Blog มีชีวิต


blog มีชีวิต...กับ blog มีความรู้ไหลเวียน...จึงต้องเลือก....
จากบันทึกนี้ของคุณไมโต
เป็นความสับบนขัดแย้งในหัวใจมานานเรื่องการให้ความเห็น....ในบันทึกจากเพื่อนๆ หรือของตัวเองบันทึกนี้ขอเล่าความรู้สึกนี้ให้ฟังเผื่อจะตรงหรือไม่ตรงกับใจใครหลายคน..ประเด็นการให้ความเห็นต่อท้ายบันทึกกัน...แบบแซว...ทักทาย...แสดงตัวว่าฉันมาที่เธอแล้วนะในมุมดี...เป็นกำลังใจ...เป็นเพื่อน...เป็นความรู้สึกเติมเต็มว่ามีคนคอยให้กำลังใจในการเขียนแต่ขณะเดียวกัน..หากทิ้งแต่จ๊ะจ๋า....จนลืมนึกถึงความเห็นอื่นๆ...เช่นในหลายบันทึกที่ปรากฎให้เห็น ก็จะมีแต่สัมพันธ์ภาพอย่างเดียวไม่มีการนำความคิด ความรู้นั้นๆไปใช้ต่อ...หรือไปทดลองทำอย่างมากก็ได้แค่ความประทับใจ...เคยมีคนเล่าไว้...หรือรู้แต่ไม่นำไปใช้ให้เกิดเกลียวความรู้อันเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  ดิฉั๊นเองสังเกตการเขียนของตัวเอง...เขียนเล่าเรื่อง.....หลายบันทึกปิดโอกาสให้ใครแสดงความเห็นเพื่อนๆ...ก็ไม่รู้จะแสดงความเห็นอะไรนอกจากฟังเล่า...ดีที่สุดที่ทำได้คือ...บอกว่าแวะมาอ่านแล้ว...สวัสดีมาตามอ่านเสมอ...
blog มีชีวิต...กับ blog มีความรู้ไหลเวียน...จึงต้องเลือก....คุณไมโตแสดงความเห็นชัดเจนทุกครั้งที่ชวนคุยเรื่องนี้ว่าผมว่า...กว่าจะไปเป็นความรู้...ผมว่าต้องสร้างปฎิสัมพันธ์ก่อน...ให้วางใจ...สนิทใจ...สนิทสนม...จนพร้อมที่จะช่วยเหลือการงานกัน...ก็จริง..ดิฉั๊นเองก็มีจุดเริ่มต้นเช่นนั้น...ทุกวันนี้ดิฉั๊นมีคุณไมโตและคุณนิดหน่อย...พี่เม่ย...คุณภูคา....ครูนงเมืองคร...และท่านอื่นๆ...อีกหลายท่าน....เป็นเพื่อนช่วยคิดได้ในหลายเรื่อง หลายราวในการงานที่ทำ..เป็นเพราะปฎิสัมพันธ์ที่สร้างไว้ผ่านบันทึก...เรื่องราว...ผ่านการหยอกเอิน...ที่ยาวนาน..หลายครั้ง...ที่มีคนทำท่าอึดอัด...ที่เห็นการสร้างมิตรไมตรี..ทำให้โน้มเอียงไปในทางใช้ blog ผิดประเภท...ใช้เป็น webbord หรือกระทั่งใช้ blog เป็น MSN  
     บางครั้งดิฉั๊นก็หยุดตัวเอง....เฝ้าดู...ตัวเอง....หยุดดู...ตัวเองก่อน....สุดท้ายมาจบที่ว่าจะใช้เป็นอะไรก็ตามแต่ก็ขอให้สบายใจในการใช้แล้วต้องไม่ลืมว่านอกจากตัวเองสบายใจในการใช้เขียนเล่าเรื่องราว...ที่เกี่ยวกับงานแล้ว...ต้องคำนึงถึงความสบายใจของผู้อ่าน...ด้วยนะคะ...ท้ายที่สุดกำลังพยายามเขียนแบบเปิดประเด็นให้คนอื่นแสดงความเห็นได้ด้วย...เพื่อจะได้ไปถึงดวงดาว.....ขอให้มีความสุขกับการใช้นะคะ...

