เขียนถึงผลไม้ แต่ใจคิดถึงเรื่องอื่น เรื่องอะไรกันนะ นึกไม่ออกจริงๆ ช่วยเดากันหน่อยครับ
ผมเดาว่าอาจารย์เขียนเรื่องผลไม้ และใจก็อาจารย์ก็คิดถึงมิติต่างๆเกี่ยวกับผลไม้อยู่ครับ ไม่ว่าจะในแง่ของคุณค่าต่อร่างกาย รสชาติ ความนิยมในการบริโภค ข้อควรระวังในการกิน และที่สำคัญที่สุดคือมิติของการเข้าถึงเนื้อของผลไม้นั้น เปรียบเหมือนเราจะศึกษาเรื่องในเรื่องหนึ่งเราต้องเข้าถึงแก่นสารเรื่องนั้นให้ได้ ด้วยการพิสูจน์ทดลองด้วยตนเองอย่างในมิติสุดท้ายที่ว่าไม่เชื่อก็ลองกัดกิน.....ตื่นขึ้นมาตีสี่เลยมาลับสมองกับบันทึกของอาจารย์ครับ
สวัสดีครับ อาจารย์แฮนดี้
ขออนุญาตเรียกอาจารย์แล้วกันนะครับ ผมมองว่าอาจารย์จุดประเด็นจากผลไม้ แต่มองโยงจากผลไม้ไปยังอีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็มองแล้วก็เอาไปประยุกต์ได้เกือบทุกสิ่งเลยครับ ไม่ว่าการศึกษา การใช้ชีวิต การทำวิจัย เพราะทุกๆสิ่งในโลกหรือในระบบนี้ล้วนสัมพันธ์กันเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การใช้ชีวิต การทำวิจัย ก็จะมีส่วนที่เป็นส่วนย่อยในสิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ได้
หากใครไม่เชื่อก็ลองศึกษา หรือใช้ชีวิต หรือว่าทำวิจัยกันแบบเอาแต่เปลือกดูได้ครับ ว่าจะส่งผลต่อระบบอย่างไร
นี่ผมมองไปยังสิ่งที่ผมยึดอยู่ตอนนี้คือ การศึกษา การใช้ชีวิตและ การทำวิจัย เพราะคนเราทุกคนล้วนสัมผัสสิ่งเหล่านี้อยู่ทุกวัน และสิ่งอื่นๆ ก็สามารถจะนำมาสู่การเปรียบเทียบกันได้เสมอ เพราะเรามองได้จากมุมต่างๆ กัน แต่เป้าหมายจริงๆ คือแก่นของการมอง
ดังนั้นหากเราค้นพบแก่น ของมังคุด ทุเรียน หรือขนุน เราจะเจอเป้าหมายหรือแก่นของมัน แต่ทว่าแก่นนั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ข้างในเสมอหรือใจกลางผลไม้เสมอ เพราะว่าสิ่งที่เรากิน ไม่ว่ามังคุดหรือ ทุเรียน แก่นกลางของมันไม่ใช่เพียงตัวไส้แกนภายใน นั่นก็แล้วแต่มุมมองที่แต่ละคนมอง ต่างๆ กัน
สังคมเราจริงๆ แล้วสามารถมองต่างมุมได้ ถกเถียงกันได้ แต่แก่นแท้แล้วคือการเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจตัวเองและเข้าใจสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าใจ เข้าถึง และจะพัฒนาได้ ดังที่ในหลวงท่านตรัสไว้ ถึงจะทำให้แก่นของชีวิตเรานิ่งได้
ผมยังหวังลึกๆ ว่าวันหนึ่งสังคมไทย ยังสามารถกลับไปสู่ยุค การแลกข้าวแลกแกงกันกับเพื่อนบ้านได้ แบบไม่มีรั้วกั้นทางสายใยของจิตใจ
ชักจะยาวแล้วครับ ผมอาจจะมองผิดไปจากการตั้งประเด็นของอาจารย์ครับ แต่คงไม่ว่ากันนะครับ เป็นการมองต่างแนว ต่างสถานที่และต่างเวลานะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
สมพร
เปรียบเสมือนกับคน บางทีเราเห็นเค้าแต่เปลือกภายนอก ก็ว่าสวย ว่าดี แต่ข้างใน อาจไม่หวานอย่างที่คิด แต่ถ้ามองดูให้ดี เปลือกเหล่านี้ มิใช่หรือ ที่ห่อหุ้มทำให้มนุษย์เลือกที่จะหยิบหรือไม่หยิบมาทาน
เหมือนทุเรียน ที่มีหนามแหลมคม แต่ข้างในหอมหวาน (อันนี้สำหรับบางคน) หรือมะพร้าว แกะยากมาก ๆ แต่ถ้าใครได้ลองชิมน้ำมะพร้าว และเนื้อมะพร้าวจะเห็นว่าอร่อยหวานชื่นใจ ทีเดียวเชียวววว...
*********************
เปลือกบางทีก็มีประโยชน์ บางครั้งมนุษย์เราไม่สามารถแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นได้ เราต้องแสดงตนเองว่าไม่แคร์ใคร และไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของใคร ที่คือเปลือกภายนอก (สำหรับความคิดของนิว) แต่ใครจะรู้เล๊า...ว่าภายในมันบอบช้ำเหลือเกิน
ขอบคุณที่ชวนคิดค่ะ นอกจากบันทึกแล้ว ยังได้ประโยชน์จากความเห็นคมๆหลายๆชิ้นด้วยนะคะนี่
แต่กำลังคิดว่าผู้ที่ค้นพบว่าผลไม้ที่เปลือกไม่น่าพิสมัยเหล่านี้ กินได้แถมเป็นที่ชื่นชอบของพวกเราหลายๆคนอีกด้วยนั้น น่านับถือมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่ามีใครบันทึกไว้หรือเปล่า
และคิดว่าผลไม้เปลือกเป็นอุปสรรคแบบนี้ เรารู้ว่าเนื้อเขาอร่อย แต่ก็มีหลายๆลูกที่เนื้อข้างในก็เผอิญไม่น่าพิสมัยนะคะ โชคดีที่คนค้นพบ พบเจอลูกดีๆ
โอ๊ย....คิดไปคิดมา คิดได้อีกยาวเลยค่ะ....หยุดก่อนดีกว่า
เรียนอาจารย์Handy
โอ มายก้อด !
ผมคิดไว้ดิบดี ว่าจะตอบทุกท่านที่ให้ความเห็นต่อท้ายบันทึกนี้ เข้ามาอ่านไม่รู้กี่รอบ แล้วก็ลืมจนได้
ชอบคำตอบและความคิดเห็นของทุกท่านเลยครับ ทุกอย่างชัดเจนอยู่ในตัว ไม่จำเป็นต้องขยายความเพิ่ม
ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ
มันเเป็นความคิด ไม่มีถูกผิด คิดแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็เป็นความคิดที่มีค่าเสมอครับ
ขอเรียนว่าท่าน Panda นั้นยอดเยี่ยมครับ ตอบสั้นๆ แต่มันตรงเป๊ะเลยครับ ตอนผมเขียนเรื่องผลไม้ ใจผมคิดถึง GotoKnow ครับท่าน เหมือนการกินผลไม้อย่างไร ไม่เฉลยนะครับ เดี๋ยวจะจืดเสียหมด