะมอบหมาย  นับตั้งแต่ "สูงสุด  สู่นักการ"  !

แต่เพื่อนของผมทำมากกว่านั้น,  เขาเฝ้าเพียรพยายามนำศิลปะเข้ามาเป็นสื่อแห่งการเรียนรู้ของนักเรียน โดยเฉพาะการสร้างแรงใจไฟฝัน  ให้นักเรียนจับดินสอ (หรือแม้แต่ปากกา)  เขียนเรื่องเล่าและวาดภาพละเลงสีในสิ่งที่เจ้าตัวน้อยทั้งหลายรู้สึกและต้องการสื่อสารกับสังคม

ผลงานหลายชิ้นถูกส่งไปตีพิมพ์ในจุดประกายวรรณกรรมคอลัมน์โรงเรียนนักเขียนน้อยแห่งหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจอย่างต่อเนื่อง...และเจ้าตัวก็จัดเก็บมารวบรวมเป็นผลงานทางวิชาการอันดับที่ 1 (ทำมือ : 15 นักเขียนน้อยจากสองหมู่บ้าน) 

หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า "เด็กน้อยเมืองช้างเล่าเรื่อง"  เหตุที่ชื่อเช่นนี้ก็เพราะ  บรรดานักเขียนน้อยทั้งหลายเป็นเด็กนักเรียนพื้นเพท้องที่เมืองสุรินทร์กันทั้งนั้น...

หนังสือเล่มนี้,  ช่วยให้ผมรู้สึกดีประหนึ่งว่ากำลังเดินและวิ่ง รวมถึงบางจังหวะก็ลิ่วโลดกระโจนไปมาในสนามเด็กเล่น  ที่ละมุมละไมไปด้วยพื้นผิวอันสดเขียว  และอ่อนนุ่มราวกับทะเลนุ่น หรือแม้แต่ทะเลเมฆที่บางเบา กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

ใช่, โลกของเด็กเป็นโลกแห่งจินตนาการ สดใส ไร้ขอบเขต...เช่นเดียวกับที่พี่มาโนช  พรหมสิงห์  นักเขียนผู้สมถะได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มเล็กนี้ว่า "ทุกครั้งที่ได้คลุกคลีกับเด็ก  ผมถือว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับความบริสุทธิ์/งดงาม/ความจริงแท้ของโลก"

ผมไม่จำเป็นต้องบอกเล่าถึงจินตนาการเรื่องเล่าอันสวยใสของเด็กได้ทั้งหมด   เพราะตัวตนของถ้อยคำและภาพที่เกิดจาก "พลังทางความคิด" (หรือที่ผู้ใหญ่บางคนชอบเรียกแค่ว่า จินตนาการ ไม่ใช่ พลังทางความคิด, ก็เถอะ)  ได้บ่งบอกความงดงามและความพิสุทธิ์ใสอยู่ในตัวของมันเอง  ทั้งในมุมแห่งความง่ายงามของชีวิตครอบครัว   การเที่ยวเล่นกับสัตว์   สิ่งของ หรือแม้แต่สถานที่ต่าง ๆ  รวมถึงคุณธรรมและจริยธรรมที่เด็กรู้สึกและสัมผัสได้ด้วยหัวใจของเขาเอง

กระนั้น  ผมก็ปรารถนาให้ท่านได้อ่านด้วยใจ ซึมซับด้วยใจจากบางห้วงตอนที่ผมคัดลอกมาเพียงไม่กี่ชิ้นงาน....

"วันหนึ่งฉันตื่นขึ้นมาช่วยแม่ล้างจานเสร็จแล้ว  ฉันก็พาน้องของฉันดูทีวีการ์ตูนเรื่องซาตานจบแล้ว   ฉันพาน้องนอน....พอแม่ทำกับข้าวเสร็จ  แม่ของฉันก็ปลุกฉันให้มากินข้าว  เมื่อพ่อของฉันกลับมาจากเอาวัว,  ควายจากทุ่ง   เราก็กินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข"    (ครอบครัวของฉัน : เด็กหญิงมะลิวัลย์  สุขบรรณ์)

"ครอบครัวของผมอยู่บ้านนอก  พ่อกับแม่ไม่มีเงินต้องไปรับจ้างทำงาน  วันนี้พ่อของผมไม่อยู่  พ่อของผมไปทำงาน  ผมอยู่กับแม่และพี่  ผมช่วยแม่ล้างจานเสร็จ  ... พ่อกลับมาจากทำงาน  ผมก็ตักน้ำมาให้พ่อดื่ม  พ่อก็ยิ้มให้ผม"  (เด็กชายชาตรี  สุภาวหา)