คำสำคัญ (Tags): #aar#gotoknow#คนเขียนblog
หมายเลขบันทึก: 74827เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2007 18:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
  • พี่ครับนั่งอยู่กับครูบาสุทธินันท์พ่อใหญ่แห่งอีสาน
  • บอกว่าโจทย์ที่ตั้งต้องยั่วผู้ตอบด้วย
  • แต่ผมชอบแสดงความคิดเห็นครับพี่
  • ตอบได้เรื่อยๆให้กำลังใจได้ทุกคน

น่าจะแล้วแต่   แนวทางของบันทึกแต่ละชิ้นว่าเป็นแบบไหน  นะคะ

ถ้าเป็นบันทึกสบายๆ  เล่าเรื่องทั่วไป  เรื่องเที่ยว  เรื่องลูก    จะแสดงความคิดเห็นแบบไหน  อย่างไรก็คงไม่มีปัญหา

แต่ถ้าเป็นบันทึกที่เจ้าของตั้งใจเสนอเรื่องที่เป็นสาระ   ความคิดเห็นก็ควรจะมีสาระ (บ้าง)  ตามสมควร   จริงมั๊ยคะ 

จริงครับ คุณนิดหน่อย...ผมว่าขึ้นอยู่มุมมองของแต่ละท่าน..แต่สำหรับผมแล้วมองว่า blog เป็นแหล่งความรู้..แห่งหนึ่ง..แต่ที่สำคัญผมมองว่าเป็นการสร้าง Network นะครับ ...บางทีเราทำงานนึกอะไรไม่ออกก็ใช้ blog เป็นช่องทางในการหาคำตอบได้..เรื่องของการแซว..ทักทายก็เป็นสีสรร  ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดี  และสนิทใจต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันนะครับ...หากจะบันทึกกันแต่เรื่องของวิการหรือ ความรู้แล้วล่ะก็ผมว่า..คงเครียดน่าดูนะ..แบบสบายๆดีกว่าครับ..(ความคิดของผมนะครับ)...

