เมื่อวานนี้ราวสัก 4 โมงเย็นเห็นจะได้ ขณะนั่งประสานงานกับทีมงานที่จะไปร่วมเสวนาทางวิชาการกันที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ก็ได้รับแฟกซ์บันทึกการประชุมโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน "วงเรียนรู้คุณอำนวยอำเภอ" ณ ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งประชุมกันไปเมื่อ 15 มกราคม 2550 เป็นเอกสารข้อความ 5 หน้า บอกรายละเอียดการประชุมเสวนาครั้งนั้น
โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างสมบูรณ์และยั่งยืนจังหวัดนครศรีธรรมราช คือชื่อเต็มของโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนคร ที่เราเรียกกันจนติดปากนั่นเอง
"วงเรียนรู้คุณอำนวยอำเภอ" เป็นเวทีของคุณอำนวยอำเภอๆละ 4 คน ได้แก่ ผอ.กศน.เกษตร พัฒนาการ และปลัดอำเภอ สมาชิกในวงเรียนรู้นี้ร่วม 100 คน มีแผนการเรียนรู้ร่วมกันชัดเจนว่าจะพบปะกันเมื่อไร ผมเองได้เขียนรายละเอียดเรื่องนี้ไว้ในบันทึกนี้ครับ และในบทความดังกล่าวผมได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าหากประชุมกันครั้งแรกเสร็จแล้วผลเป็นประการใด ให้แจ้งหรือ AAR ลงในบล็อก ซึ่ง KM ทีม กศน.จังหวัดมีบล็อกกันแล้วหลายคน ผมจะตามเรียนรู้และต่อภาพการทำงานให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น
บันทึกการประชุมนี้ดีมาก ผู้ที่บันทึกหรือลิขิต คือ น้องวาสนา โส้สะหมัน เป็น KM ทีม กศน.จังหวัดนครศรีฯ บันทึกได้ละเอียดทีเดียว 4 - 5 หน้า (แฟกซ์ที่ผมได้รับมันขาดๆไม่เต็มหน้า แต่รวมๆแล้วก็น่าจะประมาณ 4-5 หน้ากระดาษ A4) น้องวาสนาเองก็มีบล็อกชื่อ ถังความคิดสู่ความรู้ Km http://gotoknow.org/blog/ksn-ns ครั้นผมจะเอาบันทึกของน้องเขามาลงเสียเอง คงจะไม่ดีแน่ จึงอยากจะให้น้องวาสนา ทยอยนำผลการประชุมเสวนาดังกล่าวซึ่งเป็นรายละเอียดลงบล็อกของน้องเอง ท่านอื่นๆจะได้เรียนรู้กันแพร่หลายมากขึ้น หาก KM ทีม กศน.ท่านอื่นๆ หรือท่านใดที่อยู่ร่วมในที่ประชุมเสวนาจะได้ร่วมกันเขียนก็จะทำให้ได้มุมมองความคิดที่หลากหลายและเป็นประโยชน์อย่างมากเลย
ผมอ่านบันทึกการประชุมเสวนานี้แล้ว ผมปิ้งแว้ปเรื่องที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีรรมราช(ท่านวิชม ทองสงค์)อยากเห็นการประชุมวงเรียนรู้ของคุณอำนวยอำเภอที่มีทั้ง ผอ.กศน.เกษตรอำเภอ พัฒนาการอำเภอ และปลัดอำเภอ ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่คุณอำนวยของการประชุมเสวนาแต่ละครั้ง เพื่อเป็นการฝึกสมรรถนะคุณอำนวยอำเภอ เพราะคุณอำนวยอำเภอเหล่านี้ต้องมาทำวงเรียนรู้กับคุณอำนวยตำบล อาจจะในวงคุณกิจครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการในบางโอกาส หากไม่มีทักษะตรงนี้เสียแล้ว คงจะทำงานกันลำบากมาก KM ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้ จนเราท่องกันขึ้นใจแล้ว และในบันทึกการประชุมเดียกันนี้ท่านผู้ว่าฯท่านก็เสนอแนะให้มีการเชิญวิทยาการกระบวนการ(คณะทำงานวิชาการ)จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และบุคคลที่น่าสนใจในแต่ละเนื้อหาประเด็นมานำการเสวนา เรื่องนี้ผมมีความเห็นที่จะแสดง แต่ในบันทึกนี้คงไม่เหมาะเพราะจะยาวไป ไว้เป็นบันทึกต่อๆไป
ครูนงเมืองคอน
18 ม.ค.50
ผมไม่ค่อยเข้าใจคำนี้เท่าไหร่ครับ ว่าคุณอำนวยต้องมีคุณลักษณะอย่างไร
แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าคุณอำนวยกับคุณกิจได้ได้แตกต่างกันในหลักการ อาจแตกต่างตามเวลา และสถานที่เท่านั้น
ผมจึงอยากตามดูว่า "คุณอำนวย" จะต้องมีฐานคิดของ "คุณกิจ" ด้วยหรือไม่ จึงจะเป็นคุณอำนวยที่ดี
จากประสบการณ์ผมพบว่า "คุณอำนวย"
ในเชิงวิชาการ ผมยังเจอปัญหา "คุณอำนวย" ติดกรอบตัวเอง หรือติดกรอบพื้นที่ หรือติดกรอบตัวอย่างแคบๆ เลยไม่ใช่คุณอำนวย
แต่กลายเป็น "คุณคุม" ความคิดของคนอื่น ให้อยู่ในกรอบที่ตนเองเข้าใจ
และถ้าได้นักวิชาการปากคาบคัมภีร์ หรือหอคอยงาช้าง (ทั้งจริง และพลาสติก) เรียกว่า ล้มตั้งแต่ยังไม่เริ่มครับ
แต่ทั้งหมดนี้ผมก็กำลังมอลความคิดตัวเองเหมือนกันครับ
ผมคิดว่า หัวใจคือการเปลี่ยนบทบาทของส่วนราชการให้ทำหน้าที่สนับสนุนชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น คำหลักมี2คำคือ
1.สนับสนุน
2.หน้าที่
ทำหน้าที่ "จัดการความรู้" ซึ่งเป็นการจัดการกับ"คน"ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้าใจเพื่อให้คนๆนั้นสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ภาษาพระ คือเป็นกัลยาณมิตรนั่นเอง
ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่นั้นให้ดียิ่งๆขึ้น
คุณเอื้อ คุณอำนวย และคุณกิจเป็นชื่อทั่วไปหลักๆในวาทกรรมจัดการความรู้ที่ช่วยวางกรอบหน้าที่ในลักษณะของการ"สนับสนุน"เอาไว้ เป็นวาทกรรมกัลยาณมิตร ไม่ใช่อำนาจเชิงโครงสร้าง
ทุกคนเป็นคุณกิจ คือ คนหน้างานในหน้าที่ของตนเองตั้งแต่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจนถึงผู้เกี่ยวข้องทุกคน
ท่านผู้ว่าเป็นคุณกิจในบทบาทของประธานคุณเอื้อ
เราอยากให้นายอำเภอทุกอำเภอเป็นคุณกิจในฐานะประธานคุณเอื้ออำเภอ
คุณกิจที่เป็นคุณอำนวยต้องมีบทบาทหน้าที่ คุณลักษณะและทักษะความรู้อย่างไรบ้างเป็นการเรียนรู้ฝึกฝน ทดลองปฏิบัติและค้นหาในวงเรียนรู้คุณอำนวยอย่างต่อเนื่องเดือนละ1ครั้ง ครั้งต่อไปควรจะนำงาน"คุณอำนวย"ที่ลงไปปฏิบัติมาคุยกัน ไม่งั้นจะเป็นการทำKMเพื่อKMไม่ใช่เพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้
เป้าหมายคือพัฒนาคนให้มีความสามารถ เป็นบุคคลเรียนรู้ สามารถนำความรู้มาใช้ได้อย่างสอดคล้องกับงานจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งเป้าหมายรายทางและเป้าหมายใหญ่
ขอบคุณครับอาจารย์ภีม
ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นครับ
สิ่งที่คุณอำนวยทำก็คือคุณกิจ แล้วสิ่งที่คุณกิจทำก็เป็นงานของ"คุณอำนวย" และ กรณีของคุณประสาน และคุณเอื้อก็เช่นกัน
แม้แต่คุณลิขิตก็ยังมีบทบาทของคุณกิจด้วยจึงจะเป็นคุณลิขิตที่ดี ไม่งั้นก็จะหลงทางได้ง่าย
ผมจึงว่าน่าจะเหลื่อมกัน แต่จุดเน้นต่างกันนิดหน่อย
ผมจะลองร่างดู เผื่อความคิดของผมจะชัดเจนกว่าเดิม
ดร.แสวงครับ
ตอบช้าไปหน่อย ขออภัยครับ ผมขอต่อความคิดอาจารย์ด้วยความรู้แค่หางอึ่งของผมเหมือนกันดังนี้ครับ
อ.ภีม ครับ
เห็นด้วยใน 2 คำหลัก ทั้งสนับสนุน และหน้าที่ ครับ ว่าส่วนราชการต้องพลิกโฉมตนเองเป็นอย่างนี้
ขอบคุณครับครูนง
ผมขอเพิ่มนิดหนึ่งครับ
คำว่า "อำนวย" ผมยังมองว่าเป็นการพึ่งภายนอก เหมือนคนไข้ที่ต้องพึงหมอ แต่ถ้าเราแข็งแรงเราน่าจะดูแลตัวเองได้นะครับ
ฉะนั้น คุณอำนวยน่าจะเหมือนหมอ หรือพี่เลี้ยงชั่วคราวนะครับ
พอเด็กโตแล้วอาจไม่ต้องมีพี้เลี้ยง ใช่ไหมครับ
ครูนงว่าอย่างไรครับ