"วันหนึ่ง  ฉันไปขอหมาน้อยที่บ้านเพื่อน  เมื่อฉันนำหมาน้อยมาถึงบ้าน  ฉันก็ให้นมและอาหารแก่มัน  แต่มันไม่ยอมกินอะไรเลย  ฉันจึงรู้ว่า  มันคิดถึงแม่มาก  เมื่อส่งมันกลับคืนให้แม่ของมันแล้ว  ฉันเห็นความดีใจของมันกับตาอีกครั้ง"  (หมาน้อยคิดถึงแม่ :  เด็กหญิงมาลัย  เหมือนชอบ)

"หมาของผมชื่อ ต๊อบ  มันรักครอบครัวของเรา  พ่อแม่ผมและน้องต้องไปเกี่ยวข้าวทีทุ่ง  มันก็กระโดดขึ้นรถไถไปกับเรา  ขณะน้องหลับในเปล  ก็มีคนเลี้ยงวัวเข้ามาหลบร้อนใต้ร่มไม้  ต๊อบ เห่าด้วยความไม่ไว้วางใจ  จนแม่ต้องเดินเข้าไปดู  เป็นคนหมู่บ้านเดียวกับเรามาหาน้ำดื่มเท่านั้นเอง  แม่จึงแวะพักและให้นมน้องก่อนกลับสู่ทุ่งกว้าง"  (หมาเฝ้าน้อง :  เด็กชายวรุตษม์  เสนานันท์)

ถ้าเด็กเปรียบเสมือนต้นกล้าของแผ่นดิน  ขณะนี้  เพื่อนของผมก็กำลังทำหน้าที่บ่มเพาะต้นกล้าของแผ่นดินอย่างไม่หยุดยั้ง  และการบ่มเพาะนั้น  ก็กระทำขึ้นด้วยความมุ่งมาดว่า  ต้นกล้าเหล่านั้นจะมีพลังปัญญา  เติบโตและเติบกล้าอย่างมีคุณภาพ

เพื่อนของผม, ทำให้โลกไม่เงียบเหงาเพราะมีคนให้เราได้คิดถึง  ผมเอาใจช่วยเขากับการลงแรงอย่างหน่วงหนักในพันธกิจทางใจที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำสั่งการของใครนอกเสียจาก "หัวใจ" ของเขาเอง...

ขอบคุณที่มีหนังสือแห่งจินตนาการอันสดใสและบริสุทธิ์จากนักเขียนน้อย ณ ดินแดนอีสานใต้แห่งเมืองช้าง !

คำสำคัญ (Tags): #โลกและชีวิต
หมายเลขบันทึก: 71988เขียนเมื่อ 11 มกราคม 2007 03:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 13:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

มาเยี่ยม

+  บรรยายเห็นภาพเลยนะครับขอปรบมือให้

+  ขอชื่นชมเพื่อนคุณที่มีมุมคิดมุมทำสร้างสรรค์

+  ขอชื่นชมคุณที่นำสิ่งดี ๆนี้มาเผยแพร่

+   เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า

ทำทีท่าแม่ละม้ายคล้ายแม่พ่อ

ผู้ใหญ่ดีเด็กก็งามตามเหล่ากอ

ผูใหญ่บ้าเด็กก็บอพอพอกัน...นึกได้จำมา..ฮา ๆ เอิก ๆ

+  ขอบคุณครับ

อรุณสวัสดิ์ค่ะ...คุณแผ่นดิน

สะดุดชื่อบันทึก...และนั่งอ่านอย่างซึมซับ

อ่านไปยิ้มไป...ในเรื่องที่บอกเล่า

มองเห็นแห่งสีสรรและประกายแห่งความสุขในเรื่องราว

ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน...

เหมือนคุณแผ่นดินชวนเด็กๆ...มาวิ่งเล่นในบันทึกนี้และต่างแย่งแนะนำตัวให้คนอ่านรู้จักพวกเขา...เพื่อที่จะได้ตามเขาไปในที่ที่เขามา....

(^______^)

กะปุ๋ม

 

อาจารย์ umi

  • ขอบคุณมากครับท่านอาจารย์
  • ผมเองก็อยากเป็นครูมาก แต่ไม่มีหน่วยกิต "ครู"  จึงสอบบรรจุไม่ได้
  • เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า

    ทำทีท่าแม่ละม้ายคล้ายแม่พ่อ

    ผู้ใหญ่ดีเด็กก็งามตามเหล่ากอ

    ผูใหญ่บ้าเด็กก็บอพอพอกัน.

  • ขออนุญาตนำไปต่อยอดกันต่อไปนะครับสำหรับบทกลอนบทนี้

อ่านหนังสือทำมือจากจินตนาการใสๆของเด็กน้อยแห่งเมืองช้างแล้ว  น่าจะหยิบแนวคิดนี้มาขยายผลนะครับ ใน มมส. เคยเห็นมีหนังสือทำมือออกมาเช่นกัน แต่เค้าคงไม่ได้ส่งให้พี่พนัสอ่าน

พี่พนัสน่าจะจัดโครงการในลักษณะนี้เลยสิครับ ดึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของนิสิต มมส อีกหลายคน ที่ยังไม่ถูกค้นพบ

คุณ  Ka-Poom

  • สวัสดีครับ...จริงดังที่คุณKa-Poom ว่าแหละครับ "เด็ก ๆ ได้มาวิ่งเล่นและแย่งกันแนะนำตัวกับเราในเวทีนี้"
  • อีกสักเรื่องนะครับ...นำมากำนัลให้โดยเฉพาะ

"ผมเห็นพระอาทิตย์ดวงโตโผล่พ้นขอบฟ้า ดุจเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่  บรรยากาศสดชื่น ผมตื่นมาเร็วไว  ผมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย สวยงามและผมไปอาบน้ำ  แต่ตัวไปโรงเรียนกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข"  (ห้องนอนของผม :  เด็กชายณัฐชรินทร์  สุขบรรณ์)

  • ขอบคุณนะครับ...
  • คุณนายบอน!-กาฬสินธุ์ ...ครับ
  • ขอบคุณเหลือหลายเรื่องหนังสือทำมือ หรือ มือทำ ใน มมส
  • ผมเขียนถึงปรากฏการณ์นี้เป็นบทความนานแล้ว
  • และขอให้รออีกนิดผมกำลังรวบรวมหนังสือทำมือใน มมส ตั้งแต่ยุคแรกมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้ก็เริ่มสังเคราะห์แล้วจะได้อ่านในเร็ววัน...
  • ผมอยู่ในกลุ่มชนหนังสือทำมือที่นี่มานาน และรับรู้ความเคลื่อนไหว...น้อง ๆ นิสิตเอามาให้เกือบทุกเล่มครับ...และยืนยันว่ากำลังสังคมเคราะห์ข้อมูล....
  • ขอบคุณอีกครั้งที่มากระตุ้นเป็น "แรงขับ" ให้ผมต้องกลับไปจัดการความรู้ว่าด้วยหนังสือทำมือใน มมส เสียที....
  • ขอบคุณจริง ๆ ...
  • นี่สิ...ถึงได้มั่นใจว่าคุณบอน  ฝังตัวลึกอยู่ใน มมส โดยแท้ จึงรู้ภาวะปรากฏการณ์พลังปัญญาของนิสิตกับการทำหนังสือทำมือ หรือ มือทำ

(^_________________^)

"ผมเห็นพระอาทิตย์ดวงโตโผล่พ้นขอบฟ้า ดุจเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่  บรรยากาศสดชื่น ผมตื่นมาเร็วไว  ผมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย สวยงามและผมไปอาบน้ำ  แต่ตัวไปโรงเรียนกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข"  (ห้องนอนของผม :  เด็กชายณัฐชรินทร์  สุขบรรณ์)

ขอบคุณค่ะ

รอยยิ้มพิมพ์ใจจาก "พี่กะปุ๋ม"....เมื่อได้รู้จักน้องๆ...ผ่านบันทึกของพี่แผ่นดินค่ะ....

Y__* 

กะปุ๋ม

ในฐานะที่ผมเป็นครู  เห็นว่า ถ้าผู้บริหารปรับกระบวนการทัศน์การบริหารให้เอื้อและเสริมสร้างการเรียนรู้ของครูกับนักเรียนอย่างจริงจัง โรงเรียนนั้นๆจะสดใสมีชีวิต   

ตัวอย่างที่สุรินทร์เป็นแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ดีมาก ผมชวนครูทุกคนให้อ่านเรื่องนี้  ครับ

  • ขอบคุณ..เม็กดำ 1และคุณ Ka-Poom มากครับ
  • แท้ที่จริงเพื่อนของผมก็ทำงานอย่างเหว่ว้าพอสมควร...ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยหัวใจของตนเอง
  • อีกทั้งทุกสัปดาห์ต้องเดินทางจาก อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์เข้ามาในตัวเมืองอุบลเพื่อมาซื้อ นสพ. กรุงเทพธุรกิจ...บางสัปดาห์โชคดีเป็นช่วงกลับบ้านก็ถือว่าไม่เสียหลาย
  • ผมจึงคัดลอกข้อความจดหมายที่เขาเขียนถึง บก. คอลัมน์ฯ  มาให้ได้อ่าน เพื่อให้เห็นความมุ่งมั่นของเพื่อนครูของผมที่มีต่อเด็ก ๆ  คือ

"อำเภอสำโรงทาบเป็นอำเภอเล็ก ๆ  ที่มีรถไฟพาดผ่าน  แต่ที่นี่ไม่มีแผงหนังสือที่มีหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจจำหน่าย  ผมอาศัยช่วงเสาร์อาทิตย์กลับบ้านแวะซื้อติดมือกลับมาทุกครั้งที่กลับไปอุบลฯ"

 

  • นับเป็นโชคดีที่ได้เข้ามาอ่านบันทึกดีๆค่ะ...
  • ฉันอดชื่นชมในท่านผู้รวบรวมและเล่าเรื่องไม่ได้..ท่านทำให้อ่านได้ง่าย..น่าสนใจ..น่าคิดทบทวนถ้อยคำตามไป...
  • ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
  • บันทึกดีๆ อดที่จะแวะมาอ่านไม่ได้ค่ะ คุณแผ่นดิน
  • ต้นกล้าเหล่านี้ รอวันผู้ที่จะนำไปปลูกเพื่อแพร่ขยายเป็นต้นไม้ใหญ่ในอนาคต....ทั้งนี้ทั้งนั้นต้นกล้าเหล่านี้จะเจริญงอกงาม เป็นต้นไม้ใหญ่  พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขาที่สวยงาม  หรือว่าจะเหี่ยวเฉา แคระแกรน...ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับผู้ดูแลรดน้ำ พรวนดี ใส่ปุ๋ย ใส่ใจดูแลมากน้อยแค่ไหนค่ะ...ขอบคุณที่ช่วยกันดูแลใส่ใจต้นกล้าเหล่านี้ค่ะ
  • ขอบคุณ อาจารย์กฤษณา สำเร็จ มากครับ
  • ผมมีความสุขกับการอ่านหนังสือเล่มเล็กของเด็กกลุ่มนี้มาก ยังมีอีกหลายเรื่องที่เด็กเขียน น่าสนใจ
  • ไม่เพียงฝึกเขียนและฝึกวาดเท่านั้น แต่ผมดูเนื้อหาทุกเรื่องยังสามารถนำไปฝึกอ่านได้ด้วยเช่นกัน
  • เสียดายที่จัดทำเพียงไม่กี่เล่ม...และเผยแพร่ในวงไม่กว้างนัก  แต่เชื่อว่าไม่นานการลงทุนกายและใจของเพื่อนผมจะได้รับการขยายไปสู่วงกว้างมากขึ้น  โดยเพาะในละแวกนั้น ๆ

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

          เสียดายต้นกล้าที่มีความตั้งใจเป็นพ่อแบบที่ดีของอนาคตของชาติ  นี่แหละคือจุดบอดในการสร้างคนที่เป็นพ่อแบบแม่แบบที่ดีเพียงเพราะขาดอะไรบางอย่างเท่านั้น  บางครั้งระเบียบก็ส่อให้คนที่ไม่ได้มุ่งมั่นตั้งใจประกอบอาชีพครู สอนเด็กออกมาปูดเบี้ยว เมื่อเด็กเข้ามหาวิทยาลัย เราต้องมาช่วยกันตบแต่งและปั้นให้เป็นคนดีของสังคม บางครั้งก็ทำยาก แต่เราจะพยายามให้เขาเหล่านั้นมีคุณธรรม จริยธรรมค่ะ

ขอบคุณครับ ..คุณ nutim

  • จริง ๆ ผมกำลังคิดนะครับว่าจะนำหนังสือเล่มเล็กนี้มาผลิตซ้ำ จำหน่ายในมหาวิทยาลัยแล้วนำงเนมาเป็นทุนการศึกษามอบคืนกลับให้นักเรียน...
  • เห็นด้วยนะครับที่ทุก  ๆคน ต้องช่วยกันดูแลเด็ก  เริ่มจากที่บ้าน ไปสู่โรงเรียนและออกสู่สังคม
  • ขอบคุณอีกครั้งครับ...
  • ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องราวใสๆ บริสุทธิ์ของเด็กๆ
  • ต้นกล้าที่เติบโตขึ้นมาด้วยความรัก อบอุ่น จะเติบใหญ่แข็งแรง และมีภูมิต้านทานที่ดีค่ะ
  • ขอบคุณครับ  คุณ Bright Lily
  • ถ้าเด็กมีภูมิต้านทานที่ดี ก็เท่ากับว่าสังคมมีภูมิต้านทานที่ดีด้วยเช่นกัน (ถูกต้องนะครับ)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท