หลายเดือนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสคุยกับหลายคน ที่ชีวิตมีความเสี่ยงเรื่องเป็นโรค แม้ดูแตกต่าง คือบ้างเสี่ยงโรคเบาหวาน บ้างเสี่ยงโรคมะเร็ง ให้ไปตรวจ ให้ออกกำลังกาย ไม่ว่าจะยุ หรือจะยิก ก็ล้วนไม่ได้ผล
แถมยังพบเห็นปรากฎการณ์ร่วมกันที่คล้ายกันอยู่ประการหนึ่ง
นั่นคือ ปรากฎการณ์ "เมื่อไม่มอง ก็ไม่มี"
หรือพูดอีกอย่าง คือการเชื่อว่า "...ถ้าไม่ตรวจ ก็ไม่เป็น...."
อย่างเช่น กลัวเป็นมะเร็ง
แล้วสงสัยว่า เอ๊ะ..เหมือนมีก้อนอะไรหว่า เจ็บนิด ๆ เหมือนกัน ไม่ค่อยแน่ใจ..
ก็ไม่ตรวจมันซะงั้น
กลัวว่า
"ตรวจแล้วเจอ"
เกิดปิ๊งแว๊บ
"เมื่อไม่ตรวจ ก็ไม่เจอ ...
... เมื่อไม่เจอ ก็ไม่มี"
บรรลุตรรกศาสตร์ขั้นสูง และัเข้าถึงแก่นแท้ทฤษฎีควอนตัมที่ว่า การเฝ้ามอง จะทำให้ผลการมองเปลี่ยนแปลงไป..
นี่เป็นหลักฐานทางสังคมศาสตร์ที่ชัดเจนที่สุดที่เคยมีมาในโลก ที่สามารถตอบปริศนาควอนตัม Schrödinger's cat ที่ตีความว่า การเฝ้ามอง ทำให้เกิดการตัดสินผลของสถานะควอนตัมได้ เพียงแต่ที่ผ่านมา ต้องเป็นระดับ atomic ไม่ใช่ระดับตัวคนทั้งคนเช่นนี้
แต่คิดอีกที มีนิทานจีนเรื่อง "อุดหู ขโมยกระดิ่ง" อยู่ก่อน เขาก็พูดถึงเรื่องนี้...
โจรจะขโมยกระดิ่งหยก กลัวเจ้าของรู้ตัวเมื่อปลดกระดิ่ง โจรจึงอุดหูตัวเองไว้ ... เมื่อตัวเองไม่ได้ยิน แสดงว่าไม่มีเสียง
"I think, therefore I am" (ฉันคิด ฉันจึงเป็น)
นั่นเป็นวาทะเดสการ์ต ฝรั่งฟังแล้วฮือฮามากในยุคหนึ่ง ยกนิ้วว่าเป็นการประกาศอิสรภาพของมนุษย์จากพระเจ้าไปนั่น
แต่กรณีของเราลึกซึ้งกว่านั้นเยอะ
"I don't look, therefore it does not exist." (ถ้าไม่มองซะอย่าง มันจะมีได้ยังไง ?)
นี่เป็นการประกาศอิสรภาพของมนุษย์ ออกจากการมองเห็นความจริง (ถ้าไม่มองซะอย่าง มันจะเห็นได้ยังไง ?)
ต่อให้เป็นเดสการ์ตมาเอง คงต้องให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน
เราเจอแบบนี้ พึงวางใจอุเบกขา
ถ้าเป็นคนกันเอง คงต้องยึดหลัก ตายก็ฝัง ยังก็เลี้ยง
มีเพื่อนหลายคน แม้กระทั่งน้องสาวของพี่ที่มีแนวคิดแบบอาจารย์ว่าและไม่กล้าไปตรวจเช็คสุขภาพ
พี่อัมพรครับ