  • ผมมองว่า  blog  ควรมีทั้งเรื่องราวที่เป็นโลกและชีวิตทั่ว ๆ ไป  รวมถึงเรื่องที่เป็นวิชาการ
  • แต่มีธีการทำเสนอนั้น รูปแบบต่าง ๆ ก็ควรอยู่ที่สไตล์ของผู้นำเสนอ  แต่เนื้อนัยสำคัญก็อยู่ที่ เนื้อหาสาระ หรือสารัตถะในเรื่องนั้น ๆ
  • ผมยังเฝ้าฝันว่าบันทึกของตนเองจะเป็นบันทึกที่ "เริงรมย์ - เริงปัญญา"  และยังต้องทำงานหนักเพื่อให้บรรลุในเจตนารมณ์นั้น
  • ขอบคุณบันทึกนี้ของอาจารย์มาก ที่ช่วยให้หยุดพักกลับมาดู blog ของตนเองอีกครั้ง
  • และสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนแล้วก็คือ "การแบ่งปันกำลังใจ" ให้กันและกัน
  • ผมเคยเขียนบันทึกที่เป็นวิชาการจ๋า ทุกตัวอักษรแทบจะไม่กระดิกออกจากแถว ....ผลที่ได้รับ.....มีคนอ่านบ้าง
  • ผมเคยเขียนบันทึกแบบยาวเป็นหน้าๆ ให้อ่านกันแบบ 3 วันจบ ......ผลที่ได้รับ มีคนอ่านบ้าง
  • ผมลดความเป็นวิชาการลงมา เอาเป็นเพียงประเด็นที่อยากบอกเล่า เป็นจุดๆ เป็นเรื่องๆ สอดแทรกการพูดคุยเพื่อ ไม่ให้เกร็งจากการเป็นวิชาการจ๋า......ผลที่ได้รับ ....มีคนอ่านมากขึ้น
  • ผมเขียนบันทึกต่างๆ ให้สั้นลง.....คนอ่านมากขึ้น
  • ก่อนที่ผมจะสรุป บอกตัวเองว่า การเขียนเรื่องราววิชาการ ไม่ทำให้คนอ่านมากขึ้นครับ เรื่องราวที่คนชอบอ่าน คือมีสาระ ที่สอดแทรกความสนุกครับ
  • สำหรับการแสดงความเห็น คงเป็นอะไรที่หลากหลาย แล้วแต่สไตล์ บางคนอาจชอบอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระ ในขณะที่หลายคนไม่ชอบการโต้ตอบอะไรที่ไร้สาระ
  • ผมมีความเชื่อส่วนตัวครับ ว่าชุมชนที่แลกเปลี่ยนความรู้บนสังคมเสมือนนั้น ไม่จำเป็นต้องสร้างให้บรรยากาศดูเป็นการพบปะในห้องเรียน หรืองานประชุมวิชาการเวลาเขาเปิดโอกาสให้ถามครับ ผมเชื่อว่าบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ช่วยให้เราสนุกกับเรื่องราวที่ได้ผ่านตา การบันทึกเรื่องราวใน go2know ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้ แต่เราบันทึกความสัมพันธ์ไปด้วยครับ ที่นี่เป็นแหล่งก่อเกิดของความเป็นเพื่อนที่จริงใจมากมาย แล้วการพูดคุยของเพื่อนเมื่อพบปะกันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นวิชาการเหนียวแน่นครับ
  • การบันทึกความรู้ ไม่ใช่การนำความรู้ไปใช้ครับ หลายครั้งเราเพียงแค่รู้ เพื่อที่จะรู้ ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ยังไง จวบจนถึงวันหนึ่ง มีเรื่องราวที่ผ่านตา เอ! เรื่องนี้เราเคยเห็นมาแล้วใน go2know นี่นา แล้วกลับมาค้นหา เขาเคยมีการบันทึกไว้ว่าอย่างไร แล้วค่อยนำไปใช้ เมื่อได้ใช้ ได้พัฒนา ได้ผลเป็นอย่างไร ก็นำกลับมาบอกเล่ากันต่อครับ
  • ผมจึงเชื่อว่า ระบบในการสืบค้น และจัดหมวดหมู่ความรู้ เพื่อให้สะดวกในการค้นหา และนำไปใช้นั้น มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการบันทึกครับ
  • การแสดงความเห็นในบันทึก จึงสมควรเป็นฟรีสไตล์ เราอยากต่อเติม เสริมยอดความรู้จากประสบการณ์ที่เราเคยมีมาในอดีต ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ หรือเราจะคุยกัน ทักทายกัน ก็เป็นเรื่องที่ดีอีกเช่นเดียวกัน
  • สิ่งที่เราควรทำ คือเขียนในเรื่องที่เราอยากเขียนก่อนเถอะครับ อย่าเกร็ง เพราะหลังจากบันทึกแรกแล้ว เราก็จะเริ่มมีพัฒนาการของการเขียน เมื่อพัฒนาไปถึงจุดหนึ่ง แต่ละคนจะมีแนวทางในการเขียนของตัวเอง เป็นรูปแบบของตัวเอง และมีสาระตามแบบฉบับของตัวเอง อย่าเพิ่งจำกัดกรอบกันเลยครับ การสร้างคนเป็นเรื่องสำคัญกว่า สิ่งที่เราต้องการคือความรุ้ที่อยู่ในตัวคน เราจึงต้องให้ความสำคัญกับคนครับ ทำให้คนมีอิสระที่จะปลดปล่อยความรู้ในตัวตนออกมา อย่าไปจำกัดรูปแบบของการบันทึก อย่าไปจำกัดรูปแบบของการแสดงความเห็นเลยครับ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
  • หลังงานมหกรรมการจัดการความรู้ครั้งที่ 3 ที่ผ่านมา รูปแบบของการแสดงความเห็น เปลี่ยนไปพอสมควร เป็นไปในความรุ้สึกผ่อนคลาย ไม่เป็นวิชาการจ๋า ทักทายกัน สร้างความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการได้พบปะหน้าตาซึ่งกันและกัน เรามีความรู้สึกของความเป็นเพื่อนร่วมทางกันมากขึ้นครับ ซึ่งรูปแบบนี้แหละที่เป็นการสร้างชีวิตให้บันทึกครับ

               ผมคิดว่าเจ้าของบันทึกส่วนใหญ่ยังมีจริยธรรมที่จะเขียนและให้ความเห็นที่สร้างสรรค์อยู่นะครับ คงไม่ใช้บล็อกผิดวัตถุประสงค์แน่นอน ผมเชื่อเช่นนั้น  แต่การที่ใครจะแลกความคิดความรู้จากการปฏิบัติงานกันอย่างจริงจังกับใครหรือไม่ ผมว่าให้มันอิสระจะดีกว่านะครับ เขาอาจจะจริงกับคู่แลกบางคนเพราะมัน CoPs เดียวกัน หรือได้เปิดใจกันมากพอแล้ว และชิวส์ๆ กับบางคนก็ได้ ผมคิดว่าสนุกสนานบ้างสาระบ้างคลุกเคล้ากันไป อย่างที่คุณเมตตามว่าให้มีทั้งมีชีวิตและมีความรู้ไหลเวียนครับ หรือจะเลือกแบบใดก็ตามแต่จะถนัด พักหลังนี่มีคนคิดอย่างคุณเมตตาเยอะมากขึ้นนะครับ ผมว่าปล่อยให้มันวิวัฒนาการไปจะเดีกว่า ผมเชื่อเรื่องการปรับตัวของสมาชิก ไม่แน่อาจจะวันหนึ่งบล็อกจะเต็มไปด้วยความรู้ที่ไหลเวียนอย่างที่ว่าก็ได้ แลกกันด้วยความรู้ประสบการณ์อย่างเดียว

              ขอบคุณที่ทำให้ได้ตรวจสอบตนเองแรงๆอีกครั้งหนึ่ง

วันนี้ขอทำหน้าที่เก็บเกี่ยวความคิดเห็นของแต่ละท่านนะคะ

อ่านแล้วก็รู้สึกว่าพวกเราเห็นแนวเดียวๆกันนะคะ ว่าสบายๆไม่ต้องซีเรียส และคิดว่าเป็นตัวเราเองนั่นแหละค่ะ ถูกต้องตรงที่สุด ที่นี่ คลังความรู้แห่งนี้คือที่ที่เราเป็นตัวเราได้ดีที่สุดค่ะ นอกนั้นก็คือการเรียนรู้จากสังคมนี้ เราเห็นว่าการคุยมากขึ้นดี เราก็ทำได้ แต่ทำไปทำมาไม่ใช่ตัวเรา เราก็แค่ปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบที่เราสบายๆ

คิดว่า G2K ช่วยให้เราแสดงตัวตนของเรา และเรียนรู้พัฒนาตัวเองจากการสื่อสารกับผู้อื่น ซึ่งแสดงให้เรารู้ว่าต่างก็จริงใจ และยอมรับในความเป็นตัวตนของกันและกันโดยไม่ยึดติดกับ "หัวโขน"ใดๆที่เราแต่ละคนมี

ชอบสำนวนครูนงจังค่ะ วัยรุ้น วัยรุ่น...รู้สึกว่าครูนงเป็นคนที่เปลี่ยนไปจากตอนแรกๆในบันทึกเยอะมากค่ะ จากที่โลกนี้ดูหนักหนา หมดหวัง มาเป็นเปล่งพลัง ส่งพลัง ให้ได้รู้สึกมีความสุขและความหวังกับสังคมไปด้วย ก็มาจากการได้พูดคุยกันทางบล็อกนี่เองค่ะ น่าอัศจรรย์นะคะ

ดิฉันอ่านบันทึกนี้แล้วย้อนดูตัวเองเช่นกัน.....ขออนุญาตที่จะคุยอย่างเปิดอกคนะคะ....ไหนๆก็ไหนๆ..........

  • ดิฉันไม่เคยได้รับการอบรมอะไรเกี่ยวกับ G2K หรือ หลักสูตรใดๆเกี่ยวกับ KM.......
  • ดิฉัน...ศึกษาอิสระด้วยตัวเองทั้งสิ้นค่ะ
  • ดังนั้น...ดิฉันไม่มีรูปแบบใดๆที่จะมาล็อคความรู้...หรือความคิดที่ฉันมี......ฉันอิสระที่จะปลดปล่อยออกมาตราบใดที่ยังมีคนอ่านแม้ไม่เข้าใจ....
  • ...ส่วนอื่นๆนั้นแก่ๆกันแล้ว...ไม่เหลวไหลกันมากหรอก....ฉันว่า.....
  • ถ้าใน 100 คำ พันๆประโยคจะต้องเป็นวิชาการ...ฉันว่า...ซื้อตำราหรือเข้าgoogleอ่าน ก็ได้แล้ว.....
  • ถ้าอยากได้ tacit knowledge....แล้ว....คุณไม่ค่อยๆขุดดินคุณ......จะเจอรากแก้วได้อย่างไร...รีบร้อนขุด...คุณก็จะได้แต่ต้นไม้...ต้นไม้ที่เป็นไม้แคระในกระถางที่คุณใส่...หรือไม่ก็คงมีแต่เฉาตาย...ในไม่ช้า....
  • ดิฉันดีใจที่เสียงcommentทั้งหมดข้างต้น..ชอบให้เป็นตัวของตัวเอง...
  • ฉันเห็นด้วยกับทุกcomment x ร้อยเท่าพันทวีค่ะ.....
  • อยากได้ "ความรู้ฝังลึกที่เขาสะสมมาตลอดชีวิตการทำงานของเขา"...ทำไมไม่อดทนรอ...จะใช้เวลานานแค่ไหน...ถามใจคุณเองก็แล้วกัน....
  • คนที่ไม่สบายใจในการอ่าน...เขาก็เลิกเข้ามาคุยเองค่ะ...เพราะไม่ถูกจริต...แต่คนที่อึดอัด...อาจจะเป็นหน้าที่ๆต้องอ่านหรือเปล่าคะ..ซึ่งฉันไม่ทราบว่าใคร...ถ้ากดดัน...ฉันว่าเดี๋ยวก็ byeกันหมด....ฉันคนนึงละ..ขอbyeก่อนเพื่อน...
  • ต่างวิชาชีพ...ต่างสไตล์...ให้ใช้ภาษาราชการแบบหนังสือราชการ...ไม่ได้เรียนมาค่ะ..ทำไม่เป็น...
  • ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น...ฉันฝากผ่านบันทึกคุณเมตตาถึงผู้เกี่ยวข้องทุกท่านค่ะ...อึดอัดมานานแล้วเช่นกัน....
  • ขออนุญาตท่าน อ.JJ ที่ได้กล่าวไว้ใน

http://gotoknow.org/blog/nurseanaesthjoke/74082

เรียนท่านอาจารย์ ติ๋ว

 ฝึกเป็นผู้ถูกใช้ ได้ Service Mind

 อนาคต สดใส

 เป็นผู้นำที่ดี ใช้คนเป็น ใช้คนถูก

 นับเลขผิด มองไม่เห็นบ้าง บางครั้งอาจดีก็ได้ เรื่องเล็กๆ

 ไม่จ้องจับผิด "สุดยอด ผู้นำ"

  • ...ขอบคุณที่เปิดใจกว้าง...และรับฟังค่ะ...แม่คู่หู
คุณ ขจิต   คุณnidnoi  คุณแผ่นดิน คุณภูคา คุณMitochondria ครูนง คุณรัตติยา คุณโอ๋-อโณ คุณพริกขี้หนูอ่อน บันทึกนี้ดิฉั้นไม่ได้เขียนตอนผีเข้านะคะ......ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาเปิดอกคุยแสดงความเป็นตัวตน ไม่มีใครฝากให้เขียนค่ะบันทึกนี้เขียนเอง บอกไว้แล้วไงคะบันทึกนี้ขอเล่าความรู้สึกนี้ให้ฟังเผื่อจะตรงหรือไม่ตรงกับใจใครหลายคน....

สวัสดีค่ะ...แม่คู่หู...

  • นับเป็นโชคดีค่ะที่ถึงไม่มีใครฝากเขียน...ก็เป็นโอกาสให้พวกเราได้คุยกัน..สดๆ..ตรงๆ...และได้ฝากบอกค่ะ.....
  • จะคบกันก็ให้ชัดเจนแบบนี้แหละค่ะ....ฉันชอบ...จริงใจ....ไม่ต้องเสแสร้งกันค่ะ....
  • คบกัน..รักกัน...ไม่เห็นต้องชอบเหมือนกัน.....
  • ฉันดีใจ...ได้เห็นแม่คู่หูคนเดิม...ค่ะ

เชิญตามไปอ่านความเห็นเพิ่มเติมในอีกมุมมองของบันทึกมีชีวิตที่ บันทึกนี้ นะคะ

บันทึกมิได้เปลี่ยนความเป็นตัวตนหรอกค่ะ คุณกฤษณา...ยิ่งบันทึก...ยิ่งเห็นตัวตน...ขอบคุณคะ
  • เป็นความสับสนในใจผมมาโดยตลอด เช่น เดียวกัน
  • ผมเคยคุยนอกรอบกับคุณกฤษณา หลาย ครั้งเรื่องรูปแบบการเขียน จะวิชาการล้วน ไล่ไปจนถึงไร้สาระล้วนๆ จะแบบไหนดี
  • สรุป ก็คือ แบบที่มีความสุข และมีประโยชน์ ชั่งเอาเอง ว่าจะประมาณไหน ครับ

เห็นด้วยกับความเห็นของหลายๆท่านค่ะ

  • ไม่ชอบอ่านอะไรที่วิชาการล้วนเหมือนกัน ยกเว้น ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำ เช่น การใช้โปรแกรมต่างๆ เพราะเพื่อความเข้าใจง่าย และไม่เยิ่นเย้อ
  • กระทู้ที่มีชีวิต เหมือนเข้ามาอ่านหนังสือในสวนต้นไม้ดอกไม้ที่สดใส มีชีวิตชีวา  ไม่งั้นก็ไม่ต่างกับอ่านหนังสือกลางทะเลทราย
  • ในสิ่งที่ไร้สาระ ความจริงมันแฝงไว้ด้วยสาระมากมาย ชีวิตคนเกิดแล้วก็ตาย มีเจอแล้วก็จาก สิ่งที่ฝากไว้ในความทรงจำที่ดีต่อกัน คือ รอยยิ้มนะคะ

^_____^

ชอบความเห็นคุณ k-jira จัง
ใช่ค่ะบันทึกเป็นการแสดงตัวตนของแต่ละคน แต่หากพิจารณาแล้วบางบันทึกมีสาระ และบางบันทึกเป็นเรื่องเล่าบ้าง แต่ทั้งสิ้นทั้งมวลคือประสบการณ์แต่ละคน  คิดอย่างนั้น
เห็นด้วยกับความเห็นของ อ.หมอสมบูรณ์ บันทึกแบบที่มีความสุข และมีประโยชน์ ชั่งเอาเอง ว่าจะประมาณไหน
  • ผมยังเลือกที่จะบันทึกในสไตล์นี้...เบื้องต้นเรามีความสุขที่ได้ทำ และดีใจที่ยังมีคนมาเป็นส่วนหนึ่งของการรับสาร มากบ้าง น้อยบ้าง..ไม่เป็นไร
  • ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท